[6] 'นี่ใช่คนที่เขาเล่ากันจริงๆ หรอว่าเลือดหายากน่ะ ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าทำไม?'
'นายทำเธอตายไม่ได้นะ นายหญิงสั่งไว้แล้วว่าอย่ายุ่งกับยัยมนุษย์นี่จนกว่าเธอจะมา'
ฉันที่เพิ่งฟื้นสติได้ไม่นานหลังจากได้ยินบทสนทนาของชายสองคน แน่นอนว่าพวกเขาคงเป็นแวมไพร์ แย่หน่อยที่ว่าฉันถูกปิดตาเลยไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ถูกมัด...ขอความช่วยเหลือไม่ได้ ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะใครกัน? แต่ฉันไม่ได้อยากโทษจอห์นหรอก...จริงๆ นะ
'นายหญิงมาแล้ว'
ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของแวมไพร์เกือบๆ สิบตัวที่กำลังเดินเข้ามาในนี้ และทุกอย่างก็เงียบลง ฉันพยายามมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะถูกแกะผ้าปิดตาออก เป็นแวมไพร์สาวผิวซีด เธอสวมเสื้อคอกว้างสไตล์วิกตอเรี่ยน บวกกับกางเกงยีนที่อาจดูไม่เข้ากับเสื้อนัก แต่ดูรวมๆ แล้วกลับดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ
"ขอโทษทีนะที่ต้องทำแบบนี้" เธอพูดและหยิบมีดพกออกมาจากด้านหลัง ดวงตาสีอำพันนั้นจ้องมองฉันอย่างดุร้าย
"ถ้าจะฆ่าฉัน...ทำให้มันเร็วๆ หน่อย"
ฉันหลับตา ที่กลัวก็แค่ความเจ็บเท่านั้น แต่รออยู่นานแสนนานฉันจึงลืมตาขึ้น เชือกที่มัดไพล่หลังฉันถูกตัดออก และแวมไพร์สาวก็เก็บมีดพกเข้ากระเป๋า นั่นทำให้ฉันสับสนว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน และทำไมต้องพาฉันมาที่นี่ด้วย
"ฉันชื่อวิกเตอเรีย และฉันจะไม่ทำร้ายเธอ"
ฉันมองเหล่าแวมไพร์ชายร่างยักษ์ที่ยืนเรียงหน้ากระดาน และฉันก็เผลอแค่นหัวเราะออกมาก่อนจะมองที่แวมไพร์สาว แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจมองเธอแบบเหยียดหยามหรอกนะ
"แต่เท่าที่ฉันเข้าใจ เธอเป็นคนลักพาตัวฉันมาไม่ใช่รึไง?"
"ก็ถ้าไม่ทำแบบนั้น ฉันเชื่อเลยว่าเธอคงไม่ยอมมากับเราหรอก ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ"
ฉันลุกออกจากเก้าอี้ตัวนั้นและเดินหนีออกมา จอห์นก็พูดแบบนี้ตอนที่ฉันไปที่คลับนั่น และฉันก็โดนยัยแวมไพร์โรคจิตดูดเลือดเข้าให้ คราวนี้ฉันไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ แวมไพร์หนุ่มสองคนวาร์ปเข้ามาและกันไม่ให้ฉันออกไป ส่วนวิกเตอเรียนั้นค่อยๆ เดินตามมา
"ฉันชอบแววตาของเธอนะ ดื้อรั้น เหมือนโจนาธานไม่มีผิด...ฉันจะไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเธอจะยอมฟังฉันสาวน้อย" โจนาธานที่เธอว่าคงหมายถึงจอห์น งั้นสองคนนี้ก็รู้จักกันน่ะสิ?
"ทำไมฉันต้องเชื่อพวกคุณด้วย?"
"ไม่อย่างนั้นเธอก็ตายไปนานแล้วที่รัก"
ฉันเงียบไป นั่นก็จริงอย่างที่เธอพูด ฉันตัดสินใจถอยหลังกลับมาและหันเผชิญหน้ากับวิกตอเรีย
"...ตามมาสิ"ื
แวมไพร์สาวยิ้มอย่างยินดีก่อนจะเดินนำมาถึงลิฟท์ตัวหนึ่ง ไม่เห็นจะเข้าท่าเลยที่มีลิฟทในโกดังเก็บของแบบนี้ เธอเดินเข้าไปก่อนจะดึงให้ฉันเข้ามาด้วย มีแค่เราสองคนในนี้ ก่อนที่แสงสว่างจากพื้นเบื้องบนจะหายไปช้าๆ ฉันยืนอยู่ในความมืด...พร้อมกับแวมไพร์ เหมือนอยู่ในกรงเสือที่กำลังหิวโหยยังไงไม่รู้
"ว่าแต่ ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคุณไม่เหมือนคนอื่น แบบว่า...พอฉันไปเจอแวมไพร์ พวกนั้นต้องอยากดื่มเลือดฉันทุกครั้งเลย แต่คุณดูเป็นมิตร"
"แปลกใจขนาดนั้นเลยหรอที่รัก?" เธอกระซิบในความมืด
"และฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องพาฉันมาที่นี่"
"เราไม่ดื่มเลือดมนุษย์ ไม่ดื่มมานานแล้ว และฉันก็มีจุดประสงค์ไม่เหมือนพวกที่เธอไปเจอมาหรอกนะ พวกนั้นทำเพื่อความอยู่รอด แต่เราทำเพื่อความหวัง"
"หวัง? หวังว่าอะไร"
และแสงสว่างจากด้านล่างก็เริ่มส่องเข้ามา ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองลงมาลึกจากด้านบนขนาดไหน แต่ตอนนี้เรามาถึงที่นี่แล้ว วิกเตอเรียเดินออกมาจากลิฟท์ ฉันหยุดมองกระจกหน้าต่างที่กำลังมีการทดลองอะไรบางอย่าง เหมือนพวกเขากำลังทำยาหรืออะไรก็ตาม ยาอะไรกันนะ?
"นั่นแม่มด" เธอชี้นิ้วไปหาหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังอ่านตำราในมือ "และนั่น เชื่อรึเปล่าว่าเราทำยาที่ทำให้เดินในแสงแดดได้"
"แล้วคุณไม่คิดว่าพวกแวมไพร์ตัวอื่นจะอยากได้บ้างรึไง?"
"ฉันดูคนออกนะอเลสซ่า รวมถึงสายเลือดแบบเดียวกันด้วย ฉันรู้ว่าพวกเขามาดีหรือมาร้าย และพวกจอห์นก็ไม่เคยได้แตะต้องมันหรอกนะ"
ฉันลองคิดเล่นๆ ดูว่าจะเป็นยังไงถ้าพวกแวมไพร์ตัวอื่นรู้ว่ามียาที่วิเศษขนาดนี้อยู่จริง แน่นอนว่าพวกตัวดูดเลือดก็จะหาอาหารได้แบบสบายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแสงแดดที่สามารถฆ่าพวกเขาได้ คราวนี้ได้โลกแตกจริงๆ ฉันอยากรู้ว่าเธอจะทำยาแบบนี้ไปทำไม แต่ฉันไม่ควรเป็นฝ่ายที่ถามอะไรมากเกินไปในตอนนี้
"แล้วสรุป คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?"
"ฉันแค่อยากทำความรู้จักกับเธอไว้ก่อน" แวมไพร์สาวกล่าว "จำไว้ว่าอย่าไว้ใจพวกแวมไพร์แบบเรา แม้แต่ฉันเธออาจจะไว้ใจไม่ได้ เชื่อแค่ตัวเอง...ถ้าเธอไม่อยากมีจุดจบที่กลายมาเป็นแบบนี้เหมือนพวกเรา"
และวิกเตอเรียก็ให้คนของเธอพาฉันกลับขึ้นมายังด้านบน ก่อนจะแยกจากกันฉันก็ได้เข็มฉีดยาอันหนึ่งที่มีเลือดอยู่ในนั้น เธอบอกว่าถ้าแวมไพร์ตัวอื่นถูกฉีดเข้าไปก็จะอ่อนแอไปพักใหญ่ ฉันหวังว่าฉันคงไม่ต้องใช้มันในตอนนี้
ดีที่ว่าแม่และพ่อยังไม่ได้กลับมาถึงบ้านทั้งคู่ ไม่งั้นคงถามไม่หยุดแน่ว่าฉันหายไปไหนมา ส่วนตาแมทหลับไปแล้ว ปกติหมอนี่จะนอนดึกหรือเกือบฟ้ารุ่ง แต่ทำไมวันนี้มันดูเพลียเหมือนคนโดนซ้อมมาแบบนี้นะ? ฉันลองใช้มือแตะหน้าผากไอ้น้องชาย ตัวอุ่นๆ ฉันวางยาแก้ปวดและแก้วน้ำไว้ที่หัวเตียง ห่มผ้าให้แมทใหม่ก่อนจะเดินไปแต่งตัว ฉันไม่อยากโดนจาเวียร์ว่าเรื่องมาทำงานสายอีกแล้ว
"เฮ้จาเวียร์! ขอโทษนะที่มาสายอีกแล้ว"
"เธอเพิ่งหายนี่ ฉันนึกว่าเธอจะไม่มาแล้วซะอีก ไหวแน่นะ?"
"ฉันโอเค"
ฉันที่จบการสนทนากับจาเวียร์รีบเปลี่ยนชุดทำงานทันที ซินดี้คงบ่นฉันหูชาแน่ที่ต้องให้เธอรับออเดอร์แทนฉันอีกครั้ง
"แล้วเรื่องผู้ชายคนนั้นน่ะ? สรุปอะไรยังไงกันเนี่ย"
"คนไหน?" ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอหมายถึงจอห์น
"ก็ผู้ชายผมทองคนนั้นไง ที่เขาแอบมองเธอในร้าน รู้มั้ยว่าตอนที่เธอไปเข้าห้องน้ำน่ะเขาแอบถามด้วยว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน ฉันนึกว่าเขาจะไปหาเธอซะอีก"
ฉันขมวดคิ้ว มิน่าล่ะจอห์นถึงตามหาฉันเจอ ฉันก็เข้าใจนะว่าซินดี้อยากให้ฉันมีผู้ชายดีๆ สักคนมาช่วยดูแลชีวิตแสนห่วยแตกของฉัน แต่การที่บอกที่อยู่กับคนแปลกหน้าแบบนี้ฉันว่ามันดูล่วงเกินความเป็นส่วนตัวมากไปหน่อย
"เธอไม่ควรทำแบบนั้นนะซินดี้ ถ้าสมมติคนๆ นั้นไม่ใช่คนที่หวังดีกับฉันล่ะ แบบว่าฆาตกรอะไรประมาณนั้น รู้ใช่มั้ยว่าฉันจะอยู่ในอันตราย"
"...ขอโทษที แต่ฉันอยากให้เธอมีแฟนสักคนจริงๆ นะ"
"อเลสซ่า! มานี่ก่อนเร็ว"
จาเวียร์ตะโกนเรียกฉันจากหลังร้าน ฉันต้องฝากออเดอร์ไว้กับซินดี้อีกครั้งก่อนจะวิ่งไปหาจาเวียร์ที่ยืนอยู่หลังร้าน ประตูเปิดแง้มไว้ เขายืนหันหลังก่อนจะค่อยๆ หันมาหาฉัน
"มีอะไรรึเปล่า?"
"ดูนี่สิ"
จาเวียร์กลืนน้ำลายก่อนจะถอยออกมาให้ฉันเห็นว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกใจได้ขนาดนี้คืออะไร และฉันก็แทบอยากจะอ้วก เป็นซากหัวใจที่ใส่ในกล่องไว้ ยังมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากล่องถูกแต้มไปด้วยสีแดงฉาน หวังเหลือเกินว่านั่นจะไม่ใช่หัวใจมนุษย์
"นี่มันบ้าอะไรกัน?"
[To Be Continued...]