@ร้านสะดวกซื้อปั๊มน้ำมันอำเภอคันคาย
เจนนี่จัดสต็อกสินค้าเข้าชั้นไป ก็ยืนเหม่อไป เพราะไม่รู้จะหาทางออกกับเรื่องพ่อยังไงดี
เงินสามแสนบาท เยอะมากเลยนะ จะไปหามาจากที่ไหน
(อเมริกาโน่เย็นหนึ่ง แซนด์วิชอะไรก็ได้หนึ่ง)
เจนนี่ล้วงมือถือจากในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่าเป็นข้อความจากคุณเสกข์ ชะโงกหน้าออกไปดู ก็เห็นว่าออฟฟิศชั้นสามไฟยังเปิดอยู่
ดึกขนาดนี้ ยังไม่นอนงั้นเหรอ
“ค่ะ เดี๋ยวเจนนี่เอาไปส่งให้นะคะ”
ข้อความที่ส่งไปว่าขึ้น ‘อ่านแล้ว’ แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา เข้าใจว่าฝ่ายนั้นคงเข้าใจแล้ว
เจนนี่นำไปคิดเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ อาหารพร้อมส่ง จึงบอกกับผู้จัดการร้าน
“พี่ฟ้า เดี๋ยวเจนนี่เอาของกินไปส่งคุณเสกข์ก่อนนะคะ”
“คุณเสกข์ออร์เดอร์มาเหรอ?” ฟ้าทำหน้าแปลกใจ ทำไมเธอไม่เห็นได้กดรับ อีกอย่าง นี่ก็สี่ทุ่มแล้วด้วย ระบบร้านเราปิดไปเรียบร้อย
“ใช่ค่ะ แต่คุณเสกข์ไม่ได้สั่งในแอปนะคะ สั่งผ่านเบอร์มือถือเจนนี่ค่ะ”
“หมายความว่ายังไง?” ฟ้าขมวดคิ้วเพราะแปลกใจ
“คุณเสกข์ขอเบอร์เจนนี่ค่ะ สงสัยคงขี้เกียจทำหลายขั้นตอนมั้งคะ เพราะบอกเจนนี่เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า จะไม่สั่งในแอปค่ะ”
“อ๋อ งั้นแกรีบเอาไปส่งเลยนะ อย่าให้คุณเขารอนาน” การที่ยังเห็นยัยเจนนี่คนสวยมาทำงานวันนี้ ก็หมายถึง คุณเสกข์ยังไม่ไล่ออกยังไงล่ะ
คุณเสกข์เป็นคนที่ค่อนข้างเป๊ะมากในเรื่องงาน แต่อีกทางก็ใจดี ถึงจะทำผิดพลาดยังไงก็ไม่ไล่ออกหรอก
ยกเว้นเรื่องเงิน ตั้งแต่เธอทำงานมา เคยเจออยู่เคสหนึ่ง ขโมยเงินของทางร้าน
คุณเสกข์ไล่ออกทันที และแจ้งตำรวจมาจับด้วย
“ค่ะ” รับปากแล้วหิ้วถุงของกินเดินออกจากร้าน ใกล้แค่นี้ เธอจึงไม่นั่งรถมอเตอร์ไซค์
บรรยากาศในตอนกลางคืนค่อนข้างเงียบ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน ชวนทำให้รู้สึกขนลุกอยู่ไม่น้อย เพราะทางออฟฟิศของคุณเสกข์ ด้านหลังคือทุ่งนา
รีบเดินขึ้นบันไดไปหยุดอยู่บนชั้นสาม ก็เห็นคุณเขานั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ตามองจอโน้ตบุ๊ก
เจนนี่ยกมือขึ้นเคาะประตู แล้วเปิดเข้าไปด้วยความเบามือ
“เอาออร์เดอร์มาส่งค่ะ”
เสกข์พยักพเยิดหน้า เจนนี่จึงเดินเอาไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะถอยออกมายืนอยู่ห่าง ๆ แต่ยังไม่ยอมไปไหน
เสกข์ตวัดสายตาขึ้นมอง “มีอะไร?” ทำเหมือนมีเรื่องจะคุยกับเขา
“เอ่อคือ...” จริง ๆ เธอมีแอบคิดเล็ก ๆ เอาไว้บ้าง ว่าอยากได้ความช่วยเหลือจากเจ้านาย
แต่อีกใจ ก็กลัวว่าคุณเสกข์จะไม่ช่วย และท้ายที่สุด เธอก็แสดงความอ่อนแอออกมา
แต่อย่างไร ก็อยากลองดูสักตั้ง หากไม่ได้จริง ๆ จะได้รีบหาทางใหม่อีกที เพราะคนเจ็บ แทบทนไม่ไหวแล้ว
เจนนี่เดินไปนั่งคุกเข่าลงด้านข้างของอีกฝ่าย ทำเอาเสกข์ที่เห็นอย่างนั้นชะงักไป
ไม่เพียงแค่นั้น สองมือเรียวยังพนมยกขึ้นไหว้ แล้วโน้มศีรษะลงมา
“ทำอะไร?”
“เจนนี่มีเรื่องอยากขอร้องให้คุณเสกข์ช่วยค่ะ” เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายผ่านม่านน้ำตา เวลานี้เธอมองไม่เห็นใครแล้วจริง ๆ นอกจากใบหน้าของเจ้านายเท่านั้น
“เรื่องอะไร” ถึงขนาดต้องมานั่งคุกเข่า แล้วยกมือไหว้ขอร้องเขา ทำเหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตาย
“จะ...เจนนี่ว่าจะขอยืมเงินคุณค่ะ สะ...สามแสนบาท”
“เธอว่าไงนะ!?” คนฟังอึ้งไป เพราะตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใครมาถามยืมเงินเขามากขนาดนี้มาก่อน เจนนี่เป็นคนแรก
เป็นหุ้นส่วนธุรกิจก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นแค่พนักงาน ทำไมถึงกล้ามายืมเงินหลักแสนบาทจากเจ้านาย
“จะ...เจนนี่รู้ว่ามันไม่เหมาะสมนักหรอกค่ะ ที่อยู่ ๆ เจนนี่ต้องมายืมเงินคุณ ตะ...แต่เจนนี่มองไม่เห็นใครแล้วจริง ๆ ค่ะ”
กะพริบตาทีเดียว น้ำตาก็ร่วงหล่นลง มันเป็นความอัดอั้นที่มีทั้งหมดตั้งแต่เมื่อเช้า
เสียงร้องเจ็บปวดของคนป่วย มันยังก้องอยู่ในสองรูหู เธอไม่อยากให้พ่อต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว
“เอาไปทำอะไรมากขนาดนั้น?” เงินสามแสนบาท ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ
แล้วอายุเท่าเจนนี่ มีความจำเป็นอะไรต้องใช้เงินมากถึงสามแสนบาท
“ครอบครัวเจนนี่ มีความจำเป็นต้องใช้เงินอย่างด่วนค่ะ คุณเสกข์จำเรื่องเมื่อวานที่เจนนี่เล่าให้ฟังได้ไหมคะ ที่เจนนี่บอกว่ามีพ่อป่วยค่ะ”
เสกข์คิดตาม ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ ออกมา จะบอกว่าพูดจริง?
เขาก็นึกว่าเธอสร้างเรื่องซะอีก
“พ่อเจนนี่โดนรถชนตอนขากลับจากเลิกงาน ส่วนคนชน เขาก็หนีหายไม่มารับผิดชอบ จนตอนนี้ ตำรวจก็ยังตามตัวไม่เจอเลยค่ะ”
“....”
“หมอบอกว่า พ่อเจนนี่ต้องได้รับการผ่าตัดสะโพก แต่ต้องใช้เงินมากถึงสามแสนบาท เพราะมันอยู่นอกเงื่อนไขของการรักษาฟรี”
“...”
“แต่ครอบครัวของเจนนี่ไม่มีเงิน ก็เลยต้องพาพ่อกลับมานอนรักษาตัวที่บ้านตามอาการ ในทุก ๆ วัน เจนนี่กับแม่ต้องมาฟังเสียงพ่อร้องเพราะเจ็บเวลาพลิกตัวเปลี่ยนท่าค่ะ”
“นานเท่าไหร่แล้ว?” เจนนี่กำลังจะบอกเขาว่า พ่อของเธอถูกรถชน และตอนนี้กำลังนอนติดเตียง
“สองเดือนแล้วค่ะ แต่เจนนี่เพิ่งมารู้เมื่อเช้านี้เอง ว่าพ่อต้องผ่าตัดเท่านั้นถึงจะหายปวด เพราะพ่อกับแม่ไม่ยอมบอกเจนนี่ค่ะ พอเจนนี่คะยั้นคะยอ แม่ถึงยอมบอกค่ะ”
เธอเข้าใจว่ามันคือเอฟเฟกต์หลังจากการรักษามาโดยตลอด แต่ไม่ใช่เลย อาการของพ่อ มันเกิดขึ้นเพราะไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี
มีเพียงยาแก้ปวดเท่านั้น ที่พ่อใช้บรรเทาอาการในแต่ละวัน
แต่หากวันไหนปวดมาก ๆ ก็ต้องไปให้หมอฉีดยาถึงจะหาย
“คุณเสกข์พอจะให้เจนนี่ยืมเงินก่อนได้ไหมคะ” เงยหน้าขึ้นมองเขาผ่านม่านน้ำตา
“...”
“คุณเสกข์ขา ฮึก” เจนนี่กลั้นสะอื้นไม่ไหว ร้องไห้ออกมา ก้มลงกราบเขาที่พื้นทั้งน้ำตา เธอหมดหนทางแล้วจริง ๆ ถ้าคุณเสกข์ไม่ช่วย เธอไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว
“ช่วยเจนนี่ด้วยฮือ ๆ”
เสกข์เห็นอย่างนั้นกลืนน้ำลายหนืด ๆ ลงคอ เคยเห็นแต่ในละคร ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวเอง
พ่อพนักงานตัวเองป่วย แต่ไม่มีเงินรักษา จนต้องมาขอหยิบยืมเงินจากเจ้านาย
“ช่วยเจนนี่ด้วย ฮึกฮือ”
“หยุดร้องก่อน”
“ช่วยเจนนี่ด้วยนะคะ เจนนี่ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริง ๆ”
“หยุดร้อง”
“คุณเสกข์...”
“บอกให้หยุดร้องไง!” เอาแต่ร้องไห้ ไม่ฟังเลย แล้วมันจะได้คุยกันรู้เรื่องเมื่อไหร่
เจนนี่หยุดร้อง เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเสียงเข้ม ค่อย ๆ ดึงตัวเองขึ้น มองเขาผ่านม่านน้ำตา
“เดี๋ยวฉันให้ยืม”
“คะ?” ใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมา เหมือนสวรรค์มาโปรด คุณเสกข์บอกจะช่วยเธอแล้ว
“คุณเสกข์จะช่วยเจนนี่จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ถามไปด้วย เอามือปาดน้ำตาไปด้วย แต่อย่างนั้น มันก็ยังคงไหลลงมาอยู่ดี
“อืม เดี๋ยวฉันหักจากเงินเดือนของเธอก็แล้วกัน”
“คะ? หักไม่ได้นะคะ!” ถ้าคุณเสกข์หักจากเงินเดือนของเธอ แล้วเธอจะมีเงินที่ไหนไว้ให้แม่ซื้อกับข้าวมาทำให้พ่อกินล่ะ
เธอกินแค่ไข่กับมาม่าได้ แต่พ่อกับแม่ ต้องได้กินของที่ดีกว่านั้น เพราะคนทั้งคู่ต่างคือคนป่วย เดี๋ยวจะยิ่งแย่เอา
“ไม่ให้หัก แล้วหนี้มันจะหมดได้ยังไง” เสกข์ทำหน้างง ปากบอกว่ายืม แต่พอเขาจะหักจากเงินเดือน กลับไม่ให้หัก
แปลกคน
เจนนี่กลับมาร้องไห้อีกครั้ง สองมือพนมยกขึ้นไหว้ เอ่ยเสียงสะอื้นออกมา
“คุณเสกข์ขา ฮึกฮือ...ให้เจนนี่ทำงานแลกเถอะนะคะ ให้เจนนี่มาทำความสะอาดออฟฟิศคุณก็ได้ แต่อย่าหักจากเงินเดือนเจนนี่เลย เจนนี่เป็นเสาหลักเดียวของที่บ้าน หากคุณหักไป เราสามคนพ่อแม่ลูก คงไม่พอใช้แน่นอนค่ะ”
เสกข์ได้ยินอย่างนั้นถอนหายใจเบา ๆ นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ดี
ไม่ดีเพราะเขาเป็นคนที่หวงพื้นที่ความเป็นส่วนตัวมากเกินกว่าจะให้ใครเข้ามายุ่งภายในห้องนี้ได้
ในนี้มีเอกสารสำคัญหลายอย่าง ที่ไม่ต้องการให้ใครมาหยิบจับ หากเกิดเขาให้เจนนี่เข้ามาทำ แล้วเจนนี่ดันทำงานเขาเสียหาย เขาจะทำยังไง
แต่ถ้าไม่ให้เธอมาทำความสะอาด จะให้เธอทำอะไรได้ ก็ไม่มีให้ทำอยู่ดี
จะให้เงินสามแสนไปฟรี ๆ มันก็ยังไงอยู่ หากเกิดมีใครรู้เข้าว่าเขาให้เจนนี่ไปฟรี ๆ แล้วมองว่าเขาพิศวาสเจนนี่ เขาจะทำยังไง
เจ้านายกับลูกน้อง คนมองไม่ดีอยู่แล้ว
“ก็ได้”
“คุณเสกข์หมายความว่ายังไงคะ” ก็ได้ของเขา สรุปว่าจะหัก หรือไม่หักตังค์เธอ
“ฉันไม่หักจากเงินเดือนของเธอก็ได้ เอาเป็นว่า เธอมาทำความสะอาดที่ออฟฟิศก็แล้วกัน”
“ดะ...ได้ค่ะ!” เจนนี่ตอบตกลงอย่างไว อะไรก็ได้ แต่ขออย่าหักจากเงินเดือนของเธอเลย
“คุณเสกข์จะให้เจนนี่เริ่มงานวันไหนดีคะ” สูดน้ำมูก ไม่ร้องแล้ว เพราะเริ่มสบายใจขึ้นมา
หนึ่งคือเธอได้เงินไปรักษาพ่อแน่ ๆ สองคือ เธอไม่ต้องโดนหักจากเงินเดือน
“มะรืนแล้วกัน เธอมาทำแค่อาทิตย์ละครั้งก็พอ”
“แค่อาทิตย์ละครั้งเองเหรอคะ” เจนนี่ทำหน้างง ทำไมน้อยจัง
“ทำไม ออฟฟิศฉันไม่ได้สกปรกมาก ทำแค่อาทิตย์ละครั้งก็พอแล้ว”
“แล้วคุณเสกข์ จะหักออกจากค่าทำความสะอาดครั้งละเท่าไหร่เหรอคะ” หากคุณเสกข์หักครั้งละพัน กว่าเธอจะหมดหนี้ คงหลายปีแน่นอน
“ครั้งละห้าร้อย”
“ฮะ! แบบนี้เจนนี่ไม่ต้องทำเป็นสิบปีเลยเหรอคะ” เธอแอบคิดว่า คุณเสกข์จะหักครั้งละพันเสียอีก ขนาดครั้งละพัน ก็กินเวลาไปถึงหกปี
หากหักครั้งละห้าร้อยบาท สิบกว่าปีแน่นอน
เสกข์มองอีกคนนิ่ง สิบปีแล้วมันยังไง บางคนเขาทำจนเกษียณอายุก็มี
“ขะ...ขอเพิ่มอีกหน่อยได้ไหมคะ เจนนี่อยากหมดหนี้เร็ว ๆ ค่ะ” ยิ้มเหยเกให้อีกฝ่าย ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าคุณเสกข์ใจดี เขาต้องเห็นใจเธอแน่ ๆ
“งั้นหกร้อย”
“ฮือคุณเสกข์ขา ครั้งละพันเถอะนะคะ คิดเสียว่าทำบุญกับเด็กตาดำ ๆ ก็ได้ค่ะ” ครั้งละหกร้อยบาท มันต่างกันตรงไหน แทบไม่ต่างเลย
“เรื่องมาก!” ปกติเขาก็จ้างกันราคานี้ทั้งนั้น แล้วออฟฟิศเขา ก็ไม่ได้ใหญ่มาก ทำแป๊บ ๆ ก็เสร็จ ห้าร้อย เขายังคิดว่าแพงด้วยซ้ำ
“นะคะ สงสารเจนนี่เถอะค่ะ พันนึงนะคะ”
“อืม พันนึงก็พันนึง” ต่อรองเก่งมาก!
“เย่!” เจนนี่ชูมือทั้งสองข้างขึ้นด้วยความดีใจ จริง ๆ แล้ว คุณเสกข์ก็ขี้สงสารดีเหมือนกันนะเนี่ย
หรือว่า...เธอจะลองขอไปครั้งละหมื่น หนี้จะได้หมดเร็ว ๆ
“คุณเสกข์ขา...”
“ถ้าไม่มีอะไรก็ลงไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวเรื่องเงิน พรุ่งนี้ฉันจัดการให้”
“เอ่อ...ค่ะ ๆ” แผนสองคงไม่ได้ผลแล้วละ เอาวะ! ได้พันหนึ่งก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“ขอบคุณนะคะ” ยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนจะลุกเดินจากไป