SOS

1923 Words
BIT BAR Rrrr Rrr (“เฮียถึงหรือยัง”) “ถึงแล้วกำลังจะเดินเข้าไป” (“ผมถึงช้าหน่อยนะเฮีย”) “อืมเดี๋ยวนั่งรอ คุณแอนนาน่าจะใกล้ถึงแล้ว” (“อะ อ๋อ โอเคครับเดี๋ยวผมรีบไป”) “อืม” กดวางสายน้องชายสายเลือดเดียวกันก่อนจะเดินเข้าไปยังในคลับ บรรยากาศด้านในอึกทึกครึกโครม จังหวะเสียงเพลงกระทบหูอย่างหนักหน่วง ร่างสูงหุ่นสมส่วนเดินตรงไปยังโต๊ะวีไอพีที่จองไว้ในชื่อเขา “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ เมญ่าเสียใจมากที่คุณลูคัสโทรมายกเลิกธุรกิจของเราตอนนั้น” ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงบนโซฟา คู่ค้าสาวที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมค้าขายด้วยกัน ก็เดินเข้ามาทัก “ฉันไม่สะดวกร่วมงานกับคนที่ทำร้ายเมียฉัน” พูดเสียงเรียบด้วยสรรพนามที่ห่างเหินไม่สนใจอย่างเช่นแต่ก่อน เนื่องจากการตบตีกันในครั้งนั้น หลังจากที่เขาทำแผลให้มาทิลด้าเสร็จจนเธอหลับไป ลูคัสก็ได้โทรศัพท์ไปยกเลิกธุรกิจที่จะทำร่วมกับหญิงสาวที่ชื่อเมญ่า คนที่มาทำร้ายเมียของเขาทันทีและไม่ขอร่วมงานใด ๆ ด้วยกันอีกต่อไป “แหม ไม่เห็นต้องห่างเหินกันขนาดนี้เลยนี่คะ” “เธอต้องการอะไร” “เมญ่าไม่ต้องการอะไรเลยค่ะ แค่ชนกับเมญ่าสักแก้วได้หรือเปล่าคะ” พูดจบหญิงสาวมากเสน่ห์ใบหน้าเจ้าเล่ห์ก็ส่งสายตาให้บริกรหนุ่มที่เดินถือเหล้าเข้ามา “ฉันไม่กินเหล้า” เมญ่ายิ้มกริ่มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้บริกรหนุ่มไปเอาเปิดไวน์มาใหม่ ไม่ถึงห้านาทีขวดไวน์ที่ถูกเปิดก็วางเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า “เมญ่าต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ ที่เผลอไปทำร้ายภรรยาคุณลูคัสวันนั้น” “คนที่เธอควรขอโทษคือเมียฉัน ไม่ใช่ฉัน” “โทรตามเธอมาสิคะ เดี๋ยวเมญ่าจะขอโทษ” “…” “หรือ...ไว้โอกาสหน้าก็ได้ค่ะถ้ายังไม่สะดวก งั้นวันนี้เมญ่าขอชนเพื่อเป็นการขอโทษและขอบคุณที่เคยได้ร่วมงานด้วยกันหน่อยได้มั้ยคะ” ลูคัสหยิบแก้วขึ้นมาหวังชนให้มันจบ ๆ สาวเจ้าจะได้ลุกออกไปก่อนที่คนเป็นเมียจะมาพังโต๊ะเสียก่อน “ต้องหมดแก้วสิคะ นาน ๆ ทีจะได้เจอกัน” “ฉันมีนัด ต้องคุยธุระต่อ รีบกินแล้วรีบออกไปซะ อย่ามาเสียมารยาท” “แหม ใจร้ายใส่กันจังเลยนะคะ” เธอขยับเข้ามานั่งข้างเขา มือเล็กหวังจะล้วงเข้าไปในเสื้อของชายหนุ่ม แต่มือหนายกขึ้นมาปรามไว้พร้อมกับขยับหนี “หมดเรื่องจะคุยแล้วก็ออกไป” “แหมใจเย็น ๆ สิคะ อย่าเพิ่งรีบไล่กันสิคะ” หันไปคว้าแก้วเหล้าจิบอย่างสบายใจ ไม่สนสีหน้าฉายความไม่พอใจของชายหนุ่มเลยสักนิด กระทั่งเวลาผ่านไปราว ๆ ห้านาที มาเฟียหนุ่มก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย “จะรีบไปไหนคะ คุยกันก่อนสิคะคุณลูคัส” เขาพยายามจะลุกหนีแต่กลับถูกอีกคนรั้งเอาไว้ ร่างที่เริ่มอยู่ในอาการมึนรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดส่งข้อความฉุกเฉินขอความช่วยเหลือจากเบอร์ที่เขาตั้งไว้ “นะ นี่เธอทำอะไรกับฉัน” จู่ ๆ แขนขาก็เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ แต่ตรงนั้นกลับมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา “เมญ่าไปได้ยาตัวใหม่มาจากอีกเจ้านึงค่ะ เลยหาคนทดลองอยู่ ซึ่งมันประจวบเหมาะพอดีเลยค่ะกับที่เมญ่ามาเจอคุณลูคัสวันนี้” “นี่เธอ!!” อาการหลอนเริ่มเพิ่มมากขึ้น เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก พยายามจะลุกออกไปจากโต๊ะ แต่ขากลับอ่อนแรงลง ก่อนจะล้มลงนั่งซบบ่าของหญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มร้าย “ปะ ปล่อยฉันไป เธออยากได้อะไร ฉันจะให้เธอทุกอย่าง” เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นตามกรอบใบหน้าเนียนหล่อ “เมญ่าอยากได้คุณค่ะ ให้ได้มั้ยคะ” “มะ ไม่มีวัน” “จุ จุ จุ!! แต่เมญ่าว่ามีน้า” พูดพร้อมกับมือที่สอดเข้าไปใต้สาบเสื้อแล้วลูบมัดกล้ามอย่างหลงใหล “แบกขึ้นไปบนห้องที่ฉันเปิดไว้” หันไปบอกกับชายคนที่เสิร์ฟไวน์ ก่อนทั้งสองจะช่วยกันแบกมาเฟียหนุ่มขึ้นไปยังด้านบน เมื่อหิ้วคนที่ตนต้องการจะเป็นเจ้าของขึ้นมาได้สำเร็จ เมญ่าก็ควักทิปให้กับชายร่างท้วมคนนั้นก่อนจะสะบัดมือไล่ให้ออกไป “มิลด้า” ลูคัสเริ่มเห็นใบหน้าของคนตรงหน้าเป็นหญิงสาวที่เขารัก “ใช่ค่ะนี่มิลเองค่ะที่รัก” มือเล็กค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเขาออกทีละเม็ดช้า ๆ ราวกับได้แกะของขวัญที่น่าตื่นตาตื่นใจ อีกฝั่งในเวลาเดียวกัน “ส่งข้อความฉุกเฉินมาทำไมกัน” ขณะที่ฉันนั่งแต่งหน้าอยู่ จู่ ๆ ก็มีข้อความฉุกเฉินจากลูคัสกดส่งเข้ามา แต่เมื่อกดเข้าไปดูก็พบว่าเขาอยู่สถานที่ตามที่นัดหมายแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วหันมาแต่งหน้าต่อ Calling… “ครับคุณมิลด้า” “ฉันเสร็จแล้ว นายขับรถมารอด้านล่างได้เลยครูซ” “ครับคุณมิลด้า” Rrrrr Rrrr!! เมื่อวางสายครูซไปก็มีสายโทรศัทพ์เข้ามา “ฮัลโหลว่าไงเล็กซ์ซัส” (“พี่สะใภ้อยู่ไหนครับ ได้มากับเฮียหรือเปล่า”) “พี่กำลังออกไปหาลูคัสที่ผับ” (“ผมติดต่อเฮียไม่ได้เลยครับ เห็นว่ามาถึงก่อนผมสิบนาทีแล้ว”) “ไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า” (“ผมนั่งรอที่โต๊ะนานแล้วนะครับ มีแต่แก้วไวน์วางไว้”) “ครูซ ขับเร็วหน่อย” เอามือปิดไมโครโฟนโทรศัพท์ก่อนจะชะโงกไปบอกมือขวาคนสนิท รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงข้อความฉุกเฉินที่เขาส่งเข้ามา “นายลองเดินหาแถวนั้นดีหรือยัง” หันกลับมาคุยกับคนในสายต่อ รู้สึกใจหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูก (“ผมนั่งรออย่างเดียวครับ กลัวเฮียมาแล้วไม่เจอ”) “เดี๋ยวพี่รีบไป” (“ครับ”) กดดูพิกัดของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็พบว่าเขายังอยู่ที่ผับแห่งนั้น นั่งเคาะโทรศัพท์กับมือเป็นจังหวะอย่างร้อนรนใจ กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอีกคน ลูคัสเป็นพวกไม่ชอบเอาบอดีการ์ดติดตัว เขามักจะชอบขับรถไปไหนมาไหนอย่างเป็นส่วนตัวเสมอเพราะคิดว่าในถิ่นตัวเองไม่มีใครกล้ามาทำอะไรเขาได้ “มิล ช่วยพี่หน่อย ไม่ไหวแล้ว” เสียงหายใจกระเส่าเรียกร้อง ขอความช่วยเหลือกับคนตรงหน้า “อยากให้มิลช่วยตรงไหนดีคะที่รัก” เมญ่าคลานลงมากลางหว่างขา แล้วค่อย ๆ ปลดเข็มขัดคนที่นอนประสาทหลอนอยู่ออกช้า ๆ มือเล็กสัมผัสงวงช้างที่ขึ้นเป็นลำตุง ผ่านเนื้อผ้าด้วยความตื่นเต้น “ต้องอร่อยมากแน่ ๆ เลยค่ะ” เธอเลียริมฝีปากตัวเอง ยังคงลูบวนบนแกนกายอย่างเบามือ พร้อมสายตาที่มองชายหนุ่มอย่างยั่วยวน เหตุการณ์อดีตและปัจจุบันถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวทำให้ลูคัสไม่สามารถแยกภาพตรงหน้าออกได้เลย “เอามันออกมาทีครับมิล” หญิงสาวผมหยิกหย็องค่อย ๆ ปลดกางเกงทรงชิโน่สีดำเขาออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเหลือเพียงอันเดอร์แวร์แบรนด์หรูกับแท่งเนื้อที่แข็งขึ้นเป็นลำ ร่างเล็กค่อย ๆ คลานขึ้นมาคุกเข่าคร่อมร่างของชายหนุ่มที่นอนรอคอยการปลดปล่อย เธอค่อย ๆ ปลดอาภรณ์ตัวเองออก จนเหลือเพียงบราเซียและแพนตี้ลายลูกไม้สีแดงสด มือบางเล็กลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแน่น ริมฝีปากชมพูเลื่อนลงไปจุมพิตเบา ๆ ทีละจุดของร่างกำยำ เสียงครางกระเส่าของคนที่โดนสัมผัส ร้องเรียกอย่างหมดความอดทน แต่คนด้านบนกลับยังคงเล่นกับเรือนร่างของเขาอย่างไม่สนใจคำร้องขอ “มันใหญ่อย่างที่คิดไว้จริง ๆ ค่ะที่รัก คุณเซ็กซี่มากรู้ตัวมั้ยหื้ม” เสียงหวานเอ่ยอย่างเย้ายวน ก่อนจะขยับลงไปนั่งทับแท่งเนื้อหนาแล้วบดวนเบา ๆ ผ่านเนื้อผ้าพร้อมกับมือที่ยังคงลูบวนบนตัวเขา “มิล อย่าทรมานพี่ครับ” ภาพหลอนของใบหน้าคนที่รักยังคงยั่วยวนชวนเขาทรมาน อีกฝั่งในเวลาเดียวกัน “พี่สะใภ้ทางนี้ครับ” เล็กซ์ซัสยกมือเรียกมาทิลด้า “สวัสดีค่ะคุณแอนนา” เมื่อเดินเข้ามาก็เจอเข้ากับสองคนที่ลูคัสได้นัดไว้ “สวัสดีค่ะคุณมิลด้า” “ไม่เจอกันนานสบายดีนะคะ” “ฉันสบายดีค่ะ” “ผมรอมานานแล้ว เฮียยังไม่กลับมาที่โต๊ะเลย โทรไปก็ไม่รับ” ทั้งสองยังทักทายไม่ทันเสร็จ เล็กซ์ซัสก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ก่อนหน้านี้เขาส่งฉุกเฉินหาพี่อยู่นะ” “จริงเหรอครับ เฮียไม่เคยส่งฉุกเฉินหาใครนะ ผมว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเฮียแน่ ๆ” “นี่ไง” ส่งโทรศัพท์ให้น้องสามีดู “ยังอยู่ในนี้นี่คะ แล้วเขาอยู่ที่ไหน” แอนนาพูดขึ้นด้วยความสงสัย “ผมว่ามันแปลก ๆ นะครับ” “ยังไงอะ” “ผมว่าเราช่วยกันตามหาก่อนดีกว่าครับ” เมื่อพูดจบเล็กซ์ซัสก็โทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิทสองคนด้านนอกเพื่อให้เข้ามาช่วยหาพี่ชายทันที “นายลองไปขอดูกล้องวงจรปิด เดี๋ยวพี่จะลองเดินตามพิกัดในโทรศัพท์ดู” “งั้นเดี๋ยวแอนนาไปด้วยค่ะ” เมื่อตกลงกันได้ ทั้งสามก็แยกเป็นสองกลุ่ม เล็กซ์ซัสรีบไปหาผู้จัดการร้านส่วนสองสาวก็รีบวิ่งไปทางห้องพัก ขณะเดินก็หยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความหาครูซ ให้เข้ามาช่วยตามหาอีกแรง “ที่นี่มีแค่สามชั้น แอนนาว่าหาไม่ยากค่ะ ถ้าพิกัดหยุดอยู่ตรงระหว่างห้องไหน เราค่อยเดินขึ้นไล่ดูตำแหน่งห้องนั้นทีละชั้นเอาก็ได้ค่ะ” “มิลเห็นด้วยค่ะ” เมื่อพูดจบแอนนาก็มีสายเข้า จึงขอตัวไปรับโทรศัพท์ มาทิลด้าเดินไล่ตั้งแต่ห้องแรกมาเรื่อย ๆ จนจุดกะพริบหยุดอยู่ที่ห้องเบอร์เจ็ด เธอเคาะประตูห้องสองทีก่อนคนที่เปิดออกมาจะเป็นชายร่างท้วมสูงใหญ่ มาทิลด้าหันมาส่ายหน้าให้กับแอนนาก่อนทั้งสองจะขึ้นไปยังชั้นสอง เมื่อเดินขึ้นบันไดมาก็เจอเข้ากับเล็กซ์ซัสที่ออกจากลิฟต์มาพอดี “อะ เอ่อ ผมว่าเฮียไม่ได้อยู่ชั้นนี้หรอกครับ” “ไม่ได้อยู่แล้วนายขึ้นมาทำไม” แอนนาหันไปถามคนที่เดินออกมาจากลิฟต์ ขณะที่สองคนนั้นกำลังยืนถกเถียงกันอยู่ มาทิลด้าก็เดินตรงไปยังห้องหมายเลขที่แอนนาได้บอกไว้ ฝีเท้าเล็กเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องเบอร์สิบเจ็ด ดวงตากลมสีน้ำข้าวมองไปยังบานประตูที่เผยอเปิดไว้ ปิดไม่สนิทอย่างเช่นห้องอื่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD