เช้าวันต่อมา ก้องภพหอบเอกสารรายงานกระประชุมและเอกสารด่วนที่อคิณต้องเซ็นมาให้เจ้านายกองโตตั้งแต่แปดโมงเช้า หลังจากผู้บริหารหนุ่มเซ็นเอกสารเสร็จ เลขาคนสนิทก็รายงานความคืบหน้าของอุบัติเหตุที่ตอนนี้ทุกฝ่ายแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มีคนตั้งใจกำจัดอคิณให้พ้นทาง
“ผู้กองสายฟ้ารู้ที่กบดานของคนขับรถบรรทุกแล้วนะครับท่านประธาน แต่ตำรวจไปถึงช้าเกินไป มันผูกคอตายซะก่อน”
“ฆ่าตัดตอน” อคิณพูดอย่างรู้ทัน
“ผู้กองสายฟ้าก็สันนิษฐานแบบนั้นครับ แต่ก็ต้องรอผลการชันสูติจากนิติเวชก่อนถึงจะสรุปสาเหตุการตายที่แท้จริงได้”
“อาเจษมีการเคลื่อนไหวอะไรมั้ย”
“ทุกอย่างเป็นปกติครับ คุณเจษก็ยังคงอยู่คาสิโนมากกว่าเข้าไปทำงานที่โรงแรม”
“ทำตัวแบบนี้แล้วยังมีหน้ามาโกรธที่คุณปู่ไม่ยกตำแหน่งประธานโรงแรมให้” อคิณบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายใจ แล้วสั่งงานต่อ “จัดการโอนเงินส่วนตัวของฉันเข้าบัญชีรดาสิบล้านก่อนเที่ยง เสร็จแล้วพาเธอมาหาฉันด้วย”
“ค่าอะไรครับตั้งสิบล้าน?”
“รดารู้ ส่วนนายไม่ต้องรู้” อคิณบอกหน้านิ่ง เพียงเท่านี้ก้องภพก็รู้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่ควรซักถามอะไรอีก สิ่งที่เขาควรทำตอนนี้คือ รีบไปปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายให้เรียบร้อยให้เร็วที่สุด
“คุณ! เข้ามาได้ยังไง” อมลรดาที่กำลังดูดฝุ่นในห้องรับแขกอยู่ชะงักกึกเมื่อเห็นก้องภพเดินเข้ามา
“ขอโทษด้วยนะครับที่ถือวิสาสะเดินเข้ามา ผมกดกริ่งหน้าบ้านหลายครั้งแล้วแต่ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ยิน” หนุ่มหน้าตี๋บอกพลางมองไปที่เครื่องดูดฝุ่นรุ่นเก่าคร่ำครึที่ส่งเสียงดังกระหึ่ม
อมลรดากดปุ่มปิดเครื่องดูดฝุ่นแล้วยิ้มอย่างเข้าใจ “เสียงเครื่องดูดฝุ่นคงจะดังกลบเสียงกริ่ง”
“คุณจำผมได้ใช่มั้ยครับ”
“จำได้ค่ะ คุณมากับคุณอคิณเมื่อคืนนี้”
“ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ ผมชื่อก้องภพ เป็นเลขาของคุณอคิณ”
“แล้วคุณมาหาฉันทำไมแต่เช้าคะ”
“ท่านประธานให้ผมทำเรื่องโอนเงินให้คุณสิบล้านบาท แต่ผมทราบว่าคุณยังไม่มีบัญชีธนาคารที่ประเทศไทย ก็เลยจะมารับคุณไปเปิดบัญชี แล้วจะได้ทำเรื่องโอนเงินให้เรียบร้อยทีเดียวเลย”
หญิงสาวประหลาดใจที่ก้องภพรู้ว่าเธอยังไม่มีบัญชีธนาคารที่ประเทศไทย แต่คิดอีกที ขนาดพ่อและพี่สาวของเธออคิณยังตามหาจนเจอ เรื่องแค่นี้ทำไมเขาจะไม่รู้ “ท่านประธานคุณบอกหรือเปล่าคะว่าให้เงินฉันค่าอะไรตั้งสิบล้าน”
“ท่านประธานบอกว่าคุณทราบ”
อมลรดาคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งแล้วพลันใบหน้าร้อนผ่าวพลางยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก เมื่อนึกได้ว่าน่าจะเป็นค่า ‘จูบ’ เมื่อวานนี้
ไหนว่าจะไม่จ่ายไง!
หลังจากจัดการธุระเรื่องเงินที่ธนาคารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก้องภพก็พาอมลรดามาหาอคิณที่โรงพยาบาล แต่เขาส่งเธอแค่หน้าห้องพักของเจ้านายเท่านั้น
“ผมส่งแค่นี้นะครับ ต้องรีบไปเคลียร์งานให้ท่านประธานที่โรงแรมต่อ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นธุระจัดการทุกอย่างให้จนเรียบร้อย แถมยังมาส่งอีก”
“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ” ก้องภพค้อมศีรษะลงนิดหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินออกไป
อมลรดามองตามร่างผอมสูงที่เดินห่างออกไปแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ชายหนุ่มที่สุภาพอ่อนโยนอย่างก้องภพ ทนอยู่กับเจ้านายเกรี้ยวกราดเจ้าอารมณ์อย่างอคิณได้ยังไง ขนาดเธอรับมือกับเขาแค่วันเดียว เส้นเลือดในสมองแทบจะระเบิด
หญิงสาวหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมสติ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบว่าห้องเงียบสงบเป็นปกติ เพราะคนไข้เจ้าปัญหาที่อาละวาดโรงพยาบาลแทบแตกเมื่อวานนี้กำลังนอนหลับอยู่ เวลาหลับ เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาที่ไร้พิษสง ต่างจากเวลาตื่นลิบลับ
หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงพลางมองใบหน้าของคนที่หลับอยู่อย่างพินิจพิจารณา กรอบหน้าของเขาคมชัด ผิวสีน้ำนมเนียนละเอียดตัดกับคิ้วหนาเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักสวยที่ยังคงทิ้งร่องรอยหวามไหวไว้บนริมฝีปากของเธอ และวินาทีที่สายตาของอมลรดายังคงจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากเย้ายวนของอคิณ คำสอนของนาน่าก็ดังขึ้นในหัว
‘ก่อนอื่น แกต้องหัดจูบให้เร่าร้อน เซ็กซี่ แบบที่เขาทำกับแกให้ได้’
‘แล้วฉันจะไปหัดกับใคร’
‘กับเขาคนนั้นของแกนั่นแหละ’
อมลรดาเม้มปากแน่น สายตาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของอคิณพลางครุ่นคิดว่า ถ้าเธอทำงานสำเร็จตามเป้าหมายได้เร็ว เธอก็จะไม่เปลืองตัวมาก
“จูบก็จูบ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปนั่งที่ขอบเตียง แล้วโน้มใบหน้าลงไปแนบริมฝีปากกับคนที่นอนหลับอยู่ วินาทีแรกที่ริมฝีปากแตะกัน อมลรดารีบดึงตัวเองขึ้นนั่งหลังตรงด้วยความกระดากอาย เธอทำใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก้มหน้าลงจูบเขาอีกครั้งด้วยการเลียนแบบทุกการเคลื่อนไหวที่เขาทำกับเธอครั้งก่อน ตอนแรกเหมือนจะขัดเขินอยู่เล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวก็ลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติ
“ลักหลับผมเหรอ” อยู่ๆ คนที่นอนหลับตานิ่งก็ลืมตาโพลงขึ้นมา
“คุณ!”