[20] - เมนูเรียกน้ำย่อย

1935 Words
                                                                                           [20]   "อเลสซ่า!"    "อย่าออกมานะพ่อ!"    ฉันที่เริ่มชินกับการถูกจู่โจมเช่นนี้เบี่ยงตัวหลบออกมาจนร่างของแวมไพร์ขวางทางเข้าหน้าบ้าน สายตาเหลือบเห็นไม้รั้วอยู่ในโรงรถ ปลายแหลมพอเหมาะที่จะแทงทะลุอกแวมไพร์ได้ ฉันใช้จังหวะที่หมอนั่นกำลังล้มลงวิ่งเข้าไปด้านในโรงรถและหยิบไม้ออกมาจากชั้นวาง แต่ฉันถูกกระชากผมจนล้มลง ไม้ที่ฉันถือไว้แทงทะลุกลางอกแวมไพร์โดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างของเขาระเบิดออกจนเศษชิ้นเนื้อและเลือดท่วมตัวฉัน    "แหวะ"    แวมไพร์อเล็กซ์ที่ผ่านศึกหนักถือหัวของวีเดล่าจำนวนหนึ่งออกมาจากปากถ้ำซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของพวกมัน แสงแดดช่วยเผาหัวของพวกวีเดล่าจนกลายเป็นผงธุลี ร่างของผู้ที่ควรจะรักษาตัวเองได้กลับล้มลง บาดแผลของสัตว์ร้ายประทับอยู่ทำให้ใบหน้างามฉีกหายไปครึ่งหนึ่ง อเล็กซ์หยิบซองบุหรี่ออกจากกระเป๋า แต่ดูท่าคงจะหล่นหายไประหว่างต่อสู้    "โธ่เว้ย"    "ยังไม่เลิกนิสัยสูบบุหรี่จัดอีกหรอ?" น้ำเสียงของหญิงสาวที่คุ้นเคยเรียกความสนใจของอเล็กซ์ "ของแบบนั้นฆ่าคุณได้นะ"    "แอนนาเชีย?"    แวมไพร์อัลฟาลุกขึ้นและชนเข้ากับแอนนาเชียที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกอดหญิงสาวแม่มด    "นึกว่าคุณจะตายไปแล้วซะอีก"    แวมไพร์หนุ่มลูบใบหน้าตรงส่วนที่เกิดรอยแผลเป็นของแอนนาเชียก่อนที่เธอจะลูบแผลของอเล็กซ์กลับเช่นกัน แวมไพร์อัลฟายกมือของแอนนาเชียขึ้นและฝังเขี้ยวลงไป รอยแผลฉีกขาดสมานตัว อเล็กซ์ที่ดื่มเลือดจนพอใจแล้วกัดแขนตัวเองและยื่นให้แอนนาเชียดื่ม รอยแผลเป็นสมานตัวอย่างรวดเร็ว แอนนาเชียในตอนนี้กลายเป็นหญิงสาวผู้งดงาม เธอถอดผ้าคลุมที่ใช้ปกปิดใบหน้าออก    "เธอยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ"    "คุณก็เหมือนกัน" แอนนาเชียถอยห่างออกมา "ขอบคุณสำหรับเลือดนะ"    "อเลสซ่าเป็นยังไงบ้าง?"    "ปลอดภัยดี เธอน่าจะข้ามวงเวทย์เข้าไปในเมืองได้แล้ว...คุณก็ยังไม่ได้บอกเธอเรื่องนั้นใช่มั้ย?"    "ดูท่าคงจะต้องกลับเข้าไปแล้วสิ เดเมียนเล่นมากเกินไปแล้ว" อเล็กซ์พูดเปลี่ยนเรื่องก่อนจะหยิบเสื้อโค้ทมาสวม "ดูท่าคุณพ่อจะต้องกลับไปสั่งสอนลูกซะหน่อย"    "โอ้ย!"    "ขอโทษที"    จาเวียร์ที่ฟื้นตัวด้วยระยะเวลาสั้นๆ เป็นฝ่ายที่ต้องกลับมาดูแลฉันบ้าง มีเพียงรอยถลอกนิดหน่อยตรงแขน นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ฉันไล่ให้เขากลับไป แต่จาเวียร์ยืนยันที่จะอยู่ดูแลฉันจนกว่าจะได้ข้อสรุปจากเดนน่า เธอบอกแค่ว่าจะต้องรอให้คนของเธอมาที่นี่ภายในสามวัน ฉันหวังว่ามันจะไม่นานเกินจนคนที่ถูกจับไปจะโดนฆ่าซะก่อน    "คนหายไปเท่าไหร่"    "สามร้อยยี่สิบเจ็ด เหลือคนอยู่ในเมืองร้อยหกสิบห้า เกินกว่าครึ่งซะอีก มีพวกคนที่โดนแวมไพร์โจมตีจนเข้าโรงพยาบาลสิบกว่าคน หลายครอบครัวเริ่มเอะใจกับเรื่องแวมไพร์แล้ว"    ฉันได้ยินเสียงเครื่องยนต์สองล้อขับมาจอดที่หน้าบ้านและเห็นว่าเป็นรอสส์ที่ขับรถมาพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันและจาเวียร์เปิดประตูออกไป พ่อหนุ่มหมาป่าประหลาดใจที่เขาอยู่กลางแสงแดดเช่นนี้ สีหน้าของรอสส์เป็นกังวลจนถึงขั้นวิตก ฉันก็ไม่ใช่คนฉลาดนักหรอก แต่เรื่องคนถูกแวมไพร์โจมตี...ผลที่ตามมาหลังจากนี้คงไม่ใช่อะไรที่คาดเดาได้ยากนัก    "เดาว่าพวกคนในเมืองกำลังจะเผาบาร์ทิ้งแล้วสินะ"    "อีเลียตพูดไปก็ไม่มีใครฟังเลย ไอ้พวกวีเดล่ากับแวมไพร์ของวิกเตอเรียต่างหากที่ทำ ถ้าพวกนั้นเผาบาร์ทิ้งจะไม่มีแหล่งเลือดสำรองเก็บไว้ แวมไพร์จะยิ่งอาละวาดหนักอีก"    "จาเวียร์ โทรตามปีเตอร์มาที่บาร์ทีนะ ฉันจะล่วงหน้าไปก่อน"    และฉันก็กระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ของรอสส์ไปที่บาร์ทันที ความวุ่นวายในเมืองนั้นหายไปเหมือนที่นี่กลายเป็นเมืองร้าง ฉันเห็นรถขายไอศกรีมที่บ้านคุณเฮฟฟรีย์จอดทิ้งไว้และคิดเศร้า เขาหายไปเหมือนคนอื่นๆ รึเปล่านะ? เสียงขับไล่ดังระงมจนน่าปวดหัว รอสส์จอดรถอยู่ทางผั่งตรงข้ามคลับและยื่นมือมา    "ฉันต้องอุ้มเธอ เคยถูกวาร์ปรึเปล่า?" ฉันส่ายหัว "งั้นอย่าลืมตาถ้าไม่อยากเวียนหัว"    รอสส์อุ้มฉันขึ้น ฉันปิดตาตามที่เขาแนะนำก่อนที่ความรู้สึกเหมือนการกระโดดบันจี้จัมพ์จะทำให้ฉันเวียนหัวอย่างรุนแรง แต่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่ฉันจะมาโผล่ในคลับอีกครั้ง สถานที่ซึ่งเคยเต็มไปด้วยแสงสีและความคึกคักเปลี่ยนเป็นความเงียบสงบแบบที่แวมไพร์พวกนี้เป็น อีเลียตตัวซีดและผอมโซในแบบที่ฉันไม่เคยเห็น ที่จริงเรียกว่าข้ามขั้นไปเจออะไรที่น่ากลัวกว่านี้มาแล้วมากกว่า    "ดีใจที่เธอมานะ"    "แล้ว...พวกแวมตัวอื่นๆ ล่ะคะ?"    "พวกนั้นเข้าสภาวะจำศีล แต่คงทนกันได้อีกไม่นานหรอก" อีเลียตเดินโซซัดโซเซไปที่เคาท์เตอร์วางขวดเหล้าก่อนจะรินเตกีล่าใส่แก้วช็อตใหญ่ "ส่วนมากเป็นพวกที่ไม่มีถุงเลือดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เป็นคนที่ถุงเลือดถูกเดเมียนจับไป"    "รวมถึงของคุณด้วย...ใช่มั้ย?"    "ซินดี้ สาวเสิร์ฟในร้านทาโก้ของพ่อหนุ่มหมาป่า" ฉันนึกแปลกใจ ซินดี้เนี่ยนะจะเป็นถุงเลือดให้แวมไพร์? "โลกกลมดีนะว่ามั้ย"    "ฉันควรจะให้เลือดคุณมั้ย? คุณดูโทรมมากเลย" แวมไพร์อีเลียตกระดกเตกีล่าอีกหนึ่งอึกและยิ้มให้ฉัน "ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวก็ได้เวลาให้เลือดสำรองแล้ว ที่เรียกมาเพราะจะให้ช่วยเรื่องข้างนอกมากกว่า"    "ฉันรู้ค่ะ" เสียงขับไล่ของคนในเมืองยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ "พวกเขาแค่ไม่เข้าใจ...ก็เลยกลัว"    "ฉันกลัวว่ามันจะจบไม่สวยมากกว่า ช่วยลองไปคุยกับพวกนั้นทีนะ ถือว่าขอร้องละกัน"    "จะพยายามดูละกันนะคะ"    ทางเลือกที่มีไม่มากจำใจให้ฉันต้องออกไปเผชิญหน้ากับคนในเมืองทั้งที่ไม่อยากนัก เมื่อเปิดประตูออก ฉันเห็นเพื่อนบ้านกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมข้อความที่จับเนื้อความรวมๆ ได้ว่า 'ไอ้พวกตัวประหลาด ออกไปจากเมืองนี้ซะ!' อย่างน้อยนี้ก็เป็นอะไรที่ดี เพราะถ้าร้ายแรงกว่านี้พวกเขาคงจะถือคบเพลิงเดินขบวนมาเผาที่นี่ไปตั้งนานแล้ว    "อเลสซ่า?" คุณแอนเดอร์สันเพื่อนบ้านทักขึ้นมา "เธอมาทำอะไรที่นี่"    "ฉันเข้าใจความรู้สึกของพวกคุณนะ แต่เรื่องทั้งหมดไม่ได้เกิดเพราะแวมไพร์พวกนี้"    "จะปกป้องพวกมันทำไม! ลูกชายฉันต้องโคม่าก็เพราะไอ้ตัวประหลาดพวกนี้ แถมเมียฉันยังหายไปอีก"    "อย่างน้อยก็คืนครอบครัวพวกเราเถอะนะ"    ฉันเห็นแววตาหลากหลายแบบที่คนในเมืองกำลังมองมาที่ฉัน บางคนมองด้วยความอ้อนวอน บางคนมองด้วยความโกรธแค้น บางคนก็เหมือนจะตั้งคำถามกับตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่ จนเมื่อดวงตาคู่หนึ่งจากริมถนนฝั่งตรงข้ามนั้นจ้องมองมาที่พวกเรา ฉันลองมองรอบๆ และพบว่ามีแวมไพร์อีกจำนวนหนึ่งล้อมบริเวณคลับไว้    "ทุกคน เข้ามาในร้านเดี๋ยวนี้เลย" ฉันชี้นิ้วไปที่กลุ่มแวมไพร์ด้านหลังพวกเขา "เดี๋ยวนี้!"    แน่นอนว่าทุกคนนั้นลังเลใจเพราะในร้านที่ฉันว่าก็มีพวกแวมไพร์อยู่กันเต็มเช่นกัน จนกระทั่งชายคนหนึ่งหยิบปืนลูกซองเล็งไปที่แวมไพร์ซึ่งวิ่งเข้ามาใกล้ เป็นสิ่งสุดท้ายที่ควรคิดทำในยามที่ต้องสู้กับสัตว์ร้ายเช่นนี้ เสียงปืนดังขึ้น แวมไพร์ตัวนั้นค่อยๆ หันหน้าที่แหว่งหายไปจากวิถีกระสุนจนฉันเห็นเศษสมองไหลออกมาก่อนจะขู่คำรามด้วยความกระหายปนความโกรธแค้น    และนั่นล่ะ...ฉันถึงเข้าใจความหมายของคำว่า 'นรกแตก' ขึ้นมา    "หนีสิ!"    แวมไพร์ฝูงใหญ่ไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัวเข้าจู่โจมกลุ่มผู้ชุมนุมทันที คนที่พอตั้งสติได้วิ่งเข้าไปในร้านตามที่ฉันแนะนำ ฉันหันไปหารอสส์ที่ยืนตกใจจนทำอะไรไม่ถูกจนต้องตบหน้าเรียกสติ "ไปเรียกอีเลียตมาช่วยเร็ว"    รอสส์พยักหน้าก่อนจะหายกลับเข้าไปในร้าน ฉันวิ่งเข้าไปช่วยหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังถูกกัดและใช้ป้ายประท้วงที่อยู่บนพื้นฟาดไปที่แวมไพร์ตัวนั้น ฉันยกตัวเธอขึ้นและพากันวิ่งกลับเข้ามาในร้าน ฉันมองคนที่ยังอยู่ด้านนอก ต้องมีอะไรซักอย่างที่ทำได้สิ...ฉันคิดก่อนจะมองรอยกรีดบนแขนที่ตัวเองเคยทำไว้เพื่อให้เลือดจอห์น    "เฮ้! ไอ้ตัวดูดเลือด" ฉันหยิบคัทเตอร์ขึ้นมาก่อนจะสร้างรอยแผลเล็กๆ บนข้อมือซ้ายของตัวเอง และฉันก็หันไปพูดกับคนที่ยังอยู่ด้านใน "ถ้าพวกนั้นไปแล้ว ไปช่วยพวกเขาเข้ามานะ"    แวมไพร์แทบทุกตัวที่กำลังง่วนอยู่กับอาหารของตัวเองหันมองฉัน เลือดของฉัน เป็นโชคที่ว่าพวกนั้นวิ่งมาหาฉันแทนที่จะวาร์ปเข้ามา เป็นโอกาสเหมาะทำให้ฉันวิ่งไปอีกทางหนึ่งได้ ฝีเท้านับสิบวิ่งกรูตามมา ฉันหยุดวิ่งไม่ได้ จนเมื่อการได้ยินของฉันสะดุดเข้ากับเสียงบางอย่างกำลังถูกกระซวกจากด้านหลังพร้อมกับเสียงกรีดร้องของแวมไพร์พวกนั้น...ใช่จอห์นรึเปล่านะ? หรือว่าอเล็กซ์?    เมื่อเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาหยุดลง ฉันตัดสินใจหันกลับไปมองสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพกองเลือดและเศษเสื้อผ้าของแวมไพร์พวกนั้นกระจัดกระจายอยู่บนถนน "จอห์น...อเล็กซ์?" ฉันตะโกนเรียกพวกเขา "ออกมาได้แล้--"    ใครบางคนใช้มืออุดปากฉันจากด้านหลัง เสียงสูดกลิ่นอันคุ้นเคยทำฉันจนลุกอีกครั้ง เดเมียน...เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?    "กระต่ายน้อยตามรอยได้ไม่ยากเท่าที่คิดไว้แฮะ แต่ก็เอาเถอะ" มืออีกข้างล็อกคอฉันไว้จนเริ่มหายใจลำบาก "เดี๋ยวเราก็ได้สนุกกันแล้ว"    เดเมียนออกแรงเพิ่มอีกเล็กน้อยจนฉันเริ่มทรมานจากการขาดอากาศ ตัวเย็นวาบจนสัมผัสได้ถึงรสชาติความกลัว คำถามที่ว่าเดเมียนฝ่าวงเวทย์เข้ามาได้ยังไงเปลี่ยนเป็นว่าคนที่ฉันเรียกหาอยู่ที่ไหน พวกนายหายไปไหนตอนที่ฉันต้องการเนี่ย? ฉันเรียกหาทั้งจอห์นและอเล็กซ์ แต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นมีเพียงความว่างเปล่า    ภาพเมืองในตอนกลางวันค่อยๆ ดับมืดลงในทัศนวิสัยของฉัน ก่อนที่สัมปชัญญะจะดับวูบลงตามไปเช่นกัน [To Be Continued...]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD