คำขอ

1876 Words
Penthouse Lucas สองเดือนผ่านไป หลังจากที่ลูคัสฉีกใบหย่าทิ้ง ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะชายหนุ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นต่างจากก่อนหน้านี้ “หยุดทำธุรกิจกับพวกผู้หญิงที่จ้องจะจับนายกินได้ไหม?” จู่ ๆ คนที่นอนตะแคงเล่นมือเขาอยู่ก็ถามขึ้นมา “…” “หรือเลิกไปคุยกันที่โรงแรมเป็นการส่วนตัวตอนดึก ๆ ดื่น ๆ ก็ได้” “ธุรกิจของพี่ มันไม่สามารถคุยที่อื่นได้ เธอก็รู้ว่าพี่ไม่ได้ทำธุรกิจสีขาว” “งั้นให้ป๊าช่วยไหม หาส่งเจ้าใหญ่ ๆ แล้วให้เขาไปปล่อยย่อยเอา” “พี่อยากเดินได้ด้วยตัวเอง” “แต่มันต้องแลกกับการเปลืองเนื้อเปลืองตัวมิลไม่โอเคเลย ถ้าวันหนึ่งพลาดมาจะทำยังไง จะแก้ไขอะไรได้อีกไหม” “พี่ก็ไม่ได้ไปเอากับใคร” “งั้นถ้ามิลให้คนอื่นมาโดนตัว มาลูบคลำบ้าง แบบนั้นก็ได้ใช่มั้ย” สายตาที่มองจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ หันมามองคนพูดทันที “อยากเห็นมันตายก็ลองดู” “แล้วมิลล่ะ ไม่มีสิทธิ์หวงเลยหรือไง” พูดจบกำลังทำท่าจะลุก แต่กลับถูกมือหนารั้งเอาไว้ “อย่างอแง มันไม่น่ารัก” “ไม่ได้งอแงซะหน่อย” “เดือนหน้าพี่ต้องไปงานประมูล อยากไปด้วยหรือเปล่า” “ชวนหรือแค่ถาม” “…” “ช่วงนี้เป็นอะไร ทำไมอารมณ์แปรปรวนบ่อย” “…” มาทิลด้าเงียบไม่ตอบ “พี่อยากให้เราไปด้วย” “พูดจริงหรือเปล่า” “จริง แล้วอยากไปหรือเปล่า” “…” “ถ้าอยากไปก็ไป แต่ห้ามพังงานเพื่อนพี่ก็พอ” “มิลไม่ได้เป็นคนไม่รู้กาลเทศะเสียหน่อย” “จะพยายามไม่เข้าใกล้พวกผู้หญิง แต่ไม่รับปาก เพราะงานของพี่ก็ยังต้องพึ่งพาคนพวกนั้นอยู่บ้าง” “…” “ทำไมทำหน้าแบบนั้น” “ให้ป๊ามิลช่วยเถอะนะ ลุคจะได้ไม่ต้องลงไปทำเองแบบนี้ หรือลุคจะเข้าไปช่วยป๊าดูแลธุรกิจก็ได้” “บอกแล้วไง ว่าอยากเดินด้วยตัวเอง” “…” “รออีกนิดได้หรือเปล่า” “ทำไมไม่รับความช่วยเหลือจากมิล” “พี่เป็นผู้ชาย” “แต่เราเป็นครอบครัวเดียวกัน” “ช่างเถอะ พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจ” “สรุปอยากไปด้วยหรือเปล่า” หลุบตามองคนที่กรีดปลายนิ้วเล่นอยู่ที่อก “อยากไปด้วย” “อยากไปก็ไป อยากได้อะไรก็บอก เดี๋ยวจะประมูลให้” “…” “แล้วบัตรที่ให้ไปทำไมไม่ใช้” เขาถามขึ้นอีกครั้งเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ไม่มีการรูดใช้บัตรจากเธอแจ้งเตือนมาที่มือถือของเขาเลย “ไม่รู้จะซื้ออะไร” “ไม่มีของที่อยากได้เลยหรือไง” “ของที่อยากได้ก็มีแหละ แต่ไม่อยากไปซื้อเอง” “อยากได้อะไร” “อะไรก็ได้ที่ลุคซื้อให้” “พี่ไม่เคยซื้อของให้ใคร พี่เลือกไม่เป็น” “…” “แล้วใบที่ไม่ใช่บัตรเครดิต เคยเข้าไปเช็กดูบ้างหรือเปล่า” ส่ายหัวน้อย ๆ ตอบ ลูคัสได้แต่ถอนหายใจออกมา เขาพอจะรู้ว่ามาทิลด้าไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนประหยัดขนาดนี้ “จบงานประมูลเดี๋ยวพาไปรับลูกชายเธอมาเล่นที่เพนต์เฮาส์กัน” “รอปิดเทอมฤดูร้อนค่อยมาทีเดียวก็ได้” “ทำไม” “จะได้อยู่นาน ๆ” “อืม แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน” “ลุค” “หืม” “ถ้ามีลูก นายอยากได้ลูกชายหรือลูกสาว” แอบขัดใจกับสรรพนามที่เธอใช้เรียกแต่ขี้เกียจมีปัญหาเลยเลือกที่จะไม่ขัด “ลูกสาว” “เพราะอะไร” “เพราะเธอมีลูกชายแล้ว พี่ชายน่าจะรักและหวงน้องสาวมาก ถ้ามีผู้ชายอีกคนอาจจะตีกันเหมือนบ้านพี่” “…” “ไม่รังเกียจลูก้าจริง ๆ ใช่มั้ย” “ทำไมถามแบบนั้น” “…” “พี่ชอบเด็ก” พูดขึ้นมาเมื่อเห็นอีกคนเงียบ ลูคัสรักเด็กมาก เขามักจะไปช่วยลูเซียน่าเลี้ยงลูกชายอยู่บ่อยครั้ง และรักเด็กคนนั้นเหมือนลูกชายแท้ ๆ คนหนึ่ง “แต่ลูก้าโตแล้ว” “ตอนนี้เขากี่ขวบแล้ว” “หกขวบ” “เข้ากับคนง่ายหรือเปล่า” เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นมา “ถ้ายังไม่ค่อยสนิทอาจจะคุยด้วยน้อยมาก ๆ หรืออาจจะไม่คุยด้วยเลย ลูก้าเป็นเด็กที่นิ่ง ๆ แต่ก็มีความขี้อ้อนนะ” “…” “คิดอะไรอยู่” “คิดว่าจะทำยังไงให้ลูกเธอชอบ” “…” “เขาชอบอะไร” “หมายถึง?” “ของเล่น ที่เที่ยว ชอบทำอะไร ชอบไปไหน” “ลูก้าชอบต่อเลโก้ ชอบว่ายน้ำ ชอบกินราวิโอลี่ ไม่ค่อยชอบไปไหนชอบอยู่แต่บ้าน” “…” “คิดอะไรอยู่” มาทิลด้าเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตัวสูงเงียบไป “พี่ไม่คิดว่าจะมีคนชอบอะไรคล้าย ๆ พี่ งั้นเดี๋ยวพี่จะสั่งเลโก้ไว้ต่อกับลูก้าดู” “อะ อื้ม” มาทิลด้าตอบกลับไปสั้น ๆ หนึ่งใจก็อยากจะบอกความจริงแต่อีกใจก็ยังค้านกับคำพูดของเขาในวันนั้น... “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป จะได้เข้าไปหาป๊ากับม้ากัน” “แล้วตัวเองไม่เปลี่ยนหรือไง” “พี่ไปชุดนี้” วันนี้ทั้งสองมีนัดทานข้าวกับครอบครัว ถ้าคนเป็นบิดาไม่โทรศัพท์มาตาม นานทีปีหนลูคัสถึงจะพามาทิลด้าเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่ คฤหาสน์อาเซียดิโน เมื่อรถไฮเปอร์คาร์คันหรูจอดสนิท ลูคัสก็เดินจูงมือหญิงสาวผู้ร่วมใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายปีเข้าไปด้านใน “มากันแล้วเหรอลูก ม้าจัดโต๊ะเสร็จพอดี” ทั้งสองกล่าวทักทายบิดามารดาเสร็จก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร “เป็นยังไงบ้างมาทิลด้า เหนื่อยหรือเปล่าอยู่กับเจ้านี่” “ไม่ค่ะป๊า” “แล้วทำไมหน้าตาหมอง ๆ ดูเหนื่อย ๆ อย่างนั้นล่ะลูก” น้ำเสียงนุ่มอบอุ่นจากคนเป็นมารดาเอ่ยถาม “ช่วงนี้มิลเพลีย ๆ นิดหน่อยค่ะม้า” “งานเยอะหรือไงเรา” ชายผู้อาวุโสของบ้านหันมาถามอย่างเป็นห่วง “เยอะอะไรป๊า กินแล้วก็นอนจนจะเป็นหมูอยู่แล้ว” “ไปว่าน้องเดี๋ยวเถอะ” “แล้วป๊าเรา เป็นยังไงบ้าง” “ป๊าสบายดีค่ะ ช่วงนี้งานค่อนข้างเยอะ แถมเรือสินค้าถูกปล้นบ่อยมากค่ะช่วงนี้” “น่าเห็นใจ มีลูกเขยก็ไม่เอาไหน” “…” ลูคัสละสายตาจากโทรศัพท์มือถือแล้วมองคนเป็นพ่อที่พูดเหน็บแนมเล็กน้อย “แล้วนี่สามสิบกว่าแล้วเมื่อไหร่แกจะปล่อยมีลูกอีกคน” “ฮึ พูดเหมือนผมมีลูกแล้วอย่างงั้นแหละ” “แล้วเมื่อไหร่จะตบแต่งกัน ให้ผู้หญิงรอนานแบบนี้มันไม่ดีนะลุค” คนเป็นแม่รีบพูดขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนคำพูดของคนเป็นพ่อ “เดี๋ยวผมก็แต่งเองแหละม้า” ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ทำคนข้าง ๆ หน้าหม่นลงทันที “ระวังผู้หญิงเขาจะหนีไปก่อน” “ผมไม่เหมือนป๊าหรอก” “เออ ฉันจะรอดู” ทั้งสามนั่งคุยกันไปได้สักพักลูกชายคนโตของบ้านก็เดินเข้ามาพร้อมกับภรรยา ทั้งสองกล่าวทักทายบิดามารดาเสร็จก็นั่งลงร่วมโต๊ะอาหาร ก่อนสะใภ้คนโตจะหันมาทักทายสะใภ้รอง “นี่ก็อีกคู่มาทีไรนั่งหน้าอมทุกข์ตลอด” “ก็ลูกชายคุณมีแต่ดี ๆ ทั้งนั้นนี่คะ” “ฉันก็ทำมันออกมาร่วมกับเธอ” “แต่ยีนคุณมันเด่นกว่าของฉัน” ประมุขแห่งบ้านได้แต่ส่ายหน้าให้กับเมียที่ไม่เคยคิดจะยอมแพ้เขาเลยแม้กระทั่งต่อหน้าลูก ๆ “แล้วนี่จะค้างที่นี่กันหรือเปล่า” “คงไม่ครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปพบลูกค้าแต่เช้า” ลูกชายคนโตตอบ “แล้วแกล่ะลูคัส” “เธออยากค้างหรือเปล่า” หันไปถามคนข้าง ๆ “ค้างสิลูก ไม่ได้มาตั้งหลายเดือนแล้ว” “ไว้คราวหน้านะคะ พอดีพรุ่งนี้มิลต้องไปธุระแทนป๊าค่ะ” หันไปตอบแม่สามีด้วยสีหน้าเกรงใจ “พ่อเธอสบายดีหรือเปล่า” ประมุขของบ้านหันไปถามลูกสะใภ้คนโต “แด๊ดสบายดีค่ะ แต่ช่วงนี้เดินทางไปคุยธุรกิจที่ต่างประเทศค่อนข้างบ่อยค่ะ” “แล้วเมื่อไหร่จะปล่อยมีลูกกัน” “ผมยังไม่พร้อม” ลูกชายคนโตโพล่งตอบออกไปน้ำเสียงหนักแน่นขณะสบตาผู้เป็นพ่อ ส่วนหญิงผู้เป็นเมียได้แต่นั่งจิกเล็บลงบนฝ่ามือ ริมฝีปากเล็กเม้มกัดจนห้อเลือด ก้มหน้าไม่กล้าสบตาทุกคนบนโต๊ะอาหาร จนมาทิลด้าเองก็แอบเห็นใจพี่สะใภ้อยู่ไม่น้อย พี่ชายคนโตของตระกูลนี้เป็นผู้ชายที่นิ่ง เงียบขรึม ดูดุมาก เธอไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้านั้นเลยตั้งแต่เข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลนี้ “แต่งไปหลายปีแล้วทำไมถึงยังไม่พร้อม” “ถ้าป๊ารีบป๊าก็ทำเองสิครับ” “ถ้ามันไม่ออกมาเหมือนพวกแกฉันทำเองไปนานแล้ว มีลูกแต่ละคนไม่ได้เรื่องสักคน” เมื่อเสียงบ่นเงียบลง แม่บ้านก็เข้ามาตักข้าว ก่อนทุกคนจะเริ่มอาหารมื้อค่ำ “แล้วนี่ไอ้เล็กซ์ไปไหนครับ” ลูคัสเอ่ยถามขึ้น “ไม่รู้หายหัวไปไหน ไม่เห็นกลับมาบ้านสองเดือนแล้ว” “อยู่ที่เพนต์เฮาส์หรือเปล่าครับ” “แม่บ้านเข้าไปจัดของ เห็นว่าของยังเหลือเต็มเลย อาหารในตู้เย็นก็ไม่ลด ม้าว่าจะเข้าไปดูน้องหน่อย” “งั้นก็คงไปอยู่กับเมียมัน” “น้องมีเมียแล้วเหรอตาลุค” “มันมีหำนะม้า” “ตายแล้ว หยาบคาย แกพูดอะไรน่ะ” “ป๊าไม่มีหรือไงม้า” “คิดว่าพวกแกถูกผลิตมาจากน้ำมันรำข้าวหรือไง” คนเป็นบิดาพูดประชดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะมองค้อนลูกชายคนกลางตาเขียวขุ่น “หัวเราะอะไร” ลูคัสเอียงหน้าไปถามหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ มาทิลด้าพยายามเม้มริมฝีปากกลั้นขำกับการปะทะริมฝีปากของสองพ่อลูก “ปะ เปล่า” และนี่คือลูคัสอีกเวอร์ชันเวลาอยู่กับครอบครัว กวนประสาทเป็นที่หนึ่ง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เหล่าแม่บ้านก็เก็บจานบนโต๊ะ ก่อนจะเสิร์ฟของหวานต่อ “มึงกินของหวานตั้งแต่เมื่อไหร่” พี่ชายเอ่ยถามเสียงเรียบ “ตอนนี้แหละ” “…” ทั้งโต๊ะมองมายังคนที่นั่งตักของหวานใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย “เอาของมิลไปอีกถ้วยก็ได้นะ” “ไม่กินหรือไง” “ไม่อะ อิ่มแล้ว” ลูคัสหยิบมากินทันทีโดยมีสายตาของพ่อและพี่ชายมองมาอย่างแปลกใจ “ไม่เคยเห็นคนหล่อกินขนมกันหรือไง” พูดโดยไม่เงยหน้าไปมองคนที่จับจ้องอยู่ จนสองพ่อลูกส่ายหัวเอือมระอากับคนตรงหน้า เมื่อกินของหวานเสร็จเรียบร้อย สามหนุ่มก็แยกขึ้นไปคุยเกี่ยวกับธุรกิจบนห้องทำงานของคนเป็นพ่อ ส่วนสามสาวด้านล่างก็นั่งดูละครพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยตามประสาผู้หญิง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD