๙ ก้าวสำคัญ

1408 Words
๙ ก้าวสำคัญ เหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนสอนให้ตีรณารู้ว่าหากคนเรามีสติเพียงพอต่อให้มืดสักกี่ด้านสุดท้ายจะพบหนทางสว่างได้เสมอ หลังจากปรึกษามูลนิธิเพื่อนหญิงจึงได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์มากมาย เมื่อมีเวลาคิดทบทวนหญิงสาวจึงตัดสินใจเดินทางมาหาญาติฝ่ายพ่อ และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคุณป้าและคุณย่า แต่ก็ไม่พ้นสายตาสอดรู้สอดเห็น คนที่ปากมากช่างนินทาคือเพื่อนบ้านรั้วติดกัน “เตรียมของเรียบร้อยแล้วใช่ไหมเจ้าตี่” คุณย่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกประจำตัวเอ่ยถามขึ้นเมื่อร่างอวบอิ่มของตีรณาเดินออกมาจากภายในตัวบ้านพร้อมสัมภาระที่จำเป็น โดยมีลูกสาวคนโตเดินตามหลังมาติดๆ “เรียบร้อยแล้วค่ะย่า” หญิงสาวก้าวไปหาผู้เป็นย่าที่ยิ้มจาง ย่าจิตอายุมากแล้ว ปีนี้ก็ปาเข้าไปเจ็ดสิบแปด จึงไม่ได้เดินทางตามไปด้วย “ขอให้เจ้าตัวเล็กคลอดง่ายๆ นะ ขอให้หลานย่าปลอดภัยและกลับบ้านได้ไวๆ นะลูก” หญิงสาวกราบลงบนต้นขาของคุณย่าด้วยความตื้นตันใจเมื่อท่านให้พรจบ “สักพักอี๊ดคงมาถึง” ป้าอิ๋วบอกกับมารดา อาอี๊ดคือน้องสาวของป้าอิ๋วและพ่อของตีรณา เป็นน้องสาวคนเล็กของบ้าน “มันจะมาเรอะ เห็นว่าพักนี้ยุ่งๆ” คนเป็นลูกหันไปสบตาหลานสาวแวบหนึ่ง เกรงว่าจะทำให้ตีรณาไม่สบายใจจึงบอกหลาน “ตี่ไปรอป้าที่รถก่อนนะลูก” บอกพลางส่งกุญแจให้หลานสาวเอาไปสตาร์ตรถรอ ตีรณาจึงบอกลาย่าแล้วเดินไปรอที่รถ เมื่อเห็นว่าหลานสาวพ้นรัศมีการได้ยิน ป้าอิ๋วจึงหันมาบอกกับมารดา “มันไม่ได้ยุ่งอะไรหรอก มันแค่ไม่อยากมาเห็นหน้าเจ้าตี่ นังคนนี้มันใจดำ” ได้ยินแบบนั้นย่าจิตก็ถอนหายใจยาว เหนื่อยใจกับลูกสาวอีกคน ซึ่งแยกบ้านออกไปอยู่กับสามีที่รับราชการอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งห่างออกไปไกลพอสมควร ตอนที่ตีรณามาอาศัยใบบุญใหม่ๆ ลูกสาวคนนี้ของท่านค้านหัวชนฝา ต่อว่าทุกคนว่าเจ็บไม่จำ รับเลี้ยงลูกโจรอีกหน่อยแม้แต่สากกับครกก็ไม่เหลือ แต่เมื่อย่าจิตกับป้าอิ๋วยืนยันว่าจะรับหลานสาวคนนี้มาดูแล อาอี๊ดก็มาหาคุณย่านับครั้งได้ “ทำไมถึงยังไม่ลืมเรื่องในอดีตอีกนะ มันไม่สงสารหลานเลยหรือไง ตัวคนเดียวแบบนี้มันจะอะไรนักหนา พ่อมันก็ตายไปคนหนึ่งแล้ว อยากให้หลาน...” “แม่...” ป้าอิ๋วปรามมารดาที่กำลังลืมตัวพูดถึงความเป็นความตาย ทั้งที่กำลังมีหนึ่งชีวิตกำลังเกิด “เอาเป็นว่ารอสักพักแล้วกันนะแม่ เดี๋ยวมันก็คงมาถึง หนูพาหลานไปโรงพยาบาลก่อน จะได้ไม่ต้องเจอหน้าอี๊ดมัน ขี้เกียจลับฝีปาก” พูดจบป้าอิ๋วก็เดินตรงไปยังรถเก๋งคันเล็กที่สตาร์ตเครื่องรออยู่ เมื่อเข้าประจำที่ก็หันมายิ้มให้หลานสาวก่อนจะขับออกไป ทว่าออกไปได้ไม่เท่าไรรถยนต์ของอาอี๊ดก็แล่นสวนมา “อย่าไปคิดมากเรื่องอาอี๊ดเลยนะ” ป้าอิ๋วบอกหลานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ก็อย่างที่บอก มันแค้นแม่เรามาก ก็เลยฝังใจ ตอนนี้ป้าอยากให้เราคิดถึงตัวเองและลูกให้มากๆ เข้าไว้” ตีรณายิ้มให้คุณป้า พลางยกมือขึ้นลูบท้องโตแผ่วเบา คิดถึงคนตัวเล็กในท้องแล้วยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “ตี่ตื่นเต้นจังเลยค่ะป้า ถือเป็นก้าวสำคัญของตี่เลยนะคะ ตี่กำลังจะได้เป็นแม่แล้ว” ป้าอิ๋วหันมายิ้มกว้าง ดวงตายิบหยี “ป้าก็ตื่นเต้น เพราะป้าเองก็จะได้เป็นย่าอิ๋วแล้วเหมือนกัน บ้านเราไม่มีเด็กเล็กๆ มานานแล้ว คราวนี้แหละจะได้ช่วยกันเลี้ยงให้ฉ่ำไปเลย” ตีรณายิ้มให้กับคำพูดของคุณป้า แต่รอยยิ้มนั้นต้องเลือนลงเมื่อคิดถึงอาอี๊ดและครอบครัวของท่าน คนเหล่านั้นไม่ชอบหน้าหล่อน อันที่จริงเรียกว่าเกลียดเลยก็ว่าได้ ท่านมักเอาเรื่องของหล่อนไปพูดต่อให้คนนอกบ้านฟัง ว่าหล่อนเป็นลูกของผู้หญิงไม่ดี แม่ของหล่อนขี้ขโมย ที่ทำให้อาอี๊ดเกลียดแม่และหล่อนมากขนาดนี้เป็นเพราะว่าตอนที่พ่อกับแม่ออกจากบ้านไป อาอี๊ดเพิ่งรู้ว่าสร้อยคอทองคำซึ่งเป็นของหมั้นของท่านหายไปสองเส้น ท่านปักใจเชื่อว่าเป็นแม่มาโดยตลอด ตีรณาไม่มีปากเสียงไปตอบโต้ เพราะเมื่อคิดๆ ดูแล้วก็เห็นจริงดังคำท่าน มารดาเป็นคนรักสวยรักงาม อยากได้อะไรต้องได้เสมอมา ท่านใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนทำให้มีปากเสียงกับพ่อเสมอ ก่อนท่านทั้งสองแยกทางกัน ทั้งคู่ทะเลาะกันหนักมาก เพราะแม่เอาบัตรเครดิตพ่อไปใช้จนเต็มวงเงิน มีใบเสร็จทวงหนี้มากมายจนพ่อที่ทำงานเพียงคนเดียวจ่ายไม่ไหว พอพ่อเริ่มจำกัดค่าใช้จ่ายแม่ก็เริ่มเปลี่ยนไป จนพ่อพบว่าแม่มีคนอื่น จากนั้นไม่นานพ่อกับแม่ก็เลิกกัน แม่ไม่ได้จากไปดีๆ แต่แม่ขโมยทองคำแท่งที่พ่อซื้อเก็บเอาไว้เป็นทุนการศึกษาของหล่อนไปทั้งหมด หล่อนจำได้ว่าพ่อถึงกับล้มทั้งยืน จากนั้นหล่อนก็ไม่เคยเจอแม่อีก และไม่คิดอยากเจอท่านด้วย หล่อนกับพ่อจึงอยู่ด้วยกันเพียงสองคนเรื่อยมา กระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยปีสาม พ่อก็จากไปด้วยโรคหัวใจ... หญิงสาวถอนหายใจยาว เหม่อมองไปยังถนนหนทาง จู่ๆ ก็คิดถึงใครบางคนที่ไม่ได้คิดถึงมานานแล้ว ริมฝีปากอิ่มจึงเม้มเข้าหากันด้วยความรู้สึกยากจะตอบ เพราะเขาหล่อนจึงได้มาอยู่ที่นี่ แต่เพราะเขาเหมือนกัน หล่อนจึงได้รู้ว่าย่ากับป้ารักหล่อนมากแค่ไหน และเพราะเขาหล่อนจึงกำลังจะให้กำเนิดเจ้าตัวน้อย มือเรียวลูบไล้ท้องอวบใหญ่ ใบหน้าเจือรอยยิ้มบางเบา ต่อไปนี้แม่ไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้ว แม่จะมีหนูมาอยู่เป็นเพื่อน แม่จะเลี้ยงหนูให้ดีที่สุดแม่สัญญา ป้าอิ๋วมองหลานสาวด้วยสายตาอ่อนโยน ความรู้สึกที่มีต่อหลานสาวคนนี้คือทั้งรักและสงสาร ตีรณาเดินทางมาพบย่ากับป้าครั้งแรกพร้อมกับการอุ้มท้องลูกโดยไม่มีพ่อ แรกเลยก็ไม่มีอะไร พออยู่ไปท้องเริ่มโตชาวบ้านก็เริ่มนินทา แต่ดีที่ตีรณาเข้มแข็งจึงอยู่มาได้โดยไม่สะทกสะท้านนัก จะมีก็แต่ผู้เป็นอาที่ทำให้หลานคนนี้สะเทือนอยู่บ้าง วันต่อมา ตีรณาถูกพาเข้าห้องคลอดในเวลาที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ระหว่างนั้นหญิงสาวเห็นคู่สามีภรรยาที่กำลังนั่งกุมมือกัน ฝ่ายหญิงคงจะคลอดพร้อมๆ กับหล่อน ทั้งคู่ดูรักและห่วงใยกันมากทีเดียว โดยเฉพาะตัวสามีนั้นกุมมือภรรยาไม่ห่าง ทั้งกอดและคอยปลอบประโลมแผ่วเบา หญิงสาวเบือนหน้ากลับมา รู้สึกวูบโหวงในช่องอกครู่หนึ่ง พลันใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนก็ผ่านเข้ามาในห้วงสำนึก จึงรีบปัดออกไปอย่างรวดเร็ว หล่อนไม่ต้องการให้เขามีส่วนร่วมในโอกาสสำคัญแบบนี้แม้แต่ในความคิด กระทั่งบุรุษพยาบาลดันรถเข็นเข้าไปในห้องรอคลอด จึงเริ่มกำหนดลมหายใจรวบรวมสมาธิ ในที่สุด เจ้าหนูก็ได้เวลาลืมตาดูโลก ความเจ็บช้ำทั้งหลายมลายสิ้นเมื่อได้สบตาคู่จิ๋วของลูกชายตัวน้อย ไม่สนว่าเขาจะได้ใบหน้าของใครมา รู้แต่ว่าทั้งใจหล่อนขอยกให้ผู้ชายคนนี้เพียงผู้เดียว เสียงดังก๊อกแก๊กมาจากประตูห้อง คนที่หลับไปนานพอควรจึงรู้สึกตัวเพราะพักผ่อนเต็มที่ จึงเห็นว่าเป็นนางพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน “ได้เวลาให้นมลูกแล้วนะคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD