สายตาที่สบตาวาทินนั้นบอกชัดว่ากำลังคิดอย่างไร ฝ่ายนั้นเบ้ปากนิดๆ พร้อมกับไหวไหล่แล้วยกแก้วขึ้นชนกับแก้วของดาราสาว
“ฉลองล่วงหน้าเลยแล้วกัน ผมพนันว่าถ้าคุณกับมันได้คบกันจริง ไม่เกินเดือนคุณสองคนต้องแยกทางกันชัวร์”
วาสิตาค้อนขวับเมื่อถูกชายหนุ่มสบประมาท ก่อนจะชนแก้วอีกฝ่ายดังกิ๊กแล้วบอก
“มาคอยดูกัน”
ดวงตาคู่งามวาววาบพลางมองตรงไปยังประตู รู้สึกพอใจกับทีปกรอย่างบอกไม่ถูก เขามีความร้าย ความร้อน เซ็กซี่ น่าค้นหาจนแทบทนรอเขากลับมาไม่ไหว ต่อให้วาทินจะเอ่ยเตือนหญิงสาวก็ไม่คิดจะสน เพราะคนอย่างหล่อนก็ประเภทเดียวกับทีปกร ชอบของแรง ชอบอะไรร้อนๆ ชอบเล่นกับไฟ...
อีกส่วนหนึ่งของสถานที่ ตีรณากำลังล้างมืออยู่ในห้องน้ำ หญิงสาวมองดูความเรียบร้อยก่อนกลับออกไปทำหน้าที่ของตน แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องกลับเข้าไปบริการแขกอีกครั้ง จู่ๆ คุณโยผู้จัดการก็เรียกหญิงสาวไปพบ
“คุณโย พี่แววบอกว่าอยากพบตี่หรือคะ”
ผู้จัดการหนุ่มมองสาวพนักงานเสิร์ฟตรงหน้าด้วยสายตาเพ่งพินิจ แต่เพียงแวบเดียวเขาก็ปรับแววตาเป็นปกติและยิ้มให้
“ใช่ พอดีว่าคุณไทม์อยากคุยด้วย ตามผมมา” พูดจบร่างสูงของผู้จัดการหนุ่มก็เดินนำหน้าไปโดยไม่รอฟังคำตอบจากหญิงสาว ทำเอาตีรณาใจสั่น หันไปมองเพื่อนร่วมงานที่กำลังมองมายังตนด้วยสายตาเป็นคำถามเช่นกัน แต่ที่ทำได้คือเดินตามอีกฝ่ายไป
“พี่แวว คุณโยพาตี่ไปไหนอะ” ดุษิตาหันไปถามหัวหน้า แต่ฝ่ายนั้นเองก็แปลกใจเช่นกัน
“พี่ก็ไม่รู้ คุณโยแค่สั่งให้พี่บอกเจ้าตี่ให้ไปหาแค่นั้นแหละ”
“มีอะไรหรือเปล่านะ ชักเป็นห่วงแล้วสิ” ดุษิตาเปรยออกมาเบาๆ แต่ก็ต้องหยุดคิดเมื่อแววสั่งให้นำเครื่องดื่มและน้ำแข็งเข้าไปเสิร์ฟ
เมื่อประตูเปิดกว้าง หญิงสาวก็ได้แต่ยืนนิ่งภายในห้องเย็นเยียบ ปราศจากเงาผู้คน หัวใจพานเต้นรัวแรง ผู้จัดการสบตาหญิงสาวแล้วบอก
“คุณรอที่นี่นะ”
คิ้วเรียวขมวด รีบเอ่ยถามด้วยอาการกระสับกระส่ายเห็นได้ชัด
“คุณโยจะไปไหนคะ เอ่อ ไม่อยู่รอเป็นเพื่อนตี่ด้วยเหรอคะ” ทั้งสีหน้า น้ำเสียงและท่าทางของสาวน้อยตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มนึกเห็นใจ แต่เขาไม่คิดว่าคุณไทม์จะทำร้ายเจ้าหล่อนหรอก
“ไม่มีอะไรหรอก อย่ากลัวไปเลย ผมต้องออกไปดูแลแขก เสร็จแล้วก็ตามออกไปทำงาน ผมไปล่ะ” พูดจบร่างสูงก็ก้าวออกไปทันที หญิงสาวแทบผวาตามไปหากไม่ได้ยินเสียงทุ้มกังวานของใครอีกคนดังขึ้น
“นั่งก่อนสิ”
ร่างบางสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น ค่อยๆ หันไปมอง หัวใจพลันสั่นไหวเมื่อได้สบตาคมเข้มที่มองมา ตอนนี้เขาพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก และเดินไปนั่งที่โซฟาหนังแท้ชิดผนังห้อง หญิงสาวมองพื้นที่ว่างข้างๆ ตัวเขาแล้วเม้มปาก ไม่ยอมขยับตามที่เขาสั่ง แววตาที่มองนั้นเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
“คุณมีอะไรจะใช้ฉันหรือคะ”
ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ดวงตาคมเฉี่ยวมีแสงแปลบปลาบวาบขึ้น คนถูกมองรู้สึกขนกายลุกชันประหลาด มือไม้เย็นเยียบ หัวใจเต้นถี่ กล้ามเนื้อสั่นระริก
“มานั่งนี่” เขาตบเบาะนั่งข้างกาย หญิงสาวจดสายตามองตามแต่ไม่คิดจะขยับ บอกตนเองว่าหากการขัดคำสั่งทำให้เขาไล่ออกหล่อนก็ยอม
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณจะใช้ให้ฉันทำอะไรก็สั่งมาได้เลย ฉันพร้อมจะทำ แต่จะไม่ไปนั่งตรงนั้น”
คำตอบจากเจ้าของปากจิ้มลิ้มน่าทดลองว่าจะมีรสชาติเช่นไร ทำให้คนมองกระตุกยิ้มจาง หล่อนกำลังลองดีกับเขา
“แน่ใจนะ ว่าพร้อมจะทำ”
เมื่อครู่ค่อนข้างมั่นใจ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกไม่มั่นคงเสียแล้ว เพราะทั้งคำถามและแววตาที่มองมาเต็มไปด้วยอันตราย เขาอาจนั่งอยู่เฉยๆ ด้วยท่าทางสบายๆ แต่รังสีร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างกายใหญ่โตกลับคุกคามหล่อนจนอกสั่นขวัญหาย
“เอ่อ คือ ก็ต้องแล้วแต่ว่าคุณให้ทำอะไร ถ้าทำได้ก็จะทำค่ะ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ในลำคอ
ดวงตาคมปลาบวาววามขึ้นเช่นเดียวกับเรียวปากบางที่แย้มยิ้มจนเห็นไรฟัน
“ฉลาดนี่”
หญิงสาวยืนกุมมือแน่น ริมฝีปากสีอ่อนปิดสนิท ไม่ขยับเขยื้อน และปักหลักอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ไม่คิดจะก้าวไปหาเสือตัวโตที่จ้องตะครุบเหยื่อเด็ดขาด หล่อนถูกเขาขย้ำมาแล้วครั้งหนึ่ง รู้ฤทธิ์ดีว่าเป็นเช่นไร จึงไม่ยอมถูกขย้ำอีกเป็นครั้งที่สอง
“มีคนอยากรู้จัก สนใจไหม คนนี้กระเป๋าหนักนะ ถ้าคุณสนใจผมติดต่อให้ได้”
คำพูดของเขาทำให้คนที่ยืนรอหน้าร้อนผ่าว ดวงตาคู่งามวาวโรจน์ มือที่กุมเข้าหากันผละออกแนบลำตัวและจิกแน่นจนรู้สึกเจ็บฝ่ามือ ความโกรธขึ้งที่เขาย่ำยียังไม่ทันจาง เขากลับมาตอกย้ำความเกลียดชังให้หยั่งรากฝังลึกลงไปอีกด้วยความเลวระยำตำบอนที่ออกมาจากปากโสมม
สารเลว!
“ฉันพอจะรู้อยู่ว่าคนอย่างพวกคุณใช้ชีวิตเปลือง มั่วและหยาบกร้านมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรดึงใครลงไปเกลือกกลั้วสิ่งปฏิกูลด้วยไม่ใช่เหรอคะ”
“เกลือกกลั้วสิ่งปฏิกูลเลยเหรอ” เขาทวนคำของหญิงสาว แววตาคมปลาบไม่คลาดจากดวงหน้านวล ตีรณาเชิดหน้าขึ้นอย่างทะนงตน ไม่สนใจแววตาแปลบปลาบราวเปลวเพลิงก่อนบอก
“เรื่องที่แล้วมาฉันเคยบอกตัวเองว่าให้มันแล้วไป ถือเสียว่าให้หมามันกิน แต่ก็ไม่คิดว่าหมาตัวนั้นจะไม่รู้จักสำนึก กินตัวเดียวไม่พอ ยังกลับไปพาพวกมารุมทึ้ง อ๊ะ”
พูดไม่ทันจบคนที่นั่งฟังอยู่นิ่งๆ ก็พรวดพราดถึงตัว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งรับเพราะมัวแต่โกรธจนหยุดตัวเองไม่ได้ เขาหยามกันมากเกินไป
“ปล่อยฉันนะ” หญิงสาวสะบัดร่างหนีอย่างรุนแรง แต่กลับถูกเขากระชากกลับไปจนอกอวบกระแทกกับอกกว้างแข็งแกร่ง ต้นแขนทั้งสองถูกบีบรัดแน่นจนน้ำตาคลอ
“ไม่มีใครเคยกล้าด่าฉัน” เขากัดฟันกรอดยามกระซิบ ดวงตาวาววับน่ากลัว แต่ตีรณาเลือดขึ้นหน้าเสียแล้ว ตอนนี้จึงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
“ก็ฉันนี่ไง จะจารึกเอาไว้เลยก็ได้นะ!”
สิ้นเสียงโต้กลับทันควันดวงตาคมกริบก็วาววับ พร้อมกับร่างบางที่ถูกเหวี่ยงลงไปบนโซฟาตัวใหญ่
หญิงสาวใจหายวาบ เมื่อเขายืนนิ่งแต่มือทั้งสองปลดเข็มขัดออกพร้อมกับรูดซิปกางเกงแล้วสืบเท้าเข้ามาหา
“ไม่ ออกไป๊!”
คนที่กำลังจะกระโจนหนีถูกกระชากกลับมา พร้อมกับเสียงหวีดร้องที่ไม่อาจเล็ดลอดออกจากห้องเก็บเสียงอย่างดี เส้นผมด้านหลังถูกขยุ้มจนรู้สึกเจ็บแปลบ ใบหน้างามแหงนหงายขึ้น หัวใจดวงน้อยดิ่งวูบเมื่อสบนัยน์ตาเหี้ยมเกรียม เพิ่งรู้ว่าตนเองทำพลาดเพราะอารมณ์ชั่ววูบยามตาประสานตา ก่อนที่ร่างของหล่อนจะถูกผลักลงไปบนโซฟาหนังราคาแพง พร้อมกับร่างใหญ่โตที่ตามลงมาติดๆ
“อย่านะ ไม่”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มกับคนที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอด
“กฎของการท้าทายข้อแรก” เขากล่าวเสียงห้วน “ยอมรับสิ่งที่จะตามมาให้ได้เสมอ!”
สิ้นเสียงห้าวทุ้ม กางเกงสแล็กสีดำก็หลุดออกจากสะโพกอวบอิ่มพร้อมหัวใจที่หลุดลอยตามไปด้วย