ตอนที่ 1
ชานเมืองย่านบางบัวทองมีบ้านหลังเล็กพื้นที่ประมาณหนึ่งไร่มีแปลงผักสวนครัวและต้นไม้ล้อมรอบร่มรื่นอยู่ติดรั้วสูงของคฤหาสน์หลังงามเนื้อที่เกือบสิบไร่ด้านหลังติดกับคลองน้ำ รอบๆก็มีแต่คฤหาสน์หลังใหญ่ของผู้มีอันจะกินทั้งนั้นแต่มีบ้านหลังเล็กๆอยู่หลังเดียวที่แปลกปลอมอยู่ในชุมชนเศรษฐีเป็นที่อยู่อาศัยของสองแม่ลูกที่ได้บารมีของคุณหญิงดลยา อภิโชคธนานันท์ เจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่รั้วติดกัน
“ขิมทำอะไรอยู่ลูก” เสียงแหบของ นางจันทรา สุวรา ผู้เป็นแม่ที่ไม่สบายเป็นไข้หวัดและวันนี้ต้องไปส่งขนมแต่ไปไม่ไหวจึงจะวานลูกสาวไปส่งให้เพราะนัดลูกค้าไว้ จันทรา สาวกำพร้าที่คุณหญิงเป็นผู้อุปถัมถ์มานับสิบปีเพราะนิสัยและความตั้งใจเรียนท่านจึงส่งเสียจนจบ ปวช สาขาคหกรรมเมื่อเรียนจบก็ให้มาเป็นผู้ติดตามดูแลท่านนับแต่นั้นมาเพราะนิสัยเรียบร้อยนอบน้อมถ่อมตนก็ต้องตาถูกใจ ดนุพันธ์ อภิโชคธนานันท์ ลูกชายของคุณหญิงที่แต่งงานกับ สิริ ลูกสาวนักธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้รักกันแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมกันทั้งฐานะและชาติตระกูลมีลูกชายด้วยกันสองคน พอมาเจอสาวน้อยแรกรุ่นสวยน่ารักอย่างจันทรา ดนุพันธ์ก็หลงรักและพยายามใกล้ชิดแต่จันทราก็เจียมตัวเพราะรู้ว่าเขามีครอบครัวจึงหลีกเลี่ยงมาตลอดจนวันหนึ่งเธอพลาดท่าถูกดนุพันธ์ปลุกปล้ำเพราะเมาหลังจากนั้นเขาก็แอบมาหาทั้งที่จันทราปฏิเสธแต่ดนุพันธ์ก็ดื้อดึงจนหญิงสาวตกเป็นเบี้ยล่างยอมให้ข่มเหงสุดท้ายเธอท้อง
“จ๋าแม่ ขิมแต่งตัวอยู่ค่ะรอแป้บหนึ่งค่ะแม่” ขิม หรือ เขมิกา เลิศวรกิจ วัย26ปีสาวสวยบอบบางร่างเล็กใบหน้าสวยหวานดวงตาสุกสกาวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าเหมือนไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนแต่ภายในนั้นไม่มีใครรู้ เป็นลูกสาวของ ดนุพันธ์ อภิโชคธนานันท์ กับ จันทรา สุวรา สาวสวยจากบ้านเด็กกำพร้าเป็นต้นห้องของคุณหญิงดลยา อภิโชคธนานันท์ ผู้มีอุปการะคุณของหญิงสาวเมื่อเรียนจบมาคุณหญิงก็ให้มาเป็นต้นห้องติดตามท่าน ก่อนจะถูกลูกชายคนโตของท่านเมาและปลุกปล้ำจนท้องจนเรื่องแดงขึ้น ทำให้ท่านสงสารจึงแบ่งที่ให้หนึ่งไร่และสร้างบ้านให้เป็นที่อยู่อาศัยและส่งเสียค่าเลี้ยงดูและให้หลานสาวใช้นามสกุลแม่ของท่านที่ไม่มีใครรู้จักเพราะเป็นสาวชาวบ้านส่วนท่านก็ใช้นามสกุลพ่อก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ของสามี เพราะน้ำท่วมปากฝ่ายลูกสะใภ้ก็ไม่ผิด หากจะโทษก็โทษลูกชายของท่าน จึงหาทางออกด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจ็บช้ำไปมากกว่านี้ส่วนดนุพันธ์ตัวต้นเหตุก็รับปากว่าจะไม่ยุ่งกับจันทราอีกทั้งที่ปากเขาบอกว่ารักทั้งภรรยาและจันทราแต่ไม่อยากเลือกใครคนใดคนหนึ่งแต่จันทราเป็นฝ่ายขอออกมาเองเพราะไม่อยากให้ผู้มีพระคุณอย่างคุณหญิงลำบากใจและสัญญาจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับดนุพันธ์อีกนับตั้งแต่นั้นมาจนตอนนี้เขมิกาอายุยี่สิบหกปีเธอก้ไม่เคนเจอพ่อของลูกอีกเลย
เขมิกาทำงานที่บริษัทซัมมิท อิเล็คโทรนิค จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ในตำแหน่งเลขาของท่านประธานบริษัทที่สำนักงานใหญ่
“พี่เวียงดูแม่ด้วยนะคะ อย่าเพิ่งทำให้ทำขนมและไม่ต้องรับออเดอร์เพิ่มเดี๋ยวขิมจะบอกเจ้หมวยใหญ่เองค่ะว่าแม่จะหยุดสี่ห้าวัน” เขมิกาบอกเวียงสาวใหญ่ที่เป็นลูกมือแม่ทำขนมไทยทุกอย่างแล้วแต่ทางร้านประจำจะสั่งเพราะฝีมือทำขนมของแม่อร่อยติดปากลูกค้า จันทราใช้วิชาที่เรียนมาดัดแปลงรสชาติให้เข้ากับคนยุคใหม่ที่กลัวอ้วนให้หวานมันน้อยแต่อร่อยและขนมชาววังก็หัดทำมาจากคุณหญิงดลยา
“จ้ะหนูขิม พี่จะนั่งเฝ้าคนดื้อเลยค่ะ ถ้าไม่ฟังพี่จะมัดไว้ดีมั้ยคะ” เวียงล้อสองแม่ลูกที่เธอมาอยู่ด้วยตั้งแต่จันทราท้องก็ถือว่าเป็นพี่เลี้ยงของเขมิกาก็ว่าได้เพราะสงสารจันทราที่เธอนับถือเป็นพี่สาวตัวคนเดียวและท้องคุณหญิงจึงให้มาอยู่ด้วยแล้วเธอก็ได้รับเงินเดือนจากคุณหญิง ท่านยังมีเมตตาแบ่งที่ดินประมาณหนึ่งไร่และสร้างบ้านหลังเล็กให้อดีตต้นห้องคนสนิทที่ท้องกับลูกชายของท่านไม่อยากให้หลานลำบากและยังดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกเดือนแม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยแต่ท่านมักจะแอบมาหาประจำ
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย ไปเถอะลูกเดี๋ยวจะสาย ไหนจะแวะร้านเจ้หมวยใหญ่อีก เวียงช่วยหลานหิ้วของไปใส่รถด้วยนะ” ถึงไม่สบายแต่จันทราก็ทำขนมตามออเดอร์ให้เจ้าประจำตามที่รับงานไว้ในแต่ละวันและเมื่อวานเธอได้ขอหยุดเพราะไม่สบายคงอีกหลายวันกว่าจะหาย
“จ้ะพี่จัน” เวียงลุกขึ้นเดินไปที่ครัวข้างบ้านที่ต่อเติมสำหรับทำขนมขายแต่ไม่ได้มีหน้าร้านเองทำส่งเจ้าประจำเจ้าเดียวก็แทบจะทำไม่ทันแล้ว
“ขิมว่าวันศุกร์นี้จะพาแม่ไปตรวจร่างกายสักหน่อยค่ะ พี่เวียงด้วยนะคะ” เขมิกาบอกเวียงที่เธอรักรองจากแม่ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่แม่กับพี่เวียงที่คอยดูแลเธอมาตลอดต่อไปเธอจะดูแลทั้งสองให้ดีที่สุดไม่รวมคุณหญิงย่าที่ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายถึงแม้จะรู้ว่าท่านรักแต่เธอก็ไม่อาจเอื้อมไปยุ่งเกี่ยวกับคนบ้านนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆได้แต่มองกำแพงสูงสามเมตรที่กั้นเขตแดนระหว่างสองบ้าน
“หนูขิมพาพี่จันไปตรวจคนเดียวก็พอ อย่างพี่ไม่ต้องไปตรวจหรอกสิ้นเปลืองเปล่าๆ” เวียงบอกหลานสาวเจ้านายที่อ่อนน้อมถ่อมตนและไม่คิดว่าตัวเองเป็นหลานคุณหญิงและลูกสาวของนักธุรกิจคนดังอย่าง ดนุพันธ์ อภิโชคธนานันท์
“พี่เวียงอย่าพูดอย่างนี้อีกนะคะ ครอบครัวเรามีกันแค่สามคนเมื่อตอนขิมยังเล็กพี่เวียงก็คอยดูแลมาตลอด ตอนนี้ขิมโตแล้วและมีงานทำที่มั่นคงขิมก็จะดูแลพี่เวียงเหมือนที่ขิมดูแลแม่ค่ะ.”
“ขอบใจมากนะหนูขิม ไปก็ไปจ้ะ” เวียงพูดทั้งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติที่เขมิกาไม่ทิ้งเธอ
“ก็ขิมรักแม่กับพี่เวียงมากน่ะสิคะ ไปค่ะเดี๋ยวขิมไปทำงานสาย” เขมิกากอดปลอบเวียงแล้วสองสาวต่างวัยช่วยกันยกถาดขนมและที่จัดใส่กล่องพลาสติกใสไปใส่ท้ายรถเก๋งคันเล็กสีขาวที่คุณหญิงย่าซื้อให้เป็นของขวัญในวันที่เรียนจบทั้งที่เธอไม่อยากรับแต่ขัดท่านไม่ได้ยังไงท่านก็เป็นย่าและคอยดูแลส่งเสียแม่กับเธอมาตลอด
“ขับรถดีๆนะหนูขิม”
“ค่ะพี่เวียงขิมไปทำงานก่อนนะคะ” เขมิกาไหว้เวียงก่อนจะขึ้นรถคันเล็กออกไปจากบ้านและแวะส่งขนมที่ร้านอาหารของเจ้หมวยใหญ่ที่ขายทั้งอาหารขนมหวานและไม่ยอมรับของเจ้าอื่นนอกจากขนมของจันทรา
“สวัสดีค่ะเฮียตี๋เล็ก” สาวสวยไหว้น้องเล็กของของร้านอาหารชื่อดังที่ออกมารับขนมด้วยตัวเอง
“พอดีเด็กๆไม่ว่าน่ะน้องขิม เฮียเลยออกมารับเอง แล้วพี่จันดีขึ้นหรือยังครับ” ตี๋เล็กถามถึงแม่ของสาวสวยตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเพราะเขาแอบชอบเขมิกามาหลายปีแล้ว
“ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ขอหยุดสักสามสี่วันนะคะเฮียตี๋เล็ก ขิมอยากให้แม่หายดีก่อนค่ะ”
“ได้สิ เดี๋ยวเฮียบอกเจ้ๆให้ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ขิมขอตัวก่อนนะคะเดี๋ยวไปทำงานสายค่ะ” เขมิกายกมือไหว้ตี๋เล็กแล้วขึ้นรถขับออกไปเพื่อให้ทันเวลาแปดโมงครึ่งโชคดีที่บริษัทที่เธอทำงานไม่ได้อยู่ในเมืองแต่อยู่นอกเมืองไปทางนครปฐมการเดินทางสะดวกรถไม่ค่อยติดแต่ก็มีบางวันเอาแน่เอานอนไม่ได้
เขมิกามาถึงบริษัท ซัมมิท อีเล็คโทนิค จำกัด (มหาชน)อย่างเฉียดฉิวจึงรีบไปสแกนบัตรแล้วเดินลิ่วเข้าลิฟต์ไปอย่างรวดเร็ว
“ขิม ขิม จะรีบอะไรหนักหนานะ” สนฉัตร ประชาสัมพันธ์สาวคนสวยของบริษัทเรียกเขมิกาที่มาทำงานพร้อมกันเมื่อสามปีก่อนเพราะจะสั่งขนมไปฝากแม่แฟน
เขมิกาได้ยินคนเรียกชื่อแว่วๆแต่เธอต้องรีบไปก่อนท่านประธานจะมา
“สวัสดีจ้ะ คุณพิ”
“สวัสดีย่ะ แม่ขิม สายนะหล่อนวันนี้” พิสิต หนุ่มหน้าตาดีวัยเดียวกันกับเขมิกาแต่ใจเป็นสาวเลขาของท่านรองประธานก็คือคุณประพาภรรยาของคุณไกรภพท่านประธานมีลูกชายสองคน คนโตกำลังเรียนปริญญาเอกที่อเมริกาอีกคนก็จบปริญญาโทและบริหารงานที่โรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า
“แม่ไม่สบายน่ะ ขิมก็เลยไปส่งขนมให้ท่านก็เลยสาย ยังไม่มีใครมาใช่ป่ะคุณพิ.”
“ยังเลย ท่านโทรมาบอกว่าจะเข้าสายเห็นว่าจะไปโรงงานกับคุณปรมัตน่ะ”
“เฮ้อ, ค่อยยังชั่ว” ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของตัวเองที่อยู่ห่างจากโต้ะทำงานของพิสิตประมาณหกเมตรซึ่งชั้นบนสุดมีห้องทำงานของท่านประธานกับท่านรองแล้วก็มีห้องประชุมเล็กใหญ่ห้องรับแขกหรูหราเพื่อต้อนรับลูกค้าที่มาติดต่องาน
เขมิกาดูตารางนัดหมายของเจ้านาย ก่อนจะโทรไปคอนเฟิร์มกับคู่ค้าของบริษัทเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและจัดแฟ้มงานที่เจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายส่งมาให้ว่าอันไหนเร่งด่วนก็เรียงเป็นระเบียบรอเจ้านายจนสิบเอ็ดโมงสองสามีภรรยาก็เดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีค่ะท่าน” เขมิกากับพิสิตก็ลุกขึ้นไหว้เจ้านายทั้งสอง
“สวัสดีสาวๆ มีงานอะไรเร่งด่วนบ้างเอาเข้ามาเลย” คุณไกรภพบอกเลขาสวยที่ทำงานเก่งเห็นความตั้งใจและอีกอย่างหนึ่งคือคุณหญิงดลยาท่านแอบฝากหลานสาวทำงานสองสามีภรรยาก็เต็มใจรับเพราะยังไงก็เป็นหลานเพราะไกรภพเป็นเพื่อนกับดนุพันธ์พ่อของเขมิกา
“ก็มีด่วนอยู่สามงานค่ะท่านประธาน ที่เหลือไม่เร่งเท่าไหร่แต่ตอนบ่ายท่านมีนัดกับมิสเตอร์ทามิดะที่โรงแรมนะคะ”
“ขอบใจมากหนูขิม ลุงขอจัดการงานพวกนี้ก่อน อ้อ สั่งอาหารกลางวันมาให้ลุงกับป้าพาด้วยนะ.”
“ค่ะท่านประธาน” เขมิการับคำสั่งแล้วก็เดินออกไปโทรสั่งอาหารจากร้านประจำมาให้แม่บ้านจัดโต้ะอาหารรอเจ้านายทั้งสองส่วนตัวเองกับพิสิตก็ลงไปกินที่ห้องอาหารของบริษัท
“เขมิกา เมื่อเช้าฉันเรียกเธอตั้งหลายครั้งไม่ได้ยินเหรอยะ” สนฉัตรวางจานอาหารบนโต้ะและนั่งตรงข้ามกับเขมิกา
“ขอโทษจ้ะสน พอดีขิมรีบน่ะเมื่อเช้าไปส่งขนมให้แม่ก็เลยมาสายกลัวท่านประธานมาถึงก่อนเลยไม่ได้ยินเธอเรียก”
“ฉันจะไปเยี่ยมแม่แฟนก็เลยจะสั่งขนมของคุณแม่ขิมไปฝากท่านน่ะ” สนฉัตรบอกเพื่อนร่วมงานเพราะแม่แฟนติดใจขนมฝีมือแม่ของเขมิกา
“ขอโทษด้วยนะสน พอดีแม่ไม่สบายก็เลยหยุดทำขนมสี่ห้าวันน่ะ”
“จริงเหรอ ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า” สนฉัตรถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเธอรู้จักแม่ของ เขมิกาและยังได้กินขนมฟรีบ่อยๆ
“ดีขึ้นแล้วล่ะ ร่างกายอ่อนเพลียก็เลยไข้ขึ้นอากาศเปลี่ยนด้วยแหละก็เลยป่วย”
“ขอให้ท่านหายไวๆนะขิม”
“ขอบใจจ้ะ”
พิสิตถือจานอาหารกับน้ำมานั่งกับสองสาวก็กินข้าวไปคุยกันอย่างออกรสพออิ่มก็แยกย้ายกันไปทำงานจนเย็นก็เก็บของเตรียมกลับบ้าน
ชีวิตของเขมมิกาเป็นแบบนี้ทุกวันหญิงสาวไม่เคยเถลไถลไปไหนอย่างมากก็ไปดูหนังกับเพื่อนบ้างส่วนมากจะช่วยแม่ทำขนมมากกว่าเพราะท่านไม่ยอมอยู่เฉยๆทั้งที่เธอก็ทำงานมีเงินเดือนเยอะพอจะดูแลแม่ได้ไหนจะรายเดือนที่คุณหญิงย่าโอนเข้าบัญชีให้ทุกเดือนไม่ขาดอีกล่ะ
“แม่ขาขิมจะไปซื้อของใช้ที่ห้างแม่กับพี่เวียงจะเอาอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงหวานถามแม่กับเวียงวันนี้เป็นวันหยุดสิ้นเดือนของเธอ เขมิกาก็นัดกับเพื่อทั้งสามคนกินอาหารกันที่ห้างเพราะนี่ก็ปลายปีแล้วเหลืออีกเดือนเดียวก็จะขึ้นปีใหม่
“ก็มีแต่ของใช้เท่านั้นแหละลูก”
“ถ้าน้ำตาลมันลดราคาเหมือนคราวก่อนก็ซื้อมาด้วยนะหนูขิม” เวียงบอกเขมิกาเพราะครั้งก่อนหญิงสาวซื้อมาให้หลายสิบถุงเพราะถูกกว่าในตลาด
“ค่ะพี่เวียง งั้นขิมไปก่อนนะคะเดี๋ยวยัยพวกนั้นจะรอค่ะ” สาวร่างเล็กน่ารักปากรูปกระจับจมูกเชิดงอนมัดผมยาวสลวยเป็นหางม้าเดินออกไปที่รถ
“นับวันหนูขิมยิ่งโตก็ยิ่งสวยนะคะพี่จัน” เวียงเดินตามจันทราไปข้างบ้านสถานที่ทำขนมของพวกเธอ
“พี่เป็นห่วงลูกอยู่นะเวียง จนป่านนี้ยังไม่มีแฟนพี่อยากให้ลูกเจอผู้ชายดีๆไม่ต้องหล่อรวยขอแค่เป็นคนดีรักเดียวใจเดียวก็พอพี่จะได้นอนตายตาหลับ” คนเป็นแม่ก็ห่วงลูกสาวเรื่องคู่ครองเพราะไม่อยากให้ตกสภาพเหมือนเธอแต่ไม่มีใครรู้ว่าเขมิกาเป็นลูกสาวของดนุพันธ์ อภิโชคธนานนท์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีโครงการพันล้านหมื่นล้านและเป็นนักลงทุนที่กว้านซื้อที่ดินทำเลทองไว้เก็งกำไรและสร้างบ้านสร้างคอนโดหรูขาย
“พี่จันอย่าพูดอย่างนี้สิคะ เราต้องอยู่ช่วยกันเลี้ยงหลานก่อนค่ะ” เวียงบอกพี่สาวที่เธอรักและเคารพที่ทำให้เธอมีเงินเหลือส่งไปให้พ่อแม่และสร้างบ้านหลังเล็กให้ทั้งสองอยู่ตอนแก่ที่ดำเนินสะดวกและจะกลับไปเยี่ยมทุกสามเดือน
“พี่พูดเผื่อไว้น่ะ ก็อยากเลี้ยงหลานนี่แหละพี่ถึงได้เป็นห่วงยัยขิมน่ะ” ทั้งสองพูดคุยกันและทำขนมไปด้วยวันนี้มีบัวลอยไข่หวาน ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมตาโก้ และตระกูลทองทั้งหลายที่ทำทุกวันส่วนขนมไทยโบราณตำรับชาววังเช่น บุหลันดั้นเมฆ จ่ามงกุฏ ทองเอก ส้มฉุน เรไร และอื่นจะทำอาทิตย์ละครั้งและช่วงเทศกาลเพราะต้องใช้เวลาและความพิถีพิถันกว่าจะออกมาสวยงามน่ากินส่วนขนมอย่างอื่นก็สับเปลี่ยนกันไปไม่ซ้ำแต่ละวัน
สาวสวยร่างเล็กสูงร้อยหกสิบห้าจอดรถแล้วเดินเข้าไปในห้างเพื่อซื้อของก่อนแล้วถึงจะไปเจอเพื่อนหญิงสาวมาถึงก่อนเวลานัดเป็นชั่วโมงจึงเดินเข้าไปในแผนกของกินของใช้ในซุปเปอร์มาเกตใช้เวลาเดินครึ่งชั่วโมงก็ได้ของตามที่จดรายการมาครบก่อนจะไปคิดเงินที่แคชเชียร์
“กริ้งๆ กริ้งๆๆ”
“ว่าไงนุช แกมาถึงแล้วเหรอ” เสียงหวานพูดใส่โทรศัพท์แล้วใช้ไหล่หนีบไว้เพราะเธอกำลังเข็นรถเข็นของที่ซื้อมาไปเก็บที่รถ
“เพิ่งมาถึงจ้ะ แกล่ะถึงไหนแล้ว นุชโทรหา ชามา กับ รส ใกล้จะถึงแล้วล่ะ” วรนุช เดชพิพัฒน์ ลูกสาวคนเล็กของนักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านครบวงจรและรับออกแบบก่อสร้างบ้านอาคารคอนโด ที่ทุกคนรู้จักกันดี
“ขิมกำลังเอาของไปเก็บที่รถ แกรอเดี๋ยวนะ เฮ้ย.”
“ขิม ขิม เป็นอะไรของแกวะ” วีรนุชเรียกเพื่อนเมื่อได้ยินเสียงเฮ้ยแล้วสายหลุดๆไป
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ” เขมิกาละล่ำละลักขอโทษหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถซุปเปอร์คาร์สีดำสนิทที่จอดตรงหน้า
“เข็นรถยังไงของเธอฮ๊า ไม่ดูตาม้าตาเรือดูสิจะมีปัญญาชดใช้มั้ยเนี่ย” ไฮโซสาวเปิดประตูรถลงมาดูรถหรูของแฟนหนุ่มที่ถูกรถเข็นของในห้างที่ยัยซ่อซ่าหน้าสวยเข็นมาชน
“ดิฉันขอโทษค่ะ ที่ไม่ทันระวัง ดิฉันขอชดใช้ค่าเสียหายให้นะคะ” ตายแน่ล่ะยัยขิมเอ้ย ลัมโบกินี่เชียวนะและรอยครูดประมาณหนึ่งคืบลึกด้วยจะราคาเท่าไหร่วะเนี่ย สาวร่างเล็กคิดแล้วหน้าเสีย
“แน่ใจเหรอว่าเธอมีปัญญาชดใช้น่ะ”
“พอแล้วกานต์ ขึ้นรถเถอะไม่เป็นไรหรอก” เสียงห้าวดังมาจากในรถทำให้เขมิกามองหนุ่มหล่อเจ้าของรถที่ถอดแว่นตาออกทำให้เธอพูดไม่ออกแล้วเขายังยิ้มให้เธออีก ขุนศึก อภิโชคธนานนท์ ลูกชายคนโตของ ดนุพันธ์ กับ คุณสิริ และเป็นพี่ชายต่างแม่ของ เขมิกานั่นเอง
“ขุนคะ แต่แม่นี่ทำให้รถคุณเป็นรอยนะคะ” กานติมาบอกแฟนหนุ่มที่ไม่ยอมลงมาดูรถและยังใจดีไม่เอาเรื่องยัยเซ่อซ่าหน้าสวยนี่อีกด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกไปเถอะเดี๋ยวไม่ทันดูหนัง” ขุนศึกบอกคู่ควงสาวที่เดือดร้อนแทนทั้งที่เขาเป็นเจ้าของรถไม่เดือดร้อนสักนิดตั้งแต่เห็นเขมิกาดึงรถเข็นของไม่อยู่มันก็ไถลมาหารถเขาพอดี
“แต่ขุนคะ..”
“เร็วๆสิ หรือจะกลับล่ะ” ขุนศึกพูดอย่างไม่สนใจทำให้กานติมายอมขึ้นรถแล้วขุนศึกก็ขับออกไป
“ขุนจะปล่อยแม่นั่นไปเหรอคะ หล่อนทำรถคุณเป็นรอยเยอะเลยนะคะ” ไฮโซสาวยังโกรธแทนแฟนหนุ่มที่ไม่เอาเรื่องยัยหน้าหวานนั่นหรือว่าขุนศึกจะชอบแม่นั่น
“ช่างมันเถอะน่า ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน ไปดูหนังกันเถอะคุณอยากดูไม่ใช่เหรอ” ขุนศึกพูดแล้วเดินออกไปไม่รอคู่ควงที่วิ่งตามหลังมาควงแขนเขา
“ค่ะๆๆ” ทั้งสองก็ขึ้นไปชั้นห้าของห้างที่เป็นโซนโรงหนังและร้าอาหารหรูนับสิบร้าน
“กริ้งๆ กริ้งๆ”
“ขิมแกเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงของวีรนุชดังมาตามสายด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“ไม่เป็นไรแก ขิมตกใจน่ะ กำลังขึ้นไปรอแป้บนะ เอ่อนุชแค่นี้นะขิมเจอ รสกับชามาแล้ว” ขิมบอกเพื่อก่อนจะวางสาย “เฮ้ รส ชามา” เสียงหวานเรียกเพื่อที่เดินนำหน้าเธอเข้าไปในห้าง
“ขิม แกเพิ่งมาถึงเหรอ” ชามาถามเพื่อนรักที่วิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดตรงหน้า ชามา ศรชัย สาวอัมพวาพ่อแม่ขายของที่ระลึกอยู่ในตลาดน้ำอัมพวาและเป็นประชาสัมพันธ์ของสายการบินโลว์คลอสในประเทศไทย
“เปล่า ขิมมาถึงก่อนเป็นชั่วโมงเลยไปซื้อของก่อนเพิ่งเสร็จนี่แหละ ทำไมแกสองคนมาด้วยกันได้ล่ะ”
“รสเอารถเข้าศูนย์น่ะ ก็เลยให้ชามาแวะรับ ยัยนุชรออยู่หน้าโรงหนังแล้วนะแก ไปกันดีกว่า” รส หรือ เสวรส ผดุงจิต สาวแปดริ้วพ่อแม่ทำสวนผลไม้และทำงานที่โรงแรมรัตนชัย ริเวอร์ไซด์ ในตำแหน่ง ผู้จัดการห้องอาหารไทย ตอบเพื่อนแล้วพากันขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นห้าเพื่อดูหนังก่อนจะออกมาหาอะไรกินกันเพราะพวกเธอจะนัดเจอกันบ่อยๆบางทีไม่ว่างตรงกันก็จะเลื่อนไปก่อน ปกติวรนุชจะว่างมากกว่าใครเพราะทำงานอิสระเป็นนักออกแบบรับงานฟรีแลนซ์จากพี่ชายที่เป็นเจ้านาย
สี่สาวคุยกันเหมือนไม่ได้เจอกันนานทั้งที่โทรเฟสกลุ่ม ไลน์คุยกันทุกวันแต่มารวมตัวกันแล้วก็มีเรื่องให้เม้าท์ได้ตลอด
“งานแกเป็นยังไงบ้างขิม” วรนุชถามเพื่อนเพราะอยากให้เขมิกาไปทำงานด้วย
“ก็ดีอ่ะ เจ้านายท่านใจดีขิมก็เลยทำงานสบายๆไม่มีปัญหาเพื่อนร่วมงานก็น่ารัก ขอบใจแกมากนะนุช” เขมิการู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงและอยากให้เธอไปเป็นเลขาของพี่ชาย วีรภาพ เดชพิพัฒน์ นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีขวัญใจสาวๆและยังโสด