📚 มุมที่ซ่อนอยู่ 。꙳ ᨳ ﹅♥︎₊˚

2270 Words
📚。꙳ ᨳ ﹅♥︎₊˚ 🌒 เย็นวันศุกร์ ฝนโปรย ลานจอดรถยังเปียก สายธารเดินออกจากห้องสมุดพร้อมแฟ้มในมือ เธอเห็นวายุพิงมอเตอร์ไซค์อยู่ แขนซ้ายดูไม่ถนัดนัก “จะกลับยัง” เขาถาม “อืม” เธอพยักหน้า แต่ตาเธอจับที่รอยช้ำตรงแขนทันที “วายุ แขนนายเป็นอะไร” เขาชะงัก ก่อนทำเฉย “ไม่มีอะไร” “ฉันเห็นรอยช้ำ ใครทำ” เขาหัวเราะหึ “อย่าทำเหมือนเป็นตำรวจสิ” “ฉันไม่ใช่ตำรวจ ฉันเป็นพาร์ตเนอร์ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันควรรู้” “ไม่เกี่ยวกับงาน” เขาตอบสั้น ๆ ไม่สบตา “แล้วมันเกี่ยวกับอะไร” เขาไม่ตอบ เก็บมือถือ สวมหมวกกันน็อก “ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องกังวล” เสียงเครื่องยนต์ดังกลบ เขาขี่ออกไป ทิ้งสายธารยืนนิ่ง หนักใจกว่าเดิม คืนนั้นสายธารเปิดโน้ตบุ๊กแก้งาน แต่ใจไม่อยู่กับงาน ใจเธอไปอยู่กับภาพรอยช้ำบนแขนของวายุวกไปวนมา 📳 เสียงโทรศัพท์เธอดังขึ้น 📞 มินตราโทรมา “ธาร! อาทิตย์นี้ไปดูหนังกัน ฉันเลี้ยงเอง” “อาทิตย์นี้หรอแกร่ ! น่าจะไม่ได้อะแกร่…!” เธอตอบเบา ๆ “นี้อย่าบอกนะ ! ว่ายังต้องทำงานกับวายุอีกเหรอ” “…ใช่” มินตราถอนหายใจ “ธาร เธอไม่ได้เป็นแค่พาร์ตเนอร์ใช่ไหม ถึงคิดมากขนาดนี้” “ไม่ใช่…แค่เห็นรอยช้ำที่แขนเขา ฉันถามเขาก็ไม่ตอบอะไรเลยสักคำ” มินตรานิ่งไป “เธอก็รู้ วายุไม่ใช่คนใส่สะอาด ข่าวลือก็เยอะ เธออย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาเลยนะ!” สายธาร … ! เงียบ “ฟังนะธาร บางคนเราเข้าไปใกล้เกินไป เราอาจเจ็บเอง” สายธารกดวาง ใจหนักอื้อ รู้ว่ามินตราพูดถูก แต่ภาพวายุยังติดตาเหมือนเขาซ่อนอะไรไว้ลึก ๆ กว่ารอยช้ำที่แขน 🔆 เช้าวันเสาร์ สายธารมาถึงร้านก่อน จัดโต๊ะเตรียมงาน วายุมาถึงทีหลัง ใส่เสื้อแขนยาวสีดำปิดแขนมิดชิด “อรุณสวัสดิ์ครู” เขาทักกวน ๆ แล้วนั่งลง สายธารเหลือบมองแขนเขาตลอด เขารู้ทัน “เลิกจ้องได้แล้ว” “ฉันไม่ได้จ้อง” “ก็เห็นอยู่ว่าจ้อง สงสัยอะไรมากปะ?” “ใช่ สงสัยมาก” เขาหัวเราะเบา ๆ “บางเรื่องมันไม่มีคำตอบ” “แต่ถ้ามันทำให้นายเจ็บ ฉันก็อยากรู้” วายุเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเสียงต่ำ ๆ “เธอไม่อยากรู้หรอก” “ทำไมไม่ลองเล่าให้ฉันฟังก่อนละ” เขาหัวเราะในลำคอ เสียงเหนื่อยมากกว่ากวน “เพราะถ้าเธอรู้ เธออาจหนีไป…เหมือนทุกคน” หัวใจสายธารสะท้านกับคำพูดนั้น “ฉันไม่ใช่ทุกคน” เธอเผลอตอบเบา ๆ วายุหันมามอง แววตาไม่กวนเหมือนเดิม แต่ก็รีบยิ้มกลบ “เธอนี่ดื้อจริง ๆ” สายธารยิ้มจาง ๆ “แล้วเมื่อไหร่จะเลิกปิดบัง” “วันไหนฉันพร้อมฉันจะเล่าให้เธอฟังเอง” เขาตอบสั้น ๆ เธอถอนหายใจ ก้มกลับไปทำงานต่อ อย่างน้อยเขาก็ยอมรับว่ามีเรื่องที่ยังไม่พร้อมพูด 🌒 คืนนั้น หลังเลิกงาน วายุขี่บิ๊กไบค์มาส่งหน้าซอยบ้าน ฝนหยุด ลมเย็นพัด “ขอบใจที่ช่วยงาน” เธอพูด “อย่าพูดเหมือนฉันเป็นเด็กทำการบ้านสิ” เขาหัวเราะ “ก็เหมือนจริง ๆ นั่นแหละ” เธอย้อน .. ยิ้ม! เขาถอดหมวกกันน็อกออก ผมเปียกชื้น ใต้ไฟถนนเธอเห็นรอยแดงจาง ๆ ที่คอ หัวใจเธอสะดุ้ง “วายุ…นายเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า” เขาทำเฉย “ก็แค่รอยขีดข่วน ไม่มีอะไร” “แต่—” “สายธาร” เขาเรียกเสียงนิ่ง “อย่าถามตอนฉันยังไม่อยากเล่าได้ไหม” เธอเงียบ เขาสวมหมวก ขี่รถออกไป เสียงเครื่องยนต์หายไปกับถนนมืด สายธารยืนนิ่ง ใจสั่น เขากำลังเจอกับอะไรอยู่…และทำไมถึงเลือกแบกไว้คนเดียว 🌒 คืนนั้น สายธารนอนไม่หลับ เสียงฝนเบา ๆ ทำให้ยิ่งคิดมาก ✍️ เธอหยิบสมุดมาเขียน “วันนี้เห็นรอยช้ำอีก เขายังเฉย แต่พูดว่า ‘ถ้าเธอรู้ เธออาจหนีเหมือนทุกคน’ …ฉันควรทำยังไง ฉันจะไม่หนีได้จริงไหม” เธอปิดสมุด ใจหนักกว่าเดิม แต่ก็มีความตั้งใจบางอย่างจะไม่ปล่อยให้เขาแบกคนเดียว 🔆 วันถัดมา ทั้งคู่ยังทำงานด้วยกัน แต่บรรยากาศเปลี่ยน สายธารไม่ถามซ้ำ แค่เฝ้าดูเงียบ ๆ รอให้เขาพร้อมเล่าเอง วายุไม่พูดถึงรอยช้ำอีก เขาจริงจังกับสไลด์มากกว่าปกติ รอยยิ้มกวนลดลง แต่แววตาที่มองเธอกลับต่างออกไป เหมือนพายุที่ซ่อนมุมเงียบไว้ และสายธารคือคนแรกที่ได้เห็น แม้แค่เสี้ยววินาที แต่พอจะทำให้หัวใจเธอเต้นแรงไม่หยุด 🔆 เช้าเสาร์ ฟ้าครึ้ม ฝนเพิ่งซา สายธารถือแบบสอบถามไปตึกวิศวะ ตั้งใจแค่จะไปตรงบอร์ดปีหนึ่ง แต่สุดท้ายเดินไปถึงหน้าโรงกลึง ประตูเลื่อนออก เสียงเครื่องดัง “วี๊งง” กลิ่นน้ำมันคุ้น ๆ วายุอยู่มุมห้องท้ายสุด ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ ปลอกข้อศอกสีเทา ไหล่ซ้ายแข็งแรงชัดเจน “ยืนตรงนั้นแหละ ฝุ่นเยอะ” เขาพูดทั้งที่ยังจับชิ้นงาน “ฉันมาแปะบอร์ด…แล้วขอ 5 นาทีดูไหล่นาย” เธอชูถุงซิปล็อก “มียาแก้อักเสบกับผ้าพัน” เขาเงยหน้ามอง แววตาลังเล ก่อนถอนใจ “สามนาทีครึ่ง” “สี่” เธอต่อทันที “…โอเค สี่นาทีก็สี่นาที แต่ไปมุมโน้น เดี๋ยวพี่ช่างเห็น” เธอพาเขาไปนั่งที่ม้านั่ง ปลดปลอกข้อศอกออก เนื้อข้างในร้อนจัด บวมฟกช้ำ เธอชะงัก รอยช้ำม่วงเขียวกว้างกว่าเมื่อวาน หน้าเธอหยุดมองดูสายตาดูกังวลขึ้นทันที “ไม่ได้โดนต่อย” เขาพูดก่อน “ซ้อมมวย โดนเตะซ้ำตรงเดิม” “ไม่ตลก” เธอเสียงเรียบ แต่มือนิ่มลงตอนทายา “เจ็บไหม” “เจ็บ แต่ไม่ตาย” เขาแกล้งยักไหล่ แล้วหน้าเบี้ยวเพราะเจ็บจริง “อย่าขยับ” เธอทายา วางประคบ แล้วพันผ้ายืด “เสร็จแล้ว ประคบทุก 3–4 ชั่วโมง จะหายเร็ว” เขามองเธอทำงานแล้วพูดเบา ๆ “เธอไม่ใช่แม่ฉันนะ” “รู้” เธอตอบทันที “ฉันเป็นพาร์ตเนอร์ที่ไม่อยากให้ทีมเจ็บ” “หึ…ครูยางลบเวอร์ชันพยาบาล” เขายิ้มมุมปาก สายตาอ่อนลง ประตูเปิด ภาคินโผล่เข้ามา “โอ้โห ภาพหายาก Bad Boy ยอมให้น้องครูพาร์ตเนอร์พันผ้า แฮ่ !” วายุทำท่าจะเถียง แต่สายธารขัด “ภาคิน เอาแบบสอบถามปีสี่ไปด้วย เดี๋ยวฉันส่งลิงก์ให้ โอเคนะ” “รับทราบคร๊าบบบ คุณผู้จัดการทีม” ภาคินรับถุง แล้วยักคิ้วใส่วายุ “โชคดีที่มึงเจอคนดื้อถูกทาง” “ไปไกล ๆ” วายุหัวเราะ ดันไหล่เพื่อน เธอเก็บอุปกรณ์ เขาขยับแขนลอง “ขึ้นได้แค่ครึ่งวง” “พอแล้ว ห้ามยกหนักวันนี้” เธอสั่ง “ถ้าจำเป็นล่ะ” “ก็โทรหาเพื่อน” เธอเหลือบตามองภาคิน “หรือโทรหาฉัน” สองคนนิ่งไปเสี้ยววินาที ก่อนภาคินแกล้งไอ “กูไปแปะบอร์ดละ บาย” แล้วรีบเดินหนี วายุมองผ้ายืด “เธอจริงจังกับคำว่า ‘ทีม’ เกินไป” “ใช่” เธอตอบ “เพราะฉันไม่อยากได้ศูนย์ และไม่อยากให้ใครล้มกลางทาง” เขาสบตา เสี้ยวหนึ่งกำแพงในตาเหมือนลดลง “รับทราบ…หัวหน้าทีม” ☀️ ช่วงบ่าย ห้องสมุดเงียบผิดปกติ พี่แก้วไม่อยู่ มีแต่เด็กพาร์ตไทม์เฝ้าเคาน์เตอร์ 📳 โทรศัพท์สายธารสั่นถี่ บัญชีแปลก ๆ ส่งข้อความแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ 📩 เบอร์แปลก : เลิกทำตัวเป็นนางเอก…! พร้อมภาพปาร์ตี้เก่าปีสอง เธอวางมือถือคว่ำหน้าลงกับโต๊ะ แล้วก้มทำงานต่อ แต่มือแข็งถถื่อ วายุเหลือบสายตามาเห็นพอดี “ใครส่งอะไรมาอีก?” เขาถาม “อืม” เธอตอบสั้น “ฉันบล็อก แล้วแจ้งเพจแล้ว” “ให้ฉันดูหน่อย! —” “ไม่เป็นไร” เธอตัดทันที “ตอนนี้เรากำลังทำงานอยู่ ไม่ต้องสนใจหรอก” เขากัดปากคุมอารมณ์ แล้วเลื่อนโน้ตบุ๊กมา “งั้นฉันทำกราฟ เธอเช็กคำสะกด ฉันไม่อยากโดนบ่นเรื่อง ‘พริกเผ็ดจัด’ อีก” เธอหลุดหัวเราะเบา ๆ “ดีมาก” เสียงหัวเราะสั้น ๆ นั้นทำให้ไหล่เขาคลายลงทันที 🌒 ตอนหัวค่ำ พี่แก้วมาเปลี่ยนเวร เดินตรงมาที่โต๊ะ “วันนี้เด็กแผนกลึงเสียงเบาดีนะ” แล้ววางถุงขนมปัง “ของฝากผู้พิทักษ์ความเงียบ” วายุยกมือเหมือนรับเหรียญ “ขอบคุณครับพี่แก้ว” สายธารยิ้ม “ขอบคุณค่ะ” พี่แก้วเหลือบมองแขนที่พันผ้ายืด “ดูแลกันดี ๆ นะ ห้องสมุดให้ใช้เสมอ ถ้าไม่ทำให้สั่นไหว” “รับทราบครับ” วายุยกมือทำท่าทหารจนพี่แก้วหัวเราะ 🌒 ค่ำวันเดียวกัน หลังปิดร้าน สายธารได้ยินเสียงเคาะกระจก “ก๊อก ก๊อก” เธอหันไป วายุยืนอยู่ ถือถุงผ้า เธอเลื่อนกระจก “ลืมของ?” “เอามาฝาก” เขายกถุง “ปลอกแขนรัดกล้ามกับเจลประคบ ซื้อสองได้แถม เลยเอามาให้ แถมที่รัดเข่าอีก เผื่อวันไหนเธอแบกของหนัก” “ฉันไม่—” “ใช่ เธอไม่ได้ซ้อมมวย” เขายิ้มมุมปาก “แต่เธอชอบแบกห่วงคนอื่นหนัก ๆ” เธอชะงักไปหนึ่งจังหวะ ก่อนตอบสั้น ๆ “ขอบใจ” เขาเงียบไปนิดก่อนพูด “เมื่อกี้แอดมินเพจบอกแล้ว บัญชีป่วนโดนเตือน ถ้ายังทำอีกจะปิดถาวร ฉันไม่ได้บอกให้เธอรู้สึกปลอดภัย…แค่จะบอกว่าฉันไม่ได้ปล่อยไว้เฉย ๆ” สายธารพยักหน้า “โอเค” “กลับเถอะ เดี๋ยวฝนมาอีก” เขาจะเดินออก แต่หยุดนิดหนึ่ง “พรุ่งนี้เช้ากูไปซ้อมที่ค่ายมวย สนามกีฬา ถ้าอยากเห็นให้สบายใจ ก็มาดู แต่ถ้าไม่อยากเห็นฉันโดนหมัดก็ไม่ต้อง” เธอชะงัก “ฉัน…อาจไป” “ถ้าไป ใส่รองเท้าผ้าใบ พื้นลื่น” เขายกคางเล็กน้อย ก่อนหายไปในเงา ทิ้งเจลประคบไว้บนเคาน์เตอร์ 🔆 เช้าอาทิตย์ สนามกีฬาชื้นน้ำค้าง ค่ายมวยเล็กติดผ้าแดงน้ำเงิน วายุใส่ชุดซ้อม เสื้อกล้ามดำ กางเกงมวยไทย ไหล่ซ้ายยังพันผ้า เขาวอร์มเงียบ ๆ หน้าตานิ่ง สายธารยืนที่ขอบค่าย มองจากมุมไกล เขาหันมาเห็น ไม่แปลกใจ “เธอมาจริง” “ดูว่าไหล่ซ้ายจะฝืนเกินไหม” เธอพูดสั้น ๆ “หัวหน้าทีมโหดฉิบ” เขายิ้มมุมปาก ก่อนพยักหน้าให้ครูมวย เสียง “ปึก ปึก!” ดังตามจังหวะ เขาเตะแผ่นเป้าตามคำสั่ง “ซ้าย-ขวา-ฮุค-เตะ!” ท่าทางจริงจัง ไม่ใช่เด็กเกเร แต่ทุกหมัดหยุดก่อนแรงกระแทกจะกระทบไหล่ซ้ายเกินไป เขากำลัง “คุมตัวเอง” ชัดเจน ครูมวยพักน้ำแล้วแซว “มึงโกรธก็ปล่อยลงหมัด กูถือเป้าทนได้” วายุส่ายหน้า “เดี๋ยวแรงเกิน วันนี้ขอคุมจังหวะ” สายธารได้ยินประโยคนั้น ใจอ่อนลงเล็กน้อย วันนี้เขาเลือกคุม ไม่ใช่ปล่อย ซ้อมจบ เหงื่อเต็มตัว เขาออกมารับผ้าเช็ดหน้าจากเธอ “ขอบใจที่มา ไม่นึกว่าอยากดูอะไรแบบนี้” “มันไม่แย่ มันคือวิธีไม่ให้เธอไปต่อยคน” เธอตอบ เขาหัวเราะ “จริง แปลงหมัดเป็นเหงื่อ” “แต่ถ้าไหล่บวม ฉันหักคะแนน” “ครับครู” เขาพยักหน้าแล้วพูดต่อ “เรื่องฝ่ายวินัย พรุ่งนี้ไม่ต้องมา” “ฉันจะนั่งรอหน้าห้อง แค่ย้ำว่าเรายังมีเดดไลน์เดิม” เขายิ้มบาง ๆ “นี่แหละเหตุผลที่กูยังนั่งโต๊ะนั้นได้” 🔆 บ่ายวันนั้น เธอช่วยพ่อยกกล่องหนังสือ เผลอยกผิดท่าเจ็บเข่า วายุเดินเข้ามาพอดี “ไหนบอกไม่ให้แบกเอง” เขารับกล่องต่อ “ที่รัดเข่าใช้ยัง” “ยัง” เธอยอมรับ “โอเค มีประโยชน์จริง” พ่อมองเขาวางกล่องถูกท่า จึงพูด “ขอบใจหนุ่ม พรุ่งนี้มีนัดใช่ไหม” “ครับ” วายุตอบ “พูดความจริง แล้วฟังให้ครบ บางทีความเงียบก็บอกมากกว่าตะโกน” พ่อว่า “ครับ” วายุตอบหนักแน่น แม่ยื่นน้ำเต้าหู้ร้อน “กินก่อนกลับ” “ขอบคุณครับ/ค่ะ” ทั้งคู่รับพร้อมกัน นั่งกินกันเงียบ ๆ เธอเหลือบมองแขนพันผ้า “คืนนี้ประคบอีก” “ครับครู” เขายอมแบบว่าง่าย 🔆 เช้าวันจันทร์ สายธารมาถึงตึกกิจการก่อนเวลา เธอวางชานมอีกแก้วไว้บนเก้าอี้ วายุเดินมาแต่งกายเรียบร้อย เขาหยิบขึ้น “หวานน้อย?” “หวานพอ ไม่ทำให้เสียงสั่น” เธอตอบ “เหมือนเธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวเลย” เขาแซว “ฉันคือคนเตือนเดดไลน์” เธอว่า เจ้าหน้าที่เรียกชื่อ เขามองหน้าเธอ เธอพยักหน้า “เสร็จแล้วต้องส่งสคริปต์ปิดท้าย 1.0” เขายิ้มบาง ๆ “ครับหัวหน้าทีม” แล้วเดินเข้าไป เธอนั่งรอ มินตราโผล่มานั่งข้าง ๆ “ฉันมาเปิดทวิตดูสภาพ” “ไม่ต้องมาก็ได้” “ฉันเห็นรอยช้ำเหมือนกัน เลยไม่อยากให้เธอนั่งคนเดียว” ยี่สิบนาทีผ่าน เขาออกมา สีหน้าไม่แพ้แต่ไม่ชนะ “เล่าได้ทีหลัง ขอกินก่อน” เขาชูชานม “แล้วไปเขียนสคริปต์ต่อ” เธอยิ้ม “ไป” ทั้งคู่เดินไปด้วยกัน ไหล่เขายังพันผ้า แต่ก้าวขาไปด้วยจังหวะเดียวกัน มุมที่เขาไม่เคยเปิด วันนี้เปิดแง้ม และสายธารยังยืนยันคำเดิม โลกจริงตัดต่อไม่ได้ แต่พวกเขาจะคุมจังหวะให้เสร็จทีละขั้น จนพายุ…ค่อย ๆ เดินเรียบ ๆ เงียบ ๆ ลงด้วยตัวเอง 🌪️🌫️☔️ ˖* ೃ࿔ ᝰ ✿ ⚡︎ ☁︎ ⋆ ⋆⑅˚₊ ⋕ ༘ ݊
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD