ตอนที่ 2 รังแก

1943 Words
“นั่งพักก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ออกไปดูข้างนอกก่อน ผู้ช่วยผู้กำกับกำลังบรีฟนักแสดงตามที่คุณปัณณ์สั่งไว้ ถ้าพร้อมเปิดกล้องเดี๋ยวพี่เข้ามาตามค่ะ” ต้อยติ่ง ผู้จัดการกองถ่ายซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของบริษัทพาเขาเข้ามาส่งในห้อง แล้วรีบเปิดประตูออกไปจัดการทุกอย่างแทนอย่างรู้งาน คนตัวโตทิ้งแผ่นหลังพิงพนักโซฟา เงยหน้าหลับตาใช้มือกดหัวคิ้วไล่อาการปวดตุบ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ ๆ ห้องที่ว่างเปล่าไร้เงาผู้คนก็มีอะไรบางอย่างตกเสียงดังอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งกั้นโซนเอาไว้ด้านในสุด “อุ๊ย พี่รส เข้ามาหาลูกจันหน่อยค่ะ” มือใหญ่ที่กำลังจะจับลูกบิดประตูห้องเจ้าปัญหาชะงักเมื่อมีเสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านใน “พี่รส อยู่ไหมคะ พี่รส” เสียงเรียกชื่อผู้จัดการส่วนตัวดังขึ้นหน้าประตู ฉับพลันประตูบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับนางเอกสาวในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเพราะไม่สามารถรูดซิปซึ่งอยู่ด้านหลังได้ หนุ่มสาวชะงักเบิกตาโพลง ก่อนที่เธอจะถูกดันเข้าไปในห้องแต่งตัวเมื่อมีเสียงพูดคุยของชายหญิงกลุ่มใหญ่ดังขึ้นด้านนอกแล้วประตูห้องพักผ่อนก็เปิดออกในเสี้ยววินาทีนั้น “อื้อ” มือใหญ่ปิดปากนางเอกสาว แขนแกร่งกอดรั้งร่างบางเข้าหาตัวแล้วกดล็อกประตูทันที ดวงตากลมเบิกกว้างตกใจแทบสิ้นสติแต่ก็ยังกอดเสื้อผ้าให้ปิดบังร่างกายโดยเฉพาะช่วงหน้าอกเอาไว้ “ชู่ว” เขาก้มมองร่างบางที่ยืนสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอด ม่านตาขยายฉับพลันเมื่อความอวบอิ่มครัดเคร่งของวัยสาวเบียดกันจนชิดภายใต้เสื้อผ้าหลุดลุ่ย แววตาสั่นระริกด้วยความตกใจกลัวนั้นทำเอาคนตัวโตกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่จนลูกกระเดือกขยับขึ้นลงแรง ๆ “อื้อ...” “เงียบ ๆ อยากให้ทุกคนรู้หรือไงว่าเธออยู่กับฉันในสภาพนี้” ลมหายใจสาวหอบสะท้านทำให้ความอวบอิ่มขยับขึ้นลงล่อตา ทั้งกลัว ทั้งโกรธ ทั้งอับอาย อยากจะทุบเขาแรง ๆ แล้วดิ้นรนออกจากอ้อมกอด แต่ถ้าทำอย่างนั้น เสื้อผ้าที่ยังไม่ทันได้รูดซิปต้องหล่นลงไปกองแทบเท้าอย่างไม่ต้องสงสัย เขายังคงเป็นคนเดิมและเธอยังจำความรู้สึกตอนโดนเขารังแกเมื่อครั้งยังเป็นเด็กได้ดีไม่มีลืม แม่ของเธอกับแม่ของเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ทุกครั้งที่แม่ไปหาป้าอัณณาก็มักจะพาเธอไปด้วยเสมอ ทำให้เธอได้เจอกับเขา ลูกชายคนเล็กที่มีอายุห่างจากเธอถึงเจ็ดปีแต่มีนิสัยเกเรผิดพี่ผิดน้อง เขามีหน้าที่พาเธอออกมาเล่นนอกบ้าน แต่เขามักจะหาเรื่องทะเลาะกับเธอ ทั้งยังชอบต่อว่าว่าเธอเป็นเด็กดื้อเอาแต่ใจและถือวิสาสะลงโทษด้วยการดึงผมแกละทั้งสองข้างเป็นประจำ “ไม่เอา ลูกจันไม่เล่นขายขนมแล้ว ลูกจันจะเล่นพ่อแม่ลูก พี่ปัณณ์ต้องเล่นกับลูกจัน” เด็กผู้หญิงตัวเล็กในชุดเดรสกระโปรงบานราวเจ้าหญิง มัดผมแกละทั้งสองข้างแล้วผูกโบชิ้นใหญ่สีเดียวกับชุดผลักของเล่นพลาสติกอย่างเอาแต่ใจ “ไม่เล่น พี่จะเล่นเกม เบื่อจะแย่แล้วยัยเปี๊ยก มาทีไรก็ชวนเล่นแต่อะไรน่าเบื่อ” ปัณณธีเดินหนีเพราะเบื่อเต็มทีที่ต้องตามใจเด็กนิสัยไม่ดี ด้วยตนเป็นน้องชายคนเล็ก มีแต่คนยอมและตามใจ แต่อยู่มาวันหนึ่งกลับต้องมาคอยตามใจลูกสาวของเพื่อนแม่ น่าเบื่อจนอยากไล่ตะเพิดกลับบ้านทุกครั้ง “ไม่ได้ พี่ต้องเล่นกับลูกจัน” คนตัวเล็กวิ่งไปดักหน้า แล้วดึงเขากลับมานั่งเล่นกับตนบนเสื่อซึ่งปูอยู่ในสนามหญ้าข้างบ้าน แต่เขากลับสะบัดมือเล็กออกแล้วดึงผมแกละทั้งสองข้างของเด็กขี้วีนอย่างแรงจนเธอร้องไห้จ้า แม้ว่าเธอจะตัวเล็กกว่าเขามาก แต่ก็สู้สุดใจ มือเล็กป้อมและแขนสั้น ๆ ของเธอพยายามปัดป่ายทุบตีเขาเท่าที่ทำได้ น่าแปลกที่เขากลับหัวเราะร่าราวกับไม่รู้สึกรู้สาแม้แต่น้อย มันเป็นอยู่แบบนี้จนเธอเติบโตขึ้น ก็เลือกที่จะไม่ตามแม่ไปที่บ้านหลังนั้นอีกเพราะเกลียดขี้หน้าเด็กเกเรปากร้าย จนขึ้นชั้นมัธยม เธอก็สอบชิงทุนได้ไปเรียนต่างประเทศจนถึงระดับปริญญาตรี เพิ่งจะกลับมาประเทศไทยหลังจากเรียนจบเมื่อไม่นานมานี้เอง แค่เธอเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยได้ไม่นานก็มีแมวมองเข้ามาทาบทามให้เธอเป็นดารา ด้วยความที่เป็นคนชอบแสดงออกและชอบความท้าทายจึงตอบตกลงแล้วก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงทันที แต่ใครจะคิด ว่าการที่เธอได้เป็นดารา จะทำให้เธอวนกลับมาเจอพี่ชายปากร้ายจอมเกเรคนนั้นอีก ครั้งแรกที่เจอหน้ากันในตึกของบริษัท เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าเป็นเขาจริง ๆ เพราะเด็กเกเรผอมกะหร่องคนนั้น แม้จะมีเค้าโครงความหล่อ แต่เมื่อโตมากลับเป็นชายหนุ่มเพอร์เฟคมากเสน่ห์จนเธอตกตะลึง แทบจะไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้เลย แต่ก็เท่านั้นแหละ เพราะคนอย่างเขามันมีดีแค่เปลือกนอก เมื่อเขาทักทายเธอด้วยถ้อยคำร้าย ๆ เหมือนตอนเด็กไม่มีผิด และมันทำให้เธอได้รู้ว่าถึงแม้เวลาจะเปลี่ยน แต่คนร้ายกาจอย่างเขาไม่เคยเปลี่ยน และสิ่งที่ทำให้เธอลำบากใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อแม่ของเขามาทาบทามให้เธอรับงานแสดงของบริษัท ในขณะที่มีบริษัทละครมากมายมาทาบทามเธอ แต่เธอต้องเลือกรับละครที่มีเขาเป็นผู้กำกับการแสดงด้วยความจำใจเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ใหญ่ สุดท้าย แค่มาทำงานวันแรก เธอก็โดนเขากลั่นแกล้งอีกจนได้ ผู้ชายเฮงซวย ขนาดมีข่าวฉาวจนอับอายไปทั้งตระกูลยังไม่สลด ไม่รู้ใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาฉาบรองพื้นไว้หนาขนาดไหนกันแน่ เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ด้านนอกยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง ประตูห้องแต่งตัวด้านข้างถูกปิดอย่างแรงจนผนังที่ใช้เพียงไม้อัดกั้นเอาไว้สั่นสะเทือน ปลายฟ้า นางร้ายหน้าใหม่ที่เพิ่งเป็นข่าวกับปัณณธีก่อนที่เขาจะตกเป็นจำเลยสังคมด้วยข่าวฉาววางเสื้อผ้าลงบนโต๊ะตัวเล็กริมผนัง เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลาจนเสร็จ แต่เมื่อกำลังรวบเก็บของบนโต๊ะกลับต้องเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อผนังห้องที่เคยมีปฏิทินแขวนอยู่กลับว่างเปล่าเพราะตอนนี้ปฏิทินชิ้นนั้นตกลงไปบนพื้นจากการกระแทกประตูจนผนังสั่นสะเทือนเมื่อครู่ จึงก้มเก็บปฏิทินชิ้นนั้นจะนำมาแขวนที่เดิมเพราะเข้าใจเหตุผลแล้วที่ทำไมต้องมีปฏิทินแขวนอยู่ เนื่องจากผนังเป็นรูขนาดใหญ่จนมองทะลุเห็นห้องแต่งตัวที่อยู่ข้างกันนี่เอง แต่ยังไม่ทันที่จะแขวนปฏิทินคืนที่เดิม ดวงตาก็ดันมองเข้าไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันอยู่ที่บริเวณประตูห้อง เธอจะไม่สนใจเลยถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ปัณณธี ผู้ชายที่เพิ่งลากเธอขึ้นเตียงเมื่ออาทิตย์ก่อน มือเล็กกำแน่นจนตัวสั่น เธอกดส่งข้อความบอกให้เพื่อนที่มาด้วยกันออกไปก่อน เดี๋ยวเธอจะตามออกไปเอง แล้วทำทีเปิดและปิดประตูให้เหมือนว่าคนที่เข้ามาใช้บริการห้องนี้ออกไปแล้วทั้งที่เธอยังยืนแอบอยู่จุดเดิม เสียงพูดคุยของดาราและทีมงานกลุ่มใหญ่เงียบลงพร้อมกับเสียงปิดประตูดังแว่ว เขาจึงปล่อยมือที่ปิดปากนางเอกสาวเอาไว้ทันที “คุณเข้ามาทำไม” ตอนเด็กเธอเรียกเขาว่าพี่ปัณณ์ แม้จะไม่เต็มใจและใส่อารมณ์ทุกครั้งในการเรียกเพราะโดนบังคับก็ตาม แต่จากกันไปไม่กี่ปีก็ทำตัวห่างเหิน ไหนจะใบหน้าสวย ๆ ที่ทำเอาเขาตกตะลึงจนแทบลืมหายใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอนั่นอีก ตอนนี้มันเชิดสูงจนน่าหมั่นไส้ “คุณงั้นเหรอ” “ใช่” “เมื่อก่อนเรียกฉันว่าพี่ ลืมแล้วเหรอ” “ไม่ได้ลืม แต่สะดวกเรียกแบบนี้” “เหอะ” “ตอบมา ว่าคุณเข้ามาทำไม จะมาแกล้งอะไรกันอีก” “เป็นเด็กหรือไง ถึงคิดว่าคนอื่นจะเข้ามาแกล้ง ฉันเข้ามานั่งในนี้ พอดีได้ยินเสียงใครโวยวายในห้อง นึกว่าลื่นล้มคอหักตายเลยเข้ามาดู ใครจะคิดว่ามีผู้หญิงไม่รู้จักโตแก้ผ้าอยู่” เขากวาดมองร่างบางขาวผ่องแต่อวบอิ่มไปด้วยวัยสาวแล้วก็ต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อีกครั้ง แต่แล้วดวงตาคมกลับวาบขึ้นเมื่อเด็กเอาแต่ใจตอกกลับมา “ก็เห็นนี่ว่าโตแล้ว ที่เข้ามาในนี้เพราะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ใครจะไปคิดว่ามีคนไม่เอาไหนหนีนักข่าวเข้ามาในห้องนี้ล่ะ คิดว่าพี่รสยังอยู่ เลยจะเรียกมาช่วยรูดซิปให้หน่อย” เสียงเถียงกันแม้จะไม่ดังนักแต่คนที่ยืนแอบอยู่ห้องข้าง ๆ ก็ได้ยินชัดเจน คิ้วที่กันแต่งเป็นทรงสวยขมวดเข้าหากัน จากบทสนทนาที่เรียกว่าเถียงกันน่าจะเหมาะกว่า คาดเดาว่าทั้งคู่คงรู้จักกันมาก่อน “ลูกจัน...” เสียงทุ้มกดต่ำ กรามแกร่งขบแน่นด้วยความไม่พอใจที่เธอพูดแทงใจดำ ใช่ เขาหนีนักข่าวเข้ามาหลบในนี้ เพียงแค่เพราะผู้หญิงคนเดียวทำเอาชีวิตเขารวนได้ขนาดนี้เชียวเหรอ น่าเจ็บใจชะมัด ความหงุดหงิดที่มีทำเอาเขาคว้าแขนเรียวแล้วกำแน่น เธอเจ็บจนเบ้หน้าร้องออกมาเบา ๆ แต่กลับเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีเหมือนเมื่อตอนเด็ก ๆ ต่างกันนิดหน่อยที่ถ้าเป็นตอนนั้น ถึงแม้เธอจะสู้ แต่ก็ร้องไห้แหกปากเสียงดังจนเขาโดนแม่ทำโทษทุกครั้ง แต่คราวนี้ เธอจะร้องไห้เรียกหาใครล่ะ ใครจะช่วยเธอได้ และใครจะมาทำโทษเขา “ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” “เหอะ ฉันงั้นเหรอ” “ใช่ จะทำไม จะให้แทนตัวว่าลูกจันเหมือนเมื่อก่อนเหรอ ไม่เอาอะ ไม่สนิท” “เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เธอบอกไม่สนิทงั้นเหรอ งั้นต้องแบบไหนล่ะเธอถึงจะเรียกว่าสนิท ต้องเอากันเลยไหม ใช่สินะ ไปโตที่เมืองนอกเมืองนานี่ คงฟรีเซ็กซ์สนุกเลยสิ” ปลายฟ้าขมวดคิ้ว ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายวิดีโอผ่านช่องว่างของผนัง ซึ่งรูของมันใหญ่พอที่จะมองเห็นความเป็นไปของอีกห้องอย่างชัดเจน “ต่ำ ตอนเด็ก ๆ ปากหมายังไง โตขึ้นมาก็ยังปากหมาเหมือนเดิม ฉันแปลกใจมากที่มีผู้หญิงอยากนอนกับผู้ชายอย่างคุณ” “ปากหมางั้นเหรอ ลองโดนหมาในปากฉันกัดหน่อยเป็นไง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD