ตอนที่ 19 – คำปลอบเบา ๆ
หลังเหตุการณ์หน้าตึกอธิการเงียบลง คนเริ่มทยอยแยกย้ายกันไป 🌫️
สายธารยืนพิงกำแพงอยู่นาน พอหายใจกลับมาเป็นปกติ เธอเช็ดน้ำตาแห้ง ๆ ออกจากแก้ม ก้มมองแฟ้มในมือ ตัวหนังสือยังเหมือนเดิม แต่ใจเธอไม่เหมือนเดิมแล้ว
เธอกวาดตามองไปลานด้านล่าง เห็นภาคินพาวายุไปนั่งใต้กันสาด วายุดื่มน้ำเงียบ ๆ มองโครงเหล็กเหนือหัวเหมือนหาที่พึ่ง ภาคินพูดสั้น ๆ แล้วเดินออกไปจัดการโทรศัพท์ ทิ้งให้เขาอยู่นิ่ง ๆ กับตัวเอง
สายธารลังเล แต่สุดท้ายก็สูดหายใจลึก คิดในใจ ไม่ต้องพูดเยอะ แค่อยู่ตรงนี้ก็พอ แล้วค่อย ๆ เดินลงบันได เสียงรองเท้าแตะพื้นหินเบา ๆ คล้ายฝนตกจาง ๆ 🌧️
พอพ้นมุมเสา เธอเห็นวายุชัดขึ้น ตาแดงลึก ไหล่กว้างดูตกไปนิด ผมยุ่งกว่าปกติ เธอเดินช้าลงให้เงียบที่สุด ภาคินเห็นก่อน เลยยกคางเหมือนถาม แน่ใจนะ? สายธารพยักหน้า 🙂
“กูไปซื้อเกี๊ยวซอสข้างตึก เดี๋ยวมานะ” ภาคินตบบ่าเพื่อนเบา ๆ ก่อนเดินออกไป
เหลือเพียงเสียงเครื่องขายน้ำอัตโนมัติฮัมเบา ๆ กับกลิ่นแดดบ่าย 🍂
สายธารหยุดยืนข้างม้านั่ง ไม่ใกล้เกิน ไม่ไกลเกิน เธอไม่พูดอะไร แค่อยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ลมหายใจเข้าจังหวะเดียวกับเขา เงียบที่ไม่ได้กด แต่เหมือนห่มผ้าบาง ๆ 🤍
วายุรับรู้ว่ามีคนอยู่ข้าง ๆ เขาเหลือบตามองนิดเดียว ก่อนก้มลงอีกครั้ง นิ้วลูบฉลากขวดน้ำเหมือนจะลบตัวอักษร “เห็นหมดเลยดิ…เมื่อกี้” เขาพูดช้า ๆ เสียงแห้ง
สายธารพยักหน้า “เห็น”
“ซวยเนอะ” เขาหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่มีความขำ “เวลาอยากเงียบ โลกมันก็ชอบดัง” 🌪️
เธอไม่พูดอะไร ไม่พยายามแก้บรรยากาศ แค่หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดจากกระเป๋าผ้า ยื่นให้เงียบ ๆ ครึ่งก้าวที่เข้าไปใกล้พอให้เห็นว่า เธออยู่ตรงนี้ 🤍
วายุไม่รับทันที เขามองผ้าในมือเธอเหมือนเป็นของที่หลุดมาจากโลกที่สงบกว่า ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าสบตา 👀 ไม่มีคำด่า ไม่มีคำสั่ง แค่เห็น—แบบจริง ๆ
ในแววตาเขามีทั้งเหนื่อย ดื้อ เด็ก และผู้ใหญ่ปนกัน เธอจ้องกลับ ไม่หลบ ไม่สอดรู้ แค่ยืนให้เขารู้ว่า ฉันอยู่ตรงนี้
กว่าที่เขาจะเอื้อมมือขึ้นก็ช้ากว่าที่คิด มือใหญ่สั่นนิด ๆ เหมือนถามว่า แน่ใจนะ?
สายธารขยับผ้าเข้าไปอีกนิด คำตอบอยู่ตรงนั้น
เขารับผ้าไปช้า ๆ นิ้วก้อยเฉียดหลังมือเธอเบา ๆ เหมือนประกายไฟเล็ก ๆ ✨ จากนั้นหลุบตาลง ใช้มุมผ้าซับหางตาอย่างระวัง
ความเงียบทำหน้าที่แทนคำพูด ไม่มีใครบอกว่า “ไม่เป็นไร” เพราะรู้ว่าคำนี้ยังไม่ช่วย พวกเขาเลยปล่อยให้ลมบ่ายพัดแทนคำพูด 🍃
ไม่นาน วายุวางขวดน้ำ เอาศอกพาดต้นขา ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับตาอีกครั้ง แล้วหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ใช่เสียงกวน มันขื่น ๆ มากกว่า “แม่เคยบอก ผู้ชายก็ร้องไห้ได้…แค่เลือกร้องให้คุ้ม”
สายธารฟังเฉย ๆ ไม่ถามเพิ่ม เธอแค่ขยับไปนั่งปลายม้านั่งอีกฝั่ง เว้นระยะไว้ แต่ยังอยู่ในสายตา 👀
“ขอโทษนะ” เขามองผ้าในมือ “ที่ทำให้เธอมาเห็นอะไรแบบนี้”
“ไม่ต้องขอโทษ” เธอส่ายหน้า “มันก็เป็นเรื่องของเธอ เป็นความจริงของวันหนึ่ง แค่นั้นเอง”
เขาเงียบไปนิด ก่อนมองสนามหญ้า “กูเกลียดคำว่า ‘บ้าน’ ของเขาว่ะ มันคลุมทุกอย่าง เหมือนผ้าห่มที่ปิดปากคนไว้”
คำนี้ทำให้สายธารใจแน่น แต่เธอไม่โต้ เธอวางมือลงบนตักแล้วบีบปลายนิ้วตัวเองเบา ๆ “บ้านของฉัน…คือกลิ่นชา ไม้ เสียงแม่หัวเราะ ☕🌿 ถ้าของเธอไม่ใช่แบบนั้น ก็เข้าใจว่าทำไมมันอึดอัด”
“อึดอัดจนบางทีอยากหายไปจากสมการ” เขายิ้มจาง ๆ “แต่ก็ยังคิดถึงแม่ คิดถึงน้อง เลยซับซ้อน”
“งั้นก็ปล่อยให้มันซับซ้อนก่อน” เธอพูดช้า ๆ “ไม่ต้องรีบแก้โจทย์ยากในวันเดียว”
เขาหัวเราะหึ ๆ “เธอเป็นติวเตอร์ที่ไม่ค่อยให้การบ้านนะ”
“วันนี้ไม่ให้” เธอยิ้มบาง “วันนี้ให้พัก” 🌙
ลมพัดชายเสื้อเขาขยับเบา ๆ ผมหน้าผากปลิวหนึ่งเส้น วายุใช้ผ้าแตะหน้าผากเหมือนเช็กไข้ ก่อนพับมันตามรอยเดิมอย่างเรียบร้อยจนน่าแปลกใจสำหรับคนที่ใคร ๆ ว่า “กวน” เขาวางผ้าไว้บนตัก ไม่รีบคืน เหมือนอยากให้มันอยู่ตรงนั้นต่ออีกนิด
“เมื่อกี้…ตอนเขาพูดว่า ‘ความชอบชั่วคราว’” เขาพูดเบา ๆ “กูโกรธ ไม่ใช่เพราะเขาว่ากู แต่เพราะมันดูถูกคนที่…ทำให้กูอยากหยุดหนีความจริง”
หัวใจสายธารกระตุกแรง 💓 เธอพยายามหาคำตอบที่ไม่ทำให้ทุกอย่างลุกไหม้ “เธอไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฉันหรอก”
“อาจไม่ต้อง…แต่กูอยากให้เธอรู้” เขาหันมาสบตาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่เห็น แต่เป็นขอให้เห็นจริง ๆ เขาพูดชัด “สิ่งที่เกิดกับเรา…สำหรับกู มันไม่ใช่ชั่วคราว”
ลมหายใจเธอติดค้างหนึ่งจังหวะ โลกเบลอสั้น ๆ ก่อนกลับมาชัด เธอไม่พูดคำใหญ่ แค่พยักหน้าเบา ๆ รับน้ำหนักของประโยคนั้น 🌿
เสียงภาคินดังใกล้เข้ามา “ได้เกี๊ยวละเว้ย” เขาหยุดนิดเมื่อเห็นบรรยากาศ ก่อนลดเสียง “เอ่อ…วางไว้ตรงนี้ละกัน” แล้ววางถุงเกี๊ยวบนม้านั่ง หยิบตะเกียบออกมา ก่อนถอยไปยืนห่าง ๆ “ฉันเฝ้าปากซอยให้ ใครเข้ามาเมาท์จะเจอเกี๊ยวฟาดหน้า”
วายุหัวเราะทั้งที่ตายังแดง “ขอบใจ”
“เออ” ภาคินยักไหล่ แล้วก้มเช็กโทรศัพท์ต่อ สายธารหยิบแก้วน้ำจากถุงส่งให้วายุ เขารับเงียบ ๆ แล้วจิบช้า ๆ 🥤
“อยากไปที่เงียบกว่านี้ไหม” เธอถามเบา ๆ หลังแน่ใจว่าทุกอย่างเริ่มสงบ “หลังตึกมีบันไดเหล็ก ไม่ค่อยมีคน”
“ได้” วายุพยักหน้า ลุกช้า ๆ พับผ้าเช็ดหน้าเก็บในมือแล้วเดินตาม ภาคินส่งสัญญาณ “ไปก่อนเลย กูตามทีหลัง”
บันไดเหล็กหลังตึกเย็นกว่าลานหน้า 🌳 เสียงนกกระจอกจิ๊บ ๆ ดังแทรก ลมพัดแผ่ว ๆ กลิ่นสนิมจากราวจับทำให้นึกถึงหลังบ้านเวลาเงียบ ๆ ทั้งคู่หยุดตรงขั้นกลาง ๆ ที่มองเห็นสนามได้พอดี สายธารนั่งบนขั้นหนึ่ง วายุนั่งถัดลงมา ระดับสายตาใกล้กันแต่ไม่ชน เธอวางกระเป๋าผ้าข้างตัว ส่วนเขาวางผ้าเช็ดหน้าไว้บนเข่าเหมือนของสำคัญ 🎫
“ตรงนี้เหมาะกับการไม่พูด” เธอยิ้มบาง
“เหมาะ” เขาตอบสั้น ๆ แล้วเงียบไป
เวลาผ่านช้า ๆ แบบสบายใจ 🍃 ไม่มีใครเร่งใคร สายธารหยิบลูกอมรสน้ำผึ้งออกมาสองเม็ด แกะส่งให้เขาเม็ดหนึ่ง อีกเม็ดใส่ปากตัวเอง
“ของเด็กดี” เธอว่าเล่น ๆ
“ขอบคุณ” เขายอมอม เสียงห่อกระดาษกรอบแกรบดังเบา ๆ ก่อนเงียบ รสหวานอ่อน ๆ ไม่แย่งซีนความเงียบที่โอบอยู่รอบตัว
“วายุ” เธอเรียกชื่อเขาเบา ๆ เมื่อลูกอมละลายไปนิด “ถ้าวันไหนนายอยากพูด…ก็พูด แต่ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้องฝืน ฉันโอเคกับการนั่งฟังลม” 🤍
เขาเหลือบตามอง “เธอชอบใช้คำง่าย ๆ ที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น”
“ก็เราไม่ได้เป็นบทกวีทุกนาทีไง” เธอยักไหล่ 🙂
เขายิ้มบาง ๆ “เมื่อคืนกูเกือบพิมพ์อะไรยาว ๆ ไปหาเธอ แต่สุดท้ายพิมพ์แค่ ‘ถึงห้องแล้ว’”
“นั่นก็ดีแล้ว” เธอย้อน “บางข้อความ…ไม่ต้องยาวก็พอ”
ความเงียบรอบนี้อุ่นขึ้นกว่าเดิม 🍂 วายุเอื้อมจับราวเหล็กเหมือนเช็กความมั่นคง แล้วปล่อยออก เขาหันมามองเธอ ดวงตาไม่แดงเท่าเดิม แต่ยังมีประกายเหมือนคนเพิ่งผ่านฝน
“ขอบคุณ” เขาพูดตรง ๆ ไม่มีมุก ไม่มีหางเสียงกวน “ที่ไม่เดินหนีตอนโลกมันดังเกิน”
สายธารส่ายหน้านิด ๆ “ฉันเป็นสายน้ำอยู่แล้ว 🌊 เวลาโลกดัง ฉันก็ไหลเบาลงเอง”
เขายิ้มตอบ ยิ้มแบบที่ยอมให้อ่อนแรงได้สักครั้ง เขาก้มมองผ้าเช็ดหน้าที่พับไว้อย่างดีบนเข่า ลมหายใจเริ่มช้าลงกว่าเมื่อกี้
“เก็บไว้ก่อนได้ไหม” เขาถามเสียงเบา “เดี๋ยวซักแล้วค่อยคืน”
สายธารพยักหน้า “เก็บไว้เถอะ”
“มันมีกลิ่นชา” เขาพูดเหมือนบ่นกับตัวเอง “กลิ่นบ้านของเธอ”
“ก็คงงั้น” เธอหัวเราะเบา ๆ “ฉันพกติดกระเป๋ามาทุกวัน” 🍵
เขาพยักหน้ารับ แล้วเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋าเสื้อยีนส์อย่างตั้งใจ เหมือนเก็บชิ้นเล็ก ๆ ของโลกที่ทำให้ใจสงบ
เสียงไลน์ดังขึ้น 📱 ภาคินส่งมาแค่ “โอเคป่ะ” พร้อมอีโมจิแขนกล้าม 💪
วายุตอบ “โอเค” แล้วตามด้วยสติกเกอร์กล้วยถือป้าย OK 🍌
เขาหันมาหาสายธาร “ภาคินเฝ้าประตูให้”
“บอกเขาเถอะว่าไม่ต้องแล้ว” เธอยิ้ม “เราสองคนกลับเอง”
“อือ” เขาพยักหน้า เก็บมือถือใส่กระเป๋า ✨
ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อน 🌇 เงายาวทาบพื้น เสียงลูกบาส “ตึก…ตึก” คล้ายเมโทรนอม วายุเอนหลังพิงขั้นบันได มองยอดไม้ ดวงตาเริ่มสงบ
“ไปไหม” เธอถามเบา ๆ “อยากพาเดินอ้อมข้างสนาม ลมดี”
“ไป” เขาตอบสั้น ๆ แต่ชัด
ทั้งคู่เดินลงบันได เลียบสนามหญ้า สายธารเดินด้านใน ปล่อยให้เขาเดินชิดราวกันสาด 🌿 เธอไม่ได้คิดมาก แต่มันเหมือนร่างกายจำได้ว่าจะจัดจังหวะยังไงให้เขาสบายใจ กิ่งก้ามปูเหนือหัวไหวเบา ๆ แสงลอดลงมาเป็นลาย
“นายจะไปโรงงานไหม…วันอื่น” เธอถามเหมือนเช็กการบ้าน
“ไป” เขาตอบหลังคิดนิดหนึ่ง “แต่ไปในวันที่กูเลือก วันนั้นกูจะไม่หลบ ไม่ตะโกน…จะไปในแบบที่กูอยากเป็น”
“ดีแล้ว” เธอพยักหน้า “ไปในแบบของนาย”
เขาหันมามอง “แล้วเธอจะอยู่ไหม ถ้าวันนั้นกูกลับมาแล้วไม่ได้ยิ้ม”
“อยู่สิ” เธอตอบทันที “ฉันจะยื่นผ้าให้ใหม่” 🧣
เขาหัวเราะ คราวนี้หัวเราะจริง “เธอสต็อกผ้าไว้เยอะขนาดนั้น?”
“สต็อกความเงียบมากกว่า” เธอยิ้ม “ผ้าเป็นของแถม” 🙂
เขาพยักหน้า ชอบคำง่าย ๆ ที่ไม่ต้องสวยเกินไป เดินต่ออีกนิดก็เห็นภาคินยืนรับลมอยู่ไกล ๆ เพื่อนทำท่า “ซิปปาก” แล้วชูกำปั้นเป็นสัญญาณสู้ ๆ 😂 วายุโบกมือ ขยับปากว่า “ขอบใจ” ภาคินยิ้มแล้วเดินอ้อมไปอีกทาง ทิ้งพื้นที่ให้พวกเขาสองคน
ถึงมุมตึกที่ต้องแยกกัน สายธารหยุด หันมามองวายุ สีหน้าเขาเหมือนเบาลงไปหลายกิโลในแค่บ่ายเดียว ดวงตาดูดีขึ้น แต่ก็ยังมีบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน
“กลับร้านเหรอ” เขาถาม
“อือ วันนี้ต้องจัดมุมหนังสือใหม่” เธอยิ้มบาง ๆ “นายล่ะ”
“กลับคอนโด คงนอนเร็วหน่อย” เขายักคิ้วนิด “เออ…ขอบใจอีกทีนะ สำหรับผ้า กับความเงียบ”
“ยินดี” เธอตอบ 🙂
วายุก้มมองกระเป๋าเสื้อที่เก็บผ้าไว้ แล้วเงยหน้ามาสบตาเธอสั้น ๆ แต่เต็ม ก่อนยกมือขึ้น—ไม่ได้แตะ ไม่ดึง แค่เคาะอากาศเบา ๆ สองทีเหมือนภาษาลับ แล้วลดมือลง หันเดินออกไป
สายธารยืนมองเงาของเขาลากยาวจนลับตา สูดหายใจเข้าลึก รู้สึกเหมือนยังได้กลิ่นชาจาง ๆ ติดอยู่ปลายนิ้ว 🍵 เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนหมุนตัวกลับร้าน ก้าวเดินด้วยจังหวะที่มั่นคงกว่าเช้า
ค่ำวันนั้น เธอเปิดสมุดบันทึกหน้าใหม่ นั่งใต้โคมไฟสีอุ่น 🕯️ เขียนสั้น ๆ ตามที่ใจอยาก
“หลังพายุ กลับมามีลม
ฉันยื่นผ้าให้ หนึ่งผืนเล็ก ๆ
เขามองตาฉันครั้งแรกอย่างจริงจัง
ไม่พูดอะไร—แค่รับไปช้า ๆ
พอแล้ว สำหรับวันนี้”
เธอปิดสมุด วางปากกา ก้มมองมือตัวเองที่ยังอุ่นจากการส่งผ้า แล้วเงยหน้ามองนอกหน้าต่าง 🌌 ฟ้าเมืองคืนนี้ไม่ใส แต่สงบพอให้หลับได้
อีกฟากหนึ่งของเมือง วายุวางผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวกันข้างกรอบรูปสีซีดในห้อง 1207 เขาแตะมันเบา ๆ เหมือนเช็กสัญญาณหัวใจ แล้วปิดตาลง…ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่แทนทุกคำ
บางที คำปลอบที่ดีที่สุด…ก็คือคำที่ไม่ได้พูดออกมาเลย 🤍