📚୨˚̣̣̣͙୧ ꒰ヾ₊˚.
🔆 เช้าวันจันทร์อากาศอบอ้าว
ห้องเรียนภาษาอังกฤษ แน่นไปด้วยนักศึกษาปีสี่คณะวิศวะ บางคนนั่งเล่นมือถือ บางคนหลับ อาจารย์สาววัยกลางคนพูดเสียงดังจากหน้าห้องเรียน
“ตรวจรายชื่อการส่งงานรอบที่แล้วนะคะ หลายคนส่งไม่ทัน แต่ที่หนักสุด… คุณวายุ”
ห้องเงียบทันที ก่อนจะมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น วายุนั่งเอนพิงเก้าอี้ มือไขว้หลังก้มมองเพดาน เหมือนไม่เดือดร้อน อาจารย์หยิบแฟ้มขึ้นมาโบก
“งานชิ้นนี้คิดเป็นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเกรด แต่คุณไม่ได้ส่งแม้แต่ครึ่งหน้า อธิบายหน่อยไหมคะ”
วายุยกคิ้ว ยักไหล่ “ติดธุระครับ”
เสียงฮือฮาดังทันที เพื่อนหลายคนหันมามอง บางคนกระซิบ “ธุระกับเพจมหาลัยหรือเปล่า” จนบรรยากาศเหมือนดูโชว์ฟรี
สายธารนั่งแถวสาม กำปากกาแน่นในมือ นี่เขาจะไม่สนใจอะไรเลยใช่ไหม…
อาจารย์วางแฟ้มดัง “ปัง!” บนโต๊ะ
“งั้นคุณก็ต้องถูกลงโทษ เพื่อให้เรียนรู้ความรับผิดชอบ—และบังเอิญว่าฉันมีคนที่เหมาะจะคุมคุณ”
สายตาทั้งห้องหันไปทางสายธารทันที เหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว
“คุณสายธาร จากคณะอักษร จะเป็นพาร์ตเนอร์โปรเจกต์ภาษาอังกฤษให้คุณวายุ”
เธอชะงัก ปากกาหล่นจากมือ หา?
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกทันที บางคนหัวเราะ “ติวเตอร์กับ Bad Boy กลายเป็นคู่โปรเจกต์!” มีคนรีบพิมพ์ลงไลน์กลุ่ม บางคนวิ่งไปโพสต์เพจเฟสมหาวิทยาลัยแทบจะทันที
สายธารรีบยกมือ “อาจารย์คะ—”
“ไม่มีแต่ค่ะน้องสายธาร” อาจารย์เสียงเข้ม “นี่คือโอกาสให้คุณช่วยเพื่อน และคุณวายุจะไม่มีข้ออ้างไม่ส่งงานอีก”
เธอเม้มปากแน่น ได้ยินเสียงหัวเราะกลั้น ๆ จากวายุชัด ๆ
“เข้าใจนะคะ ทั้งคู่ต้องส่งโปรเจกต์ร่วมกันภายในสามสัปดาห์ หัวข้อคือ What I Believe in Love and Trust”
(สิ่งที่ฉันเชื่อในความรักและความไว้วางใจ)
สายธารแทบสำลักน้ำลาย หัวข้ออะไรเนี่ย! ความรักกับความไว้ใจ?
วายุก้มกระซิบภาคินที่นั่งข้างหลัง “หัวข้อนี้แม่งเหมาะกับกูเลย เชี่ยวชาญเรื่องไม่ไว้ใจใคร”
ภาคินแทบขำ แต่รีบปิดปากกลั้นไว้
อาจารย์พูดเสียงดัง “ตกลงตามนี้ ใครไม่ทำงานร่วมกัน…ศูนย์ทั้งคู่!”
ห้องเงียบไปสามวินาที ก่อนเสียงฮือฮาจะดังรอบสาม
🍽️ พักกลางวัน
มินตราลากสายธารออกมาหน้าตึก “ธาร! ทำไมโชคชะตามันโหดร้ายแบบนี้ ต้องจับคู่กับเขาด้วย!”
“ฉันก็ไม่ได้อยากคู่เขา” สายธารบ่นเบา ๆ “แต่ถ้าไม่ทำก็ศูนย์ทั้งคู่”
มินตรากอดอก “ให้ฉันไปคุยกับอาจารย์แทนไหม บอกว่าเธอไม่สะดวก”
“ไม่ได้หรอก อาจารย์พูดชัดแล้ว” สายธารถอนหายใจแรง “คงต้องกัดฟันทำไป”
มินตราทำหน้าหนักใจ “งั้นเตรียมใจไว้เลย ผู้ชายคนนั้นไม่มีวันทำงานจริงจังหรอก เธอจะเหนื่อยเอง”
ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ… !?
☀️ บ่ายแก่ ๆ
ห้องสมุดกลางคนแน่น วายุเดินเข้ามาแบบสบาย ๆ แล้วลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามสายธาร
“สวัสดีครับพาร์ตเนอร์” เขาพูดล้อ ๆ
“อย่ากวนได้ไหม” เธอเสียงจริงจัง
“ไม่ได้หรอก กวนใจเธอคืองานของฉัน” เขายิ้ม “ว่าแต่หัวข้อ ความรักกับความไว้ใจ นี่โหดนะ”
“นายก็ต้องจริงจังซะที” เธอกดเสียง “งานนี้ฉันไม่ทำคนเดียวแน่”
“ใจเย็นครูยางลบ” เขาเอนหลัง “ฉันไม่ได้จะโยนงานนะ แค่ยังคิดไม่ออกว่าจะเขียนยังไง”
“เริ่มจากเล่าความเชื่อของนายสิ” เธอหยิบปากกาจด “นายเชื่ออะไรเกี่ยวกับความรัก”
วายุเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนยกมุมปาก “ฉันเชื่อว่ามันไม่มีจริง”
สายธารชะงัก มองหน้าเขาตรง ๆ “ไม่จริง?”
“ใช่ รักแท้มันหลอกเด็ก” เขาหัวเราะเบา ๆ “พ่อแม่ฉันคือตัวอย่างชัดเจน”
น้ำเสียงเขาไม่กวนเหมือนเดิม แต่มีแววปิดกั้น เธอกำลังจะพูด แต่เขารีบยักไหล่ “ไม่เป็นไร เขียนไปเถอะ เธอคงเขียนเก่งอยู่แล้ว”
“ไม่ได้” เธอสวนทันที “นี่โปรเจกต์ร่วมกัน ถ้านายไม่เปิดใจ งานจะไม่จริง”
วายุเลิกคิ้ว “ครูแม่งดุจริง”
“ไม่ใช่ดุ” เธอตอบตรง “แต่ฉันไม่อยากให้เราสองคนได้ศูนย์”
เขามองเธออยู่สองสามวินาที รอยยิ้มกวนจางลงนิด ก่อนยักไหล่ “โอเค งั้นลองดู”
🌻 วันต่อมา
ทั้งคู่นั่งทำงานในห้องสมุด เพื่อนผู้หญิงจากคณะสายธารเดินเข้ามา กระซิบกันเสียงดังพอได้ยิน
“จริงดิ ธารทำโปรเจกต์กับวายุ”
“โห…เธอนี่เล่นกับไฟนะ”
“ระวังจะไหม้ทั้งตัว”
สายธารเม้มปาก ไม่ตอบอะไร แต่วายุหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดทันที
“ไม่ต้องห่วงครับ ไฟอย่างผม เจอน้ำแบบเธอก็ดับสนิท”
เสียงฮือดังรอบห้องทันที สายธารอยากมุดโต๊ะหนี ตายแน่…ฉันจะโดนทำเป็นมีมอีกแล้ว
เธอก้มหน้ากระซิบเสียงแข็ง “หยุดพูดเล่นสักทีได้ไหม”
“ไม่ได้ สนุกดี” เขายิ้มกวน
“วายุ!”
“ครับครู” เขาทำหน้าตาย แล้วก้มเขียนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
🌒 ตอนเย็น
ทั้งคู่นั่งในห้องสมุด กองโน้ตเต็มโต๊ะ วายุเริ่มจริงจัง เขียนย่อหน้าสั้น ๆ แล้วดันมาให้เธอ
I believe that trust is dangerous, but necessary if you want to love.
(ฉันเชื่อว่าการไว้วางใจเป็นสิ่งอันตราย แต่จำเป็นหากคุณอยากจะรัก)
สายธารอ่านข้อความแล้วเงียบไปนิด อ้าว…เขาก็เขียนเป็นนี่นา
“ไม่เลว” เธอพูดสั้น ๆ
“ชมแล้วหนึ่ง” เขายิ้ม “จะให้รางวัลไหม”
“รางวัลคือไม่ต้องศูนย์” เธอสวน
“โหดเหมือนเดิม” เขาหัวเราะ “แต่ครูติวเตอร์ทำหน้าเข้มแล้วโคตรตลก”
เธอถอนหายใจแรง “นายมันน่าตบจริง ๆ”
“ขอบคุณสำหรับคำชม” เขายกมือทำท่าไหว้
🌒 ใกล้ค่ำ
สายธารเก็บของใส่กระเป๋า มินตรามารอหน้าห้องสมุด พอเห็นวายุเดินข้าง ๆ ก็ทำหน้าไม่พอใจ
“นายอย่าคิดทำเพื่อนฉันเดือดร้อนนะ” มินตราพูดเสียงแข็ง
วายุยักคิ้ว “ผมแค่ทำโปรเจกต์ ไม่ได้จับเพื่อนไปขายตรง”
“กวนอีกแล้ว!” มินตราจะพุ่งใส่
สายธารรีบคว้าแขนเพื่อนไว้ “พอแล้วมินตรา ฉันโอเค”
มินตรามองอย่างไม่ไว้ใจ แต่ยอมถอย วายุหันมาบอกสายธาร “พรุ่งนี้สี่โมง ห้องสมุดนะ อย่าลืมพกยางลบมาด้วย”
“ทำไม” เธอเลิกคิ้ว
“กันฉันเสียงดังไง” เขาพูดหน้าตายแล้วเดินออกไป
สายธารกุมขมับ หัวเราะไม่ออก นี่ฉันกำลังเจอโทษที่ไม่คาดคิดจริง ๆ รึเปล่า…โทษที่ชื่อว่า “วายุ”
🕓 สี่โมงตรงวันต่อมา
มุมหน้าต่างห้องสมุด วายุมาตรงเวลาแบบแปลก ๆ มือหนึ่งถือแฟ้ม อีกมือชูถุงกระดาษ
“ชูโรสหนึ่งตามสัญญา แล้วก็—” เขายกของเล็ก ๆ ขึ้น “คลิปหนีบกระดาษรูปยางลบ สำหรับครูยางลบ”
สายธารเงียบสามวินาที “ไม่ตลก” แต่ก็รับมา “วางไว้ข้างโน้ตบุ๊ก แล้วนั่ง”
“ครับผม” เขานั่งลงอย่างว่าง่าย
บนโต๊ะมีเช็กลิสต์ที่เธอเขียน:
1.โครงร่างหัวข้อ
2.แบ่งส่วนเขียน
3.ตัวอย่างย่อหน้า
4.ตารางถ่ายพรีเซนต์
5.แผนสำรองถ้าไฟดับ/เน็ตล่ม
วายุอ่านแล้วผิวปาก “นี่เรากำลังทำโปรเจกต์หรือวางแผนรบ”
“เรากำลังทำงานที่เป็นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเกรดนาย” เธอโต้กลับ
“เริ่มจากโครงร่าง ฉันเสนอ 3 องค์:
(A) ‘รัก’ ในความจริง vs ข่าวลือ,
(B) ‘ไว้ใจ’ ในมุมคนที่เคยเจ็บ,
(C) จุดร่วมที่เจอระหว่างทำงานนี้”
“โอเค” วายุพยักหน้า “งั้นฉันเอา (B) ก็ได้ เข้าทางอยู่แล้ว”
“ดี” เธอขยับปากกา “(A) ฉันเขียนนำ (C) เราเขียนด้วยกัน”
“แต่ (C) จะเขียนยังไงล่ะ เราไม่ได้มี ‘จุดร่วม’ อะไรชัด ๆ”
สายธารเงยหน้า “ระหว่างคนที่เชื่อว่ารักไม่จริงกับคนที่เชื่อว่ารักจริง มันต้องมีเส้นตรงกลาง เราแค่ยังไม่เจอ เดี๋ยวทำไปมันก็มาเอง”
“ฟังเหมือนบทกวีเลยนะ” เขาหัวเราะเบา ๆ “โอเค ไปต่อ”
พอเริ่มจับปากกา วายุก็โยนไอเดีย “ลองเปรียบความไว้ใจกับเครื่องยนต์ดูดิ”
“ดูนะ” เขาร่างรูปเครื่องยนต์คร่าว ๆ
“รัก = แรงขับ
ไว้ใจ = น้ำมัน
ถ้ามีแรงขับแต่ไม่มีน้ำมันก็ฝืด พังไว ถ้ามีน้ำมันอย่างเดียวแต่ไม่มีแรงขับก็ไม่ไปไหน”
สายธารชะงัก “อืม…พอได้” (เสียงเหมือนชม แต่หน้าตาย) “แต่ต้องเขียนให้เรียบ ๆ ไม่ต้องศัพท์เทคนิค เด็กปีหนึ่งอ่านแล้วเข้าใจ”
“เห็นภาพเลยครู” เขายิ้ม “งั้นฉันเขียนย่อหน้าแรกของ (B) เลยนะ”
“เริ่ม”
เสียงปากกาขูดกระดาษสลับกับเสียงแป้นพิมพ์ เงียบจนพี่แก้วคงภูมิใจ สิบนาทีผ่านไป วายุเลื่อนกระดาษมาให้ เธอเริ่มอ่านช้า ๆ
วายุ (เขียน):
ผมไม่เชื่อในรักแท้ ไม่ใช่เพราะมันไม่มี แต่เพราะมันมีเงื่อนไขมากกว่าที่คนเล่าไว้ เราอยากได้เวอร์ชันสมบูรณ์ ทั้งที่ทุกวันเราปล่อยให้ฝุ่นเข้าร่องเครื่องเอง…!
สายธารยกคิ้ว “ภาษาโอเค แต่อุปมาเยอะไป ตัดบรรทัดสามออก คำว่า ‘เล่าไว้’ ทำให้เหมือนบ่นเกิน”
“อืม ได้” เขาดึงกลับไปขีดฆ่า “แล้วของเธอล่ะ”
เธอเปิดเอกสารในโน้ตบุ๊ก ให้เขาอ่านบางส่วน
สายธาร (เขียน):
ฉันเชื่อว่ารักไม่ใช่เวทมนตร์ แต่มันมีตรรกะในตัวเอง ความซื่อสัตย์คือภาษา ความไว้ใจคืออากาศ ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง บทสนทนาจะหายใจไม่ออก…!
วายุอ่านแล้วทำหน้าเหมือนโดนกระแทก “เฮ้ย คม”
“ขอบใจ” เธอรับสั้น ๆ แล้วดึงกลับ “ไปต่อ (C) ร่างหัวข้อไว้ก่อนคำตอบชั่วคราว: ‘เราพบว่ารักกับไว้ใจต้องถูกออกแบบ ไม่ต่างจากเครื่องยนต์’”
“ออกแบบคำนี้ชอบ” เขาพึมพำ “มันมีข้อกำหนด มีแรงจำกัด มีความร้อน มีของเสีย ถ้าไม่โตพอก็พัง”
“หยุดใช้คำว่า ‘พัง’ ถี่เกินไป” เธอจดหมายเหตุ “นักอ่านจะเหนื่อย”
“รับทราบครับ”
📙 ระหว่างคุย
📲 ไลน์ของสายธารดัง
📩 มินตรา : ส่งรูปโปสเตอร์กิจกรรมมา “คืนนี้ช่วยแปะป้ายคำโปรยปะ?” เธอกำลังพิมพ์
วายุพูดขึ้น “ไปเถอะ เดี๋ยวฉันเขียนต่ออีกย่อหน้า”
“แน่ใจเหรอ” เธอมองเขาไม่ไว้ใจ
“ครูไม่ไว้ใจเด็กในสังกัดเหรอ” เขายักไหล่ “โอเค งั้นตั้งเงื่อนไขไม่มีคำหยาบ ไม่เปรียบเทียบรัว ๆ และไม่เกินสิบบรรทัด”
“ห้า” เธอตัดทันที
“เจรจาเก่งชิบ” เขาหัวเราะ “โอเค ห้าบรรทัด”
เธอลุกไปช่วยมินตราแปะป้าย ยี่สิบนาที กลับมา วายุก็ยื่นกระดาษให้ หน้าตาซื่อจนน่าสงสัย
เธออ่าน…แล้วเงียบพักหนึ่ง “ผ่าน”
“ได้ ‘ผ่าน’ สองครั้งแล้ววันนี้” เขายกมือจะปรบ แต่ชะงักเมื่อสายธารชี้ป้าย “ไม่ปรบ”
“ครับผม… ไม่ปรบ”
🌒 เย็นวันนั้น
อาจารย์ส่งประกาศในกลุ่มเรียน: พรุ่งนี้ 9:00 น. ตรวจความคืบหน้าโครงร่าง 60% พร้อมสติกเกอร์ตัวการ์ตูนถือแส้
สายธารมองนาฬิกา “เราได้เท่าไหร่แล้ว”
วายุเปิดแฟ้ม “สามสิบกว่า…ถ้าฝืนอาจสี่สิบ”
“ไม่พอ” เธอหิ้วกระเป๋า “หลังร้านหนังสือบ้านฉันมีโต๊ะยาว พ่อแม่ปิดสองทุ่ม เรานั่งได้ถึงสี่ทุ่ม ไปไหม”
“ไป” เขาตอบทันที
“งั้นหกโมงครึ่งเจอกันที่ร้าน” เธอส่งโลเคชัน “แล้วมาตรงเวลา”
“คร้าบ”
📚 ร้านหนังสือเล็ก ๆ ตอนหัวค่ำ
ดูอบอุ่น แสงเหลืองนวล กลิ่นกระดาษกับชา พ่อจัดชั้นหนังสือ แม่เช็ดเคาน์เตอร์ พอเห็นเด็กหนุ่มเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสองเม็ดกับแจ็กเก็ตยีนส์ แววตาพ่อเข้มขึ้นนิด
สายธารยกมือ “พ่อ แม่…นี่วายุ เพื่อนทำโปรเจกต์”
วายุยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”
พ่อพยักหน้า “นั่งได้หลังร้าน แต่มีข้อตกลงหนึ่งข้อ…เสียงเบา ๆ และกลับก่อนสี่ทุ่ม”
“รับทราบครับ” เขาตอบเหมือนทหาร
แม่ยิ้ม “เอาชาหรือโกโก้”
“น้ำเปล่าพอครับ ขอบคุณครับ”
สายธารเหล่มอง นี่ใช่คนเดียวกับห้องสมุดจริงเหรอ ทั้งคู่ นั่งโต๊ะยาว กางแฟ้ม กางโน้ตบุ๊ก เธอเปิดโหมดทำงานเต็มที่
“แบ่งสปรินต์ 25 นาที พัก 5 นาที ทำสี่รอบ” เธอชี้นาฬิกา “พร้อม?”
“พร้อม” วายุผูกผ้าโพกหัวผืนเล็ก (ไม่รู้ไปเอามาจากไหน) “โหมดโรงกลึงสู่โหมดภาษา”
รอบแรกผ่านไป เขาเขียนได้จริง เด้งไอเดียเป็นระบบ รอบสองเริ่มช้าลงเพราะโน้ตบุ๊กสายธารแบตจะหมด เธอหยิบปลั๊กมาเสียบ แต่ปลั๊กพ่วงพอร์ตว่าง…ไม่ติด
“ไฟตก” พ่อเดินมาพอดี “ขอโทษนะ เต้ารับตรงนั้นหลวม”
ยังไม่ทันใครพูด วายุก็ลุก “เดี๋ยวมา” คว้าหมวกกันน็อก วิ่งฝ่าสายฝนออกไป เธอยังไม่ทันถาม
สิบนาทีต่อมา เขากลับมาพร้อมปลั๊กพ่วงใหม่ในถุงพลาสติก หน้าเปียก ผมชื้น เสื้อยีนส์เข้มไปทั้งแถบ
“เธอเปียก—” สายธารรีบยื่นผ้าเช็ดมือจากลิ้นชัก “เช็ดเร็ว”
“ครับครู” เขารับมา หัวเราะหอบ ๆ “โหมดส่งงานก่อนเดดไลน์ทำงานละ”
พ่อมองภาพนั้นนิ่ง ๆ ก่อนหยิบไขควงมาขันเต้ารับ “ต่อไฟได้แล้ว”
งานไหลต่อ รอบสาม รอบสี่ คืบหน้าไวผิดคาด เก้าสี่สิบห้าได้ครบ 65% ตามเป้า
แม่เอาขนมปังปิ้งมาวาง “พักหน่อยลูก”
วายุยกมือไหว้ “ขอบคุณครับป้า” แล้วหยิบคำเล็ก ๆ เขามองป้ายร้านที่เขียนว่า “อ่าน 3 แถม 1 สำหรับนักศึกษา” ก่อนพูดเบา ๆ “บ้านเธออบอุ่นดี”
สายธารเงียบวินาที “อุ่นเพราะกฎง่าย ๆ ‘พูดดี ทำดี กลับบ้านตรงเวลา’”
“โอเค งั้นคืนนี้ฉันกลับก่อนสี่ทุ่มแน่” เขายกนาฬิกาข้อมือให้ดู
🕙 สี่ทุ่มตรง
พ่อปิดไฟหน้าร้าน เสียงกุญแจดัง ทั้งคู่ยืนหน้าประตู
“พรุ่งนี้เก้าโมง” สายธารย้ำ “อย่าสาย”
“จะไปก่อน” วายุชูแฟ้ม “ฉันถือ (B) ไปเกลาเพิ่ม เจอกันห้อง 304”
“ตกลง”
เขาก้าวออกจากกันสาด ฝนยังพรำ เสื้อยีนส์หนักขึ้น เขาหันกลับมา “ขอบคุณที่ชวนมาทำงานที่นี่”
“อย่าทำตกมาตรฐานพรุ่งนี้ก็พอ” เธอจงใจเสียงดุ
“ครับคุณครูยางลบ”
🔆 เช้า 8:42 น.
หน้าห้อง 304 สายธารถึงก่อน ใจเต้นเร็วเพราะวิ่งขึ้นบันได เธอวางแฟ้มบนโต๊ะ อาจารย์ยังไม่มา พอหันไปก็เห็นวายุเดินตรงมา
ชุดเรียบร้อยผิดปกติ ผมเซ็ตแห้ง เสื้อเชิ้ตติดกระดุมครบ มือหนึ่งถือแฟ้ม อีกมือถือ…ชูโรส
“สำหรับครูแต่กินหลังตรวจ” เขาวางเบา ๆ “ถ้าตก ค่อยเอาไปฟาดหัวกฉัน”
“ระวังคำพูด” เธอส่ายหัว แต่ปากก็ยิ้มน้อย ๆ
อาจารย์เข้ามา 9:00 ตรง “กลุ่มวายุ–สายธาร เริ่มก่อน”
ทั้งสองยืนข้างกัน หน้าจอฉายสไลด์
“Love & Trust: ออกแบบได้ ไม่ใช่เวทมนตร์” โครงร่าง 65% พร้อมหัวข้อย่อย กราฟ และแหล่งอ้างอิงครบ
อาจารย์พยักหน้า “ดี แต่ฉันอยากฟังเพิ่ม สองนาทีต่อคน พูดสด ไม่อ่าน ว่าทำไมถึงเลือกกรอบคิดนี้”
สายธารรู้สึกตึง เธอพูดสดได้ แต่ห่วงคนข้าง ๆ มากกว่า วายุเหลือบตามา เธอส่งสายตานิ่ง ๆ เหมือนบอก พูดจากจริงใจ
วายุรับสัญญาณ เงียบไปนิด ก่อนพูดด้วยเสียงนิ่ง “ผมโตมากับบ้านที่เสียงดัง…แต่ช่วงที่เงียบจริง ๆ คือหลังประตูปิด พอไม่มีใครพูด ทุกอย่างก็แตก ผมเลยคิดว่า ‘เงียบ’ คือการหนี จนไม่นานนี้ถึงเข้าใจว่ามันเป็น ‘พื้นที่’ ให้ดูข้างในตัวเอง…ไว้ใจเหมือนน้ำมัน ถ้าไม่เติมก็พังตั้งแต่แรก แม้มีกำลังแค่ไหนก็ไม่ไปไกล ผมเลยอยากลองออกแบบเครื่องใหม่นี้ เริ่มจากง่าย ๆ อย่างมาตรงเวลา และไม่รบกวนคนอ่านหนังสือ”
ห้องเงียบ อาจารย์ยกคิ้วนิด เหมือนไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้
สายธารพูดต่อทันที “เราสองคนมาจากฝั่งความเชื่อต่างกัน แต่เห็นตรงกันว่าหลักฐานสำคัญกว่าฝัน ฉันเลยให้เขาทำแบบฝึกเล็ก ๆ เขียนแล้วอ่านออกเสียง เพื่อฟังจังหวะที่เกิน เราเจอว่าความรักกับความไว้ใจไม่ใช่คำใหญ่ แต่มันอยู่ในนิสัยเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ ที่ทำให้เครื่องเดินได้จริง”
อาจารย์วางปากกา “โอเค ผ่านด่านแรก” ทั้งห้องถอนหายใจดัง “แต่จำไว้นะ สัปดาห์หน้าฉันอยากเห็น ‘ข้อมูลจริง’ ไม่ใช่ความเห็นลอย ๆ จะเป็นแบบสอบถามหรือสัมภาษณ์สั้น ๆ ก็ได้ แล้วต้องมีคลิปพรีเซนต์ 3 นาทีด้วย”
วายุหันมามองสายธาร “…คลิป”
สายธารรีบจดลงกระดาษ แบบสอบถาม, สัมภาษณ์, คลิป 3 นาที เธอสูดลมหายใจ “โอเค เราทำได้”
ระหว่างเก็บของ เพื่อนบางคนเดินผ่านมายกนิ้วให้ “ไม่คิดว่าไอ้วายุจะพูดเป็น” “ครูยางลบโหดจริง” เสียงแซวล้อมพอสนุก
ตรงประตู กฤตย์พิงกรอบยิ้มบาง ๆ เขาตบมือช้า ๆ “สุนทรพจน์ใช้ได้…สำหรับมือใหม่”
วายุปรายตา “มึงมาทำอะไร”
“มาดูโทษที่ไม่คาดคิดของมึงไง น่าสนุกดี” กฤตย์ยิ้มไม่แตะตา “มีข้อเสนอ ถ้าจะทำแบบสำรวจ ให้ฝ่ายกิจการนักศึกษาช่วยแชร์ลิงก์ได้นะ ติดต่อกู”
สายธารเงียบ แต่รู้ว่าข้อเสนอช่วยงานจริง เธอเลือกตอบสุภาพ “ขอบคุณค่ะ ถ้าจำเป็นจะติดต่อ”
กฤตย์พยักหน้า “รีบหน่อยนะ โลกโซเชียลชอบของร้อน”
เขาเดินออกไป วายุขบกราม “อย่าคิดมาก เดี๋ยวให้ภาคินช่วยยิงลิงก์ให้ฝั่งวิศวะด้วย”
“ดี” สายธารจด “บ่ายนี้ทำแบบสอบถาม 8 คำถาม พรุ่งนี้เก็บ 200 ชุดพอ พร้อมสัมภาษณ์สั้น ๆ 5 คน”
“200?” วายุตาโต “เราทำแคมเปญเลือกตั้งเหรอ”
“เก็บออนไลน์ 150 ที่เหลือออฟไลน์” เธอวางแผนเร็ว “ภาคินช่วยวิศวะ มินตราช่วยอักษร นายแชร์ในชมรมเครื่องกล ฉันจัดฟอร์ม”
“โอเค”
🔆 บ่ายนั้น
ทั้งคู่เปิดแล็ปท็อปนั่งประกบกัน สายธารออกแบบฟอร์มสั้น ๆ แบบ “1–10 เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วย” พร้อมช่องเล่าประสบการณ์หนึ่งบรรทัด วายุช่วยปรับภาษาให้ไม่แรง เช่น “ฉันเคยไม่ไว้ใจเพราะ—” แทน “ฉันโดนหักหลังเพราะ—” ฟอร์มเสร็จ
📲 ภาคินพุ่งเข้ามาในแชตกลุ่ม
📩 Phakin: เดี๋ยวกูยิงให้ ปีสี่–ปีสาม–ปีสอง แต่อย่าเก็บนาน เดี๋ยวเขียนแทนกัน
📩 Saitharn: ขอบคุณค่ะ ส่งลิงก์ในนี้เลย
📩 Phakin: รับทราบ คุณครู (แนบสติกเกอร์โค้งคำนับ)
สิบห้านาทีต่อมา ตัวเลขตอบแบบฟอร์มพุ่งจาก 0 เป็น 47 เป็น 103 และเกิน 150 ในแค่ชั่วโมงครึ่ง
“เร็ว—” สายธารตาโต
“โลกโซเชียลชอบของฟรี กูแนบสิทธิ์ลุ้นชูโรสหนึ่งแท่ง” ภาคินเฉลย
“ภาคิน!” สายธารหัวเราะ “ของกินเป็นรางวัลนี่มัน…”
“แต่ได้ผล” วายุไหล่ส่าย ๆ แบบภูมิใจแทนเพื่อน “ส่วนสัมภาษณ์ 5 คน เดี๋ยวพาเธอไปโรงกลึง อัดเสียงเด็กปีสี่ที่คบกันอยู่ 2 คู่ กับคนโสดอีก 1”
“ไปตอนนี้เลยไหม” เธอถาม
“ไปสิ” เขาแบกแฟ้ม “พี่ช่างใจดี ถ้าไม่เสียงดัง”
☀️ บ่ายแก่ ๆ
ในโรงกลึง กลิ่นน้ำมันเครื่องชัด เสียงเครื่องหมุน “วี๊งงง” ต่อเนื่อง วายุพาเธอเดินผ่านแนวโลหะ เขายื่นแว่นตาให้ “ใส่ไว้ ถึงเราไม่ได้เจีย แต่ฝุ่นก็ซน”
สายธารรับมาใส่ เดินเก้ ๆ กัง ๆ ข้างเครื่องใหญ่ หัวใจเต้นแรงเพราะไม่คุ้น
“กลัว?” วายุเหลือบถาม
“ไม่ แค่ ‘เคารพ’ เครื่องมือ” เธอย้ำ
เขายิ้ม “ชอบคำนี้”
เพื่อนสองคนที่วายุเรียกมา ช่วยยืนตอบหน้ากล้องมือถือ คำถามสั้น ๆ ไหลลื่น “คุณเคยเชื่อใจใครแล้วเครื่องดับกลางทางไหม” “คุณซ่อมยังไง” คำตอบตรง ๆ แต่มีเนื้อ สายธารจดสรุปเร็ว
ระหว่างเปลี่ยนคู่สัมภาษณ์
📲 โทรศัพท์วายุดัง ชื่อ “Krit” เด้งขึ้น เขามองหน้าจอ แล้วกดปิดเสียงทันที
“ไม่รับ?” สายธารถามเรียบ ๆ
“ไว้ทีหลัง” เขาตอบ “ตอนนี้โหมดโปรเจกต์”
เธอพยักหน้า ไม่พูดต่อ แต่แอบจดในใจ “✓ วางใจได้ชั่วคราว”
🕕 หกโมงเย็น
ทั้งคู่กลับถึงตึกอักษรเพื่อรวมไฟล์ แล้วไฟทั้งชั้นกะพริบหนึ่งที ก่อนดับสนิท
“โอ้ย—” สายธารร้อง “ไฟดับจริง”
วายุเปิดไฟฉายมือถือทันที “ตั้งสติ แผน B ของเธอ”
“เก็บไฟล์ลงแฟลชไดรฟ์ฉัน ส่งสำรองเข้ามือฉันกับนาย แล้วลงไปปริ้นท์ชั้นล่าง ร้านถ่ายเอกสารมีไฟจากเครื่องปั่น” เธอท่องเร็ว ๆ
“ไป” เขาคว้าแฟ้ม เธอหิ้วโน้ตบุ๊ก รีบวิ่งลงบันไดแบบเงียบ ๆ จนพี่แก้วคงภูมิใจถ้าเห็น
ร้านถ่ายเอกสารชั้นล่างแน่นนักศึกษาเต็มไปหมด ป้ายไฟเล็กโชว์ “คิว 18”
สายธารกำปากกาแน่น “เราไม่ทัน…”
“ทัน” วายุชี้โซนกรอกข้อมูลหน้าเคาน์เตอร์ “เธอจัดเล่ม ฉันยืนคิว” เขาถอดแจ็กเก็ตคลุมเก้าอี้ให้เธอ แล้วเดินไปยืนต่อคิวแบบไม่กวน
กฤตย์โผล่มาพอดี เขามองคิวแล้วสบตาวายุ
“รีบทำหรอ” เสียงเรียบ
“อือ” วายุตอบสั้น “พรุ่งนี้เช้าเช็คพอยต์”
กฤตย์ยิ้มเฉียง “โชคดีนะ อย่าให้ ‘ไฟดับ’ กลายเป็นข้ออ้างใหม่”
วายุจะสวน แต่สายธารส่ายหน้าช้า ๆ จากโต๊ะ เขาหายใจเข้าลึก แล้วยิ้มแทน “ขอบใจที่ห่วง”
คิวขยับเร็วเพราะพนักงานเปิดเครื่องเพิ่ม งานพวกเขาได้ปริ้นท์เรียงหน้า เย็บสันเรียบร้อย สายธารตรวจทุกหน้าอย่างละเอียดจนเกือบโดนวายุแซว “QC ระดับ NASA”
“เสร็จ” เธอผ่อนลมหายใจ “พรุ่งนี้ 8:45 หน้าห้อง”
“รับทราบ” เขายกมือเคารพเล่น “ไปส่งไหม”
“ไม่ต้อง พ่อมารับ”
“งั้นไปก่อน” เขาชูเล่มงาน “นี่คือหลักฐานที่ครูอยากได้”
“ใช่ และหลักฐานอีกอย่างคือมาตรงเวลา” เธอย้ำ
เขาหัวเราะ “เข้าใจแล้วครับศาล”
🌒 คืนนั้น
สายธารถึงบ้าน กินข้าวกับครอบครัว พ่อพูดสั้น ๆ “เด็กนั่น วันนี้ช่วยดี”
“ค่ะพ่อ” เธอตอบ ไม่เติมคำว่า “แต่” เพราะยังไม่มีเหตุผลจะเติม
ขึ้นห้อง เธอเปิดสมุดบันทึก 📖
💗 โทษที่ไม่คาดคิด คือการต้องทนหนุ่มกวน กระแสข่าวไม่หยุด แต่บางทีโทษก็ผลักให้เราวางแผนเก่งขึ้น รู้จักแผน B และยอมรับว่าคนเรามีสิทธิ์เปลี่ยน ถ้ามีสายตาที่เตือนให้นิ่ง
📲 โทรศัพท์เด้ง
📩 Vayu: ถึงห้องแล้ว
📩 Vayu: ไฟห้องฉันไม่ดับ แต่ฉันปิดเอง จะได้ไม่เล่นมือถือ
📩 Vayu: พรุ่งนี้จะพูดน้อย ๆ ทำงานเยอะ ๆ
📩 Saitharn: อย่าพูด ทำเลย
📩 Vayu: รับทราบครู
เธอยิ้มมุมปาก ปิดไฟ นอน เหนื่อย แต่ไม่วุ่นเหมือนก่อน
🔆 เช้าวันถัดมา
หลังส่งเล่มโครงร่างและผ่านเช็คพอยต์ อาจารย์บอก “สัปดาห์หน้าถ้าคะแนนสำรวจต่ำกว่า 150 ชุด ตัด 5 คะแนน” ทั้งห้องโอด วายุหันมากระซิบ “ภาคิน ชูโรสเพิ่มได้ไหม”
สายธารตีแขน “หยุดติดสินบนประชาชน”
“ก็แค่ขนม” เขาหัวเราะ
ออกจากห้อง มินตราวิ่งมาหา “เป็นไง ผ่านไหม”
“ผ่าน” สายธารตอบ
มินตราไชโย แล้วหันไปจ้องวายุ “ถ้าทำเพื่อนฉันเดือดร้อน ฉันจะบุกถึงโรงกลึง”
“ครับหัวหน้ากองกำลังพิทักษ์เพื่อน” เขาก้มหัวกวน ๆ “วันนี้จะเป็นเด็กดี”
“ขอให้จริง” มินตรายังไม่ไว้ใจ แต่ถอย
วายุก้มดูนาฬิกา “งั้นไปเก็บสัมภาษณ์อีกสองคน เที่ยงส่งผลรวม บ่ายถ่ายคลิป 3 นาที—เธอพร้อม?”
สายธารพยักหน้า “พร้อม และมีเงื่อนไข—ถ้าคลิปเสร็จเร็ว วันนี้นายต้องเลิกกวนฉันหนึ่งเย็น”
วายุทำท่าคิด “หนึ่งเย็นกี่ชั่วโมง”
“ห้าโมงถึงสี่ทุ่ม”
“ตกลง” เขายื่นมือ “สัญญาเด็กดี 5 ชั่วโมง”
เธอมองมือเขาสองวินาที แล้วยกนิ้วแตะเบา ๆ “เริ่มได้”
วายุยิ้ม ไม่กว้าง ไม่กวน แค่นิ่ง ๆ แบบที่เธอคุ้น
โทษที่ไม่คาดคิด ยังดำเนินต่อ แต่ถ้าทุกโทษมีบทเรียนแนบมา เธอก็รับได้ และถ้าเด็กกวนคนนั้นยังมาตรงเวลา ถือแฟ้ม เอกสารครบ ยืนคิวให้ และจำกฎพี่แก้วได้
เธอก็พร้อมจะนั่งฝั่งตรงข้ามโต๊ะต่อไป อย่างน้อยจนกว่าโปรเจกต์นี้จะจบ หรือจนกว่า
“พายุ” จะช้าพอ ให้ “สายน้ำ” เขียนบทสรุปร่วมกันได้จริง ๆ
ᨳ ﹅♥︎₊˚ ‧₊˚✧ ₊ ⟢⊹