ยังมาถามอีก สายตาที่มองกันไม่ลดละไปไหน เดทแอร์เกิดขึ้นอีกครั้งคราวนี้เพราะเธอเอง แต่ไม่ได้อึดอัดเหมือนครั้งก่อน เพราะพอเห็นเธอเงียบเขาก็กลั้วหัวเราะ คนตัวเล็กแอบย่นจมูก นี่เธอเผลอคิดอะไรไปไกล เขาก็แค่เย้าเล่นไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดจนเกินไปก็เท่านั้น
เป็นหญิงสาวที่เป็นฝ่ายต้องหลบตาซะเอง เบี่ยงสายตาไปมองอย่างอื่น
อะไรดีล่ะ ผนัง ขอบโต๊ะ หูฟังของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะ มองไปเรื่อยก่อนไปสะดุดตากับโต๊ะวางอุปกรณ์การแพทย์ข้างเตียงตรวจที่ร่ำๆ ว่าน่าจะมีวัตถุแหลมๆ ที่เธอไม่ชอบวางอยู่บนนั้น แค่คิดก็ใจสั่นแล้ว ความจริงเขาไม่น่านัดเธอมาที่นี่เลย นัทธ์กมลรีบเสตาหลบกลับมาแล้วก็ดันไปสะดุดเข้ากับช่วงขายาวภายใต้กางเกงสแลคของคนที่นั่งกอดอกอยู่แทน
แต่พอตาเห็นขา ใจมันก็อกุศลคิดถึงแต่เรื่องใต้หว่างขา… แก้มใสร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างฉับพลันไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไร
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
และคุณหมอคงจับสังเกตได้ คิ้วเข้มขมวดฉับ อาการประหลาดของเธอ เขาถาม คนถูกถามรีบส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ตาคมยังหรี่มองอย่างประเมิน จนเธอต้องยืนยันอีกครั้งว่าไม่เป็นไรจริงๆ ชายหนุ่มพยักหน้า เขาวกเข้าประเด็นเดิมที่ยังคุยกันไม่จบ
“แล้วเรื่องของเราน่ะ”
“เอาเป็นว่าให้มันจบไปแค่เราเถอะนะคะ ถ้าไม่ได้ทำให้อาจารย์หรือคนของอาจารย์เดือดร้อนแค่นี้หนูก็สบายใจ ส่วนตัวหนูไม่อยากรื้อฟื้นอะไรอีกแล้วค่ะ”
“…”
“แล้วอาจารย์ไม่ต้องห่วงว่าหนูจะคิดสั้นนะคะ หนูเพิ่งเรียนจบ กำลังจะมีชีวิตใหม่ที่ดี เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้หนูทำลายอนาคตตัวเองหรอก รวมถึงเรื่องวันนั้นด้วยค่ะ”
นัทธ์กมลหมายถึงวันที่เธอรู้สึกเครียด หาทางออกไม่ได้กับที่ปรึกษาของตัวเอง อยากปลีกวิเวกจากผู้คนทั้งโลกไปหาที่เงียบๆ อยู่กับตัวเอง เธอไปยืนรับลมที่ริมสะพานข้ามแม่น้ำ เขาขับรถผ่านมาเห็น รีบวิ่งมากระชากเธอลงมา เพราะคิดว่าเธอจะคิดสั้น
เธอเคยอธิบายให้เขาฟังไปแล้ว ทว่าเขาไม่เชื่อ แต่วันนี้อาจารย์หนุ่มพยักหน้าเหมือนเข้าใจ
“ผมกลัวว่ามันจะไม่เท่านั้นน่ะสิ”
ทว่าเสียงถอนหายใจหนัก หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความจริงจังและตึงเครียดบางอย่าง แผ่นหลังกว้างที่เมื่อครู่เอนพิงพนักขยับตั้งตรง สองมือกลับมาประสานเข้าหากันบนโต๊ะอีกครั้ง
“ทำไมหรือคะ”
มองตาเขาแล้วใจเธอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือเขาจะมีโรคติดต่อ?
ธีรกรมองใบหน้าน่ารักที่เมื่อคืนเขาไม่มีโอกาสเห็น ไม่สนใจจะมองเลยด้วยซ้ำ แถมวันนี้ก็ยังได้เห็นแค่ครึ่งหน้าเพราะเธอใส่แมส สายตาที่มองมา ความอ่อนเดียงสาที่ฉายชัดอยู่ในนั้นทำให้เขาลำบากใจไม่น้อย แต่ก็ต้องตัดสินใจบอก
“เมื่อคืนเรารู้ใช่มั้ยว่ารอบแรกผม…หลั่งนอก”
หญิงสาวพยักหน้าแก้มแดงปลั่ง ความรู้สึกที่ต่างกันของรอบแรกกับรอบที่สองถึงเมาเธอก็พอรับรู้
“แต่มันก็ปลอดภัยไม่ใช่หรือคะ”
แต่ทำไมเขาส่ายหน้า
“ก็ไม่เสมอไปครับ มันไม่ใช่วิธีการคุมกำเนิดที่ได้ผลดีนัก มีโอกาสล้มเหลวสูง…” …ในทางการแพทย์ต่อให้ยังไม่ถึงจุดที่ต้องปลดปล่อย สเปิร์มก็จะหลั่งออกมาเรื่อยๆ แค่จำนวนไม่มากเท่าจุดสูงสุดเท่านั้นเอง
“แล้วทำไม…”
ธีรกรรู้ว่าคนตรงหน้าต้องการจะถามว่าอะไร แต่เขาตอบไปก็เหมือนแก้ตัว
ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ชอบมั่ว ออกไปทางกินยากเลือกกินกินยากเสียด้วยซ้ำ แต่คนทำงานหนักอดอยากปากแห้งมานาน แล้วเด็กในสังกัดของเพื่อนเขาก็สกรีนมาอย่างดี ทั้งจับทำสัญญาการรับงาน ตรวจโรคติดต่อทุกชนิด ฝังยาคุม ปกติเขาก็ป้องกันด้วย แต่ครั้งนี้เมามาก แล้วเธอมันก็น่า…!!
รสนิยมส่วนตัวด้วยนั่นล่ะ เหมือนกับที่เขาไม่ชอบจูบผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่คนรัก เน้นระบายความใคร่เสียบแล้วจบ แต่ใครจะนึกว่าแทงครั้งเดียวซะมิดแต่ดันเป็นครั้งแรกของสาวบริสุทธิ์แถมเพิ่งพ้นสภาพการเป็นลูกศิษย์ตัวเองไปหมาดๆ
“ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ ผมสะเพร่าเอง คุณถึงต้องมาเสี่ยงแบบนี้”
ต่างคนต่างก้มหน้า เขาไม่เคยคิดว่าเป็นเธอ แต่พอเป็นเธอจากที่ไม่คิดอะไรเลย ก็พาให้คิดมากไปหมด
“เรากินยาคุมฉุกเฉินแล้วใช่มั้ย”
คนตัวเล็กพยักหน้า ไหล่บางลู่ลง ดูซึมลงจนชายหนุ่มลอบถอนหายใจ
“ใจเย็นๆ ก่อน มันอาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น” เสียงทุ้มปลอบ ปลอบใจเธอก็เหมือนเขาปลอบใจตัวเอง
“ประจำเดือนครั้งสุดท้ายมาวันแรกเมื่อไรครับ”
คุณหมอมองกลุ่มผมที่ถูกรวบไว้กลางศีรษะ ความเงียบปกคลุมอยู่อึดใจก่อนเสียงเบาจะตอบ เขาลองคำนวณ
“อืม… มันก็ก่ำกึ่งนะ แต่เราก็ลดความเสี่ยงทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว”
มือหนาวางปากกา เงยหน้าขึ้นมามองคนที่เขาเพิ่งมีอะไรด้วยเมื่อคืน เขาและเธอเพิ่งพ้นจากความเป็นอาจารย์ลูกศิษย์กันอย่างสมบูรณ์แบบยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงดีด้วยซ้ำ
“กินยาเม็ดแรกไปเมื่อตอนกี่โมงครับ”
“ประมาณสิบโมงค่ะ”
“โอเค งั้นกินอีกเม็ดตอนสี่ทุ่ม ยาคุมฉุกเฉินต้องกินสองเม็ดห่างกันสิบสองชั่วโมงจะช่วยลดความเสี่ยงได้เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าลืมกินจะเหลือประมาณเจ็ดสิบ” เขาอธิบายเพิ่มเติมตามประสาหมอ หน้าจอแสดงบทความทางวิชาการถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้า
นัทธ์กมลก้มลงไปอ่าน เธอเห็นว่าใครๆ กินกันก็รอดมาได้ไม่ท้อง แต่จริงๆ ช่วยได้แค่เก้าสิบเองเหรอ เหลืออีกตั้งสิบเปอร์เซ็นต์
ความจริงที่ปรากฏตรงหน้าทำให้หญิงสาวเริ่มหน้าเสียลงเรื่อยๆ
“เราจะทำยังไงต่อไปคะ” เสียงที่ถามก็เริ่มตะกุกตะกัก
“รออีกสองสามอาทิตย์เราค่อยตรวจเลือดดูฮอร์โมนเฮชซีจีครับ”
ถ้าขึ้นก็แปลว่าท้อง เขานี่แหละคือพ่อของเด็กแบบไม่ต้องสงสัย
บอกคนตัวเล็ก มองเธอเงียบๆ อยู่ครู่ ตาคมก็ละจากใบหน้าหวาน เอื้อมมือไปคว้าหูโทรศัพท์ภายในจะกดโทรบอกพยาบาลให้ช่วยจัดการเรื่องยาให้ แต่คิดอีกทีหรือเขาควรไปจัดการด้วยตัวเอง
นายแพทย์หนุ่มกำลังคิดว่าอย่างไหนจะดีกับเธอมากกว่ากัน ทว่าอยู่ๆ เสียงกลั้นสะอื้น เรียกให้ตาคมต้องเหลือบไปมอง
แล้ว…
“ฮะ…ฮึก ฮือๆๆ”
“เฮ้ย!!”