ตอนที่ 2

3421 Words
“เสียดายจัง แล้วแกสองคนล่ะ รส ชามา” “ก็เหมือนเดิมน่ะ ใครจะเหมือนแกล่ะทำงานสบายๆทำงานที่ไหนก็ได้.” สวรส เป็นผู้จัดการห้องอาหารไทยในโรงแรมหรูหกดาวกลางกรุงเทพแม้งานจะรับผิดชอบงานเยอะแต่ก็คุ้มกับเงินเดือนที่ได้และเธอก็มีความสุขกับมัน “ชามาเริ่มจะเบื่อแล้วอ่ะแก วันๆมีแต่เรื่องจนอยากจะบ้าตายวันหลายๆรอบ” ชามาบ่นเพราะวันๆต้องทำตามความต้องการของลูกค้าที่อยากได้โน่นนี่นั่นจนเธอก็อยากเปลี่ยนงานแต่ยังเสียดายเงินเดือนที่ได้จึงต้องทนต่อไป “แกมาทำงานกับพี่วีมั้ยล่ะชามา” “ไม่เอาอ่ะ ชามาไม่ได้เรียนเลขานุการมานะ ทำไม่ได้หรอก” สาวสวยส่ายหน้า “ลองดูก่อนก็ได้นี่แก” “ขอบใจมากแม่เพื่อนรัก ชามาไม่อยากทำให้พี่วีเสียเวลาน่ะ งานบริษัทใหญ่ขนาดนั้นต้องมืออาชีพนะแก แล้วชามาก็จะเป็นตัวถ่วงน่ะ” เธอไม่ได้เรียนเลขานุการมาจึงไม่อยากไปเริ่มใหม่หากไม่ไหวจริงๆก็คงต้องกลับไปอัมพวาและทำธุรกิจเล็กๆทำหรือไปยึดกิจการของพ่อแม่ดีกว่า ชามาคิดอย่างขำๆ “ก็ถูกของแกนะชามาเอาไว้แผนกประชาสัมพันธ์ว่านุชจะล็อคไว้ให้แกเลยโอเคมั้ย” “โอเค ค่อยน่าทำหน่อย อิๆอิๆ” สี่สาวก็เดินไปซื้อน้ำและป๊อบคอนไปกินในโรงหนังและยืนรอประตูโรงหนังเปิด “แกๆ ดูนั่นสิ ไฮโซหนุ่มหล่อควงสาวมาดูหนังอ่ะ” เสวรสสะกิดเพื่อนให้ดูขุนศึกกับคู่ควงที่ยืนกอดแขนชายหนุ่มแน่นราวกับกลัวใครจะมาแย่ง “อ่อ นายนี่เอง เจ้าชู้ตัวพ่อเลยนะแก ขี้หลีอีกต่างหาก” วรนุชว่าให้ขุนศึกและไม่รู้ว่าเป็นพี่ชายต่างแม่ของเพื่อนรัก “แกรู้ได้ยังไงนุช” “เจอในงานเลี้ยงน่ะ แต่ไม่ได้ควงคนนี้น่ะ” “อย่าไปยุ่งกับเขาเลยน่า ไปเถอะประตูเปิดแล้ว” เขมิกาบอกเพื่อนๆแล้วหันไปมองขุนศึกที่เลิกคิ้วใส่เธอเหมือนจะถามและยิ้มให้ “ดูสิ นั่นๆพวกแกเห็นมั้ยขนาดควงสาวอยู่ยังมาอ่อยพวกเราอีก อี้ ไอ้ผู้ชายหน้าหม้อ” วรนุชยังเจ็บใจไม่หายที่ขุนศึกชนเธอและยังจับน่มน้มของเธอและยังมาแก้ตัวว่าไม่ได้ตั้งใจ น่าเชื่อตายล่ะ สมแล้วที่โดนเข่าพิฆาตของเธอก่อจะยิ้มเยาะแล้วหันหน้าหนี “ไปเร็วสิแก ช่างเขาเถอะน่า” เสวรสรุ่นหลังเพื่อนเดินไปเข้าแถวตรวจตั๋วเพื่อเข้าชมภาพพยนต์ต่างประเทศที่เพิ่งเข้าจึงมีผู้คนเข้าชมเต็มโรง ขุนศึกมองน้องสาวต่างแม่และเพื่อนก็เห็นยัยไฮโซตัวแสบตีเข่าเข้าเป้าเขาจนหน้าเขียวทั้งที่เขาเป็นคนช่วยไม่ให้เธอล้มและบังเอิญจับผิดที่แค่จับนมเองนะ แต่มันนุ่มมือทำให้เขาดันไปบีบด้วยก็เลยโดนทั้งเข่าทั้งด่าจนอายพนักงานและแขกในงานที่ไปเข้าห้องน้ำ “ขุนมองอะไร ยัยเซ่อซานี่ ขุนมองมันสนใจมันใช่มั้ยคะ” ไฮโซสาวมองเขมิกาเพราะคิดว่าขุนศึกมองยัยหน้าหวานที่ทำรถเข็นครูดกับลัมโบกินี่ของชายหนุ่ม “จะอะไรนักหนานะกานต์ ตกลงจะดูหนังมั้ย ถ้าไม่ดูผมจะกลับบ้าน” ขุนศึกพูดอย่างรำคาญตอนแรกที่คบกันก็ดีอยู่หรอกนานเข้าก็จะเป็นแม่คนที่สองเข้าไปทุกทีและเขาก็ไม่ใช่คนที่ทนอะไรมากมายนี่ขนาดเป็นแค่แฟนถ้าเป็นเมียจะขนาดไหน “ขุนอ่ะ กานต์หวงคุณนี่คะ” กานติมาเอนศรีษะซบไหล่หนุ่มหล่ออย่างออดอ้อนเพราะกลัวเขาโกรธ “เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะกานต์ ผมไม่ชอบคนจุกจิกจู้จี้ถ้าจะคบกันอย่าทำแบบนี้อีก” ขุนศึกเตือนไฮโซสาวคู่ควงที่เขาคบแต่ยังไม่ถึงขั้นวางแผนแต่งานกัน “ค่ะขุน” กานติมาไม่พอใจแต่เธอก็เก็บไว้ไม่อยากอาละวาดให้เขาโกรธเธอคบกับเขายังไม่ถึงสองเดือนและยังไม่เคยไปพบครอบครัวของชายหนุ่มเลยจึงไม่อยากพลาดโอกาสเป็นสะใภ้ อภิโชคธนานันท์ มหาเศรษฐีหมื่นล้าน สี่สาวเดินเข้าไปในโรงหนังดูหนังจบจบเรื่องก็สองชั่วโมงครึ่งพอออกมาก็ไปกินสุกี้ร้านดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ “ปีใหม่นี้ใครมีแผนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง” วรนุชถามเพื่อนก่อนจะคีบลูกชิ้นใส่ปากเพราะไม่กี่อาทิตย์ก็สิ้นปีแล้ว “รสจะกลับบ้าน อยากอยู่กับครอบครัว ปีที่แล้วไปเที่ยวกันแล้วปีนี้ขอตัวนะ” เสวรสตอบเพื่อนเพราะเธอวางแผนจะอยู่กับครอบครัวและพาพ่อแม่ไปไหว้พระ “ชามาก็กลับบ้านพ่อกับแม่จัดงานปีใหม่รวมญาติเลี่ยงไม่ได้เลยอ่ะแก” ชามาก็ไม่แน่ใจว่าพ่อแม่มีแผนอะไรหรือเปล่าเพราะจู่ๆก็จัดงานปีใหม่ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจัดแค่บอกว่ารวมญาติทำบุญให้บรรพบุรุษและเธอต้องกลับบ้าน “ว้าพวกแกไม่ไปเที่ยวกันเหรอ ขิมล่ะ.” คนอยากเที่ยวถามเพื่อนคนสุดท้ายที่ยิ้มขำวรนุชอยากเที่ยวแต่เพื่อนๆไม่ว่าง “ขิมก็อยู่ช่วยแม่กับพี่เวียงทำขนมน่ะ ปีนี้เจ้หมวยใหญ่แกสั่งเยอะเพราะมีลูกค้ามาสั่งจัดกระเช้าของขวัญด้วยเอาไว้ไปหลังปีใหม่กันมั้ยพวกแก” ขิมถามเพื่อนเพราะปีนี้ไม่ได้ไปเคาท์ดาวด้วยกันเหมือนปีที่แล้วพวกเธอไปหัวหิน “ก็ได้ๆ” จากนั้นทุกคนก็กินสุกี้และคุยกันอย่างสนุกก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านตอนห้าโมงเย็น เขมิกาขับรถกลับบ้านอย่างไม่รีบเร่งเพราะไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุและร้องเพลงคลอเสียงเพลงที่เธอเปิดไปด้วย “กริ้งๆ กริ้งๆๆ” “สวัสดีค่ะคุณหญิงย่า” เขมิการับสายของคุณหญิงย่าทันทีเมื่อเห็นเบอร์ของท่านโชว์หน้าจอ “ขิมอยู่บ้านหรือเปล่า” เสียงแหบของคุณหญิงย่าดังมาตามสายถามหลานสาว “ขิมมาซื้อของค่ะ กำลังจะกลับบ้านคุณหญิงย่ามีอะไรจะใช้ขิมหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามท่านเพราะคุณหญิงท่านแก่แล้วบางทีท่านก็ใช้เธอทำธุระให้เช่นเอาเครื่องประดับไปซ่อมไปล้างทั้งที่เธอไม่อยากเข้าไปบ้านหลังนั้น “ย่าว่าจะวานขิมเอาแหวไปซ่อมและลดไซร์ให้น่ะ ย่าใส่แล้วมันหลวมและไปเอาเครื่องเพรชที่ร้านประจำของย่าให้หน่อยสั่งไว้นานแล้ว “ได้ค่ะคุณย่า ขิมจะให้พี่เวียงไปเอานะคะ” เขมิกาบอกท่านเพราะไม่อยากไปบ้านนั้นไม่อยากเจอเมียพ่อและน้องสาวต่างพ่อ “ขิมมาเอาเองได้มั้ยลูก” คุณหญิงดลยาอยากเจอหลานสาวและท่านเตรียมของขวัญปีใหม่ให้หลานสาวจึงอยากให้ก่อน “ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวขิมถึงบ้านแล้วจะไปหาคุณหญิงย่านะคะ” “ได้ลูก วันนี้แม่จันทำขนมมั้ย แบ่งมาให้ย่าชิมด้วยนะขิม” คุณหญิงบอกหลานสาวเพราะท่านก็ติดรสมือของจันทรา ส่วนมากเวียงจะเป็นคนเอามาให้ท่านทุกวัน “ค่ะคุณหญิงย่า” เขมิกาวางสายจากคุณหญิงย่าก็ขับรถตรงกลับบ้านหากเป็นความต้องการของท่านเธอก็ทำให้ได้ทุกอย่างหากไม่มีท่านเธอกับแม่คงลำบากเพราะแม่ไม่มีญาติที่ไหนนอกจากคุณหญิงย่าผู้มีพระคุณของแม่และเธอ เมื่อถึงบ้านเขมิกาจอดรถแล้วก็เดินเอาของไปเก็บในห้องก่อนจะออกมาหาแม่ที่ห้องครัว “มาแล้วเหรอลูก ทำไมหน้ายุ่งอย่างนั้นล่ะ” จันทราถามลูกสาวที่เดินหน้ายุ่งมาหาเธอ “คุณหญิงย่าโทรหาค่ะ.” “อ้าว, ท่านมีธุระจะไหว้วานหรือเปล่าลูก” จันทราคิดว่าคุณหญิงท่านมีเรื่องจะไหว้วานเขมิกาถึงได้โทรหาปกติท่านจะมาหาด้วยตัวเองหรือไม่ก็ให้เลขามาบอก “ค่ะแม่ เดี๋ยวขิมไปหาท่านก่อนนะคะ” เขมิกาวางของบนโต้ะแล้วเดินออกไปที่ประตูหน้าบ้านก่อนจะเดินไปประมาณร้อยเมตรกดกริ่งที่หน้าประตู “สวัสดีค่ะลุงสม” “สวัสดีครับหนูขิม มาหาคุณหญิงท่านเหรอครับ” นายสมเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้เรื่องของจันทราและเขมิกาแต่เขาก็ไม่ได้พูดให้ใครฟังคนเก่าแกที่อยู่มารุ่นเดียวกันก็ไม่มีใครพูดเพราะคุณหญิงท่านมีเมตตาและใจดีทำให้ทุกคนรักและนับถือท่านมากต่างจากคุณสิริลูกสะใภ้ที่เจ้ายศเจ้าอย่าง “ค่ะลุงสม ขิมขอตัวก่อนนะคะ” เขมิกาบอกลุงสมยามเฝ้าประตูแล้วเดินไปตามถนนกว้างที่รถสวนกันได้สบายมองคฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์อังกฤษราคากว่าสองร้อยล้านหรือมากกว่านั้นเธอก็เดาไม่ถูกขนาดตึกที่คนใช้ในบ้านพักยังใหญ่กว่าบ้านเธออีกแต่หญิงสาวไม่ได้สนใจและไม่อยากมาเลยสักนิดเพราะคุณหญิงย่าทำให้เธอต้องมา สาวร่างเล็กเดินจากประตูรั้วเข้าไปถึงคฤหาสน์ประมาณสามร้อยเมตรมันก็ทำให้เหงื่อแตกเหมือนกัน “คุณหญิงท่านรอที่ห้องพักผ่อนค่ะ” ชมชื่นคนสนิทของคุณหญิงย่าเป็นทั้งเลขาและดูแลติดตามเรียกหลานสาวเจ้านายเมื่อเขมิกาเดินมาถึงหน้าบ้านเธอรับคำสั่งคุณหญิงให้มารอหลานสาวท่าน “สวัสดีค่ะคุณชื่น” หญิงสาวยกมือไหว้เลขาคนสนิทของคุณหญิงย่าอย่างอ่อนน้อม “สวัสดีจ้ะหนูขิม พักนี้งานยุ่งเหรอจ้ะ คุณหญิงท่านบ่นหาหนูขิมทุกวันเลยว่าหายไปไหน” ชมชื่นเดินนำไปด้านข้างที่มีประตูเข้าห้องพักผ่อนของคุณหญิงโดยไม่ผ่านในบ้าน “ก็ยุ่งค่ะ ช่วงนี้เจ้านายเดินทางบ่อย แต่ขิมโชคดีที่ไม่ต้องไปกับท่านแต่ต้องรับผิดชอบงานให้เพื่อนด้วยค่ะก็เลยกลับบ้านค่ำทุกวันค่ะ” “ข้ออ้างหรือเปล่าแม่ขิม” เสียงแหบของคุณหญิงดลยาวัยเจ็ดสิบห้าปียังสวยสง่าและใจดีไม่เปลี่ยนแปลง “สวัสดีค่ะคุณหญิงย่า ขิมเปล่านะคะ งานยุ่งจริงๆค่ะ” เขมิกาคุกเข่าลงบนพื้นพรมแล้วกราบที่ตักท่านแล้วยิ้มเมื่อท่านลูบศรีษะเบาๆ “ยุ่งก็ยุ่ง ชื่นเอากล่องนั่นมาให้ฉันหน่อยสิ” “นี่ค่ะคุณหญิง” “นี่ของขวัญปีใหม่ ย่าให้ก่อนใครเดี๋ยวที่บ้านมีงานแล้วย่ากลัวจะลืม แล้วนี้เอาไปตัดไซร์ให้ย่าด้วย และเช็คนี่เอาไปให้ที่ร้านย่าโทรบอกแล้วว่าขิมจะไปรับ” คุณหญิงยื่นกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขนาดเล็กสี่กล่องที่ใส่แหวนเพชรของท่านและเช็คหนึ่งใบมูลค่าสามล้านห้าแสนบาทถ้วนให้หลานสาวไปจัดการธุระให้ท่าน “แล้วนี่ค่าตัดแหวนลูก” คุณหญิงยื่นเงินปึกหนึ่งให้เขมิกาแต่หญิงสาวไม่รับ “ที่คุณหญิงย่าให้ขิมครั้งก่อนยังเหลือพอจ่ายค่าตัดแหวนค่ะ ถ้าไม่พอขิมจะมาเบิกกับคุณหญิงย่านะคะ” เขมิกาบอกท่านที่ส่ายหน้าให้กับความมักน้อยของเขมิกาต่างจากสิริดาหลานสาวคนเล็กที่ใช้เงินเป็นเบี้ยงานการก็ไม่ทำเอาแต่เที่ยวเตร่ช้อปปิ้ง “ขอบใจนะลูก แล้วขนมของย่าล่ะ” คุณหญิงท่าทวงขนมจากหลานสาว “แฮ่ะ ๆ ขอโทษค่ะคุณย่าเดี๋ยวขิมให้พี่เวียงม้าเร็วเอามาให้นะคะ ขิมขอตัวนะคะคุณหญิงย่า” เขมิกามองนาฬิกาเพราะไม่อยากเจอใครในบ้านนี้คุณหญิงก็เข้าใจหลานสาว “ไปเถอะลูก ชื่นเอาถุงมาใส่ของให้แม่ขิมหน่อยสิ” เขมิกาไหว้ลาคุณหญิงย่ากับคนสนิทแล้วถือถุงผ้าเดินออกไปทางเดิมเพื่อเลี่ยงเจอกับคนในบ้านที่เธอไม่อยากเจอและไม่อยากมีปัญหาหญิงสาวเดินมาครึ่งทางก็เห็นรถลัมโบกินี่สีดำสุดหรูที่เธอทำเป็นรอยเมื่อตอนบ่ายเลี้ยวเข้ามาประตูรั้วมาและมาจอดตรงหน้าเธอ “มาหาคุณหญิงย่าเหรอหนูขิม” ขุนศึกถามน้องสาวต่างแม่หิ้วถุงผ้าเดินออกมาจากบ้าน “ค่ะคุณขุน เอ่อ เรื่องรถเดี๋ยวขิม...” “ไม่เป็นไรหรอกพี่มีประกัน.” “ขอบคุณมากนะคะคุณขุน” “แล้วมีขนมมาเผื่อพี่มั้ยหนูขิม” ขุนศึกไม่ได้โกรธเกลียดเขมิกาเพราะมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่หญิงสาวน่าสงสารมากกว่า และเข้าใจแม่ที่เจ็บช้ำเพราะพ่อแต่จันทราไม่ได้อยากแย่งเธอโดนปล้ำทำให้ต้องยอมจนท้องเรื่องจึงแดงขณะนั้นเขายังเด็กจึงไม่รู้ความมาก หลังจากนั้นพ่อก็ไม่ดื่มเหล้าอีกยกเว้นออกงานสังสรรค์ก็ดื่มเป็นพิธีทำแต่งานไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงอีกเลยทำให้แม่ของเขาเชื่อใจอีกครั้งแม้ตอนแรกจะระแวงเพราะจันทราอยู่ห่างแค่รั้วกั้นก็จริงแต่ทั้งสองไม่เคยเจอกันเลย “เดี๋ยวขิมให้พี่เวียงเอามาให้ค่ะ ขิมขอตัวก่อนนะคะ” ขิมยกมือไหว้พี่ชายต่างแม่แล้วเดินไปที่ประตูรั้วเพื่อกลับบ้าน ขุนศึกก็ขับรถเข้าไปจอดแล้วขึ้นบ้านก็เจอแม่ของเขานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่น “ทำไมวันนี้กลับบ้านได้ล่ะตาขุน” สิริถามลูกชายปกติจะกลับหลังเที่ยงคืนหรือก็ไม่กลับเลย “โธ่,แม่ครับมันก็เบื่อบ้างสิครับ คุณพ่อยังไม่กลับอีกเหรอครับ” “ยังลูก แล้วเมื่อกี้หยุดคุยอะไรกับเด็กนั่น” “ไม่มีอะไรครับแค่ถามว่ามาหาคุณหญิงย่าเท่านั้นเองครับ” “แม่ไม่อยากให้ขุนไปยุ่งกับเด็กนั่นและคนบ้านนั้น แม่ขอได้มั้ยลูก” คุณสิริพูดกับลูกชายที่เพราะไม่อยากให้ไปนับพี่นับน้องกับเขมิกา “คุณแม่ครับ เรื่องมันก็นานมาแล้วนะครับ อีกอย่างผมก็ไม่เห็นว่าหนูขิมกับแม่จะมายุ่งกับบ้านเรานี่ครับ จะให้ผมเกลียดหนูขิมผมทำไม่ได้หรอกครับยังไงก็เป็นน้องถึงจะคนละแม่ก็เถอะ คุณแม่อย่าคิดมากไปเลยครับ” “แม่ไม่ได้คิดมาก แต่ช่างเถอะ ขุนจะทำอะไรก็ตามใจแม่ไม่ยุ่งด้วยแล้ว ไปอาบน้ำเถอะลูก” คุณสิริบอกลูก ชายอย่างงอนๆแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ตอนนั้นเธอมัวแต่เลี้ยงลูกชายทั้งสองที่ยังเด็กจึงไม่ได้สนใจสามีมากนักดนุพันธ์ไม่ใช่คนเจ้าชู้ทำให้เธอไว้ใจ ถึงแม้จะแต่งงานกันเพื่อความเหมาะสมทางฐานะแต่นานเข้าเธอก็รักสามี แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้ยินเขาคุยกับจันทราว่าจะรับเป็นเมียอีกคนแต่จันทราไม่ยอมกลัวเธอกับคุณหญิงโกรธและไล่ออกจากบ้านเพราะท้องและไม่มีที่ไปแต่ของอยู่ที่นี่ในฐานะเดิมและขอร้องไม่ให้ดนุพันธ์มายุ่งเกี่ยวด้วยต่างคนต่างอยู่และจะไม่เรียกร้องสิทธิ์ทีหลัง สิริจึงปรากฎตัวขึ้นทำให้ทั้งสองตกใจและไปบอกคุณหญิงให้ท่านช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ ท่านก็จัดการให้จริงแต่ยังเป็นที่กังขาทั้งที่สัญญากันแล้วเธอก็ยังไม่ไว้ใจจนถึงตอนนี้มันก็ยังคาใจอยู่ กี่ปีแล้วนะที่เธอไม่เคยเจอจันทราทั้งที่อยู่คนละฝั่งรั้วคิดแล้วก็ถอนหายใจ เขมิกาเดินเข้าไปในบ้านเอาของไปเก็บในห้องนอนของเธอก่อนจะกลับออกมาเดินทะลุห้องครัวไปหาแม่กับพี่เวียงที่นั่งทำขนมกันอยู่แล้วช่วยจัดขนมใส่กล่องใส่ถุงเรียบร้อย “พี่เวียงขา ช่วยเอาขนมไปให้คุณหญิงย่าหน่อยสิคะ เมื่อกี้ขิมรีบเลยลืมค่ะ” “ได้จ้ะหนูขิม” เวียงก็หิ้วถุงที่เขมิกายื่นให้เดินไปทันทีและเข้าใจสองแม่ลูกที่ไม่อยากไปบ้านนั้น “คุณหญิงท่านเรียกไปทำไมลูก” จันทราถามลูกสาวแล้วยิ้มให้เขมิกาเกิดมาโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจแต่จันทราก็ไม่คิดจะทำแท้งหญิงสาววัยยี่สิบถูกลูกชายของผู้มีพระคุณปล้ำจนท้องและไม่มีญาติก็ลำบากแต่เธอยังโชคดีที่คุณหญิงยังเมตตาสงสารช่วยเหลือมาตลอดจึงไม่ได้ลำบาก “ท่านให้ขิมเอาแหวนไปทำและไปเอาเครื่องประดับที่ร้านประจำให้ค่ะ แม่รู้มั้ยเครื่องเพชรชุดนี้ราคาสามล้านกว่าเลยนะคะ เฮ้อ คนรวยนี่เนาะจะทำอะไรซื้ออะไรก็ง่ายไปหมด” “เราอยู่แบบนี้ก็ไม่ลำบากนะลูก” “ขิมรู้ค่ะแม่ แค่พูดเฉยๆค่ะ แม่ขา..” “มีเรื่องอะไรอีกล่ะ” “แม่อ่ะ ขิมแค่จะบอกแม่ว่าวันนี้ขิมเข็นของไปชนรถลัมโบกินี่ของคุณขุนค่ะ” “ตายแล้วยัยขิม แล้วคุณขุนว่ายังไงบ้างลูก” จันทราวางมือเงยหน้ามองลูกสาวอย่างตกใจ “ก็ไม่ว่าอะไรและไม่เอาเรื่องด้วยค่ะ” “ขิมนะขิมทำไมไม่ระวังล่ะลูก ถ้าเป็นรถคนอื่นล่ะจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้คงได้ชดใช้ค่าเสียหายแน่แล้วอย่าลืมไปขอโทษและขอบคุณเขาด้วยนะลูก” จันทราบอกลูกสาวบรรดาลูกทั้งสามคนของดนุพันธ์กับสิริก็มีแต่ขุนศึกและกองทัพที่ปฏิบัติต่อเธอสองแม่ลูกปกติแม้นานๆจะเจอกันทีเพราะสองหนุ่มจะตามคุณหญิงย่ามาหาน้องสาวแต่สิริและสริดาเกลียดเธอสองแม่ลูกเจอเขมิกาทีไรก็พูดกระแนะกระแนส่วนตัวเธอไม่เคยเจอทั้งดนุพันธ์และสิริตั้งแต่ออกมาจากบ้านหลังนั้นเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกันแม้แต่ตอนเธอคลอดลูกดนุพันธ์ก็แอบไปเยี่ยมเธอกับลูกโดยที่เธอไม่รู้ “เมื่อกี้ขิมเจอคุณขุนและขอโทษไปแล้วค่ะ ขิมขอโทษค่ะแม่ต่อไปขิมจะระวังค่ะ” สองแม่ลูกช่วยกันแพ็คขนมใส่กล่องอย่างระมัดระวังเรื่องความสะอาดและสิ่งแปลกปลอมที่จะปะปนขนมให้เสียชื่อจึงต้องดูแลทุกขั้นตอนเป็นอย่างดี เมื่อเวียงกลับมาก็กินอาหารค่ำด้วยกันและแยกย้ายกันไปพักผ่อน โรงแรม รัตนชัย ริเวอร์ไซด์ โรงแรมหรูหกดาวยี่สิบชั้นติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีห้องพักสุดหรูและห้องสวีทสุดโรแมนติกมีระเบียงส่วนตัวพร้อมจากุชชี่สำหรับคู่รักอาบน้ำชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา มีสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้าที่ดาราไฮโซเศรษฐีคนดังมากมายชอมมาจัดปาร์ตี้ มีฟิตเนส ซาวน่า เลาจน์ และห้องอาหารไทย จีน ฝรั่ง หลากหลายเชื้อชาติฝีมือเชฟระดับมิชลีนมาปรุงกันสดๆ และวันนี้ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหรูหกดาวติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่กำลังมีงานปาร์ตี้ของ หิรัณย์ รัตนชัยผู้บริหารหนุ่มหล่อหรือทายาทของโรงแรมที่จะสละโสดมีพื่อนๆที่สนิทมากหน้าหลายตาหลายอาชีพมาร่วมงานอยู่ทั่วบริเวรสระน้ำขนาดใหญ่มีเป็ดเหลืองตัวใหญ่เท่าคนลอยคออยู่ในสระที่มีลูกโปร่งอักษรภาษอังกฤษ Congratulation ผูกติดเก้าอี้อาบแดดรอบสระที่บาร์ก็มีพนักงานบริการเครื่องดื่มและอาหารขนมขบเคี้ยวของกินเล่นให้เพื่อนๆของเจ้านายได้ดื่มกินพร้อมดีเจชื่อดังมาเปิดเพลงจังหวะเร้าใจให้หนุ่มๆในงานแดนซ์อย่างสนุก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD