ป้าอิ๋วมองหลานสาวสลับกับชายแปลกหน้า แล้วนึกขึ้นได้ว่าปล่อยให้หนุ่มขายประกันในความคิดเมื่อแรกพบยืนรออยู่นานแล้ว จึงเดินไปเปิดประตูเพื่อให้ชายหนุ่มก้าวเข้ามา
“เชิญค่ะ คุณ...”
“ทีปกรครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองกับป้าอิ๋ว ในขณะที่ตีรณายืนแข็งค้างอยู่ที่เดิม แต่ไม่นานจากใบหน้าตื่นตะลึงก็กลายเป็นเย็นชาในเวลาต่อมา
“ตี่” ป้าอิ๋วเรียกหลานสาวที่ยืนหน้าตึงอยู่ข้างๆ “เมื่อครู่หนูว่าหิวไม่ใช่เหรอ งั้นป้าจะเป็นคนออกไปซื้อเองก็แล้วกันนะ แล้วคุณล่ะจะกินอะไรดี นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงแล้วด้วย”
ชายหนุ่มละสายตาจากตีรณากลับมายังคุณอัจฉรา ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ขอบคุณครับ แต่ผมทานมาแล้วจากข้างนอกครับ”
ป้าอิ๋วยิ้มตอบ แล้วมองหน้าหลานสาวที่ยืนนิ่ง ไม่มีคำพูดจาใดออกมาจากปาก
“งั้นเชิญคุณนั่งตรงนี้ก่อนนะ ตี่มากับป้าหน่อย”
ตีรณาสบตาคมที่มองมาไม่คลาด แล้วเดินตามป้าเข้าไปในบ้าน
“ผู้ชายคนนี้คือพ่อของน้องตฤณใช่ไหม”
ตีรณานั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างเปลของลูกชายซึ่งตอนนี้หลับปุ๋ยอยู่ในนั้น
“แต่เขาไม่เคยยอมรับตาหนู” หญิงสาวตอบ น้ำเสียงค่อนข้างแข็งเมื่อเอ่ยถึงพ่อของลูก “และหนูก็ไม่ยอมรับเขาเหมือนกัน”
ป้าอิ๋วกะพริบตาปริบๆ ยิ่งมองเข้าไปในดวงตาคู่งามก็ยิ่งเห็นความกระด้างกระเดื่องชัดเจน
“ป้าจะออกไปซื้อข้าว อยู่ทางนี้ก็ถามเขาให้แน่ว่าเขามาทำไม แต่ป้าไม่คิดว่าเขาจะมาดูเฉยๆ หรอกนะ”
ตีรณาเม้มปาก คิดถึงเมื่อหลายวันก่อนที่เจอกับผู้จัดการของเดอะ ท็อป ไฟฟ์ฯ ต้องเป็นคุณโยที่บอกเรื่องนี้กับเขา แสดงว่าผู้จัดการต้องรู้อะไรเกี่ยวกับหล่อนและทีปกร ไม่เช่นนั้นคงไม่ใส่ใจอดีตพนักงานตัวเล็กแบบหล่อนแน่
คิดแล้วก็ใจหาย พลางมองตามป้าอิ๋วที่เดินออกไปข้างนอก พอหันกลับมาย่าจิตที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ส่วนตัวของท่านกำลังมองมา
“คนข้างนอกเป็นพ่อของน้องตฤณจริงเหรอ ตี่บอกกับเขาเรื่องลูกตั้งแต่เมื่อไร”
หญิงสาวเข้าไปนั่งข้างย่าแล้วส่ายหน้า
“เปล่านะคะ ตี่ไม่เคยบอกกับเขา ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกด้วยซ้ำ”
“แล้วเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ” ย่าจิตขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“ตี่ก็ไม่แน่ใจ ว่าจะออกไปคุยกับเขา ฝากย่าดูตาหนูด้วยนะคะ” หญิงสาวบอกกับท่านก่อนจะเดินออกไป ย่าจิตมองตามหลานสาวไปจนสุดสายตา ก่อนจะหันมามองเหลนตัวน้อยในเปลเด็ก
ทีปกรที่ยืนกอดอกมองกล้วยไม้ที่ป้าอิ๋วเลี้ยงเอาไว้หันกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้า
“คุณมาทำไม”
คิ้วสีเข้มย่นเข้าหากัน ดวงตาคมเฉี่ยวมองตากลมโตนิ่ง
“คิดว่ามาทำไม” เขาถามกลับ กวาดตามองคนตรงหน้าอย่างละเอียด ไม่เจอกันเกือบปีหล่อนดูอวบขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
“คุณกลับไปเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรที่คุณต้องการ” ตีรณาบอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้อนรับเขา
“ฉันมาเรื่องเด็ก”
นัยน์ตาคู่งามวาววับ ริมฝีปากที่ปิดสนิทเผยอยิ้ม
“เด็กอะไรคะ”
เสียงถอนหายใจดังออกมาหนักๆ
“อย่ามาไขสือ โยบอกฉันว่าเธอเพิ่งคลอด”
หญิงสาวสะบัดหน้าไปอีกทาง เป็นคุณโยจริงๆ ที่บอกเรื่องนี้กับเขา
“ก็ไม่เกี่ยวกับคุณไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวมองเขาอย่างท้าทาย เมื่อก่อนเคยเป็นอย่างไรเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น
“ฉันว่าเกี่ยวนะ” ร่างสูงขยับก้าวมาใกล้คนตัวเตี้ยกว่า มองคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองเลือดขึ้นหน้า เพราะเขายังหยาบคายไม่เปลี่ยน
“ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว” หญิงสาวกัดฟันบอก
“ฉันต้องการตรวจดีเอ็นเอ”
คนเป็นแม่ใจกระตุกด้วยความโกรธจัด
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่ง ที่นี่ไม่มีใครเป็นลูกน้องของคุณ อย่ามาทำตัวใหญ่โต คิดจะสั่งใครก็ได้ เชิญคุณกลับไปดีกว่าคุณทีปกร ฉันไม่อยากพูดกับคุณอีกแล้ว”
คิ้วสีเข้มกระตุก เขามองคนตรงหน้าด้วยสายตาวาวโรจน์ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้ชื่นชอบได้เลยสักนิด แม้แต่แค่ชั่วคราวก็ยังยาก หล่อนปากดี ปากเก่งไม่เปลี่ยน ท้าทายอวดดีไม่เลิก เก่งแบบนี้คงไม่อยากอยู่อย่างสบายๆ ล่ะมั้ง
“ฉันว่าฉันมีสิทธิ์เต็มที่เลยนะ เธอเป็นคนบอกกับฉันเองว่าเด็กในท้องเป็นลูกฉัน ในเมื่อเด็กคนนี้เกิดมาแล้ว ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกฉันจริงหรือเปล่า”
ตีรณาหน้าร้อนผ่าวไปด้วยความโกรธ แต่ก็ยังยิ้มสู้
“ลูกคุณตายไปนานแล้ว ที่นี่มีแต่ลูกของฉันคนเดียวเท่านั้น”
ชายหนุ่มแสยะยิ้ม เป็นยิ้มที่หญิงสาวเกลียดจับใจ แล้วก้าวเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกก้าวหนึ่ง
“ก็พิสูจน์สิ ถ้าลูกเธอไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน ฉันสัญญาว่าจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีก”
หญิงสาวผงะหน้าหนีเมื่อใบหน้าคมคายก้มลงมาจนริมฝีปากแทบชนกันพลางถอยกรูด ส่วนเขานั้นยืดตัวตรงและยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับกระตุกยิ้มอย่างคนที่เหนือกว่าทุกทาง ยิ่งเห็นแบบนี้หญิงสาวก็ยิ่งโกรธเกลียดเขามากขึ้น
“คุณมันเห็นแก่ตัว ฉันไม่น่ามาเจอคนแบบนี้เลย” หญิงสาวพึมพำออกมาเบาๆ แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ยังได้ยินอยู่ดี
“เหนื่อยหน่อยนะ บังเอิญว่าฉันเป็นคนแบบนี้นี่แหละ แล้วไม่สนใจด้วยว่าใครจะคิดกับฉันยังไง”
“ถามจริง คุณต้องการอะไรกันแน่ ก็ในเมื่อคุณไม่ได้ต้องการเขาแล้วคุณจะเอาอะไรอีก ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันกับเขาอยู่ด้วยกันอย่างสงบ จะโผล่มาทำไมตอนนี้”
คนถูกถามเม้มปาก ใบหน้าหล่อเหลาขรึมลง เกิดอาการไม่แน่ใจขึ้นมาวูบหนึ่ง เพราะคำถามที่ออกจากปากของหญิงสาวนั้น เคยออกมาจากความคิดของเขามาแล้ว แต่เขาไม่อาจให้คำตอบตนเองได้เช่นกัน รู้ตัวอีกทีเขาก็มายืนอยู่ตรงนี้แล้วนี่แหละ
“ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องได้รู้ว่าเด็กนั่นมีความเกี่ยวข้องกับฉันหรือเปล่า”
หญิงสาวเลือดขึ้นหน้า จนบัดนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าตัวเองทำหล่อนท้อง จึงสืบเท้าเข้าไปหาเขาอย่างโกรธจัด ใบหน้างามแหงนเงยมองเขาด้วยดวงตาวาววับราวกับมีเปลวเพลิงอยู่ในนั้น
“อยากรู้มากขนาดนี้ฉันบอกให้ก็ได้ เด็กคนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคุณหรอก เพราะอะไรรู้ไหม” ชายหนุ่มหรี่ตา ขณะที่หญิงสาวขบริมฝีปากแน่น “เพราะไอ้ที่ทำให้ฉันท้องไม่ใช่คน แต่เป็นหมา”
ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ สองมือขยุ้มต้นแขนกลมกลึงพร้อมกับกระชากเข้าหาตัว
“มันจะมากไปแล้วนะตีรณา! ถ้าฉันเป็นหมา ลูกเธอก็เป็นหมาเหมือนกันนั่นแหละ!!”
“เอะอะอะไรกัน”
เสียงตำหนิที่ดังออกมาจากหน้าประตูบ้านทำให้สองหนุ่มสาวหยุดชะงัก ทีปกรหลุบตามองคนที่อยู่ในอุ้งมือของเขาแวบหนึ่งก่อนจะปล่อยมือ เช่นเดียวกับหญิงสาวที่สะบัดตัวหนีการจับกุมของอีกฝ่าย และถอยไปยืนชิดย่าจิตด้วยหัวใจเต้นรัวแรง