📚 ꙳◟✿͙ ྀི ʕ•̫͡ 𐙚 ⃨ᰯᰭ
🕓 สี่โมงเย็น
ห้องสมุดกลาง มุมหน้าต่างเดิม แสงบ่ายส่องเข้ามาเป็นเส้น ๆ บนโต๊ะไม้ สายธารมาถึงก่อนเวลาเหมือนเคย เธอวางสมุด ปากกา แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา?!
📱เช็กข้อความ
📩 Mintra: “ถ้าเขามาสายอีก ฉันจะไปลากหู”
📩 Saitharn: “ยังไม่ถึงเวลา”
เธอถอนหายใจยาว ๆ เปิดหน้ากระดาษว่าง เตรียมดินสอไว้ เธอไม่ได้กังวล แต่ใจยังรอว่าเขาจะเขียนต่อจากเมื่อวานยังไง
🚪ประตูเลื่อนห้องสมุดเปิดออก
วายุเดินเข้ามาก่อนเวลาสองนาที เขาหยุดมองนาฬิกาผนัง เหมือนเช็กกับตัวเองว่า “วันนี้มาตรง” แล้วเดินตรงเข้ามา เขาไม่ยิ้มกวนเหมือนทุกที แต่ตาดูจริงจังขึ้นหน่อย
“มาก่อนสองนาที ถือว่าผ่านไหม” เขาวางกระเป๋า
“ผ่าน” สายธารพยักหน้า “เริ่มเลย”
“ไม่พักคุยก่อนเหรอ” เขาเลิกคิ้ว
“งานก่อน” เธอเลื่อนกระดาษเมื่อวานกลับไปตรงหน้าเขา “ต่อจากบรรทัดนี้”
เขารับปากกา 🖊️
แต่ยังไม่เขียนทันที เขามองหน้าเธอตรง ๆ อยู่พักหนึ่ง นานกว่าปกติ สายตาเธอยังเหมือนเดิม นิ่ง สงบ ชัดเจน เขาเคยชินกับสายตาที่หลบหนี หวั่น ๆ หรือไม่ก็อยากเข้าหา แต่สายตาแบบนี้ไม่ค่อยมีใครให้เขา
“เธอชอบจ้องนะ” เขาพูดเบา ๆ เหมือนคุยกับตัวเอง
“ฉันดูงาน” เธอตอบเรียบ ๆ “ไม่ได้จ้อง”
“มันต่างกันเหรอ”
“ต่างสิ” เธอตอบทันที “จ้องคืออยากได้อะไรบางอย่าง ดูคืออยากเข้าใจมัน”
เขาหลุดยิ้มมุมปากโดยไม่ตั้งใจ ก่อนก้มลงเขียน
ฉันเชื่อว่า…ความเงียบพูดได้ ถ้าเราไม่หนีมัน
ปากกาของเขาไหลไปเรื่อย ๆ เขาเขียนเรื่องข่าวลือที่เคยเจอ เรื่องชื่อเสียงที่ไม่ตรงกับตัวเองทั้งหมด แล้วก็เขียนถึง “สายตา” ที่ไม่ตัดสิน ซึ่งเขาเพิ่งเจอเมื่อคืน…และตอนนี้
สายธารนั่งเงียบ ไม่ขัดจังหวะ เธอฟังด้วยตา มองมือเขาที่ขยับเกร็งคลายตอนคิด มองตัวหนังสือที่ไม่เรียบร้อยแต่กล้าพูดจริง เธอวงคำบางคำเบา ๆ บนกระดาษอีกแผ่น แต่ไม่เปลี่ยนความหมายเดิม
⌚️ ยี่สิบนาทีผ่านไป วายุวางปากกา ถอนหายใจยาว
“โอเค เท่านี้ก่อน”
📝 สายธารรับกระดาษไปอ่าน
แล้วขีดเส้นใต้ประโยคหนึ่ง “ตรงนี้ดี ‘เราไม่เงียบเพราะยอมแพ้ เราเงียบเพราะอยากฟังตัวเองก่อน’ แต่ตัดคำซ้ำท้ายย่อหน้านี้ จะได้กระชับขึ้น”
“ได้” เขาพยักหน้า
“ตรงนี้…เปรียบเทียบเยอะไป ลดลง” เธอโน้มตัวชี้บรรทัด เขาขยับหน้าเข้ามาดูใกล้ ๆ ระยะตรงกลางโต๊ะหายไปชั่วคราว เธอยังนิ่ง ไม่เขิน ไม่ถอย เขากลับรู้สึกใจตัวเองสั่นนิด ๆ เพราะความนิ่งนั้น
“แล้วนี่” เธอชี้คำหยาบหนึ่งคำ “เปลี่ยน”
“อีกแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ “โอเค เปลี่ยน”
พอจัดโครงเสร็จ เธอให้เขาร่างบทสรุปหนึ่งย่อหน้า เขาเขียนช้าลงแต่คิดเยอะขึ้น คำยังตรง ยังเป็นเขา แต่เริ่มมีจังหวะที่เรียบขึ้น เหมือนตามมือเธอที่คอยชี้ทาง
🔆 พักห้านาที
สายธารเปิดขวดน้ำแล้วเลื่อนให้เขา “กินน้ำ” 🧉
“ขอบใจ” เขารับไปดื่มสองอึก แล้วเหล่มองขวด “เธอเตรียมมาเผื่อด้วย?”
“เผื่อใครลืม” เธอตอบง่าย ๆ
“ไม่ใช่ใครหรอก กูก็นี่แหละ” เขาพูดตรง ๆ
“ไม่ระบุชื่อ” เธอยิ้มบาง ๆ
เขามองยิ้มเล็ก ๆ นั้นแล้วรู้สึกแปลก เขาไม่ชอบรอยยิ้มหวานเกิน ไม่ชอบอะไรที่ฝืน เขาชอบอะไรจริง ๆ เงียบ ๆ และยิ้มของเธอเป็นแบบนั้น เลยทำให้เขาเงียบตาม
📣 เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
📲 มือถือของสายธารสั่น
เธอหยิบขึ้นมาเป็นรูปจาก “มินตรา…ภาพในสตอรี่ของใครบางคน”
วายุยืนคุยกับผู้ชายชุดเนี้ยบตรงบันไดตึกบริหาร แคปชันว่า “เจอกันหน่อยเพื่อนเก่า” มุมถ่ายด้านข้างแต่เห็นชัดว่าอีกคนคือ “กฤตย์”
📩 Mintra: “อย่าไว้ใจใครในรูปนี้”
สายธารไม่ตอบ วางมือถือคว่ำลง เขาเห็นแต่ไม่ถาม เงียบเหมือนกัน แต่สายตาแข็งขึ้นนิด
“กฤตย์ยังวนอยู่” เขาเป็นฝ่ายพูด
“นายเอาอยู่ไหม” เธอถามตรง ๆ ไม่ได้ท้าทาย แค่ถามว่าเขารับมือเองได้หรือเปล่า
“กูพยายามไม่ให้มันลาม” เขาเอนหลัง “แต่บางทีก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกูคนเดียว”
“งั้นอย่าให้มันลามมาช่วงติว” เธอสรุปสั้น ๆ “เวลานี้คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับงานนาย”
เขายิ้มน้อย ๆ “เธอตั้งกฎเหรอ”
“ใช่” เธอพยักหน้า “ตกลงไหม”
“ตกลง” เขาตอบเร็วโดยไม่คิดมาก แล้วก็แปลกใจตัวเองที่ตอบง่ายขนาดนั้น
ครบชั่วโมง เธอสรุปงานต่อ “กลับไปแก้ตามนี้ พรุ่งนี้เราฝึกอ่านออกเสียงด้วย จะได้รู้ว่าจังหวะลื่นไหม”
“อ่านออกเสียง?” เขาขมวดคิ้ว “เหมือนเด็กประถมเลย”
“แต่มันได้ผล” เธอตอบนิ่ง ๆ คราวนี้จริงจังกว่าเดิม “นายจะได้ยินสิ่งที่ตาอ่านไม่เจอ”
เขามองหน้าเธออีกครั้งสายตานิ่ง ตรง ไม่เล่น เขาเลยพยักหน้า “โอเค”
ทั้งคู่เก็บของ เดินออกจากห้องสมุดมาด้วยกัน ทางเดินหน้าตึกเงียบ ลมพัดเบา ๆ ใบไม้ไหวจนได้ยินเสียง
ตรงบันไดมีคนยืนคุยกันสองสามคน หนึ่งในนั้นคือกฤตย์ เขาพิงราว มองลงไปที่ลาน พอหันมาเห็นพอดี เขายิ้มบาง ๆ บรรยากาศเลยตึงทันที
“บังเอิญนะ” กฤตย์ทำเสียงเหมือนคุ้น “จะไปไหนกัน”
“ธุระของกู” วายุตอบสั้น ๆ
สายธารไม่พูด เธอยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ไม่หลบหลังใคร เธอมองกฤตย์ตรง ๆ สายตาไม่ได้แข็ง แต่ก็ไม่ถอย
กฤตย์หันมาที่เธอ “ติวเตอร์เหรอ” เขาเอียงคอ “ขยันดีนะ”
“ใช่ค่ะ” สายธารตอบสุภาพ “ขอตัว”
เธอกำลังก้าวลง แต่กฤตย์ขยับมาหน่อยเหมือนจงใจไม่ให้ทาง วายุเลยก้าวครึ่งก้าวมายืนขวางระหว่างเขากับเธอ
“อย่าเล่นแง่” วายุพูดเสียงต่ำ
กฤตย์ยิ้มเฉย ๆ “ทำไมต้องดุน้องด้วย คุยกันดี ๆ ก็ได้”
“ถ้าจะคุย ก็คุยกับกู” วายุพูดตรง ๆ ไม่ยอมยิ้ม
สายธารเห็นไหล่วายุเกร็ง มือเขากำหลวม ๆ เหมือนพร้อมจะสู้ เธอขยับมายืนข้าง ๆ ไม่หลบ ไม่หนี แล้วพูดเบา ๆ แต่ชัด
“ไม่ต้อง”
เขาหันมามอง เธอใช้สายตาเดิม—นิ่ง ตรง จริงจัง—ก่อนส่ายหัวเบา ๆ
แค่นั้น วายุก็ถอนหายใจ คลายมือ แล้วหันกลับไปพูดสั้น ๆ “กูไม่อยากเริ่ม”
กฤตย์หัวเราะในคอ ก่อนจะถอยหนึ่งก้าว “เชิญครับคุณติวเตอร์”
สายธารไม่มองกลับ เดินลงบันไดช้า ๆ วายุตามหลัง เธอไม่พูดอะไร แต่เขารู้ว่าเมื่อกี้เธอเป็นคนหยุดพายุในตัวเขาได้ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ “มอง”
ถึงลานด้านล่าง สายธารเอ่ยสั้น ๆ “ขอบคุณที่ไม่เริ่ม”
“เธอต่างหากที่หยุด” เขาตอบตรง ๆ “ถ้าเธอวิ่งหนี มันคงไม่จบแบบนี้”
“ฉันไม่หนี” เสียงเธอเรียบ “ฉันไม่ชอบหนี”
“แล้วถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ล่ะ” เขาถาม
“ก็ไม่หนี” เธอสบตา “แต่จะหาทางไม่ให้ถึงขั้นต่อย”
วายุสบตานั้นแล้วหลุดหัวเราะเบา ๆ “ยากนะโลกของกู”
“ก็ลองดู” เธอตอบ “เริ่มจากมาตรงเวลา แล้วก็ไม่หาเรื่องหน้าห้องสมุด”
“ครับคุณครู” เขายกมือเหมือนยอมแพ้
เสียงบิ๊กไบค์ดังมาจากอีกฟาก ภาคินขี่มาจอด ยกหมวกกันน็อกขึ้น “เห้ย ตามหาพอดี…อ้าว อยู่กับน้องติวเตอร์”
“ภาคิน นี่สายธาร” วายุแนะนำสั้น ๆ “สายธาร นี่ภาคิน”
“สวัสดีค่ะ” สายธารไหว้สุภาพ
ภาคินยิ้มกว้าง “น้องสวัสดีครับ โห เธอนี่ตำนานห้องสมุดแล้วนะ ติวให้หมอนี่มาตรงเวลาได้ยังไง”
“ยังหรอก” สายธารตอบตรง ๆ “แต่กำลังฝึกอยู่”
ภาคินหัวเราะชอบใจ “ชอบว่ะ คนพูดตรงดี”
วายุถอนหายใจ “มึงมีอะไร”
“เวิร์กช็อปที่โรงกลึง พรุ่งนี้เก้าโมง อาจารย์ฝากบอก” ภาคินหันมาทางสายธาร “แล้วน้อง…ถ้าอยู่ใกล้หมอนี่ เสียงดังบ่อย อย่าตกใจนะ โลกมันวุ่นประจำ”
“ฉันไม่ชอบเสียงดัง แต่ถ้าจำเป็นก็โอเค” เธอตอบง่าย ๆ
ภาคินหันไปมองวายุ เหมือนจะสื่อว่า “งานยากแล้วมึง” ก่อนใส่หมวกกันน็อกกลับ “โอเค กูไปละ เจอกันพรุ่งนี้” แล้วขี่ออกไป
วายุหันมาทางเธอ “ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไร เพื่อนจะมารับ” เธอดูนาฬิกา “อีกห้านาที”
“งั้นกูรอจนเพื่อนมา” เขาพูดเอง
“ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้” เธอส่ายหัว
“กูก็ไม่ได้มีอะไรทำอยู่แล้ว” เขาพิงต้นไม้ “ถือว่าทำตามกฎใหม่ของเธอ—ไม่เริ่มเรื่องหน้าห้องสมุด”
เธอไม่เถียง แค่ยืนห่างออกมานิดเดียว มองคนเดินไปมา เธอชินกับการรอแบบเงียบ ๆ และเธอก็ชอบ
“เมื่อกี้เธอมองกูอีกแล้ว” เขาพูดขึ้นโดยไม่หันมา
“ฉันยังดูงานอยู่” เธอตอบเรียบ ๆ “ดูว่านายจะเลือกทางไหน”
“แล้วถ้ากูเลือกผิดล่ะ”
“ก็แก้ใหม่” เธอว่า “ทุกคนมีสิทธิ์แก้”
เขาหันมามองตรง ๆ “เธอนี่…ทำให้กูช้าลง”
“ช้าลงก็ดี” เธอตอบ “จะได้คิดก่อนทำ”
พอดีมินตรามาถึง เธอจอดมอเตอร์ไซค์ ยกหมวกกันน็อกขึ้น “อ้าว เจอกันอีกแล้วคุณวายุ”
“สวัสดี” วายุยิ้มมุมปาก
มินตราหันมาทางสายธาร “ขึ้นเลยคุณลูกค้า ร้านฉันจะปิดแล้ว” ก่อนกระซิบ “เดี๋ยวเล่าละครคณะให้ฟังต่อ”
สายธารหันไปบอกวายุ “พรุ่งนี้สี่โมง”
“จะไม่สาย” เขาพูดเหมือนย้ำสัญญาเมื่อคืน
“ดี” เธอขึ้นซ้อนท้าย มินตราสตาร์ตรถ ขี่ออกไป ไฟท้ายเล็กลงเรื่อย ๆ จนหายไปจากสายตา
วายุยืนอยู่ที่เดิม หยิบมือถือขึ้นมา เปิดโน้ต อ่านประโยคที่เขาเขียนไว้ตอนบ่าย แล้วเติมบรรทัดใหม่ลงไป
ฉันเชื่อว่าบางสายตา…ทำให้พายุช้าลงได้
🌒 คืนนั้น
บ้านของสายธารก็เหมือนทุกวัน พ่อวางลังหนังสือใหม่ แม่เช็ดกระจกหน้าร้าน
เธอช่วยติดป้ายเล็ก ๆ “อ่าน 3 แถม 1 สำหรับนักศึกษา” เด็กมัธยมสองคนเข้ามาเลือกนิยายรักใส ๆ
เธอยิ้ม เธอชอบบรรยากาศแบบนี้มากกว่าความวุ่นวายข้างนอก
🛌 ก่อนนอน 💤
📖 เธอเปิดสมุด
✍️ เขียนบันทึกสั้น ๆ
“วันนี้เขามาก่อนสองนาที เขียนดีขึ้น ตัดคำหยาบง่ายขึ้น พยายามฟังมากขึ้น หน้าเขายังมีอะไรที่อ่านไม่หมด แต่สายตาเขาจริงขึ้น ตอนที่เขาไม่ต้องป้องกันตัวเอง”
เธอวางปากกา เช็กโทรศัพท์ ไม่มีข้อความใหม่ เธอไม่ได้รอ แต่ก็เปิดดูตามนิสัย จากนั้นปิดไฟ
อีกฝั่ง วายุกลับคอนโด
📲 ภาคินแชตมาเรื่องกฤตย์
📩 Phakin: “มันจะนัดพรุ่งนี้เช้า”
📩 Vayu: “บ่ายเถอะ เช้าเข้าเวิร์กช็อป”
📩 Phakin: “โอเค”
วายุโยนโทรศัพท์ลงโซฟา เดินไปหยิบน้ำเย็นจากตู้ เขาไม่ชอบยอมใคร แต่วันนี้เขายอมหลายเรื่อง ยอมมาตรงเวลา ยอมไม่เริ่ม ยอมอ่านงานของตัวเองเหมือนเด็กประถม และยอมรับว่ามันดีจริง ๆ
เขาเดินออกไปที่ระเบียง มองไฟเมือง เงาตัวเองในกระจกซ้อนกับวิวด้านนอก เขานึกถึงประโยคของเธอ “ฉันเป็นคนจริง ๆ ไม่ใช่ข่าวลือ” แล้วหัวเราะในคอ มันตรงดี
📱 โทรศัพท์ดังขึ้นอีกที
📲 มีข้อความใหม่
📩 Krit: “อย่าคิดว่ามีคนคอยกันแล้วจะรอด”
วายุมองข้อความแล้วลบทิ้งเหมือนเดิม ไม่ตอบ ดับหน้าจอ เปิดโหมดห้ามรบกวน เขาไม่อยากให้พายุในตัวเองไปกระแทกโต๊ะมุมหน้าต่างของใครอีก เขาไม่รู้ว่าจะควบคุมได้ถึงไหน แต่เขายอมรับว่าตอนเธอส่ายหน้าเบา ๆ ที่บันได เขาหยุดจริง ๆ
☀️ เช้าวันต่อมา
เวิร์กช็อปที่โรงกลึงเสียงดังตามสไตล์ ทั้งเสียงเจีย เสียงสั่งงาน วายุใส่แว่นป้องกัน ทำงานเงียบ ๆ จริงจังกว่าปกติ อาจารย์เดินผ่านมาเห็น “วันนี้ตั้งใจดีนะ”
“ครับ” เขาตอบสั้น ๆ
ภาคินกระซิบ “คนบางคนมีอิทธิพลว่ะ”
“เงียบเหอะ” วายุผลักไหล่เพื่อนเบา ๆ แต่ก็ยิ้ม
ช่วงพัก ภาคินก้มดูมือถือ “กฤตย์โพสต์สตอรี่อีกแล้ว แคปชัน ‘ใครกลัวความจริงก็หนีไป’”
วายุไม่เงยหน้า “ปล่อยมันไป”
ภาคินเหล่มอง “มึงใจเย็นผิดปกติ”
“ก็แค่ทำเรื่องของกู” เขาตอบ ขันน็อตต่อ “บ่ายค่อยเจอ”
ภาคินพยักหน้า เขารู้เลยว่าเพื่อนกำลัง “ช้าลง” แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
🌗 สี่โมง
ห้องสมุดมุมเดิม สายธารมาพร้อมหนังสือ เธอเตรียมปากกาไฮไลต์ วงจังหวะหายใจไว้ เขามาถึงตรงเวลาเป๊ะ
“นั่ง” เธอชี้เก้าอี้ “เริ่มย่อหน้าแรก”
วายุยิ้มบาง แต่ก็ทำตาม เขาอ่านออกเสียงประโยคของตัวเอง เสียงไม่ได้หล่อแบบพรีเซนเตอร์ แต่ชัดกว่าตอนแรก อ่านไปก็หยุดหัวเราะเมื่อเจอคำไม่เข้าที่ เธอขีดไว้สองจุด “ตรงนี้หายใจใหม่ ตรงนี้เปลี่ยนคำ”
อ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เขาพิงพนัก หายใจลึก “โอเค เข้าใจละ เวลาอ่านดัง ๆ เหมือนโป๊ความคิด”
“ก็ดีแล้ว” เธอยิ้มบาง ๆ “จะได้เห็นว่าอะไรเกิน”
“เธอบังคับให้กูดูตัวเองแบบที่กูไม่ค่อยทำ” เขาพูดจริงจังขึ้น
“ไม่ได้บังคับ แค่พา” เธอวางปากกา “แต่นายเดินเอง”
เขามองหน้าเธออีกครั้ง สายตายังเหมือนเดิม เขารู้สึกสะดุดเหมือนเดิม แต่คราวนี้เขาไม่หลบ เขายอมรับเงียบ ๆ ว่ามันทำให้เขาอยากเป็นตัวเองแบบที่ไม่ต้องอธิบายตามข่าวลือ
📱 มือถือสั่น เขาเหลือบดูแล้วกดปิดทันที ไม่เปิดอ่านด้วยซ้ำ
“ไปเถอะ นายมีธุระ” สายธารพูดขึ้น
“มี แต่รอได้อีกสิบนาที” เขาตอบ
“ไม่ต้องฝืน” เธอว่า “เราเรียนเสร็จแล้ว”
เขาก้มเก็บของ เงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนพูดตรง ๆ แบบไม่ป้องกัน “เธอทำให้กูอยากมาตรงเวลาอีก”
สายธารพยักหน้ารับ ไม่ได้สัญญาอะไร ไม่ได้พูดให้หวาน เธอแค่เก็บปากกา เก็บสมุดลงกระเป๋า แล้วมองเขาตรง ๆ อีกครั้ง สายตาแบบเดิม—ไม่หนี ไม่รุก แต่ชัดเจน
“พรุ่งนี้เหมือนเดิม” เธอสรุป
“เหมือนเดิม” เขาตอบสั้น ๆ
คราวนี้เขาเดินออกก่อน เพราะมีธุระที่เลื่อนไม่ได้ เขาหยุดนิดหนึ่งตรงหน้าประตู หันกลับมามอง เธอยังนั่งที่โต๊ะมุมหน้าต่าง แสงบ่ายส่องตรงแก้ม เขายกคางขึ้นนิดเดียว เหมือนสัญญาเงียบ ๆ แล้วเดินหายไป
สายธารมองประตูที่ปิด เธอไม่ได้ยิ้มกว้าง ไม่ได้อินกับคำว่า Bad Boy เธอแค่รับรู้ว่ามีคนหนึ่งกำลังพยายามช้าลงตรงหน้าต่างบานนี้ และหน้าที่ของเธอคือคงความนิ่งไว้ เพื่อให้เขาเห็นตัวเองชัดขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะบางครั้ง พายุมันไม่ได้หยุดด้วยกำแพง แต่หยุดด้วยสายตาที่ไม่หนี
และนี่แหละ เหตุผลที่วายุ “สะดุดใจ” กับสายตานั้นตั้งแต่คืนแรก จนถึงวันนี้…และคงจะต่อไปอีกนาน 🛌⌚️
⟡ ⍤ ᱸ⁎⁺˳ ♡̩͙ ꙳꒰•◡̎•꒱꙳ ♡̶