BIT BAR
Rrrr Rrr
(“เฮียถึงหรือยัง”)
“ถึงแล้วกำลังจะเดินเข้าไป”
(“ผมถึงช้าหน่อยนะเฮีย”)
“อืมเดี๋ยวนั่งรอ คุณแอนนาน่าจะใกล้ถึงแล้ว”
(“อะ อ๋อ โอเคครับเดี๋ยวผมรีบไป”)
“อืม” กดวางสายน้องชายสายเลือดเดียวกันก่อนจะเดินเข้าไปยังในคลับ
บรรยากาศด้านในอึกทึกครึกโครม จังหวะเสียงเพลงกระทบหูอย่างหนักหน่วง ร่างสูงหุ่นสมส่วนเดินตรงไปยังโต๊ะวีไอพีที่จองไว้ในชื่อเขา
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ เมญ่าเสียใจมากที่คุณลูคัสโทรมายกเลิกธุรกิจของเราตอนนั้น” ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงบนโซฟา คู่ค้าสาวที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมค้าขายด้วยกัน ก็เดินเข้ามาทัก
“ฉันไม่สะดวกร่วมงานกับคนที่ทำร้ายเมียฉัน” พูดเสียงเรียบด้วยสรรพนามที่ห่างเหินไม่สนใจอย่างเช่นแต่ก่อน เนื่องจากการตบตีกันในครั้งนั้น หลังจากที่เขาทำแผลให้มาทิลด้าเสร็จจนเธอหลับไป ลูคัสก็ได้โทรศัพท์ไปยกเลิกธุรกิจที่จะทำร่วมกับหญิงสาวที่ชื่อเมญ่า คนที่มาทำร้ายเมียของเขาทันทีและไม่ขอร่วมงานใด ๆ ด้วยกันอีกต่อไป
“แหม ไม่เห็นต้องห่างเหินกันขนาดนี้เลยนี่คะ”
“เธอต้องการอะไร”
“เมญ่าไม่ต้องการอะไรเลยค่ะ แค่ชนกับเมญ่าสักแก้วได้หรือเปล่าคะ” พูดจบหญิงสาวมากเสน่ห์ใบหน้าเจ้าเล่ห์ก็ส่งสายตาให้บริกรหนุ่มที่เดินถือเหล้าเข้ามา
“ฉันไม่กินเหล้า”
เมญ่ายิ้มกริ่มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้บริกรหนุ่มไปเอาเปิดไวน์มาใหม่ ไม่ถึงห้านาทีขวดไวน์ที่ถูกเปิดก็วางเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า
“เมญ่าต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ ที่เผลอไปทำร้ายภรรยาคุณลูคัสวันนั้น”
“คนที่เธอควรขอโทษคือเมียฉัน ไม่ใช่ฉัน”
“โทรตามเธอมาสิคะ เดี๋ยวเมญ่าจะขอโทษ”
“…”
“หรือ...ไว้โอกาสหน้าก็ได้ค่ะถ้ายังไม่สะดวก งั้นวันนี้เมญ่าขอชนเพื่อเป็นการขอโทษและขอบคุณที่เคยได้ร่วมงานด้วยกันหน่อยได้มั้ยคะ” ลูคัสหยิบแก้วขึ้นมาหวังชนให้มันจบ ๆ สาวเจ้าจะได้ลุกออกไปก่อนที่คนเป็นเมียจะมาพังโต๊ะเสียก่อน
“ต้องหมดแก้วสิคะ นาน ๆ ทีจะได้เจอกัน”
“ฉันมีนัด ต้องคุยธุระต่อ รีบกินแล้วรีบออกไปซะ อย่ามาเสียมารยาท”
“แหม ใจร้ายใส่กันจังเลยนะคะ” เธอขยับเข้ามานั่งข้างเขา มือเล็กหวังจะล้วงเข้าไปในเสื้อของชายหนุ่ม แต่มือหนายกขึ้นมาปรามไว้พร้อมกับขยับหนี
“หมดเรื่องจะคุยแล้วก็ออกไป”
“แหมใจเย็น ๆ สิคะ อย่าเพิ่งรีบไล่กันสิคะ” หันไปคว้าแก้วเหล้าจิบอย่างสบายใจ ไม่สนสีหน้าฉายความไม่พอใจของชายหนุ่มเลยสักนิด กระทั่งเวลาผ่านไปราว ๆ ห้านาที มาเฟียหนุ่มก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย
“จะรีบไปไหนคะ คุยกันก่อนสิคะคุณลูคัส” เขาพยายามจะลุกหนีแต่กลับถูกอีกคนรั้งเอาไว้ ร่างที่เริ่มอยู่ในอาการมึนรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดส่งข้อความฉุกเฉินขอความช่วยเหลือจากเบอร์ที่เขาตั้งไว้
“นะ นี่เธอทำอะไรกับฉัน” จู่ ๆ แขนขาก็เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ แต่ตรงนั้นกลับมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา
“เมญ่าไปได้ยาตัวใหม่มาจากอีกเจ้านึงค่ะ เลยหาคนทดลองอยู่ ซึ่งมันประจวบเหมาะพอดีเลยค่ะกับที่เมญ่ามาเจอคุณลูคัสวันนี้”
“นี่เธอ!!” อาการหลอนเริ่มเพิ่มมากขึ้น เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก พยายามจะลุกออกไปจากโต๊ะ แต่ขากลับอ่อนแรงลง ก่อนจะล้มลงนั่งซบบ่าของหญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มร้าย
“ปะ ปล่อยฉันไป เธออยากได้อะไร ฉันจะให้เธอทุกอย่าง” เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นตามกรอบใบหน้าเนียนหล่อ
“เมญ่าอยากได้คุณค่ะ ให้ได้มั้ยคะ”
“มะ ไม่มีวัน”
“จุ จุ จุ!! แต่เมญ่าว่ามีน้า” พูดพร้อมกับมือที่สอดเข้าไปใต้สาบเสื้อแล้วลูบมัดกล้ามอย่างหลงใหล
“แบกขึ้นไปบนห้องที่ฉันเปิดไว้” หันไปบอกกับชายคนที่เสิร์ฟไวน์ ก่อนทั้งสองจะช่วยกันแบกมาเฟียหนุ่มขึ้นไปยังด้านบน
เมื่อหิ้วคนที่ตนต้องการจะเป็นเจ้าของขึ้นมาได้สำเร็จ เมญ่าก็ควักทิปให้กับชายร่างท้วมคนนั้นก่อนจะสะบัดมือไล่ให้ออกไป
“มิลด้า” ลูคัสเริ่มเห็นใบหน้าของคนตรงหน้าเป็นหญิงสาวที่เขารัก
“ใช่ค่ะนี่มิลเองค่ะที่รัก” มือเล็กค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเขาออกทีละเม็ดช้า ๆ ราวกับได้แกะของขวัญที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อีกฝั่งในเวลาเดียวกัน
“ส่งข้อความฉุกเฉินมาทำไมกัน” ขณะที่ฉันนั่งแต่งหน้าอยู่ จู่ ๆ ก็มีข้อความฉุกเฉินจากลูคัสกดส่งเข้ามา แต่เมื่อกดเข้าไปดูก็พบว่าเขาอยู่สถานที่ตามที่นัดหมายแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วหันมาแต่งหน้าต่อ
Calling…
“ครับคุณมิลด้า”
“ฉันเสร็จแล้ว นายขับรถมารอด้านล่างได้เลยครูซ”
“ครับคุณมิลด้า”
Rrrrr Rrrr!! เมื่อวางสายครูซไปก็มีสายโทรศัทพ์เข้ามา
“ฮัลโหลว่าไงเล็กซ์ซัส”
(“พี่สะใภ้อยู่ไหนครับ ได้มากับเฮียหรือเปล่า”)
“พี่กำลังออกไปหาลูคัสที่ผับ”
(“ผมติดต่อเฮียไม่ได้เลยครับ เห็นว่ามาถึงก่อนผมสิบนาทีแล้ว”)
“ไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า”
(“ผมนั่งรอที่โต๊ะนานแล้วนะครับ มีแต่แก้วไวน์วางไว้”)
“ครูซ ขับเร็วหน่อย” เอามือปิดไมโครโฟนโทรศัพท์ก่อนจะชะโงกไปบอกมือขวาคนสนิท รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงข้อความฉุกเฉินที่เขาส่งเข้ามา
“นายลองเดินหาแถวนั้นดีหรือยัง” หันกลับมาคุยกับคนในสายต่อ รู้สึกใจหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูก
(“ผมนั่งรออย่างเดียวครับ กลัวเฮียมาแล้วไม่เจอ”)
“เดี๋ยวพี่รีบไป”
(“ครับ”)
กดดูพิกัดของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็พบว่าเขายังอยู่ที่ผับแห่งนั้น นั่งเคาะโทรศัพท์กับมือเป็นจังหวะอย่างร้อนรนใจ กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอีกคน ลูคัสเป็นพวกไม่ชอบเอาบอดีการ์ดติดตัว เขามักจะชอบขับรถไปไหนมาไหนอย่างเป็นส่วนตัวเสมอเพราะคิดว่าในถิ่นตัวเองไม่มีใครกล้ามาทำอะไรเขาได้
“มิล ช่วยพี่หน่อย ไม่ไหวแล้ว” เสียงหายใจกระเส่าเรียกร้อง ขอความช่วยเหลือกับคนตรงหน้า
“อยากให้มิลช่วยตรงไหนดีคะที่รัก” เมญ่าคลานลงมากลางหว่างขา แล้วค่อย ๆ ปลดเข็มขัดคนที่นอนประสาทหลอนอยู่ออกช้า ๆ มือเล็กสัมผัสงวงช้างที่ขึ้นเป็นลำตุง ผ่านเนื้อผ้าด้วยความตื่นเต้น
“ต้องอร่อยมากแน่ ๆ เลยค่ะ” เธอเลียริมฝีปากตัวเอง ยังคงลูบวนบนแกนกายอย่างเบามือ พร้อมสายตาที่มองชายหนุ่มอย่างยั่วยวน
เหตุการณ์อดีตและปัจจุบันถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวทำให้ลูคัสไม่สามารถแยกภาพตรงหน้าออกได้เลย
“เอามันออกมาทีครับมิล” หญิงสาวผมหยิกหย็องค่อย ๆ ปลดกางเกงทรงชิโน่สีดำเขาออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเหลือเพียงอันเดอร์แวร์แบรนด์หรูกับแท่งเนื้อที่แข็งขึ้นเป็นลำ
ร่างเล็กค่อย ๆ คลานขึ้นมาคุกเข่าคร่อมร่างของชายหนุ่มที่นอนรอคอยการปลดปล่อย เธอค่อย ๆ ปลดอาภรณ์ตัวเองออก จนเหลือเพียงบราเซียและแพนตี้ลายลูกไม้สีแดงสด มือบางเล็กลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแน่น ริมฝีปากชมพูเลื่อนลงไปจุมพิตเบา ๆ ทีละจุดของร่างกำยำ
เสียงครางกระเส่าของคนที่โดนสัมผัส ร้องเรียกอย่างหมดความอดทน แต่คนด้านบนกลับยังคงเล่นกับเรือนร่างของเขาอย่างไม่สนใจคำร้องขอ
“มันใหญ่อย่างที่คิดไว้จริง ๆ ค่ะที่รัก คุณเซ็กซี่มากรู้ตัวมั้ยหื้ม” เสียงหวานเอ่ยอย่างเย้ายวน ก่อนจะขยับลงไปนั่งทับแท่งเนื้อหนาแล้วบดวนเบา ๆ ผ่านเนื้อผ้าพร้อมกับมือที่ยังคงลูบวนบนตัวเขา
“มิล อย่าทรมานพี่ครับ” ภาพหลอนของใบหน้าคนที่รักยังคงยั่วยวนชวนเขาทรมาน
อีกฝั่งในเวลาเดียวกัน
“พี่สะใภ้ทางนี้ครับ” เล็กซ์ซัสยกมือเรียกมาทิลด้า
“สวัสดีค่ะคุณแอนนา” เมื่อเดินเข้ามาก็เจอเข้ากับสองคนที่ลูคัสได้นัดไว้
“สวัสดีค่ะคุณมิลด้า”
“ไม่เจอกันนานสบายดีนะคะ”
“ฉันสบายดีค่ะ”
“ผมรอมานานแล้ว เฮียยังไม่กลับมาที่โต๊ะเลย โทรไปก็ไม่รับ” ทั้งสองยังทักทายไม่ทันเสร็จ เล็กซ์ซัสก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ก่อนหน้านี้เขาส่งฉุกเฉินหาพี่อยู่นะ”
“จริงเหรอครับ เฮียไม่เคยส่งฉุกเฉินหาใครนะ ผมว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเฮียแน่ ๆ”
“นี่ไง” ส่งโทรศัพท์ให้น้องสามีดู
“ยังอยู่ในนี้นี่คะ แล้วเขาอยู่ที่ไหน” แอนนาพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“ผมว่ามันแปลก ๆ นะครับ”
“ยังไงอะ”
“ผมว่าเราช่วยกันตามหาก่อนดีกว่าครับ” เมื่อพูดจบเล็กซ์ซัสก็โทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิทสองคนด้านนอกเพื่อให้เข้ามาช่วยหาพี่ชายทันที
“นายลองไปขอดูกล้องวงจรปิด เดี๋ยวพี่จะลองเดินตามพิกัดในโทรศัพท์ดู”
“งั้นเดี๋ยวแอนนาไปด้วยค่ะ” เมื่อตกลงกันได้ ทั้งสามก็แยกเป็นสองกลุ่ม เล็กซ์ซัสรีบไปหาผู้จัดการร้านส่วนสองสาวก็รีบวิ่งไปทางห้องพัก ขณะเดินก็หยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความหาครูซ ให้เข้ามาช่วยตามหาอีกแรง
“ที่นี่มีแค่สามชั้น แอนนาว่าหาไม่ยากค่ะ ถ้าพิกัดหยุดอยู่ตรงระหว่างห้องไหน เราค่อยเดินขึ้นไล่ดูตำแหน่งห้องนั้นทีละชั้นเอาก็ได้ค่ะ”
“มิลเห็นด้วยค่ะ” เมื่อพูดจบแอนนาก็มีสายเข้า จึงขอตัวไปรับโทรศัพท์ มาทิลด้าเดินไล่ตั้งแต่ห้องแรกมาเรื่อย ๆ จนจุดกะพริบหยุดอยู่ที่ห้องเบอร์เจ็ด เธอเคาะประตูห้องสองทีก่อนคนที่เปิดออกมาจะเป็นชายร่างท้วมสูงใหญ่ มาทิลด้าหันมาส่ายหน้าให้กับแอนนาก่อนทั้งสองจะขึ้นไปยังชั้นสอง เมื่อเดินขึ้นบันไดมาก็เจอเข้ากับเล็กซ์ซัสที่ออกจากลิฟต์มาพอดี
“อะ เอ่อ ผมว่าเฮียไม่ได้อยู่ชั้นนี้หรอกครับ”
“ไม่ได้อยู่แล้วนายขึ้นมาทำไม” แอนนาหันไปถามคนที่เดินออกมาจากลิฟต์
ขณะที่สองคนนั้นกำลังยืนถกเถียงกันอยู่ มาทิลด้าก็เดินตรงไปยังห้องหมายเลขที่แอนนาได้บอกไว้ ฝีเท้าเล็กเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องเบอร์สิบเจ็ด ดวงตากลมสีน้ำข้าวมองไปยังบานประตูที่เผยอเปิดไว้ ปิดไม่สนิทอย่างเช่นห้องอื่น