[8] จอห์นพาร่างของจาเวียร์ที่ไม่ได้สติเข้ามาด้านหลังร้านทาโก้ น้ำหนักไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับแวมไพร์บ้าพลังอย่างเขา ร่างของหนุ่มหมาป่าที่ช่วยชีวิตฉันถูกวางลงบนโซฟา ฉันก็ปลาบปลื้มใจอยู่หรอกที่จอห์นอุตส่าห์มาช่วย แต่คำพูดในร้าน...ฉันรู้ว่าฉันผิดที่พูดออกไปแบบนั้นก่อน มันก็จริงไม่ใช่รึไง? ที่เขาห่วงก็เพราะเลือดฉันเท่านั้น พวกมีเขี้ยวยังไงก็ไว้ใจไม่ได้อยู่วันยันค่ำ
ที่น่าเอามาใส่ใจมากกว่าคือเรื่องที่จาเวียร์เป็นหมาป่านี่น่ะสิ...
"แผลไม่ได้ลึกมาก" สีหน้าเย็นชาของแวมไพร์หนุ่มยังคงทำสติฉันกระเจิงอยู่ไม่น้อย "ฉันต้องเก็บกวาดศพเจ้าหมอนั่น แล้วก็ซากเน่าๆ ของเพื่อนผู้น่ารักของเธอด้วย"
"นายให้เลือดจาเวียร์ไม่ได้รึไง?"
"หึ! ไปได้ยินจากไหนว่าแวมไพร์ให้เลือดหมาน้อยได้" ก็ไม่รู้ไงถึงได้ขอเนี่ย "เลือดเราทำให้เขา...ภาษามนุษย์เรียกว่าอะไรนะ เมาใช่รึเปล่า?"
"เมาเลือดเนี่ยนะ? หมายความว่ายังไง"
"เสียเวลาชะมัด" แวมไพร์หนุ่มที่เริ่มหงุดหงิดคว้าแจ๊กเก็ตสีดำตัวเก่งของเขามาสวม ฉันละสายตาจากจอห์นเพื่อดูอาการของพ่อมนุษย์หมาป่าหนุ่มที่ช่วยชีวิตฉันไว้ "เจอกันอีกจะเล่าให้ฟัง ยัยถุงเลือด"
"นายก็ด้วย ไอ้แวมไพร์เฮง...ซวย"
ฉันที่จะหันไปต่อล้อต่อเถียงกับเขาพบเพียงประตูหน้าที่เปิดอ้าไว้ จอห์นหายไป...อีกครั้ง ฉันคงจะเป็นเพียงถุงเลือดอย่างที่เขาบอกจริงๆ คิดแล้วมันน่าน้อยใจชะมัด ฉันปิดประตูก่อนจะกลับไปมองจาเวียร์นอนหลับเหมือนเด็กน้อย เปลื้องผ้าโดยสมบูรณ์ ฉันเลยจำใจต้องใช้ผ้าปูโต๊ะซ่อนส่วนสงวนนั้นไว้ก่อนและรอให้เขาได้ฟื้นฟูตัวเอง
สองหรือสามชั่วโมงผ่านไป ยังดีที่ว่าชั้นล่างมีหนังสือให้อ่านเลยไม่ต้องนั่งรอเฉยๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่งามของจาเวียร์เปิดขึ้น แผลที่เขาได้มาไม่ได้สมานเองจริงๆ ด้วย ฉันที่เห็นพ่อหนุ่มเม็กซิโกพยายามจะลุกขึ้นโดยไร้อาภรณ์สวมใส่รีบลุกไปห้ามเขาไว้
"คุณต้องอยู่นิ่งๆ จาเวียร์" แผลจากมีดเดินป่าไม่ได้ลึกอย่างที่ควร ถ้าเขาเป็นคนธรรมดาป่านนี้คงตายไปนานแล้ว "เอากุญแจห้องนอนคุณมา"
"อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ต..."
นิ้วอันสั่นเทาของอดีตนาวิกโยธินชี้ไปยังเสื้อโค้ตกันลมสีเทาหม่นที่แขวนอยู่บนราว ฉันเดินไปล้วงกระเป๋าจนเจอกุญแจดอกเล็กที่มีไม้แกะสลักอยู่เป็นพวงกุญแจ ไม้โอ๊คสีน้ำตาลอมแดงแกะเป็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยมกลับหัว โดยมีวงกลมล้อมรอบด้านนอกและแฝงอยู่ด้านใน สวยดีเหมือนกัน...ดีที่ฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก การเดินขึ้นไปยังด้านบนจึงไม่ใช่อะไรที่ยากเย็น กลอนประตูเปิดออกโดยไม่มีกลไกซับซ้อนรออยู่ด้านใน
"เฮ้! ฉันแบกคุณขึ้นมาเองไม่ได้หรอกนะ" ฉันเริ่มเป็นกังวลเมื่อด้านล่างไม่มีเสียงตอบรับ "ฉันคิดว่าคุณควรจะ--"
ทันใดนั้นเองจาเวียร์ก็พุ่งตรงเข้ามาหาฉันด้วยความเร็วแสง เหมือนแบบที่แวมไพร์มี ดวงตาสีน้ำตาลของเขาในตอนนี้กลายเป็นสีมรกตจนดูน่ากลัว เขากำลังหายใจรดต้นคอฉัน...รุนแรง ดูหิวกระหายไม่ต่างจากสัตว์ร้าย ฉันพยายามที่จะไม่มองตาเขาพร้อมหลบตาไม่ให้เจอสิ่งที่ไม่ควรเห็นใต้เข็มขัด
"ดูเหมือน...คุณจะโอเค ฉันต้องรีบกลับแล้ว"
"เดี๋ยวฉันไปส่ง"
"ฉันควรให้คุณพัก คุณต้องรักษาแผลนั่น"
"มนุษย์หมาป่ารักษาตัวเองไม่ได้หรอกนะ อย่างมากก็แค่เจ็บน้อยลง" เขาค่อยๆ เลื่อนมือที่ถือผ้าปูโต๊ะปิดส่วนสงวนไว้ "ผมต้องการหมออเลสซ่า"
"ถ้าจะไปก็...แต่งตัวได้แล้วจาเวียร์"
ร่างกำยำของอดีตนาวิกเดินผ่านเข้าไปในห้องก่อนที่ประตูจะปิดลง ฉันพยายามไล่ภาพที่เพิ่งเห็นออกไปจากหัว ตั้งแต่ที่ถูกแวมไพร์เล่นงานในฝัน จนกระทั่งฉันได้เห็นคนที่สนิทด้วยที่สุดเปลื้องผ้าต่อหน้า ตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองควรได้พักบ้าง
ฉันและจาเวียร์มาถึงหน้าประตูในเวลาเกือบเที่ยง ท่ามกลางแดดที่คงทำฉันแผดเผาไปแล้วหากฉันไม่ได้ดื่มเลือดจอห์น หนุ่มเม็กซิกันก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์โดยไร้ท่าทางเจ็บปวด ทั้งที่เมื่อคืนเขาถูกแทงจนเกือบเอาตัวไม่รอดแล้วแท้ๆ ยังดีที่แม่พักงานเที่ยงอยู่ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องทำแผลให้เอง
"ดีที่แผลไม่ได้ลึกมาก" แม่พูดน้ำเสียงประชดประชัน คงจะโกรธเรื่องที่จาเวียร์เคยตะคอกใส่ฉัน "ขอบคุณที่ช่วยอเลสซ่าไว้ แต่มันก็แก้ไขเรื่องในร้านไม่ได้หรอกนะ"
"แม่คะ!"
"ผมขอโทษครับคุณแม่ แต่ว่านั่นมันเรื่องเข้าใจผิดไม่ใช่รึครับ? และดูเหมือนลูกสาวคุณก็ยกโทษให้ผมแล้วด้วย ทำไมถึงยังโกรธผมล่ะ?"
"ถ้าไม่ใช่เพราะอเลสซ่าขอฉันคงไม่มาช่วยทำแผลให้นายหรอก"
แม่ที่สวมชุดเดรสสีครีมคล้ายกับแบบของฉันสะบัดชายกระโปรงก่อนจะเดินออกจากห้องครัว ไม่นานนักฉันก็ได้ยินเสียงปิดประตูจากหน้าบ้าน แม่งอนและหายออกไปโดยที่ทิ้งฉันกับจาเวียร์ไว้ในบ้าน พ่อหนุ่มเม็กซิกันดึงเสื้อลงและพยายามจับผิดสายตาของฉันที่มองเขาแปลกๆ
"เธอโอเครึเปล่าเนี่ย?"
"แล้วทำไมถึงคิดว่าฉันไม่โอเคล่ะ?"
"ก็เธอเห็นฉันแก้ผ้า"
ฉันเงียบไป ไม่คิดว่าจาเวียร์จะพูดเข้าประเด็นขนาดนี้ แต่มันก็แค่ส่วนหนึ่งที่ฉันกังวลเท่านั้น ที่ฉันค้างคาใจมากกว่าคือเรื่องที่เขาเป็นมนุษย์หมาป่า ฉันไม่โกรธที่เขาไม่บอกฉัน แต่คิดว่าทำไมเขาถึงเก็บความลับนี้ได้นานขนาดนี้โดยที่ฉันไม่เคยสังเกตเห็น
"ขอถามเรื่องที่คุณ...กลายร่างหน่อยสิ" สายตาของเขาเปลี่ยนไปเมื่อฉันถามเรื่องนี้ "ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะถาม ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงปิดบังฉันได้นานขนาดนี้"
"ก็พยายามไม่เปิดเผยตัว ฉันมีที่สำหรับกลายร่างอเลสซ่า เคยดูพวกหนังแนวนี้ใช่มั้ย? ลองคิดดูสิว่าถ้าพวกเขารู้ว่าเผ่าพันธุ์แบบเรามีอยู่จริง พวกมนุษย์จะทำอะไรกับเราบ้าง"
"...ยกคนทั้งหมู่บ้านมาเผาคุณหรอคะ?"
เมื่อจาเวียร์ได้ยินคำตอบของฉัน เขากลับยิ้มและพยายามกลั้นหัวเราะ มันน่าขำตรงไหนกัน? ฉันทำหน้ามุ่ยแสดงออกถึงความไม่พอใจ "มันน่าขำตรงไหนกันจาเวียร์!"
"ฉันว่าเธอคงถูกไอ้เขี้ยวยาวนั่นดูดเลือดเยอะไปหน่อย" จาเวียร์กล่าวพร้อมส่ายหัวเบาๆ เหมือนเอือมระอาฉัน "ขอบใจที่ช่วยนะ คืนนี้เธอไม่ต้องเข้างานละกัน แต่ฝากถามแวมนั่นทีว่าเขารู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ยิ่งได้คำตอบเร็วยิ่งหาทางแก้เร็ว"
"รับทราบครับหมวดจาเวียร์"
ฉันมองอดีตนาวิกร่างกำยำเปิดประตูออกจากบ้านไปและทิ้งฉันไว้คนเดียวในห้อง และจากนั้นฉันจึงตัดสินใจเก็บซากผ้าก๊อซเปื้อนเลือดของจาเวียร์มารวมกันไว้ ฉันทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีคนเก็บขยะหรือหมาตัวไหนมาเจอเลือดพวกนี้ ของทั้งหมดถูกเผาด้วยเวลาไม่นานนัก จากนั้นฉันจึงกลับมานั่งรอในบ้านเช่นเดิม ในใจลังเลว่าควรออกไปพบจอห์นหรือไม่
"บ้าเอ้ย"
ฉันตัดสินใจที่จะกลับไปยังคลับแวมไพร์แห่งนั้นอีกครั้ง อย่างน้อยเสื้อฉันรักนิวยอร์กกับกางเกงทหารของพ่อก็ไม่ได้ดูแย่จนเกินไป ก่อนที่ฉันจะออกจากบ้านก็เหลือบไปเห็นหิ้งกางเขนที่วางประดับไว้ พ่อเป็นคาทอลิกที่เคร่งมาก แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้หวงฉันอย่างที่ครอบครัวอื่นเขาทำกัน ฉันหยิบสร้อยกางเขนของพ่อมาสวมไว้และออกจากบ้านทันที
คลับแห่งนี้เงียบเหมือนเคย เส้นแบ่งระหว่างชีวิตธรรมดาและชีวิตที่เกิดหลังความตายมีเพียงประตูเก่าๆ กั้นไว้เท่านั้น ฉันว่ามันเหมือนเป็นการประชดจากพระเจ้าดีนะ เหมือนกับเขาอยากจะพูดว่าความตายไม่ใช่จุดจบของมนุษย์อีกต่อไปหรืออะไรประมาณนั้น ฉันเปิดประตูเข้าไปตามปกติ เดินเสมือนที่นี่เป็นบ้านหลังที่สองของฉัน และแม่สาววิเวียนก็วาร์ปเข้ามา สีหน้าเย็นชาแบบเดียวกับครั้งแรกที่เจอกัน
"เธอมาทำห่าอะไรที่นี่"
ฉันถอนหายใจเมื่อเธอสบถคำ 'เอฟ' ต่อหน้าฉัน "จอห์นอยู่รึเปล่า? ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเขา"
"คนแบบจอห์นก็มีแต่เรื่องสำคัญให้คุยอย่างเดียว" ทุกอย่างเริ่มแย่ลงเมื่อเธอเผยเขี้ยวออกมา "บอกมาว่าเธอมาหาเขาทำไม?"
"ฉันมาคุยเรื่องพวกไม่มีเขี้ยวที่พยายามจะฆ่าฉัน พวกนั้นหายตัวได้เหมือนแวม แต่ไม่มีเขี้ยวเหมือนพวกเธอ"
"เธอไม่ได้โกหกใช่มั้ย?"
ฉันพยักหน้า แวมไพร์สาวพราวเสน่ห์ถอยห่างออกมา สีหน้าเคร่งเครียด แสดงว่าคนพวกนี้ก็รู้น่ะสิว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นในเมืองนี้ การที่จอห์นบ่ายเบี่ยงตอนที่ฉันถามเขาไปคงเป็นเรื่องที่ไม่อยากบอกนัก วิเวียนคว้ามือฉันและพาเดินเข้าไปยังด้านในอย่างรีบร้อน เรียกว่ากึ่งบังคับจะฟังดูเข้าใจกว่า
"เธอรู้ใช่มั้ยว่าพวกมันเป็นตัวอะไร?"
"ฉันไม่สนเรื่องนั้นหรอก รู้แค่ว่ามันฆ่าคนของเราไปสามคน จอห์นปิดปากเงียบอย่างเดียวเลย" เธอพาฉันมาถึงหน้าห้องของจอห์น "บางทีเขาอาจจะยอมบอกเธอก็ได้"
และวิเวียนก็วาร์ปหายไป ฉันตัดสินใจเคาะประตูตรงหน้าจนจอห์นเปิดให้ฉันเข้าไป ดูเหมือนในนี้จะเป็นห้องทรมานซะมากกว่า ฉันมองชายผมแดงที่เคยเกือบจะฆ่าฉันในสวนสาธารณะถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เงิน ผิวหนังของมันหลุดลอกคล้ายแผลถูกเผา แสดงว่าคงจริงเรื่องที่แวมแพ้ธาตุเงิน อีเลียตบีบคางคนตรงหน้าให้ตั้งใจฟังสิ่งเขาจะถาม ดวงตาสีอำพันแสนดุร้ายจ้องไปที่หนุ่มผมแดงจนแทบจะกลืนกินอีกฝ่าย
"ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย วีเดล่าตัวไหนสั่งให้แกทำเรื่องนี้"
"บอกไปก็ไม่สนุกน่ะสิ" ดวงตาสีแดงเลือดจ้องมองฉัน "เธอคงอยากรู้ใจจะขาดสินะ"
ฉันยิ้มเฝื่อนและหันไปกระซิบกับจอห์นที่ยืนอยู่ข้างๆ "วีเดล่ามันคืออะไรจอห์น?"
"เป็นภาษากรีกน่ะ แปลว่าพวกตัวกินเลือด เจ้าพวกนี้มันไม่มีเขี้ยวและ--"
"ฉันรู้หมดแล้ว"
ฉันส่ายหน้าอย่างเบื่อๆ ก่อนจะกลับมาสนใจการทรมานตรงหน้า ฉันก็ไม่ได้อยากดูนักหรอก แต่สิ่งที่ไอ้ตัวดูดเลือดนี่ทำกับฉันเป็นสิ่งที่เขาสมควรควรจะได้รับ ฉันมองขวดบางอย่างในมือของอีเลียต สีใสเหมือนน้ำเปล่าธรรมดา คงจะเป็นน้ำมนต์ล่ะมั้ง ร่างสูงผมดำจัดการบีบแก้มอีกฝ่ายเพื่อให้วีเดล่าอ้าปาก ฉันเห็นไอร้อนออกมาจากปากของมันเมื่อเทน้ำมนต์ลงไป สภาพไม่ต่างจากเหยื่อที่โดนน้ำร้อนลวกกรอกปากเท่าไหร่นัก
"บอกมา!"
"สิ่งที่พวกแกทำกับเรา...พวกแกจะต้องถูกเผาทั้งเป็น เหมือนกับเมสันเพื่อนแกไง" สีหน้าของอีเลียตโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาพูดชื่อใครบางคนออกมา "ตอนที่ฉันตัดหัวหล่อนออกมันง่ายมากเลยรู้มั้ย แค่ฟันครั้งเดียว ฉันเก็บหัวนังร่านนั่นไว้ และหวังเหลือเกินว่านายจะได้เห็นมัน"
"หุบปาก!"
หนุ่มผมแดงที่เห็นจังหวะเหมาะของตนกระแทกศีรษะใส่เจ้าของคลับที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เกินไป เขาถอยหลังเซเข้ามาจนตัวฉันซวยล้มกระแทกบนโต๊ะ ความรู้สึกเจ็บแปล๊บเกิดขึ้นบนข้อมือขวาของฉัน และเลือดก็ไหลออกมาตามแผลข่วน ฉันรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาห้ามเลือดไว้ สายตาของวีเดล่าตัวนั้นเปลี่ยนไปทันที เป็นอะไรที่ไม่ดีแน่
"เลือดเธอ...ฉันไม่เคยได้กลิ่นมนุษย์คนไหนยั่วยวนเท่าเธอเลย"
ถึงแม้จะไม่เห็นเขี้ยวน่ากลัวออกมา แต่ความกระหายนั้นรุนแรงยิ่งกว่าแวมไพร์ เขากระชากตัวเองออกจากโซ่ตรวนและพร้อมจะขย้ำฉันหากทำได้ จอห์นคว้าเสื้อตัววีเดล่าไร้นามไว้ แต่เจ้านั่นก็ไวกว่าเช่นกัน เขาผลักจอห์นและอีเลียตที่แกร่งกว่าออกและพุ่งตรงหาฉัน
"หวังว่ารสชาติจะอร่อยเหมือนกลิ่นนะ" หนุ่มผมแดงจิกผมฉันไว้ เจ็บจนฉันร้องไห้ออกมา แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาเมตตาฉันแม้แต่น้อย "งานนี้มีเจ็บแน่นอนนังหนู"
ลองคิดภาพการโดนกัดแบบไม่มีเขี้ยวดูสิ ฉันรับรู้สัมผัสจากฟันทุกซี่ของเขาที่กำลังกัดเข้าต้นคอในตอนนี้ เหมือนคอฉันกำลังจะแยกเป็นชิ้นๆ ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นก่อนทุกอย่างจะแย่ลงคือเศษเนื้อที่หนุ่มคนนั้นคายออกมา เลือดที่พุ่งทะลักเหมือนท่อน้ำแตก และจอห์น...ดึงตัววีเดล่าไว้ ฉันได้ยินบทสนทนาแปลกๆ ที่จับใจความไม่ได้ ภาพมืดลงจนเลือนลาง หนุ่มแวมไพร์ผมดำวิ่งเข้ามา กัดข้อมือเขาและให้ฉันดื่มเลือดอีกครั้ง
"นั่นล่ะ...ดื่มเข้าไปเด็กดี"
"ค่อก! ทำไมเลือดแกมัน--"
ร่างของวีเดล่าหนุ่มผมแดงคุกเข่าลงก่อนที่มันจะขย้อนของเสียสีดำออกมาเต็มพื้นห้อง และทันใดนั้นร่างของชายรูปงามผู้นั้นก็ระเบิดออก ซากเนื้อและเสื้อผ้าเปื้อนเลือดกระจายทั่วห้อง ทั้งอีเลียตและจอห์นตกใจไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่นัก
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หมอนั่นดื่มเลือดฉันเข้าไปน่ะสิ...
[To Be Continued...]