📚 ♡ ໒꒱ ⋆゚⊹
โดมไฟยังสว่างอุ่น ๆ เพลงช้า ๆ เพิ่งจบ คนในลานเปลี่ยนจากโยกตัวเป็นคุยหัวเราะกัน เสียงแก้วชนกันเบา ๆ ปนกับเสียงกลองซ้อมจากเวทีถัดไป
วายุกับสายธารยืนตรงขอบสนาม มุมที่เงียบพอจะได้ยินเสียงลม 🍃
“ขอน้ำอีกหน่อยได้ไหมคะ” เธอชี้ขวดที่เขาถือ
“ได้สิ” เขาเปิดฝาขวดน้ำแล้วยื่นให้เธอ “อยากให้ไปเอามาเพิ่มไหม”
“พอแล้วคะ” เธอจิบหนึ่งที แล้วยิ้มอ่อน ๆ “คืนนี้สนุกกว่าที่คิดเนอะว่าไหม”
“อือ” เขาพยักหน้า สายตาดูสบายจริง ๆ
ยังไม่ทันได้คุยต่อ เสียงทักดังขึ้น “น้องสายธาร” กฤตย์เดินมาจากมุมถ่ายรูป คราวนี้ถือแค่แก้วน้ำอัดลมกับรอยยิ้มเนี้ยบ ๆ “เมื่อกี้รูปคู่สวยมาก เดี๋ยวผมอัดให้แล้วส่งให้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มสุภาพ
วายุพยักหน้าสั้น ๆ “ครับ”
กฤตย์คุยต่อ “คุณวายุ…คืนนี้ดูแปลกตาดีนะครับ ไม่คิดว่าจะเจอในงานแบบนี้”
“ผมก็ลองดู” วายุพูดเรียบ ๆ
“ดีครับ โลกสังคมก็สำคัญ โดยเฉพาะอนาคตที่ต้องเจอผู้ใหญ่ เจอลูกค้า”
สายธารจับสังเกตได้ว่าอารมณ์เริ่มแข็งกระด้าง เธอหลบสายตา บอกตัวเองให้ฟังเงียบ ๆ ก่อน วายุยังนิ่ง “อือ”
กฤตย์ทำทีเล่าต่อ “เมื่อกี้ผมเจอคุณแม่ผมคุยกับอาจารย์ พูดถึงโปรเจกต์ของคุณสองคนด้วยนะ ดีมากเลย แต่…” เขาเว้นนิด “หวังว่า ‘พายุ’ จะไม่พัดงานดี ๆ พังกลางงานเลี้ยงนะครับ”
สายธารเงยหน้า “พี่กฤตย์”
กรามวายุเกร็งวูบหนึ่ง เขาหายใจเข้าลึก ๆ “ได้ยินนะ”
กฤตย์ยิ้ม “ก็ล้อเล่นนิดหน่อย ชื่อมันเอื้อ”
“มุกไม่ขำ” วายุพูดตรง ๆ
บรรยากาศรอบ ๆ ยังเสียงดัง แต่ในวงเล็ก ๆ เหมือนอากาศหนืดลง สายธารขยับไปยืนข้างวายุชัด ๆ “เรามาเที่ยวค่ะ ไม่อยากคุยเรื่องแบบนี้”
“จริงครับ” กฤตย์พยักหน้า แต่เหลือบมองขวดน้ำในมือเธอกับวายุ แล้วพูดเบา “ก็แค่ห่วง เห็นข่าวลือหลายอย่าง” ก่อนจะยักไหล่ “แต่ถ้าคุมได้ก็ไม่มีปัญหา”
คำว่า คุมได้ไหม ทำให้เลือดวายุตีขึ้น เขาหัวเราะหึในคอ “ขอบคุณที่ห่วง”
“ยินดีครับ” กฤตย์ยังยิ้ม แต่เสริมอีกนิด “คืนนี้คุณดูพยายามมากนะครับ ผู้หญิงบางคนชอบความพยายามแบบนี้”
วายุตาเข้มขึ้นทันที “คำพูดนายมันฉลาด…แต่ไม่ใจดีเลย”
กฤตย์หัวเราะเบา “ใจดีเกินไปก็ทำคนเสีย”
วายุขยับเข้าไปครึ่งก้าว ช่องว่างเหลือแค่ลมหายใจ “งั้นนายคงใจดีไม่พอ”
สายธารเห็นว่ามันจะไปไกล เธอสอดตัวแทรก ยื่นมือแตะแขนเขา “พายุ”
เขาหันมามอง ดวงตายังเข้ม เธอส่ายหน้า “นับหนึ่งถึงยี่สิบ”
ปลายตาเขาสั่นเล็กน้อย…เหมือนสายไฟช็อต เขาเริ่มหายใจเข้า–ออกช้า ๆ แต่กฤตย์ยังพูดต่อ “ผมไม่อยากให้ใครคิดว่าคุณใช้กำลังนะครับ ที่นี่มีผู้ใหญ่เยอะ”
คำว่า คนใช้กำลัง เหมือนกดสวิตช์ วายุหายใจสั้นลง มือขวากำแน่นจนเส้นเลือดขึ้น 😠
สายธารรีบจับมือ “พายุ ฟังฉัน” เสียงเธอนุ่มแต่หนักแน่น “อย่าให้ใครลากเราออกจาก ‘พอดี’ ของเรา”
เขายังไม่ตอบ ยังกำหมัด กฤตย์ยืนพับแขน ยิ้มเหมือนชนะฟรี ๆ
สายธารเลยเอามือสองข้างกุมข้อมือเขาไว้จนขวดน้ำเย็นแตะผิว “มองฉัน”
วายุค่อย ๆ หันมา เจอดวงตาเธอตรง ๆ “นับกับฉัน…หนึ่ง…สอง…สาม…”
กฤตย์ทิ้งท้ายเสียงเรียบ “ผมไปก่อนนะครับคุณสายธาร ถ้ามีอะไรบอกได้เสมอ” เขายิ้มให้เธอ ไม่แม้แต่มองวายุ แล้วเดินกลับเข้าไปในแสงไฟ 🎤
เสียงรอบลานกลับมาปกติ สายธารยังจับมือเขา “ต่อ…สี่…ห้า…”
“พอแล้ว” เขาพึมพำ เสียงแห้ง
“ยัง” เธอส่ายหัว “หก…เจ็ด…”
วายุหลับตา หายใจเข้าลึกตอนเก้า–สิบ มือค่อยคลายเป็นกึ่งกำ “ขอโทษ”
“ยังไม่ต้องขอโทษ” เธอกุมมือแน่นกว่าเดิม “ออกไปข้างนอกก่อน”
เธอดึงเขาเดินตาม ผ่านหลังซุ้มเวทีไปยังมุมเงียบข้างโดม มีแค่ลมจริง ๆ 🍃
เธอให้นั่งลงแล้วนั่งข้าง ๆ ยังจับมือไว้
สักพักเขากดหน้าผากตัวเอง “กูเกือบ…”
“อือ” เธอตอบสั้น ๆ
“กูไม่ชอบที่มันพูดกับมึง แล้วกับกู…เหมือนจงใจ”
“ก็จงใจ” เธอตอบตรง “แต่เราไม่ต้องเล่นตาม”
เขากัดฟัน “ตอนนั้นมันเร็วไป”
“เพราะงั้นถึงต้องมีสวิตช์” เธอหยิบพวงกุญแจเล็ก ๆ ให้ดู “สวิตช์ของนายคืออะไร”
“หายใจลึก นับถึงยี่สิบ” เขายิ้มแห้ง
“อีกสวิตช์คือมือฉัน” เธอยกมือที่กุมเขา “ถ้าฉันจับแบบนี้ แปลว่าหยุดก่อน พูดทีหลัง โอเค?”
“โอเค เข้าใจ”
สายธารค่อย ๆ ปล่อยมือ “ดีขึ้นไหม”
“ดีขึ้นเยอะ” เขาสูดลมยาว แล้วหัวเราะหึ ๆ “ภาคินรู้คงด่ากู”
“ไม่ต้องบอกก็ได้” เธอยิ้ม 🙂 “ฉันอยู่ตอนมันเกือบปะทุ แล้วก็อยู่ตอนมันดับ แค่นั้นพอ”
วายุเงยหน้ามองโดม ไฟสะท้อนวิ่งเหมือนคลื่น “กูเกือบทำเรื่องโง่ ๆ”
“ยังไม่เกิด ก็แปลว่ามันคือ ‘บทเรียน’ ไม่ใช่ ‘บาดแผล’” เธอบอก “ฉันไม่อยากให้ใครเรียกนายว่า คนใช้กำลัง ไม่ใช่เพราะเสียหน้า แต่เพราะฉันรู้ว่านายไม่ใช่แบบนั้น”
เขาหันมามองตาอ่อนลง “ขอบคุณที่เชื่อ”
“ไม่ได้เชื่อเฉย ๆ แต่เห็น” เธอยักคิ้ว “เห็นนายนับ เห็นนายช้า เห็นนายพยายามเดินพอดี”
เขาหัวเราะเบา ๆ “แต่เมื่อกี้ก็เกือบล้ม”
“ก็เพราะเป็นคนไง” เธอตอบ “คนล้มแล้วลุก ลุกแล้วเรียนรู้”
เขาพึมพำ “จริง” ก้มมองมือที่มีรอยช้ำจากซ้อมกลอง “บางที…คำพูดมันเจ็บกว่าหมัด”
“ใช่” เธอพยักหน้า “คำมันเจ็บก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้เจ็บจริง ๆ คือเราเลือกจะรับมันยังไง”
เงียบไปอีกรอบ แต่ไม่หนักแล้ว วายุเอนหลังพิงผนังเตี้ย ๆ หลับตาสั้น ๆ ก่อนลืมขึ้นใหม่ “ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอต้องพาออกมา”
“ฉันไม่ได้ลำบาก” สายธารส่ายหน้า “ฉันเลือกพาเอง”
“แล้ว…จะกลับเข้าไปไหม หรือกลับเลยดี” เขาถามเสียงชั่งใจ
สายธารมองไปทางโดม เสียงคนยังคุยหัวเราะ ไฟสีสลับยังวิ่งอยู่ “ฉันอยากให้คืนนี้จบดี ๆ ถ้าเข้าไปเสี่ยงเจอเขาอีก…เราออกเลยดีกว่า”
วายุพยักหน้า “โอเค ออกก็ออก”
“แต่ก่อนออก…” เธอแตะข้อมือเขาเบา ๆ เหมือนล็อกกุญแจในใจ “สัญญากับฉันสองข้อได้ไหม”
“ว่ามา”
“หนึ่ง ถ้าใครพูดยั่วแล้วนายร้อน ให้ส่งสัญญาณก่อน พูดคำเดียว ‘ร้อน’ ฉันจะพาออกมาเอง” เธอยิ้มบาง “ไม่ต้องรอให้มันระเบิด”
เขายิ้มตาม “ได้”
“สอง อย่าให้คำพูดใครมานิยามนาย” น้ำเสียงเธอนิ่ง “นายไม่ใช่ คนใช้กำลัง นายเป็นคนที่เลือกได้ว่าจะใช้หรือไม่ ถ้าเลือก ไม่ใช้ ในวันที่พูดยาก นั่นแหละแข็งแรงจริง”
คำพูดนี้ค้างในอกเขานานกว่าลมเย็น 🌬️ เขาพยักหน้าช้า ๆ “รับทราบหัวหน้า”
“ดีมาก” เธอหัวเราะเบา ๆ “ไป ฉันอยากกินลูกชิ้นย่างก่อนกลับสักไม้”
“จัดให้” เขาลุกขึ้นก่อน แล้วยื่นมือให้เธอขึ้น—จับพอดี ไม่บีบ ไม่หลวม
ทั้งคู่เดินกลับไปซุ้มอาหาร คนเริ่มซาเพราะดึกแล้ว เธอได้ลูกชิ้นหนึ่งไม้ น้ำจิ้มเผ็ดนิด ๆ วายุกัดครึ่งคำแล้วทำหน้า “เผ็ด”
“เผ็ดนิดเดียวเอง” เธอขำ
“พอให้ตื่น” เขาตอบแล้วยิ้มกว้างกว่าตอนเมื่อกี้ 😌
เจอภาคินกำลังเก็บสายไฟ “เฮ้ย หายไปไหนสองคน”
“ไปรับลม” วายุตอบสั้น ๆ
ภาคินมองแป๊บเดียวก็เข้าใจ แต่เลือกยิ้ม “ดีแล้ว คืนนี้กลองกูดังกว่าหมัดมึงเนอะ”
“เออ ดังพอ” วายุหัวเราะ
“ขับกลับดี ๆ นะทั้งคู่” ภาคินโบกมือ ทำท่าหัวใจใส่สายธาร “ขอบคุณที่ช่วยทำให้พายุในโดมคืนนี้สงบ”
สายธารหัวเราะ “ความดีของวงสดกับลูกชิ้นย่างด้วยแหละ”
ออกพ้นโดม ลมกลางคืนเย็นขึ้น ไฟตามทางเรียงเป็นจุด ๆ 🌃 วายุยังเดินฝั่งนอกเหมือนเคย ระยะไหล่ใกล้ขึ้นนิด ไม่ใช่เพราะโลกบังคับ แต่เพราะใจเลือก
“เมื่อกี้…ขอบคุณอีกที” วายุพูดขึ้น
“ยินดี” เธอตอบง่าย ๆ
“ถ้าไม่มีเธอ กูคงทำเรื่องพัง ๆ แล้วมานั่งเสียใจทีหลัง ไม่เอาแบบนั้นแล้ว” เขาพูดช้า ๆ
“ก็ดีสิ” เธอยิ้ม “นายไม่ต้องพิสูจน์อะไรให้ใคร นอกจากให้ตัวเองดู ว่านาย เลือกได้ จริง ๆ”
วายุยิ้มมุมปาก “งั้นเดี๋ยวฝึกเพิ่ม—นับถึงสามสิบ”
“ยี่สิบก็พอ แต่ถ้าไม่ไหวก็ส่งสัญญาณ”
“ร้อน” เขาทวนคำ แล้วยิ้ม “ง่ายดี”
“ใช่ คำง่าย ๆ นี่แหละเวิร์กสุด”
ถึงป้ายรถ สายธารหยุด “คืนนี้…เกือบเกิดเรื่อง”
“อือ” เขาพยักหน้า
“แต่ไม่เกิด เพราะเราคุยกันทัน และเพราะนายยอมฟัง” เธอยิ้ม
“ก็เพราะเธอ” เขาตอบ คำเดิมจากหัวค่ำ แต่ตอนนี้อุ่นกว่าเดิม
สายธารก้มยิ้ม “คำนี้ใช้ได้ตลอดเลยนะ”
“ถ้าใช้กับเธอ” เขายืนยัน
รถเมล์เลี้ยวเข้ามา เธอหันไป “ถึงแล้วจะบอก”
“อือ” เขาพยักหน้า แล้วยื่นขวดน้ำ “เอาไว้ดื่มบนรถ”
เธอรับขึ้นรถ มองออกจากหน้าต่าง เห็นเขายกมือแตะปีกหมวกทั้งที่ไม่ได้ใส่หมวก—สัญญาณลับเหมือนเดิม 💫
บนรถ เมืองไหลผ่านเป็นเส้นแสง
เธอหยิบมือถือ📱
Saitharn: ถึงบ้านแล้วจะบอกเด้อ
😉 ไม่กี่วินาที
Vayu: โอเค…ขอบคุณที่พาออกมา
Saitharn: เราอยู่ทีมเดียวกัน
Vayu: ทีม “พอดี”
Saitharn: ใช่
เธอยิ้มบาง ๆ พิงกระจก ปล่อยลมเย็นแตะแก้ม แล้วหลับตา
🏀☀️🌼คอนโด 1207 วายุนั่งพรมเหมือนเดิม
หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นแตะหน้าผาก หัวเราะเบา ๆ “เกือบไปแล้วไอ้พายุ” เขาเปิดโน้ตพิมพ์สั้น ๆ
˖◛ โดนยั่ว → ร้อน
˖◛ สวิตช์: มือเธอ + คำว่า “นับ” + คำว่า “ร้อน”
˖◛ เลือกได้ = แข็งแรงกว่าใช้กำลัง
˖◛ ขอบคุณเธออีกครั้ง
เขาวางมือถือ หายใจยาว เงียบคืนนี้ไม่หนักเหมือนเคย มันเหมือนเงียบหลังฝน—อากาศใสขึ้น 🌙
ที่บ้าน สายธารนั่งลงหน้าโต๊ะ เปิดสมุดบันทึก เขียนช้า ๆ
“คืนนี้เกือบเกิดเรื่อง
คำพูดของใครบางคนคมกว่าหมัด
แต่มือฉันจับข้อมือเขาทัน
‘นับหนึ่งถึงยี่สิบ—มองฉัน’
เราเดินออกมา คุยกันตรง ๆ
ฉันย้ำว่าเขา ‘เลือกได้’ และเขาก็เลือกแล้ว
คืนนี้เลยเป็น ‘บทเรียน’ ไม่ใช่ ‘บาดแผล’”
เธอปิดสมุด โทรศัพท์สั่น
Vayu: [ถึงห้องแล้วนะ]
Saitharn: [ถึงบ้านแล้วเหมือนกัน]
Vayu: [คืนนี้…ดีที่มีเธอ]
Saitharn: [ฉันก็คิดแบบนั้น]
เธอยิ้ม ปิดไฟ ล้มตัวลงนอน ภาพสุดท้ายก่อนหลับคือมือที่เธอเคยกุมไว้—ไม่ใช่กุญแจมือ แต่เป็น สวิตช์เล็ก ๆ ของสองคน
คืนนี้ เรื่องเกือบพัง…ถูกเก็บเข้าไปในกล่องชื่อว่า “เราเรียนรู้แล้ว” ✅