บทที่ 1 - จูบผมที [1]
“ออกไป!” คนไข้หนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงตะเบ็งเสียงลั่นห้องด้วยความเกรี้ยวกราดพร้อมกับปาไอแพดที่แสดงภาพข่าวและพาดหัวตัวโตว่า ‘วิวาห์หมื่นล้านล่มไม่เป็นท่า เจ้าสาวหนีงานแต่งงานไปกับชู้รัก’ ไปกระแทกผนังห้องจนแตกกระจาย ทำให้พยาบาลสาวที่ถืออุปกรณ์เช็ดตัวเข้ามาพอดีหยุดชะงัก ยืนตัวสั่นน้ำตาคลออยู่ปลายเตียง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อคิณอาละวาด และนี่ก็ไม่ใช่พยาบาลคนแรกที่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ หนึ่งเดือนเต็มที่ชายหนุ่มเข้ามารักษาตัวเนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในคืนวันแต่งงาน เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นทุกวัน จนพยาบาลทั้งวอร์ดเข็ดขยาด ไม่มีใครอยากเข้ามาดูแล แม้ว่าข่าวนี้จะผ่านมาเป็นเดือนแล้ว แต่ทุกครั้งที่บังเอิญเปิดมาเจอก็จะโกรธจนสติแตกแบบนี้ทุกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นคะ” อมลรดาเดินเข้ามาถามพยาบาลพลางปรายตามองไปยังชายหนุ่มที่นั่งทำหน้าบึ้งตึงอยู่บนเตียง
“คนไข้ไม่ยอมเช็ดตัว ข้าวก็ไม่ยอมทานตั้งแต่เช้าแล้ว”
อมลรดาเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง เห็นว่าเป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่าแล้วจึงถามหาแม่และพี่สาวของคนไข้เจ้าปัญหาที่อายุสามสิบปีแล้วแต่ยังทำตัวเกเรเหมือนเด็กสิบขวบ “คุณสุมาลีกับคุณแพรวาทราบหรือยังคะว่าคุณอคิณเป็นแบบนี้”
“ติดต่อไม่ได้ทั้งคู่เลยค่ะ” พยาบาลสาวบอกเสียงสั่น ท่าทางเป็นกังวลเพราะอคิณมีไข้ต่ำๆ และยังไม่ได้กินยาทั้งวัน หมอจะฉีดยาให้ก็ไม่ยอม และทั้งที่แขนขวาหักจนต้องเข้าเฝือก รวมถึงขาทั้งสองข้างก็ใช้งานได้ไม่ปกติ แต่เจ้าตัวก็ตะเกียกตะกายจะกลับบ้านให้ได้ “จะทำยังไงดีคะ คนไข้ไม่ยอมฟังใครเลย”
“ฉันจัดการเอง” อมลรดาคว้าอ่างน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กในมือพยาบาลมาถือไว้ “คุณพยาบาลไปเตรียมอาหารกับยามานะคะ”
“อยู่บนโต๊ะแล้วค่ะ รบกวนด้วยนะคะ” พยาบาลบอกแล้วรีบชิ่งออกไป นาทีนี้จะว่าเธอทิ้งหน้าที่ก็ยอม เพราะอคิณน่ากลัวเกินกว่าจะเข้าใกล้
อมลรดาพยักหน้ารับกับพยาบาลแล้วเดินเข้าไปหาคนที่เกือบจะได้ชื่อว่าเป็น ‘พี่เขย’ ของเธอที่ข้างเตียง “ฉันจะเช็ดตัวให้ เสร็จแล้วคุณจะได้ทานข้าวทานยา”
“นี่คุณยังกล้ามาให้ผมเห็นหน้าอีกเหรอ!” อคิณกัดกรามแน่นอย่างแค้นเคือง เพราะนอกจากพี่สาวของเธอจะทำให้เขากลายเป็นคนโง่ในสายตาของคนในสังคมแล้ว เขายังเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันก่อนว่าพ่อของเธอซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ของโรงแรม ‘แกรนด์ธาดา’ ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารอยู่ ยักยอกเงินไปถึงสี่สิบล้านบาท
“ฉันมาเจรจาเรื่องคดีของคุณพ่อ” หญิงสาวบอกอย่างละอายใจ เธอไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำของพ่อเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยินดีที่จะชดใช้ทุกอย่างแทน เธอจะไม่หนีเหมือนที่พ่อเธอทำ
อมลรดาถูกส่งไปเรียนที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่เรียนจบชั้นมัธยมต้น และเรียนอยู่ที่นั่นจนจบปริญญาตรี เจ็ดปีเต็มที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัว ทำให้เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับพ่อและพี่สาวน้อยมาก โดยเฉพาะอคิณ ผู้ชายที่พี่สาวเธอแต่งงานด้วย เธอแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย นอกจากเขาเป็นเจ้านายของพ่อ และเป็นชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอบังเอิญให้ความช่วยเหลือที่ประเทศอังกฤษเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ก่อนจะกลับมาเจอกันอีกครั้งที่ประเทศไทยและพบว่าเขาเป็นว่าที่พี่เขยของเธอ
“ก่อนคุย ให้ฉันเช็ดตัวให้คุณก่อนนะคะ คุณจะได้ทานข้าว ทานยา” หญิงสาวหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กจุ่มลงในอ่างน้ำอุ่นแล้วบิดพอหมาด แต่ยังไม่ทันเสร็จดี อคิณก็ปัดอ่างน้ำตกพื้น เสียงดังโพล้งเพล้ง น้ำนองเต็มพื้น
“กลับไป! ไม่ต้องมายุ่งกับผม!!!”
“ฉันจะกลับก็ต่อเมื่อคุยธุระเสร็จแล้วเท่านั้น” อมลรดาก้มลงเก็บอ่างน้ำที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วเดินเข้าไปรองน้ำอุ่นในห้องน้ำ ครู่หนึ่งก็ออกมายืนที่เดิม
“อยากเช็ดตัวให้ผมมากนักใช่มั้ย ได้! งั้นก็เช็ดให้สะอาดทุกซอกทุกมุมก็แล้วกัน” ชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อทุกเม็ดออกด้วยมือข้างซ้ายที่ใช้การได้เพียงข้างเดียว แล้วทำท่าจะปลดปมเชือกที่เอวกางเกง
“คุณจะทำอะไร” หญิงสาวร้องถามเสียงหลง
“แก้ผ้าให้คุณเช็ดตัวให้ไง เสร็จแล้ว ผมถึงจะคุยเรื่องพ่อคุณ” อคิณแค่นยิ้ม มั่นใจว่าเธอคงไม่กล้าทำแล้วคงเผ่นหนีออกจากห้องแทบไม่ทันแน่นอน
อมลรดากำผ้าเช็ดตัวในมือแน่น รู้ว่ากำลังถูกแกล้ง แต่คนอย่างเธอไม่เคยยอมแพ้ใครง่ายๆ อยู่แล้ว
แกล้งมา แกล้งกลับ ไม่โกง!
“คุณแน่ใจนะว่าจะ ‘แก้ผ้า’ ให้ฉันเช็ดตัวให้จริงๆ” หญิงสาวข่มใจถามด้วยมาดสาวมั่นอย่างนักเรียนนอก ทว่าใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอเติบโตมาในประเทศตะวันตกที่เห็นผู้ชายสวมกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วเดินตามชายหาดหรือสระว่ายน้ำมาจนชินตาแล้วก็จริง แต่ยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเปลือยกายทุกสัดส่วนต่อหน้าต่อตามาก่อน โดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์สำคัญ อมลรดาไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่า ถ้าเห็นแล้วจะห้ามใจตัวเองไม่ให้กรี๊ดใส่หน้าเขาได้หรือไม่
“ผมแน่ใจ ว่าแต่คุณเถอะ กล้าหรือเปล่า” คนเจ็บมองหน้าท้าทายอย่างคิดว่าตัวเองเหนือกว่า
“กล้าอยู่แล้ว ฉันเนี่ยมือหนึ่งในการอาบน้ำไดร์ขนเลยนะ”
“อาบน้ำ ไดร์ขน?” หัวคิ้วหนาเข้มกระตุกเข้าหากันอย่างข้องใจ
“ฮื่อ” หญิงสาวพยักหน้ารับหน้าซื่อตาใส แต่หากพิจารณาดูให้ดีจะเห็นว่าเธอตั้งใจ ‘กวนประสาท’ คนที่คิดจะแกล้งเธอก่อน “ตอนอยู่อังกฤษฉันทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาบน้ำตัดขนหมา ตั้งแต่พันธุ์เล็กจิ๋ว จนถึงตัวใหญ่บิ๊กเบิ้มก็ผ่านมือฉันมาหมดแล้ว แค่เช็ดตัวให้คุณ ไม่เท่าไหร่หรอก” หญิงสาวทำเป็นปากกล้าขาสั่นไปอย่างนั้นเอง อาบน้ำให้ ‘สุนัข’ กับเช็ดตัวให้ ‘ผู้ชาย’ ร่างกายกำยำมันเหมือนกันที่ไหน
“คุณเอาผมไปเปรียบเทียบกับหมาเนี่ยนะ!” อคิณฉุนจัด
“เปล่าซะหน่อย” อมลรดากลั้นขำ “ฉันแค่อยากให้คุณมั่นใจว่า ฉันจะเช็ดตัวให้คุณได้สะอาดทุกซอกทุกมุมอย่างที่คุณต้องการแน่นอน ฉันเป็นมือวางอันดับหนึ่งของร้านเลยนะ ไม่ว่าหมาจะดื้อแค่ไหน ฉันเอาอยู่ แต่...”
“แต่อะไร” คนเจ็บถามเสียงกระด้าง
“แต่ฉันว่าคุณควรทานข้าว ทานยาก่อน เพราะเลยเวลามามากแล้ว”
“คุณไม่มีสิทธิต่อรอง”
“คุณนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิต่อรอง ถ้าอยากให้ฉันเช็ดตัวให้ก็ต้องทำตามที่ฉันบอก”
“ถ่วงเวลา”
คนถูกรู้ทันยิ้มเจื่อน “ขอเวลาทำใจแป๊บนึงไม่ได้เหรอ ฉันยอมรับว่าอาบน้ำให้น้องหมากับเช็ดตัวให้คนมันไม่เหมือนกัน ฉันเห็นปิกาจู้หมามาเยอะก็จริง แต่ยังไม่เคยเห็นของคน คุณก็ต้องให้เวลาฉันทำใจหน่อยสิ แต่จะว่าไปของคุณก็คงคล้ายๆ กับของชิสุแหละเนอะ”
“นี่คุณ!!!” อคิณโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ผู้หญิงคนนี้กล้าเอา ‘อคิณน้อย’ ที่เขาแสนจะภาคภูมิใจไปเปรียบเทียบกับของสุนัขพันธุ์ชิสุตัวเล็กจิ๋วได้ยังไง “ถ้าคุณไม่หยุดพูดถึงหมา วันนี้คุณไม่ได้ออกจากห้องนี้แน่”
“ก่อนจะทำอะไรฉัน เดินเองให้ได้ก่อนเถอะ” พูดออกไปแล้วก็รู้สึกแย่ที่ไปขยี้บาดแผลในใจเขา เธอรู้มาว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เส้นประสาทไขสันหลังของเขาได้รับความกระเทือนจนร่างกายช่วงล่างอ่อนแรง ไม่ถึงกับเป็นอัมพาตจนเดินไม่ได้เสียทีเดียว แต่ก็เดินด้วยตัวเองลำบาก
“ถึงผมจะเดินไม่คล่อง แต่อย่าคิดนะว่าผมจะทำอะไรคุณไม่ได้”