Chapter 1.1

2103 Words
Chapter 1 : อีกมุมหนึ่งของประเทศไทย วันที่แสงแดดเจิดจ้าร้อนแรง ดวงตาคมมองไปที่กลุ่มคนในชุดกางเกงสีน้ำเงินเข้มเป็นแบบฟอร์มที่ไม่มีใครปรารถนาจะได้สวมใส่มันเท่าใดนัก พวกเขาถูกเกณฑ์ลงจากรถของทางราชการหลังผ่านการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะกับการลอกท่อระบายน้ำในเขตชุมชน หนุ่มชายฉกรรจ์ สวมกางเกงสีน้ำเงินแต่เปลือยท่อนบนที่ตอนนี้เลอะคราบโคลนจนมองไม่เห็นสัดส่วนเท่าใดนัก พวกเขาเดินเข้าแถวไปรับถุงผ้าใส่ที่ภายในบรรจุสิ่งของอะไรบางอย่างจากเจ้าหน้าที่สถานกักกันแห่งนี้ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเตรียมตัวอาบน้ำ ซึ่งที่นี่เป็นห้องน้ำรวม คนที่นี่มีกิจวัตรเป็นเวลา แต่สำหรับชายหนุ่มวัยสามสิบเก้าปีเต็มอย่างอนาวินนั้นนับว่าเวลาห้าปีเต็มสำหรับการติดอยู่ในที่คุมขังด้วยข้อหามียาเสพติดในครอบครองและเพื่อขาย ความจริงเขาได้รับโทษมากกว่านี้หลายสิบปีแต่ความดีความชอบให้การเป็นประโยชน์และมีความประพฤติดีในแดนกักกันนั้นมาตลอดจึงได้หย่อนโทษมาเรื่อย เวลานั้นเขาถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว เงินทรัพย์สินถูกยึดเป็นของรัฐ มองไปทางไหนก็มีเพียงความอ้างว้าง ไร้คนที่จะพึ่งพิงได้ ญาติสนิทมิตรสหายพากันหลบหน้า มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ในวันที่เราตกต่ำ ใครจะอยากรู้จักเรา ลองเป็นเศรษฐีดูสิ มีแต่คนรู้จักนับหน้าถือตาและมีญาติเพิ่มแบบตั้งตัวไม่ทัน เมื่อฝันร้ายมาถึงเขาจำต้องทนทุกข์อยู่ในสถานที่อันคับแคบและอุดอู้ด้วยใจหดหู่ แต่ในที่สุด วันนี้ก็เดินทางมาถึง... วันแห่งอิสรภาพที่เขารอคอยด้วยใจจดจ่อ เปี่ยมความหวัง ในที่สุดฝันก็เป็นจริง เขาจะไม่ยอมติดคุกห้าปีเต็มแบบฟรีๆ แน่นอน ทั้งที่เขาไม่มีความผิด ตอนนี้ความแค้นสุมในอกเขารอการแก้แค้น เขาจำไม่มีวันลืม... กับความผิดที่ต้องชดใช้สิบปีเต็มทั้งที่ไม่ได้ก่อ ระหว่างเตรียมตัว มีสายตาคมของเพื่อนร่วมห้องจับจ้องมาและเอ่ยปากชวนคุย ก็นี่มันวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ร่วมห้องกันกับนักโทษชายสูงวัยแล้ว เขาเองก็สุขภาพไม่ดีเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะยังมีอิทธิพล เพราะอนาวินเห็นว่าเขาคนนี้ได้รับความเอาใจใส่จากนายท่านผู้คุมขังมากเป็นพิเศษ “เอ็งเอาชุดหล่อๆ แบบนั้นมาจากไหน วันนี้ดูดีเหมือนพระเอกหนังเลยนะ” นักโทษต่างวัยเอ่ยชม “นายผู้คุมครับ” อนาวินตอบ “เสื้อผ้าของดีทั้งนั้น มียี่ห้อด้วยนะเนี่ย ของแท้รึเปล่าวะ” เขาพูดแซว “มันก็ต้องแท้สิครับ ระดับนั้นแล้ว” “คนรูปร่างดีหน้าตาหล่ออย่างเอ็ง ใส่ของลดราคา คนก็มองว่าเป็นของแท้ ไม่เหมือนข้า ลงพุงตัวใหญ่ ใส่ของดีมีราคาคนก็มองว่าเสื้อผ้ามือสอง” นักโทษสูงวัยพูดกลั้วเสียงหัวเราะ “ชมผมเกินไปแล้วล่ะครับน้า” อนาวินเปรย “หล่อเชียว ใครเห็นนายตอนนี้ บอกไปว่าเป็นคนขี้คุกก็คงไม่มีใครเชื่อ” เขาเอียงคอมองสำรวจรูปร่างเพื่อนร่วมห้องขังที่ตอนนี้ดูมีราศีจับมากทีเดียว เพื่อนนักโทษผู้สูงวัยทักทายอย่างช่างเจรจา เขาต้องโทษข้อหายักยอกทรัพย์ ก่อนหน้านี้เขามีฐานะร่ำรวย มีเงินมากมายมหาศาล แล้วก็ไอ้อำนาจเงินนั่นล่ะ ทำให้เขามีชีวิตในนี้อย่างสะดวกสบายในสถานที่แห่งนี้ ไม่ต่างจากโลกภายนอกเลยจริงๆ นี่ละหนาที่มีคำกล่าวว่า ‘อำนาจเงินเนรมิตทุกสิ่งได้ตามใจอยาก’ ขึ้นชื่อว่าเงิน ใครก็อยากได้ อย่าบอกเลยว่าเงินซื้อศักดิ์ศรีคนเราไม่ได้... เพราะในโลกความจริงแล้ว เงินมันซื้อได้ทุกอย่าง รวมทั้งคน ถ้ามันมากพอ! “แล้วนั่นนายถืออะไรเอาไว้เรอะ” เพื่อนสูงวัยคนเดิมถามอยากใคร่รู้ นายอนาวินยิ้มบางกับสิ่งที่ถูกถามถึง “ภาพศิลปะที่วาดเล่นในห้องขังน่ะ” “ถูกจำคุกยังมีใจศิลปินนะเอ็ง ฮ่าๆ” “ฆ่าเวลาน่ะครับ” “ขอดูได้มั้ย” “เอ้อ....” “เร็วสิ แค่นี้หวงเรอะ” “มันไม่น่าดูสำหรับคุณหรอกครับ มันภาพร้อนแรงสำหรับพวกคะนองหนุ่มน่ะ” คนถูกค่อนขอดแค่นเสียงหัวเราะ “ข้ายังไม่แก่ และมีเรื่องแบบนั้นเสมอนะ รุ่นนี้ยังเตะปี๊บดัง เคยได้ยินรึเปล่าวะ ให้ข้าออกไปก่อนเถอะ จะแสดงให้ดู ไม่รู้ซะแล้ว ถึงจะแก่แต่ก็มีหัวใจนะโว้ย” “เคยครับ” “งั้นก็เอามาดูสิ” อนาวินยื่นหนังสือโฟโต้บุคที่ภายในมีภาพวาดนู๊ดจากจินตนาการของเขาให้ชายสูงวัยรับไป เขาเปิดดูทีละหน้าแล้วก็หยิบภาพวาดขึ้นมายลทีละแผ่นด้วยสายตาเปล่งประกาย ดวงตาคมปราบเจือแววกระหายในกามาอย่างไร้การซ่อนเร้น มือสากก็ลูบไล้ภาพศิลปะบนเรือนร่างอิสตรีนั้นอย่างกลัดมัน “นี่แกวาดได้ยังไง? ผู้หญิงนี่เมียแกเรอะ” “ความฝันน่ะครับ แค่ฝันเอา” “ฝันว่าได้เอานังนี่เรอะ” “ไม่ครับ ภาพจากจิตใต้สำนึกกระมัง ผมก็ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหล่อนมาก่อน” เขาเล่า “แล้วโฟโต้บุคนี่ล่ะ ดารานี่ตอนนี้สบายได้ผัวรวยไปแล้ว” “เพื่อนที่อยู่อีกแดนให้มาตอนเข้าสวดมนต์น่ะ” “ไอ้พวกนี้ นรกจะกินกบาล ผู้คุมให้ไปสวดมนต์พวกเอ็งพกหนังสือพรรค์นี้ไปเรอะ” “ผมเปล่า แต่เพื่อนคนนั้นมันพกไป” “มันก็เลยให้ คงเห็นแววกลัดมันในดวงตาแกสินะ” “ไม่ขนาดนั้นหรอกน้า ผมยังหนุ่มแน่น ความต้องการยังมีอยู่มากเป็นเรื่องธรรมชาติ” เขาอ้างเหตุผล “ตอนพวกแกส่งให้กัน ท่านผู้คุมคงไม่เห็นสินะ” ชายสูงวัยเปรยเสียงหยัน “พวกมันดูจนเบื่อแล้วครับ เลยให้ผมเป็นทาน เป็นการปัจฉิมก่อนวันรับอิสรภาพน่ะครับ” “เออ... เว้ยไอ้พวกนี้นี่” ชายหนุ่มหัวเราะร่วน ดูนักโทษหนุ่มมีความกระชุ่มกระชวยในแววตา อิสรภาพที่รอคอยมันทำให้เขามีความหวังและตื่นเต้น ที่แน่ๆ ความอดอยากในเรื่องอย่างว่าจะได้รับการบำบัดทันทีที่ออกไปสู่โลกภายนอกอย่างแน่นอน อนาวินอยู่ในห้องเดียวกันนี้กับคนมีอิทธิพลอย่างนายกิตติศักดิ์ เวลาเขาเผลอเขาก็ลอบเลียนแบบเขาทั้งลักษณะท่าทาง ลายมือเขียน รวมถึงลายเซ็นและหลอกสอบถามประวัติรวมทั้งเครือญาติที่กิตติศักดิ์มี เมื่อเขาพยายามใช้วิธีล่อลวงและสอบถามประวัติโลกภายนอกของเพื่อนร่วมห้องขังจนจับใจความได้ ในวันหนึ่งเขาลอบเขียนจดหมายฝากตัวเอง ส่งไปยังฝาแฝดของกิตติศักดิ์ โดยสินบนคนข้างในให้ดำเนินการส่งจดหมายให้ เขาคิดไว้ว่ามันน่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้และในวันที่เขาจะออกไปสู่โลกภายนอก เขาไม่ลืมที่จะสร้างความตายใจเพื่อให้ได้บรรลุตามเป้าหมาย เห็นว่ามีพี่ชายฝาแฝดเป็นเศรษฐีเจ้าของโรงแรมใหญ่โต “เรื่องธรรมชาติของหนุ่มๆ น่ะครับ” ชายหนุ่มตอบ “งั้นสินะ” “คุณครับ” “ว่าไงล่ะ” “ผมมีเรื่องคุยสักหน่อย” เขาเปิดประเด็น “ว่ามาสิ” ชายสูงวัยเปิดใจรับฟัง “ในวันหน้า... ถ้าผมทำอะไรพลาดผิดไป คุณจะให้อภัยผมได้ไหมครับ” ชายหนุ่มลอบยิ้ม “นายจะทำอะไรผิดต่อฉันเรอะ” อนาวินยิ้มอย่างมีเลศนัย “มีสิครับ มันก็ไม่แน่นอนหรอก คนเคยทำผิดพลาดมาในชีวิตแล้ว มันก็อาจจะมีโอกาสทำผิดได้อีก” ชายกลางคนถอนใจยาว “เอาเถอะ... ฉันให้อภัย มันต้องอโหสิกรรมกันสิถึงจะถูก แกว่าไหม?” “ขอบคุณครับคุณกิตติศักดิ์” อนาวินตอบอย่างซาบซึ้งใจในไมตรี ชายหนุ่มส่งหนังสือโฟโต้บุ๊คของดาราสาว และภาพวาดศิลปะบนเรือนร่างผู้หญิงฝีมือเขาให้นักโทษสูงวัย ส่วนเขาเก็บเอาไว้เพียงภาพเดียวติดตัวไว้ชื่นชมคราวอยู่ในห้วงอารมณ์หวิวก็คงเพียงพอแล้ว โลกภายนอกมีผู้หญิงมากมาย เขาคงไม่ต้องใช้วิธีระบายจากภาพวาดหรือพวกโฟโต้บุ๊คพวกนี้แน่ “งั้นผมลานะครับ” ชายหนุ่มพูดตัดบท เขาเงยหน้ามองเวลาจากนาฬิกาบนผนังของสถานกักกันที่จำกัดอิสรภาพเขามาห้าปีเต็ม ก่อนมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยคำลากับมัน ทิ้งไว้เพียงอดีตที่ขมขื่น ต่อไปเขาจะขอมีชีวิตใหม่ที่ดีและไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ส่วนเรื่องสะสางกับคนป้ายความผิดให้เขา พูดไปความแค้นนั้นมันก็ยังมีอยู่ แต่หากเวรระงับด้วยการไม่จองเวร เขาก็ยินดีจะอโหสิกรรม คิดเสียว่าใครทำอะไรไว้ ไม่นานกรรมนั้นก็จะตามตอบสนองอยู่นั่นเองเป็นสัจธรรม เมื่อคิดมาถึงเรื่องกรรม เขาก็ถอนหายใจยาวอย่างหนักใจเมื่อจำต้องทำบางสิ่งบางอย่างที่ผิดต่อหนุ่มสูงวัยผู้ร่วมห้อง แต่เขามิได้มีเจตนาร้าย... เขาจึงต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันการผิดใจกันในภายหน้าและเป็นเรื่องน่ายินดีที่หนุ่มสูงวัยออกปากว่าพร้อมอภัยและอโหสิกรรมให้เขาแล้ว “เออเว้ย ให้แกโชคดีนะ” “น้าจะฝากอะไรถึงเพื่อน ญาติ หรือคนรู้จักไหมครับ” “เอ็งพูดอย่างกับจะได้เจอคนพวกนั้นอย่างงั้นล่ะ” “อ๋อ... ไม่หรอกครับ แต่ถ้าอยากฝากไปก็จะเป็นธุระให้” ชายหนุ่มเสนอ “ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันมีคนคอยทำหน้าที่นี้ให้อยู่แล้ว ว่าแต่เอ็ง ทำตัวให้ดีเถอะ อย่าริอ่านวกกลับเข้ามาอีกล่ะ” ชายสูงวัยเตือนด้วยความปรารถนาดี “ขอบคุณครับ” ชายกลางคนมัวแต่มองกับภาพในหนังสือที่แสนรันจวนอารมณ์ จนลืมเฉลียวใจ แต่กระนั้นยังไม่ทันที่อนาวินจะพ้นห้อง “เดี๋ยวสิ!” ชายหนุ่มหยุดชะงักงันทันที “ครับ” “ต่อจากนี้เป็นต้นไปเอ็งก็ได้เป็นอิสระอย่างถาวร ออกไปแล้วก็อย่าได้หวนกลับเข้ามาในนี้อีกเป็นอันขาด หลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายในทุกกรณี เข้าใจมั้ย” “ครับ” “และฉันอยากให้นายพบคนที่ถูกใจสักคน แล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ “คนขี้คุกอย่างผม ไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจหรอกครับ” “ต้องมีซี่ รูปหล่ออย่างเอ็งหาไม่ยากหรอกน่า” “แต่ผมว่าตอนนี้คุณดูภาพศิลป์เล่มนี้ไปพลางๆ ก่อนดีกว่าครับ จะได้หายจากอาการเคร่งเครียดเสียที ส่วนผมอยากออกไปสูดอากาศโลกภายนอกใจจะขาดแล้ว” ผู้สูงวัยหัวเราะเรื่อยๆ ไม่ถือสาหาความใดๆ “เอ็งจะยกหนังสือเล่มนี้ให้ข้าเลยเรอะ” “ครับ” “ทำไมละวะ” “ผมอยากให้ ผมไม่รู้ว่าผมจะถือออกไปทำไมกัน ข้างนอกมีขายเกลื่อนเมือง จะเอาท่าไหน แบบไหนมีเพียบ หนังในวีดีโอก็เยอะแยะ สารพัดจะให้เลือก” ชายกลางคนหัวเราะขำ “อือม์... นายรู้มั๊ย เราสองคนต่างกันที่ตรงไหน” “ตรงไหนละครับ” เขาถามเสียงเบื่อๆ “ก็ตรงที่เอ็งน่ะ มันใฝ่หาแต่เรื่องพรรค์นี้... ส่วนข้าสนใจแต่แผนการทำมาหากินน่ะสิวะ ข้าน่ะไม่เคยนึกหรอกว่าจะต้องติดอยู่ในคุกจวบจนวันตายเว้ย ข้ามีพี่น้องธุรกิจใหญ่โตข้างนอก ข้าจะต้องได้รับอิสรภาพในสักวัน” หนุ่มใหญ่เอ่ยน้ำเสียงมั่นคงดวงตาแน่วนิ่งอย่างมีเป้าหมาย “คนเราต้องมีความหวัง ชีวิตยังไม่สิ้นต้องมีความหวังนะน้า” เขาบอก “แน่นอน ข้าไม่ยอมตายหรอกโว้ย” เขาคำรามลั่น “ได้เวลาที่ผมต้องไปแล้วครับ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะคอยนาน” “เออโชคดีโว้ย วันนี้ข้าอิจฉาเอ็งจริงๆ” “ครับ ขอบคุณนะ คุณก็เช่นกันขอให้คุณพ้นคุกเร็วๆ ผมจะเป็นคนจัดการต้อนรับคุณเอง” เขาทิ้งท้ายอย่างมีเลศนัยจนอีกฝ่ายหรี่ตาแคบอย่างค้นหา “ขอบใจ ถ้าข้าได้ลดหย่อนผ่อนโทษ ข้าจะไปหาเอ็งทันที ส่งที่อยู่มาทางจดหมายก็แล้วกัน ข้าจะรอ” ชายสูงวัยทิ้งท้าย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD