[9] 'จุดหายนะระดับวิกฤติ'
นั่นเป็นคำที่ฉันสามารถนำมาอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้ได้หากมีใครสักคนถามออกมาว่าเกิดอะไรขึ้น ชิ้นส่วนของอดีตวีเดล่ารูปหล่อกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง ฉันเกลียดการที่ถูกกัด ประสบการณ์แปลกใหม่ที่ฉันไม่อยากจะสัมผัสมันอีก อีเลียตพาฉันไปพักที่ห้องทำงานของเขาโดยมีผ้าขนหนูสีชมพูผืนหนาห่มไว้ให้ ดูไม่เข้ากับเลือดที่เขรอะกรังแบบนี้เท่าไหร่ ไม่นานเกินรอแวมไพร์หนุ่มทั้งสองก็กลับเข้ามา สภาพไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่นัก
"เธอโอเคนะ?" จอห์นเป็นฝ่ายถาม โดยมีผู้สร้างของเขากำลังถอดเสื้ออยู่ด้านหลัง ตั้งแต่ที่รู้จักอีเลียตมา ฉันไม่เคยเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดขนาดนี้มาก่อนเลย ดูน่ากลัวชะมัด
"ไอ้ตัวบ้านั่นมันคืออะไรกันแน่?"
"ที่พวกเราควรต้องรู้มากกว่าคือเลือดเธอส่งผลถึงมันได้ยังไง และทำไมแวมไพร์แบบเราถึงรับเลือดเธอได้"
ฉันเลี่ยงสายตาออกจากภาพที่หนุ่มผมดำกำลังถอดกางเกงที่เปิ้อนเลือดออก และหมอนั่นก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำเงียบๆ โดยที่ไม่พูดอะไรน่ารำคาญอีก หนุ่มแวมผมบลอนด์ส่งรอยยิ้มที่เหมือนเป็นคำขอโทษ ฉันรู้ว่าเขาเสียใจ แปลกดีเหมือนกันที่ว่าฉันไม่ได้รู้สึกผูกพันกับจอห์น แต่สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อฉันไม่เหมือนกับพวกป่าเถื่อนพวกนั้น เขาอยากปกป้องฉัน ทำไมกันนะ...
อีเลียตใช้เวลาไม่ถึงนาทีในการล้างคราบเลือดพวกนั้นก่อนที่จอห์นจะตามเข้าไปอาบต่อ ฉันก้มหน้าต่ำลง วันนี้เกิดเรื่องมากมาย และฉันก็ไม่พร้อมที่จะมาเห็นอะไรที่เข้าข่ายเนื้อหาหนังอย่างว่าแบบนี้
"ขอโทษที่เธอต้องเข้ามาเอี่ยวด้วย"
"จะขอโทษทำไม? ฉันก็อยากหาคำตอบเรื่องที่ค้างคาเหมือนกัน ไม่งั้นฉันคงหนีไปนานแล้วล่ะ"
"เรื่องที่เลือดแบบเรารักษาโรคของเธอได้น่ะหรอ?"
ฉันพยักหน้ารับ แวมไพร์หนุ่มผมดำผู้น่าเกรงขามใช้ดวงตาเรียวงามคู่นั้นพิจารณาบางอย่างบนตัวฉัน ตั้งแต่หัวจรดเท้า และเขาก็สรุปคำตอบให้ตัวเองได้โดยการที่หันกลับไปคว้าเสื้อแขนยาวมาสวม ฉันสามารถสรุปได้ว่าอีเลียตไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ "เงียบแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน"
"ถ้าจอห์นจะให้เลือดเธอ ปฏิเสธซะ ฉันอยากรู้ว่ามันมีผลแค่เลือดของเขาหรือเลือดของพวกเรา" ฉันที่ยังสงสัยสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาวาร์ปเข้ามาโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัว "อย่าบอกจอห์นนะ"
"ทำไม?"
"ฉันต้องแน่ใจก่อน เชื่อใจฉันเถอะ"
อีเลียตถอยห่างจากฉันหลังจากที่จอห์นเปิดประตูออกมา เขาดูดีชะมัดเวลาที่ผมเปียกชุ่มแบบนั้น แวมไพร์หนุ่มผมบลอนด์ร่างสูงใช้เวลาไม่นานในการสวมเสื้อผ้าและไม่ลืมที่จะสวมแจ๊กเก็ตตัวโปรด และแวมไพร์ตนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับชุดเดรสตัวเก่าของฉันที่เคยเปื้อนเลือดส่งให้จอห์น พอซักจนสะอาดแล้วดูดีขึ้นเยอะเลย
"รีบล้างตัวซะ เราต้องไปกันแล้ว"
"ไปไหน?"
"ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องรู้ ออกมาเจอฉันหน้าคลับ"
พ่อหนุ่มร่างสูงวาร์ปออกไปโดยไม่มีกล่าวทิ้งท้าย แปลกนะ...วันนี้เขาดูหงุดหงิดทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเป็นต่อหน้าฉัน หรือฉันทำอะไรให้เขาโกรธกันนะ?
ยังดีที่ว่าอีเลียตบอกวิธีออกจากคลับนี้ให้ฉัน เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย เดินหน้าแล้วเดินกลับทางเดิม ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่ฉันคิดไว้...ฉันเจอกับจอห์นที่ยืนรออยู่พร้อมกับเด็กหนุ่มผมน้ำตาลคนเดียวกับที่เคยไปส่งฉันเมื่อคราวก่อน ตอนนั้นจำได้แค่ว่าเขาโดนคนของวิกเตอเรียฉีดยาใส่ จากนั้นฉันก็หมดสติไป ว่าแต่เขารอดกลับมาได้ไง?
"เฮ้" ฉันกล่าวทักทายพ่อหนุ่มคนนั้น "ดีใจที่ได้เจอหน้านาย"
"ดีใจที่ได้เจอเธอเหมือนกัน นึกว่าจะโดนแวมพวกนั้นดูดเลือดหมดตัวแล้วซะอีก"
"...เดี๋ยวนะ? นายรู้ได้ไงว่าพวกแวมจับฉันไป"
เขาไม่ได้พูดออกมาแต่กลับส่งสายตาไปที่จอห์นซึ่งกำลังยืนหัวเสียอยู่ ดวงตาสีฟ้าดุดันคู่นั้นกระทบกับสายตาฉัน...เสียวสันหลังวาบ และหนุ่มแวมก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ แสดงว่าเขาก็รู้น่ะสิเรื่องที่ฉันไปเจอวิกเตอเรีย มิน่าล่ะถึงโกรธฉัน คงเป็นเพราะฉันไม่ได้บอกจอห์นว่าตัวเองไปเจออะไรมา
ในรถเบนซ์สีบลอนด์เงิน นอกจากเสียงเพลงคลาสสิคที่คลออยู่ในรถจนแทบอยากจะหลับแล้วก็ไม่มีใครพูดคุยอะไร จอห์นเหม่อมองทัศนวิสัยด้านนอก ปกติเขาจะต้องกวนประสาทฉันพร้อมคำพูดที่ว่าอยากจะกินเลือดฉันให้ได้ ท่าจะโกรธกันจริงๆ
"ผมรอสส์นะ"
"ฉันอเลสซ่า ดูช้าไปหน่อยนะกว่าจะรู้ชื่อกัน"
"นั่นสิ"
ถนนในเวลาตกเย็นเริ่มเปลี่ยวขึ้นทุกที จอห์นที่นั่งเงียบไปตอนต้นทางหลับปุ๋ยไปแล้ว หรืออาจจะแกล้งหลับ? จนกระทั่งรถมาหยุดอยู่ที่หน้าสุสานแห่งหนึ่ง ฉันที่อยู่ในเมืองนี้มาตั้งแต่เกิดก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่ามีสุสานที่เงียบขนาดนี้ด้วย จอห์นที่ลงจากรถบิดขี้เกียจอยู่พักหนึ่งและวาร์ปเข้าไปด้านใน ฉันตัดสินใจยังไม่ลงจากรถ
"เรามาทำอะไรที่นี่กัน?"
"ไม่รู้สิ ทำไมไม่ลองตามเขาไปล่ะถ้าอยากรู้ขนาดนั้น"
"ทำไมเขาถึงโกรธฉัน" สีหน้าของเด็กหนุ่มประหลาดใจที่ฉันพูดแบบนั้นออกไป "ฉันทำอะไรผิดงั้นหรอ?"
"ไม่หรอกน่ะ ตามไปง้อเขาสิจะได้รู้"
ฉันถอนหายใจก่อนจะลงจากรถ สุสานเงียบเป็นบ้าเลย...อย่างน้อยพระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกดิน ฉันเดินมาตามทาง ออกจะโง่ไปหน่อยที่ฉันเดินตามจอห์นมาเพียงลำพัง แต่ตอนนี้ยังไม่ใกล้มืดด้วยซ้ำ ถ้าเห็นท่าไม่ดีฉันก็คงรีบวิ่งกลับไปที่รถล่ะ ฉันไม่รอให้เขามาช่วยอีกแล้ว
แต่ทันใดนั้นเงาสีดำก็พุ่งเข้ามาหาฉัน...
"ไม่นะ!"
"ใครสั่งสอนให้เดินออกมาคนเดียวแบบนี้!"
พ่อแวมไพร์หนุ่มหน้าคมเข้มแบบหนุ่มไวกิ้งรั้งแขนฉันที่เตรียมจะวิ่งหนีไว้ แถมเขาทำหน้าโกรธยิ่งกว่าเดิมด้วย...ฉันเริ่มกลัวเขาขึ้นมาแล้วสิ แต่ที่จริงฉันก็ผิดที่เดินออกมาแบบนี้ ขออย่าให้เขาลงโทษฉันเลยนะ
"เธอเข้าใจมั้ยว่านี่มันอันตรายขนาดไหน!"
"ทำไมต้องตวาดใส่ฉันด้วย...ทำไมคุณถึงโกรธฉัน?"
ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลไม่ช่วยให้ไฟโกรธในดวงตาคู่นั้นลดลงได้เลย จอห์นที่บีบแขนฉันไว้แน่นในตอนแรกคลายแรงลง ฉันสะบัดมือที่ปวดร้าวและมองแวมไพร์ร่างสูงเดินกลับเข้าไปในสุสานเงียบๆ แน่นอนว่าฉันรีบเร่งฝีเท้าตามเขาไปโดยไม่รอคำขออนุญาต
"ตามมาทำไม?"
"เผื่อเกิดอะไรขึ้นฉันจะได้เป็นตัวล่อให้นายไง"
"ก็ดี"
จอห์นกล่าวประชดและย่ำเท้าเดินเข้าไปในป่ารกร้าง ฉันรู้ว่าเขาห่วงฉัน ไม่อย่างนั้นคงไม่วาร์ปกลับมาช่วยแถมยังพาเดินแบบนี้หรอก แต่ฉันไม่กล้าที่จะถามอะไรให้เขาปวดหัวหรอกตอนนี้ แค่เห็นหน้าตาเย็นชาเหมือนฆาตกรโรคจิตแบบนั้นก็ไม่กล้าแล้วล่ะ
"เรามาทำอะไรที่นี่จอห์น?"
"ตามหาตัวการเรื่องนี้ คนที่สร้างวีเดล่าพวกนี้ขึ้นมา...เป็นผู้สร้างของผู้สร้างฉันอีกที"
"หมายความว่าไง? ไม่งั้นนายก็ต้องกลายเป็นพวกวีเดล่าด้วยสิ"
"เขาพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ การสืบสายพันธุ์ของเลือดแท้มันมากกว่านั้นอเลสซ่า คนที่คู่ควรเท่านั้นถึงจะยอมรับเลือดจากเขาได้ แต่ถ้าไม่...ก็กลายเป็นเหมือนพวกนั้น"
ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงแม้จะไม่มากก็เถอะ...ฉันนึกว่าอีเลียตจะเป็นต้นตระกูลแรกของพวกแวมไพร์ซะอีก ชักจะเริ่มตื่นเต้นแล้วสิว่าผู้กำเนิดแวมไพร์จะหน้าตาเป็นยังไง
ฉันใช้เวลาจนตะวันเกือบตกดินมาถึงกระท่อมหลังหนึ่ง จอห์นที่คงจะมาตรวจสอบที่นี่แล้วเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ลังเล ด้านบนไม่ได้น่าสนใจเท่ากับชั้นใต้ดินที่แวมไพร์หนุ่มเปิดประตูออก ทางเดินยาวมืดสนิท ฉันตัดสินใจยกไฟฉายที่ติดตัวมาส่องไปยังทางด้านหน้าเพื่อให้เห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้น
"ดูเก่าชะมัดเลย"
"ค่อยๆ เดินล่ะ"
จอห์นพูดเท่านั้นก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำไปก่อน ทางเดินยาวไม่มีสิ้นสุดเลยฉันเริ่มถอดใจไม่เดินต่อ "ที่นี่ไม่มีคำแนะนำในการเข้าชมเลยหรอ?"
"ไม่รู้สิ มีอีเลียตคนเดียวที่รู้ว่าที่นี่เข้าออกยังไง"
"...แล้วนายเป็นบ้าอะไรถึงไม่เรียกเขามาที่นี่ด้วย"
"เชื่อเถอะ เขาไม่อยากมาหรอก"
ฉันถอนหายใจอย่างหงุดหงิดและหันหลังกลับ ทางเดินที่เคยทอดยาวในตอนแรกปรากฏเป็นประตูบานหนึ่ง ฉันหันไปเพื่อเรียกจอห์น แต่เขาไมได้อยู่ด้านหลังฉัน "จอห์น?"
บ้าเอ้ย...ไม่เอาแบบนี้นะ ฉันลองเรียกเขาอีกครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ ทางเลือกเดียวที่ฉันมีคือการเดินเข้าไปหลังประตูบานนั้น
ด้านในน่ากลัวกว่าที่ฉันคาดไว้ มีโลงหินอยู่ตรงกลางห้อง ถูกปิดสนิทด้วยโซ่เงินและแม่กุญแจอย่างแน่นหนา ฉันแน่ใจว่าคงไม่มีใครเปิดโลงนี้มานานแล้วและมองลูกกุญแจที่วางไว้บนฝาโลง...ง่ายขนาดนี้เชียว ฉันนึกว่าต้องท่องบทสวดเรียกวิญญาณหรือไขปริศนาก่อนซะอีกถึงจะเรียกคนในโลงออกมาได้ ฉันควรจะรอจอห์น
รออยู่นานเขาก็ไม่โผล่มาซะที...
"เปิดก็ได้"
ฉันปลดกุญแจที่ล็อกโลงหินไว้และใช้โซ่เงินมาพันรอบแขนเพื่อป้องกันตัวหากแวมไพร์ที่นอนอยู่ในนั้นพร้อมจะขย้ำฉัน ฝาโลงถูกดันออกอย่างแรง ฉันจ้องตาไม่กระพริบ จนเมื่อร่างของแวมไพร์หนุ่มรุ่นแรกปรากฏขึ้น ฉันส่องไฟฉายจนดวงตากระทบกับผมสีบลอนด์อมน้ำตาลเข้า ตาเรียวเปิดขึ้นจนเผยดวงตาสีฟ้าสว่างท่ามกลางความมืด ทั้งดูสวยและเป็นเอกลักษณ์...ฉันไม่เคยเห็นสีตาที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลย
"ห-หวัดดี?"
"เจ้าปลุกข้า...ทำไมมนุษย์ธรรมดาแบบเจ้าถึงเข้ามาในนี้ได้?"
"อะไรนะ? หมายความว่าไง"
แวมไพร์หนุ่มตนนั้นพุ่งเข้ามาหาฉันแต่ไม่ได้คิดจะทำร้าย แน่นอน...เขาเปลือยกายต่อหน้าฉัน ฉันยกหมัดที่พันไว้ด้วยโซ่เงินขึ้นมาเพื่อขู่ตัวดูดเลือดจ่าฝูงให้ถอยห่าง แต่เขากลับคว้ามือฉันไว้และดึงโซ่ออกมา แถมยังกำแน่นให้ฉันเห็นอีกว่าธาตุเงินไม่สามารถทำอะไรเขาได้
"เจ้ารู้ว่าจะมาเจอกับอะไรสินะ" แวมไพร์หนุ่มหน้าคมแสยะยิ้ม "ไม่มีอะไรที่จัดการข้าได้ คำสาปของปีศาจ...ข้าเป็นเลือดแท้นังหนู ตอบมาว่าใครพาเจ้ามาถึงที่นี่?"
"จอห์นมาหาคุณ ว่าแต่-ทำไมฉันถึงเข้ามาได้ล่ะ? แล้วเขาอยู่ไหน"
"กลิ่นเลือดเจ้ามันแรงไอ้หนุ่ม เข้ามาซะจอห์น"
จอห์นที่หายไปนานเปิดประตูเข้ามา แสดงว่าไอ้แวมไพร์เฮงซวยก็อยู่ข้างนอกอยู่นานแล้วสิ บ้าเอ้ย! ฉันน่าจะรู้ว่าเขามองเรื่องนี้ออกตั้งแต่แรก กล้าดียังไงถึงมาหลอกกันเนี่ย
"ไม่ได้เจอกันนานนี่อเล็กซ์ ล่าสุดที่เราเจอกันคือตอนไหนนะ?"
"ร้อยปีที่แล้ว ปลุกกันแบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องด่วนสินะ"
"นายก็รู้นี่ว่าพวกวีเดล่ามันออกมาอาละวาด มันผิดปกติ มีแค่นายคนเดียวที่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงออกล่ามนุษย์ได้โจ่งแจ้งแบบนี้"
ฉันที่เริ่มชินชากับภาพโป๊เปลือยที่ผ่านมาตลอดทั้งอาทิตย์พิจารณารูปลักษณ์ของเขา หน้าตาหมอนี่ดูดีไม่เบาเลย ร่างกายขาวกำยำที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทุกอย่างบนเรือนร่างเขาสมบูรณ์แบบ รวมถึงดวงตาสีฟ้าโดดเด่นคู่นั้นที่กำลังจ้องมองฉันอยู่ด้วย โดนจับได้ซะแล้ว
"แล้วนังเด็กมนุษย์นี่เข้ามาได้ยังไง ไม่สิ...ข้าควรจะถามว่าหล่อนเป็นใครมากกว่า"
"ฉันเป็นถุงเลือดของเขา แบบว่าก็ไม่ได้อยากเป็นนักหรอก และตอนนี้ฉันก็เป็นหนี้บุญคุณเขาอยู่"
"อเลสซ่า!" จอห์นทำเสียงดุที่ฉันพูดเรื่องตัวเองออกไปง่ายๆ "กล้าพูดเรื่องเลือดตัวเองกับแวมไพร์ได้ไง?"
อเล็กซ์ส่งแววตาแปลกใจแบบหลอกๆ มาที่ฉัน และเขาก็ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้เกินไปแล้ว...ฉันที่ไม่สามารถต่อกรกับเจ้าแวมไพร์สายเลือดแท้ได้พยายามเบือนหน้าหนีจากลมหายใจอันแสนแผ่วเบาของเขา มันเงียบกว่าลมหายใจของจอห์นหรือของอีเลียต ชายคนนี้ได้ตายลงจริงๆ
"อย่ากลัวสิ มันทำให้เลือดยิ่งอร่อยนะเวลาที่เจ้ากลัว"
"ก็อย่ากัดกันสิ"
"ขออะไรที่เป็นไปได้ยากจังนะ มีเลือดที่กลิ่นยั่วยวนแบบนี้ แถมอยู่กับแวมไพร์ในห้องมืดๆ อีก"
เขาโน้มใบหน้าเข้ามาที่ต้นคอ ฉันปิดตาแน่นเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรต่อ แต่ไม่มีเสียงเขี้ยวที่ทะลุผ่านฟันออกมา "ใจจริงก็อยากดื่มเลือดเจ้านะ แต่วันนี้อย่าจะดีกว่า เจ้าของจะหวงกระดูกเอา"
"ว่าแต่พวกวีเดล่าเกิดจากคุณจริงๆ หรอ?"
"พวกนั้นดูดีไม่เท่าข้าใช่มั้ยล่ะเจ้าถึงไม่เชื่อน่ะ" หน้าของเขาดูผิดหวังเล็กน้อยที่ฉันไม่ขำให้กับมุขหลงตัวเองของเขา "ข้ามอบสายเลือดให้คนที่คิดว่าคู่ควร แต่เจ้ามนุษย์นั่นกลับโลภอยากได้อำนาจความเป็นนิรันดร์"
"และไอ้สารเลวนั่นก็เลยถูกสาป ความอมตะที่แลกมาด้วยความหิวอันไร้สิ้นสุด"
จอห์นกล่าวเสริมก่อนจะยื่นแจ๊กเก็ตสีดำยาวให้อีกคนที่ยืนแก้ผ้าอยู่ ฉันตัดสินใจถามจอห์นในประเด็นหลักของการมาที่นี่ "เรามีแผนอะไรบ้างมั้ย?"
"เกรงว่าจะไม่มี" จอห์นตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"นายนี่มันไม่ได้เรื่อง"
"เฮ่" อเล็กซ์ที่ยิ้มแย้มในตอนแรกเปลี่ยนสีหน้าเป็นโหมดจริงจัง เขามองไปที่ประตูไม้บานที่เราเข้ามา ประสาทสัมผัสอันว่องไวของเขาเหมือนจะรู้ว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งตรงเข้ามาในนี้
"ระวังปากหน่อยอเลสซ่า"
"แล้วมันจะทำไมถ้า--"
ฉันถูกพ่อหนุ่มแวมไพร์รุ่นแรกรวบตัวไว้ เราทั้งสองล้มคะมำกันทั้งคู่ และฉันก็ได้ยินเสียงประตูไม้บานนั้นแตกกระจาย กลุ่มควันมหาศาลถาโถมเข้ามาในห้องโดยที่เรายังไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ่นนั้นฉุนมากจนฉันแทบจะหายใจไม่ได้ กระเทียม...จอห์นที่ยังอยู่ดีในตอนแรกล้มลง ส่วนอเล็กซ์ที่เป็นเลือดแท้นั้นแทบจะไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย
"ฉันหายใจไม่ออก..."
"เอาเสื้อปิดหน้าไว้"
เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะใช้เสื้อแจ๊กเก็ตที่จอห์นให้ไว้ปิดหน้าฉัน ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่แต่อย่างน้อยก็ช่วยได้ ฉันรออยู่พักหนึ่งจนควันกระเทียมนั้นสลายลง ฉันตัดสินใจดึงเสื้อออกเพื่อให้เห็นว่าใครกันที่บุกเข้ามาแบบนี้
หนุ่มหล่อและสาวสวยผมแดงหันมาที่ฉันพร้อมกันด้วยสายตาที่แปลกใจและตกใจในเวลาเดียวกัน การแต่งตัวของทั้งสองนั้นเป็นชุดเสื้อสามส่วนและกางเกงขายาวสีดำสนิท คนหญิงถือหน้าไม้สีเงินไว้ในมือ ส่วนผู้ชายจ่อมีดไว้บนคออเล็กซ์ มองแค่แว๊บเดียวก็รู้ว่าคนพวกนี้เป็นนักล่าแวมไพร์แน่ๆ ฉันมองหญิงสาวคนนั้นที่กำลังเดินเข้ามาหาฉัน ท่าทางน่ากลัวยิ่งกว่าแวมไพร์ซะอีก
"เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่กัน?"
[To Be Continued...]