📚 ⟡ ⑅◡̈ ⁺₊⋆♡
🔆 ช่วงเช้า
ในร้านหนังสือบ้านสายธาร กลิ่นกระดาษใหม่ลอยบาง ๆ พ่อกำลังเปิดลังหนังสือ แม่เช็ดกระจกหน้าร้าน สายธารยืนติดป้ายโปรโมชันร้าน โทรศัพท์เธอสั่นยาว ๆ แบบไม่ปกติ ข้อความในไลน์เด้งรัว ๆ
📩 Mintra: “ตื่นยัง ข่าวลือมาแล้วววว”
📩 Mintra: เพจมหาลัยโพสต์ “ราชาพายุกับติวเตอร์สาวมุมหน้าต่าง”
📩 Mintra: รูปเห็นแค่หลังคาไกล ๆ แต่เห็นกระเป๋าผ้าเธอชัดมาก!
สายธารนิ่งไป เปิดลิงก์ที่เพื่อนส่งมา เพจเฟสของมหาลัยโพสต์ภาพจากชั้นสองของห้องสมุด มุมกว้าง เห็นเธอกับวายุนั่งตรงข้ามกัน
มีแคปชันยั่ว ๆ ว่า “ข่าวว่าบทเรียนวันนี้คือ ‘ความรักไม่ใช่งานกลุ่ม’ จริงไหมคะพี่วายุ 😉”
ใต้โพสต์มีคอมเมนต์ยาวเหยียด ครึ่งหนึ่งแซว ครึ่งหนึ่งเตือน อีกส่วนหนึ่งด่าแบบขำ ๆ
เธอถอนหายใจเบา ๆ พิมพ์ตอบเพื่อน
📩 Saitharn: ”ช่างเถอะ เราไปเรียนก่อน“
แม่เงยหน้ามามอง “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าลูก”
“เพจมหาลัยลงรูปหนูติวหนังสือให้รุ่นพี่” สายธารพูดแบบไม่ปิดบังแม่ “แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมันก็เงียบเอง”
พ่อยิ้มอ่อน “ตั้งสติให้ดี ไม่ต้องไปเถียงใคร ทำในงานของเราพอ”
“ค่ะพ่อ” เธอยิ้ม แล้วเก็บโทรศัพท์ ใจเธอไม่ได้ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ แต่รู้ว่าวันนี้ต้องโดนถามทั้งวัน
☀️ มหาลัยช่วงสาย
คึกคักแบบเดิม แต่วันนี้มีเสียงกระซิบเพิ่มขึ้นนิดหน่อย สายตาของคนบางกลุ่มค่อยจับจ้องเมื่อเธอเดินผ่าน บางคนยิ้มให้ บางคนหน้าเฉย บางคนเล่าสตอรี่
🌻 ณ หน้าตึกอักษร
มินตราวิ่งมาคว้าแขน “มาเร็ว ๆ วันนี้ฉันจะเป็นบอดี้การ์ดให้เธอเอง”
“ไม่ต้องขนาดนั้น” สายธารหัวเราะ
“ต้องสิ!” มินตราทำหน้าจริงจัง “เธอไม่เข้าใจหรอกว่าชื่อ ‘วายุ’ ในเพจมันเป็นยังไง เพจไหน ๆ ก็อยากกดโพสต์”
เพื่อนอีกสองคนเดินมา “ใบฝน” กับ“บีม” เดินตามมา พอเห็นสายธารก็โบกมือทักทาย
“ใบฝน” ทำหน้าเครียดจัง “ธาร…ระวังหน่อยนะ เราเคยเห็นเขาคบใครแล้วก็จบไม่สวย เขาเป็นตัวปัญหา”
“บีม” “ฉันไม่ได้ว่าเขานะ แต่ข่าวลือมันแรง เธออาจโดนพ่วงไปด้วย”
สายธารฟังจบ เธอพยักหน้า “ขอบใจทุกคนที่เป็นห่วงนะ แต่เราโฟกัสแค่เรื่องติวอย่างเดียวจริง ๆ และเราไม่ได้คิดที่จะคบใครด้วย เราไปติวเฉย ๆ”
มินตราจิ้มหน้าผากเธอเบา ๆ “จำไว้ว่าถ้ารู้สึกไม่โอเค บอกฉันทันที เราจะถอย”
“อืม” สายธารยิ้ม “ตกลง”
แชตไลน์กลุ่มคณะดังขึ้น
“แอดมินปีสอง”: “ฮัลโหล ๆ ข่าวจริงปะคะะะ” ตามด้วยอีโมจิหัวใจแตก สายธารไม่ตอบ
มินตราตอบแทน “ข่าวก็คือข่าว ทำงานคือทำงาน จบนะ”
📚คลาสเช้าเริ่ม
ตลอดคาบมีคนส่งกระดาษโน้ตมาถามเล่น ๆ จนสายธารต้องยิ้มปฏิเสธ
วันนี้อาจารย์พาเรียนหัวข้อใหม่ เธอตั้งใจฟังตลอดเพื่อดึงสมาธิกลับมา พอพัก มินตรามองหน้าเธอ “ไหวไหม”
“ไหว” สายธารตอบ “มันก็แค่เสียงรอบ ๆ”
🕛 เที่ยงที่โรงอาหาร
คนเยอะชเหมือนเดิม แต่โต๊ะยาว ๆ ดูเหมือนมีกล้องมือถือส่องมาเรื่อย ๆ
มินตรานั่งข้างสายธาร พูดเบา ๆ “ให้ฉันนั่งบังให้นะ ฉันตัวใหญ่กว่าหน่อย” แล้วหัวเราะเอง
“ไม่ต้องบังหรอก” สายธารยิ้ม “เรากินข้าวเฉย ๆเถอะ”
ยังไม่ทันเริ่มกินข้าว
“เยลีน” รุ่นพี่ปีสามจากคณะอื่นที่เคยมีข่าวกับวายุ ถือแก้วชามุกเดินมาหยุดที่โต๊ะ เธอยิ้มหวาน แต่ตาไม่หวาน “น้องติวเตอร์ใช่ไหมคะ”
มินตราชะงัก “มีอะไรคะพี่”
เยลีนเลิกคิ้ว “พี่แค่จะบอกว่า…อย่าอินกับงานมากนะคะ พี่เคยติวให้เขาเรื่องหนึ่งเหมือนกัน สุดท้ายงานจบ คนจบไปด้วย”
มินตราจะเถียง สายธารแตะมือเพื่อนเบา ๆ ก่อนหันไปตอบสุภาพ “ขอบคุณที่เตือนค่ะ หนูแยกงานกับความรู้สึกออกได้”
เยลีนยิ้มนิด ๆ “หวังว่าจะทำได้” แล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไร
บีมพึมพำ “ดูถูกกันไปหน่อยไหม”
มินตราส่ายหน้า “อย่าไปเก็บมาใส่ใจ”
สายธารยังคงนิ่ง เธอรู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้ร้ายอะไร พวกเขาแค่พูดจากประสบการณ์ของตัวเอง เธอแค่ต้องจำว่า “ประสบการณ์ของเขา ไม่ใช่ของเรา” แค่นั้น
🕐 บ่ายโมง
เธอมีคลาสเรียนสั้น ๆ แล้วต้องไปศูนย์กิจกรรมนักศึกษา เพราะชมรมวรรณศิลป์จะทำโปสเตอร์อีเวนต์อ่านบทกวี อาสา… เธอไปช่วยจัดคำ
ระหว่างกำลังจัดวางประโยค มีเสียงชายสุภาพดังจากด้านหลัง “น้องสายธารใช่ไหมครับ”
เธอหันไป เจอผู้ชายในเสื้อเชิ้ต กางเกงสแลคพอดีตัว กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ เขายิ้มแบบไม่ได้รู้สึกผิดเลย “ผมกฤตย์ คณะบริหาร”
มินตราโผล่มาจากอีกโต๊ะทันที “มีธุระอะไรคะ”
กฤตย์ยิ้มอีก “เห็นน้องทำกิจกรรมกับชมรมเลยอยากคุยเรื่องสปอนเซอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ จากฝ่ายธุรกิจนักศึกษา เราอยากสนับสนุนงานอ่านหนังสือดี ๆ”
สายธารสบตาเขา แววตาของเขาดูใส ๆ แต่ดูเยือกเย็นคุมได้ “ขอบคุณค่ะ ถ้ามีหนังสืออะไรขาดเหลือ เราจะแจ้งชมรมไปนะคะ”
กฤตย์พยักหน้า “อ้อน้อง อีกเรื่อง…เรื่องติวให้วายุ ถ้าไม่สบายใจ ผมช่วยคุยกับอาจารย์ให้ได้นะครับ เปลี่ยนคนก็ได้”
มินตรากำลังจะตอบแทนเพื่อน สายธารชิงพูดก่อน “ขอบคุณค่ะ แต่ตอนนี้ทุกอย่างโอเค เราจัดการได้”
“ดีครับ” กฤตย์ยิ้มบาง ๆ “พี่เป็นห่วงเราเฉย ๆ วายุมันชอบสร้างเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อน น้องไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับมัน”
คำว่า “พาคนอื่นเดือดร้อน” ทำให้คนในชมรมหันมามองง สายธารไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เธอจึงสรุปสั้น ๆ “เราเข้าใจค่ะ ขอบคุณที่หวังดี”
กฤตย์มองเธอครู่หนึ่ง เหมือนคิดอะไรบางอย่าง แล้วพยักหน้า “งั้นพี่ขอตัว” เขาหันหลังเดินออกไปช้า ๆ
มินตราถอนหายใจแรง “เขาเสนอให้เปลี่ยนติวเตอร์ต่อหน้าคนทั้งชมรม เธอเห็นสายตาคนที่มองไหม”
“เห็น” สายธารตอบ “ไม่เป็นไร เราทำงานต่อเถอะ”
🕓 สี่โมงตรง
ห้องสมุดมุมหน้าต่าง วายุมาถึงตรงเวลาเป๊ะ เข้าวางกระเป๋า มองหน้าสายธารก่อนเลย “เห็นเพจยัง”
“เห็น” เธอตอบ “ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยมันเดี๋ยวก็เงียบเอง”
“โอเค” เขาพยักหน้า “วันนี้มีอะไรบ้าง ครู”
“อ่านออกเสียงย่อหน้าที่แก้เมื่อวาน แล้วฝึกตัดคำซ้ำ” เธอเลื่อนกระดาษ “เริ่ม”
วายุยอมอ่าน ไม่มีอิดออด เขาอ่านได้ดีกว่าเดิม ไม่เหมือนวันแรก บรรยากาศเงียบและนิ่ง เขียน-อ่าน-แก้ เหมือนการซ่อมเครื่องกลชิ้นเล็ก ๆ แต่เป็นเครื่องในหัวใจ
⏳ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
เสียงกระซิบข้างโต๊ะเริ่มดังขึ้นจากคนที่เดินผ่าน “คนนั้นแหละ ๆ” “จริงด้วย” บางคนยกมือถือขึ้นแอบถ่าย
มินตราส่งไลน์มา “ถ้าไม่โอเค ย้ายห้องนะ ชั้น 5 มีห้องอ่านหนังสือว่าง”
สายธารเงยหน้า “ย้ายชั้นไหม”
วายุมองรอบ ๆ ห้องแล้วพยักหน้า “ไปก็ดี”
ทั้งสองเก็บของ เธอถือกระเป๋าผ้า เขาเดินนำขึ้นบันไดไปชั้นห้า ห้องอ่านหนังสือกระจกใสว่างพอดี เธอเข้าไปนั่ง เขาปิดประตู ล็อกเวลา ไม่มีคนนอกเดินผ่านจ้องแล้ว
“ขอโทษนะ” เขาพูดก่อน “ที่ทำให้ยุ่ง”
“อย่าพูดแบบนั้น” เธอส่ายหัว “มันไม่ใช่ความผิดของนายทั้งหมด และฉันเลือกเองว่าจะทำหน้าที่นี้”
เขานิ่ง “งั้นเราตั้งกติกากันชัด ๆ ดีไหม”
“ว่ามา” เธอหันปากกาพร้อมเขียน
“หนึ่ง ฉันจะมาตรงเวลา” เขายกนิ้ว “สอง จะไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนต่อหน้าเธอ และใกล้พื้นที่เธอ”
“ดี” เธอจด “สามล่ะ”
เขาพักคิด “สาม…ถ้าเรื่องไหนทำให้เธอเดือดร้อนจริง ๆ บอกฉันทันที ฉันจะเป็นคนรับเอง”
สายธารจดครบ แล้วเงยหน้า “ฉันก็มีข้อควรต้องรู้”
“หนึ่ง ฉันจะพูดตรง ๆ ถ้านายทำอะไรเกินเลย”
“สอง เวลาไหนที่เป็นเวลางาน เราทำงาน ไม่คุยเรื่องอื่น”
“สาม ถ้ามีใครมาถาม ฉันจะไม่เล่าเรื่องของนาย และนายก็ไม่ต้องเล่าเรื่องของฉันให้ใครฟัง”
วายุยิ้มมุมปาก “ตกลง”
ทั้งคู่เซ็นสัญญาเงียบ ๆ แล้วเริ่มอ่านใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างกลับมาที่ตัวอักษร จังหวะ ลมหายใจ
⌚️ ระหว่างพักสั้น ๆ
วายุหยิบโทรศัพท์ดูข้อความ เขากดเข้าไปในเพจมหาลัย เห็นรูปช่วงบ่ายที่มีคนแอบถ่ายตอนเขาเดินผ่านบันไดกับสายธาร มุมด้านข้าง
แคปชัน “ตำนานเดินคู่ติวเตอร์แล้ว 1” คอมเมนต์ไหลเป็นพัน เขาลบแอปออกจากหน้าจอชั่วคราว แล้วหันกลับมา
“เธอ…สายตาไม่เหมือนคนอื่น” เขาคุยกับตัวเอง
“ยังจะวนกลับเรื่องนี้อีก” เธอยิ้มจาง ๆ
“ก็จริง” เขาหัวเราะเบา ๆ “เวลาคนมองฉันส่วนใหญ่มีสามแบบ อยากเข้าหา อยากหนี หรืออยากดูถูก แต่เธอคือแบบ ‘อยากเข้าใจ’ มันเลยทำให้ฉันแปลกใจ”
“ก็ดีแล้ว” เธอตอบ
เขาเงียบ “ถ้าเธออยากหยุด เราหยุดได้เลยนะ”
“ทำไมต้องหยุด” เธอเลิกคิ้ว
“เพราะฉันไม่อยากทำให้ชีวิตเธอวุ่น” เขาพูด “ฉันรู้ตัวว่าฉันเป็นใคร”
“ฉันก็รู้ว่าฉันเป็นใคร” สายธารตอบง่าย ๆ “ฉันไม่หนีเพราะข่าวลือ ฉันจะหนีถ้านายไม่เคารพข้อตกลง แต่ตอนนี้นายเคารพอยู่ เราก็ทำงานต่อ”
เขายิ้มบาง ๆ เหมือนรับคำสั่งนั้นอย่างเต็มใจ “ครับครู”
ฝั่งล่างของตึก กฤตย์นั่งจิบกาแฟในคาเฟ่เงียบ ๆ เขาเลื่อนดูเพจมหาลัยสายตานิ่ง ๆ ของเขาไม่ได้บอกว่าโกรธหรือสนุก เขาแค่คิดอะไรบางอย่าง
ข้อความจาก“ภาคิน”ส่งมา
Phakin: มึงจะเล่นแรงไปไหนวะ
Krit: หมายถึงอะไร
Phakin: หยุดปล่อยรูป คนมันเดือดร้อน
Krit: รูปจากใครก็ไม่รู้ กรุไม่ได้ปล่อย
ภาคินหยุดพิมพ์ เขาเบื่อการโยนกันไปมา แต่ไม่ปล่อยให้คลาดสายตา
🕠 ห้าโมงครึ่ง
งานอ่าน-แก้จบลง สายธารสรุป “พรุ่งนี้ส่งฉบับเต็มได้แล้วนะ”
“ได้” วายุเก็บกระดาษ ใส่แฟ้มอย่างแปลกตาเพราะปกติเขาโยน วันนี้เขาจัดระเบียบเองโดยไม่ต้องบอก เขาเปิดประตูให้สายธาร เธอเดินนำลงบันไดไป
ชั้นสามตรงโถง มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งยืนเป็นกลุ่ม ๆ รู้สึกได้ว่ากำลังรออะไร วายุก้าวมาข้างหน้าสายธารทันที
เด็กผู้ชายปีหนึ่งคนหนึ่งเงอะงะยกมือถือขึ้น “พี่วายุ ขอสัมภาษณ์หน่อยได้ไหมครับ เพจเฟสอยากสอบถาม—”
“ไม่” วายุตอบสั้น ๆ “อย่าก้าวก่ายชีวิตคนอื่นสิ”
เสียงฮือดังขึ้น “โห เดือด” “พี่พูดดีว่ะ” แต่ก็ยังมีคนยกมือถือขึ้นอีกสองสามเครื่อง
สายธารแตะปลายแขนเขา “ลงบันไดอีกทาง” เธอชี้ไปทางบันไดหนีไฟ เงียบกว่า
วายุพยักหน้า ทั้งคู่เลี้ยวเข้าทางนั้น เสียงตามหลังยังดัง “ติวเตอร์คือใครอะ” “สวยชิลดี” “คู่จิ้นใหม่ปะ” บางคอมเมนต์แซะ แต่เสียงส่วนใหญ่เป็นแซว เธอไม่ใส่ใจ
ออกมาหน้าตึก อากาศเย็นลง มีลมอ่อน ๆ พัด วายุหันมาถาม “ให้ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไร เพื่อนจะมารับอยู่แล้ว” สายธารตอบ “นายมีนัดใช่ไหม”
“อื้อ” เขายกมือถือขึ้นดู ข้อความจากกฤตย์ค้างอยู่ “มีเรื่องต้องคุยกัน” วายุเก็บมือถือ “ไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้”
“เคพรุ่งนี้” เธอพยักหน้า
วายุเดินออกไปทางลานกว้าง เขาสตาร์ตบิ๊กไบค์ เขาขี่ออกไปช้า ๆ
มินตราขี่รถมอเตอร์ไซค์เล็ก ๆ มาพอดี “ขึ้น ๆ วันนี้ฉันจะพาอ้อมเลี่ยงฝูงชน”
“ขอบใจ” สายธารขึ้นซ้อนท้าย ยิ้ม
“เอาจริง ๆ นะ” มินตราพูดเสียงดังพอได้ยินผ่านหมวก “ฉันยังอยากเตือนอยู่ เขาอันตรายในด้าน ‘ความวุ่นวาย’”
“ฉันรู้” สายธารตอบ “แต่เขาก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน”
“งั้นฉันจะพยายามด้วย พยายามอยู่ข้างเธอแบบไม่วุ่นวาย” มินตราหัวเราะ “แต่ถ้าเขาพลาด ฉันจะสอดอย่างเป็นทางการ”
“ตกลง” สายธารขำตาม
🌒 ค่ำวันเดียวกัน
ร้านหนังสือบ้านเธอปิดไฟ พ่อเอาเงินใส่กล่อง แม่วางชามขนมไว้บนโต๊ะ “วันนี้เป็นไงลูก”
“โอเคค่ะ” สายธารนั่งจิบชาร้อน “เสียงรอบ ๆ ดัง แต่ในห้องเรียนเงียบดี”
แม่พยักหน้า “ดีแล้ว จำไว้ว่าบ้านอยู่ตรงนี้ ถ้าเหนื่อยก็กลับมานั่งเงียบ ๆ ที่บ้านเรานะลูก”
“ค่ะ” เธอยิ้ม
📖 เธอขึ้นห้อง เปิดสมุดบันทึก
“วันนี้ข่าวลือแรง แต่ใจฉันนิ่งกว่าที่คิด เขามาตรงเวลา ซ้อมจริง เลือกเงียบเวลาควรเงียบ ฉันเห็นเขาตั้งใจตัดคำหยาบทิ้งเองโดยไม่ต้องบอกหลายครั้ง เราตกลงกติกากันแล้ว ถ้าเขารักษาได้ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
เธอปิดสมุด
📲 โทรศัพท์สั่นอีกครั้ง
มินตราส่งลิงก์ใหม่
Mintra: โอเค เพจติ่งคนน่ารักลงรูปใหม่ เป็นรูปตอนเขาบอก “อย่ารบกวนคนอ่านหนังสือ” คอมเมนต์ส่วนใหญ่ชมว่าเท่
สายธารยิ้มบาง ๆ เธอไม่อินกับคำว่า “เท่” เท่าไหร่ แต่เธอดีกับคำว่า “ไม่รบกวนคนอ่านหนังสือ”
เธอวางโทรศัพท์ หลับตาเร็วแบบคนที่เหนื่อยมาทั้งวัน แต่ใจยังนิ่ง
อีกฟาก วายุนั่งอยู่ในคาเฟ่เงียบ ๆ กฤตย์นั่งตรงข้าม แสงไฟส้มอ่อน ๆ ทำให้ทุกอย่างดูนุ่มขึ้น แต่คำพูดไม่ได้นุ่ม
“มึงเริ่มทำตัวเป็นพระเอก” กฤตย์ยิ้ม “พูดดี ๆ ต่อหน้าคนอื่น เป็นฮีโร่ห้องสมุด”
“กูแค่บอกให้ไม่รบกวนคนอ่าน” วายุเอนหลัง “หรือมีปัญหา?”
“ไม่มี” กฤตย์จิบกาแฟ “แค่เตือน มึงรู้เนอะว่าใคร ๆ ก็จับจ้อง เสี้ยวเดียวมันก็กลายเป็นประเด็น กูไม่อยากให้มึงลากเด็กผู้หญิงคนนั้นไปในวงจรของมึง”
“มึงไม่ต้องห่วงเรื่องกู” วายุพูดสั้น “และหยุดเดินเกมผ่านเพจ”
กฤตย์ยิ้มอีก “เพจไหน ใครปล่อยรูป ไม่มีใครรู้ ไม่เห็นชื่อนี่”
“แต่กูรู้ว่าใครชอบเล่นลับ ๆ” วายุตอบ ตาแข็งขึ้นนิดเดียว
กฤตย์วางแก้วเบา ๆ “โอเค กูพูดแค่นี้ ระวังพายุของมึงเองด้วย กูเบื่อเก็บกวาด”
วายุไม่ตอบ เขาลุกขึ้น คว้ากุญแจ “กูคุมได้มากกว่าที่มึงคิด” แล้วเดินออกจากคาเฟ่ ไม่หันกลับมา
เสียงข้อความดังที่หน้าจอกฤตย์ มุมปากเขายกน้อย ๆ เขาไม่ได้ส่งอะไรต่อ เขาเพียงนั่งนิ่ง เหมือนรอให้ลมพัดแรงขึ้นเอง
🌒 ดึกแล้ว เมืองเงียบลง
วายุกลับถึงคอนโด เขาเปิดไฟห้องเบา ๆ นั่งลงหน้าต่าง มองไกล ๆ
📲 โทรศัพท์สั่น
ภาคินส่งมา
Phakin: กูเห็นคลิปตอนมึงพูด “อย่ารบกวนคนอ่านหนังสือ” โอเคว่ะ
Vayu: เงียบปากไว้นะ ไม่ต้องแซว
Phakin: ได้ ๆ พรุ่งนี้ส่งงานแล้วใช่ไหม
Vayu: ใช่ 👏
เขาวางโทรศัพท์ หยิบกระดาษงานเขียนขึ้นมา อ่านย่อหน้าที่ตัวเองเขียน และยิ้มเล็ก ๆ แบบไม่กวน
ฉันเชื่อว่า คนเราเปลี่ยนจังหวะตัวเองได้ ถ้าเจอสายตาที่ไม่รีบตัดสิน
เขาพับกระดาษอย่างดี ใส่แฟ้ม ลุกไปวางไว้ในกระเป๋าเพื่อพรุ่งนี้ไม่ลืม เขามองนาฬิกา ตั้งปลุกก่อนเวลาเดิม 15 นาที แล้วดับไฟ
🔆 เช้าวันถัดมา
📱 มินตราส่งข้อความยาวตั้งแต่เช้ามืด
Mintra: สรุปความเห็นเพื่อน: 1) อย่าอินกับเขา 2) อย่าขึ้นรถเขา 3) อย่าให้เขาส่งถึงหน้าบ้าน 4) อย่าไลฟ์พร้อมกัน 5555
Saitharn: ข้อ 1–3 รับทราบ ข้อ 4 ไม่ไลฟ์อยู่แล้ว
Mintra: ดีมาก ข้อ 5 เพิ่มเอง: ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย โทรหาฉันทันที
Saitharn: ตกลง
สายธารวางโทรศัพท์ ยิ้มกับตัวเอง เธอรู้ว่าชีวิตจะไม่เงียบไปอีกสักพัก แต่เธอเลือกวิธีของเธอเดินช้า ๆ แต่หนักแน่น
และในอีกฟากหนึ่ง มีคนคนหนึ่งกำลังพยายาม “ช้าลง” เพื่อให้ทันจังหวะนั้นเหมือนกัน 🫠✍️
⟡ ⍤ ᱸ⁎⁺˳ ♡̩͙ ꙳꒰•◡̎•꒱꙳ ♡̶