แพรวาเข็นรถพาน้องชายตัวโตกลับมาที่ห้องพัก โดยมีสุมาลีคอยถามคาดคั้นมาตลอดทาง
“อคิณมีอาการผิดปกติอะไรเหรอลูก ทำไมคุยกับหมอเสร็จแล้วทำหน้าเหมือนโลกถล่มแบบนี้”
คนถูกถามเอาแต่ทำหน้าเคร่งเครียด ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก
“ถ้าอคิณยังไม่พร้อมจะเล่าก็อย่าเพิ่งคาดคั้นเลยค่ะคุณแม่” แพรวาบอกพลางพยุงน้องชายที่มีอายุห่างกันห้าปีขึ้นไปนอนบนเตียง จากนั้นก็นำรถเข็นไปจอดเก็บไว้มุมห้อง
“แม่เป็นแม่ ไม่มีสิทธิรู้เหรอว่าลูกเป็นอะไร ที่ถามก็เพราะเป็นห่วงนะ ดูหน้าน้องชายเราสิ หมดอาลัยตายอยากเหมือนคนป่วยระยะสุดท้ายไม่มีผิด” สุมาลีบ่นกระปอดกระแปด
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละครับคุณแม่” คนเป็นลูกชายบอกด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยว
“เป็นอะไรก็บอกมาเถอะ แม่เริ่มใจไม่ดีแล้วนะ”
“คือว่าผม...” อคิณยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม “โอ้ย! ผมไม่รู้จะพูดยังไง”
“ถ้าอคิณไม่ยอมบอก แม่ไปถามหมอเองก็ได้” สุมาลีทำท่าจะเดินออกไปจริงๆ
“ผมบอกก็ได้ครับคุณแม่”
“ว่ามา ตกลงเป็นอะไร” คนเป็นแม่หันกลับมาจ้องหน้าลูกชาย รอคำตอบ
“เอ่อ...คือผม...ผม...ผมมีลูกไม่ได้ครับ” ชายหนุ่มเลือกใช้คำที่ทำให้เสียความมั่นใจในตัวเองน้อยที่สุด
“มีลูกไม่ได้!” สุมาลีตกใจ “หมายความว่ายังไง!?”
“ถ้าจะพูดให้ตรงประเด็นกว่านั้นก็คือ ผม-ทำ-ลูก-ไม่-ได้” ชายหนุ่มย้ำชัดทุกคำ
“หมายถึงไร้สมรรถภาพทางเพศน่ะเหรอ” แพรวาขมวดคิ้ว
“ไม่มีน้ำยา!!!” สุมาลีพูดโพล่งสวนออกมาเสียงดัง
“เบาๆ สิครับคุณแม่” อคิณยกมือจุ๊ปากอย่างอายๆ
“แทนที่แกจะอาย แกควรกลัวคุณปู่รู้เรื่องนี้มากกว่า ถ้าคุณปู่รู้ว่าแกมีทายาทสืบสกุลให้ไม่ได้ แกถูกยึดตำแหน่งประธานโรงแรมคืนแน่ แล้วทีนี้ ‘มง’ ก็จะไปลงที่อาเจษ ลูกเมียน้อยของปู่ที่พยายามจะแย่งตำแหน่งแกอยู่”
“ผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอกครับคุณแม่ ขืนให้อาเจษมานั่งแท่นเป็นประธาน โรงแรมคงได้ฉิบ...” ชายหนุ่มยั้งคำหยาบไว้ได้ทัน “โรงแรมคงได้เจ๊งแน่”
“แล้วหมอว่ายังไงบ้าง มีทางรักษาหรือเปล่า” สุมาลีถามลูกชาย
“หมอบอกให้ทำกายภาพบำบัดกับหาตัวช่วยครับ”
“ตัวช่วย? ยังไงเหรอ?” แพรวาสงสัย
“เอ่อ...ก็คือ...” อคิณลำบากใจที่จะพูด แต่ก็ต้องพูด “ต้องหาผู้หญิงมาช่วยปลุกเร้าความต้องการของผม ควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดน่ะพี่แพร ผมคิดว่าจะให้รดาช่วย”
“ทำไมต้องเป็นรดา” สุมาลีถามเสียงขุ่นอย่างไม่ชอบใจ
“อาการป่วยของผมต้องเก็บเป็นความลับ ให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะคุณปู่ แล้วผมมีตัวประกันอยู่ในมือถึงสองคน คือพ่อกับพี่สาวของรดา ผมคิดว่าน่าจะต่อรองให้เธอเก็บเรื่องของผมเป็นความลับได้”
“แล้วถ้ารดาเล่นไม่ซื่อ เอาความลับไปขาย หรือไม่ก็เอาความลับนี้มาต่อรองให้คิณปล่อยพ่อกับพี่สาวล่ะจะทำยังไง” ให้ตาย สุมาลีก็ไม่ไว้ใจอมลรดา
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนี้ผมหาทางป้องกันเอาไว้แล้ว”
“แต่แม่ว่า...” คนเป็นแม่ยังพูดไม่ทันจบ ลูกชายก็พูดขัดขึ้น
“ครั้งก่อนผมยอมแต่งงานกับริษาตามแผนของคุณแม่แล้ว ครั้งนี้ผมขอเป็นคนตัดสินใจเองนะครับ”
สุมาลีชะงักไปนิดหนึ่ง เธอยอมรับว่าพลาด ที่เป็นคนต้นคิดให้จ้างวริษามาแต่งงานกับอคิณเพื่อตบตาคุณปู่ให้ยกตำแหน่งประธานโรงแรมให้ ตอนแรกคุณปู่ก็อิดออด เพราะอยากให้มีทายาทสืบสกุลก่อน แต่อคิณก็รับปากไว้ว่าจะมีหลานชายให้ท่านภายในหนึ่งปีหลังจากแต่งงาน ท่านจึงยอมยกตำแหน่งให้ แต่ก็มีเงื่อนไขว่า ถ้าภายในหนึ่งปีอคิณทำไม่ได้ตามที่รับปากก็จะต้องถูกยึดตำแหน่งคืน
“แพรว่ารดาเหมาะสมที่จะทำหน้าที่นี้ที่สุดแล้วค่ะคุณแม่” แพรวาช่วยเกลี้ยกล่อม “พยาบาลก็เล่าให้ฟังแล้วนี่คะ ว่าวันนี้รดาทำให้อคิณยอมทานข้าว ทานยาได้ ปกติคิณไม่เคยยอมใคร แต่กลับยอมรดา แพรว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา”
“ช่วงรักษาตัว ผมจะพารดาไปอยู่เซฟท์เฮาส์ที่เชียงใหม่ เธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับใครทั้งนั้น โทรศัพท์มือถือผมก็จะไม่ให้ใช้ เพื่อป้องกันความลับรั่วไหล ผมจะปล่อยเธอกลับมาก็ต่อเมื่อผมหายเป็นปกติแล้วเท่านั้น”
“ไปอยู่กันสองต่อสองที่โน่นเนี่ยนะ!”
แพรวาเห็นอาการหวงลูกชายของสุมาลีแล้วอดขำไม่ได้ “ถึงอยู่กันสองต่อสองอคิณก็ทำอะไรรดาไม่ได้หรอกค่ะ ต่อให้อยากทำแค่ไหนก็เถอะ”
“อย่ามาดูถูกกันนะพี่แพร คอยดูผมจะกลับมาฟิตปั๋งเหมือนเดิมให้ได้ภายในหกเดือน” อคิณบอกอย่างมุ่งมั่น เขาจะไม่ยอมอยู่อย่างเหี่ยวเฉาไปตลอดชีวิตแน่ แต่ปัญหาคือ ไม่รู้ว่าอมลรดาจะยอมช่วยเขาหรือเปล่า