Episode 1 จุดเริ่มต้น
วันจันทร์ ที่ 20 สิงหาคม 2539 {ค.ศ.1996}
เวลา 06.35 นาที
“อาแป้งเสร็จหรือยัง เดี๋ยวจะไปรายงานตัวไม่ทัน”
ฉันแต่งหน้าเบาๆ โทนชมพู และตอนนี้ก็อยู่ในชุดนักศึกษา เสื้อนักศึกษาแล้วก็กระโปรงทรงเอยาว 22 แล้วก็มีเข็มขัดของมหาวิทยาลัยที่ฉันสอบติด ใช่แล้วค่ะ วันนี้ฉันจะไปรายงานตัวกับทางมหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งถ้าขับรถจากบ้านฉันไปก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ตอนแรกฉันสอบติดหลายที่นะ แต่มันไกลบ้าน ก็เลยเลือกตรงนี้ไปกลับไม่นาน แล้วมหาวิทยาลัยเขาก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่เหมือนกัน ฉันลืมแนะนำตัวไปเลย สวัสดีค่ะ ฉัน แป้ง ชื่อจริงก็ นางสาวเปรมิณวลี สิทธิรัตน์โสภณ อายุ 18 ปี แต่อีกไม่กี่เดือนฉันก็จะอายุครบ 19 ปี แล้ว ฉันน้ำหนัก 48 สูง 169 เซนติเมตร สัดส่วน 38 26 39 ผมตรงยาวสีดำ แล้ววันนี้ฉันก็ปล่อยผมแล้วก็เก็บผมด้านหน้าทั้งสองข้างขึ้นไปและใช้กิ๊บไข่มุกสีขาวติดลงไป ตอนนี้ผมฉันยาวถึงกลางหลัง ตาสองชั้นกลมโต ปากกระจับ มีแก้ม หน้าทรงวี แล้วที่ฉันสูงเพราะมาม๊าอัดนมบวกกับกรรมพันธุ์ที่บ้านด้วย เพราะป๊าฉันสูง อ่อ ใช่ค่ะ ฉันเป็นหลานสาวของอาวาดแล้วก็อามนัส ถ้าใครติดตามเรื่องราวของอาวาด ก็คงจะรู้เรื่องราวคร่าวๆ ของครอบครัวฉันมาบ้างแล้ว ฉันหยิบกระเป๋าสีดำของแบรนด์หนึ่งใบเล็กๆ ขึ้นมาสะพายแล้วก็หยิบแฟ้มพร้อมกับรองเท้าส้นเข็มสูง 5 นิ้ว สีครีมหนังแก้วแล้วพอได้ยินเสียงของมาม๊าฉันเลยตอบมาม๊ากลับไปแล้วก็เดินออกมาจากห้อง
“เสร็จแล้วค่ะมาม๊า”
“ไหนม๊าดูสิ อืม เรียบร้อยดี ปะ ลงไปกินข้าวแล้วจะได้ไปกันเดี๋ยวคนจะเยอะแล้วจะนาน”
“ค่ะมาม๊า”
ฉันเดินตามมาม๊าลงมาจากชั้นบนของบ้าน อ่อ บ้านฉันอยู่กันแบบกงสีนะคะ หน้าบ้านใหญ่เปิดเป็นร้านขายของ แล้วตอนนี้บ้านฉันต่อเติมบ้านมาข้างหลัง เหมือนเรือนสี่ประสานของจีนเลย คือต่อเติมแบบตัวยู ถ้ายืนหันหน้าทางตรงจากร้านค้าแล้วมองเขามาครอบครัวฉันอยู่ฝั่งซ้าย ตรงกลางเป็นของครอบครัวลุงโต แล้วด้านขวาตรงข้ามเป็นครอบครัวของลุงเสริฐ แล้วตรงกลางก็ทำเป็นสระว่ายน้ำแล้วก็มุมนั่งเล่น พอฉันเดินลงมาก็เห็นทุกคนนั่งกันอยู่ที่อาหาร เนตรก็อยู่ด้วย คือเนตรกับฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องแล้วก็เกิดปีเดียวกัน อายุเท่ากัน แต่เนตรแก่เดือน แล้วตอนนี้ครอบครัวของอานัสก็มานั่งทานข้าวพร้อมกันด้วย แล้วครอบครัวฉันทุกคนรักแล้วก็สนิทกันมาก ช่วงแรกบรรยากาศก็ไม่ใช่แบบนี้หรอก แต่มันก็ผ่านมานานมากแล้ว ตั้งแต่ฉันกับน้องสาวเด็กๆ อะ อ่อ ครอบครัวของอาวาดแยกตัวออกไปแล้วนะ ไม่ได้อยู่ในกงสีแล้ว แล้วตอนนี้ครอบครัวฉันอบอุ่นมากๆ สมาชิกในครอบครัวรักกันเหนียวแน่น ฉันวางรองเท้าลงแล้วก็ยกมือไหว้อากง อาม่า อาอึ้ม อาแปะ แล้วก็อานัสกับอาวาด
“อากง อาม่า สวัสดีค่ะ อาแปะ อาอึ้ม สวัสดีค่ะ อานัสอาวาด สวัสดีค่ะ”
“จ้า มาลูก มานั่งทานข้าวกัน วันนี้อาวาดทำข้าวต้มทะเล”
“กลิ่นหอมมากเลยค่ะ ต้องอร่อยมากๆ แน่เลยค่ะ”
“ง้ววว วันนี้เจ๊ทั้งสองคนของกิตสวยมากเลยครับ เต็มสิบไม่มีหักเลยครับ”
“คิกๆ วันนี้น้องชายแล้วก็น้องสาวของเจ๊ก็สวยแล้วก็หล่อกันทุกคนเลย”
“ไอหย่า ชมกันไปชมกันมาเดี๋ยวก็ไม่ต้องกินข้าวกัน”
“ฮ่าๆ”
“คิกๆ”
“ป๊า ม๊า สวัสดีครับ เฮียสวัสดีครับ เจ๊สวัสดีครับ”
“ไอหย่า อานัย มาๆ มากินข้าวเช้าด้วยกัน”
“อืมๆ มาๆ มานั่งข้างอาแป้งเลย”
“ขอบคุณครับ”
ฉันตักข้าวต้มแล้วพอหันกลับมาก็เห็นอิตาตำรวจนี่อีกละ คือเขาเป็นเพื่อนของอานัส เพื่อนสนิทกันมาก ซึ่งฉันไม่ค่อยชอบเขาหรอก หมั่นไส้ แล้วเขาก็มองฉันตลอดอะ จะทำอะไรก็มอง ฉันเลยถอนหายใจก่อนจะแลบลิ้นใส่เขาแล้วก็เดินมาที่โต๊ะทานข้าว
แบร่
“หึหึ”
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะมันก็เป็นอะไรที่ชินแล้วอะ ถ้าร่างบางนิ่งเงียบไปนั่นสิมันเหมือนจะไม่ปกติ สวัสดีครับ ผม พล.ต.ท.ดนัย เดชพิพัฒน์เจริญศิลป์ อายุ 33 ปี สูง 188 น้ำหนัก 67 ยศสูงแต่อายุยังไม่เยอะนะครับ ส่วนมากก็เป็นที่ผลงานแล้วมีเจ้านายดีด้วย ทำงานถ้ามีเจ้านายที่ไม่ค่อยมองเราก็เหนื่อยหน่อย แต่ของผมโชคดีเพราะท่านเอ็นดูแล้วเมตตา ผมเป็นเพื่อนสนิทกับมนัส สนิทกันมากๆ รู้ทุกเรื่องของกันและกัน แล้วตอนนี้เพื่อนผมมันมีครอบครัวที่อบอุ่นแล้วก็น่าอิจฉาด้วยนะ เพราะลูกก็น่ารักทุกคนเลย เพื่อนผมมันมีลูก 5 คน ไปละ คนสุดท้องนี่ก็เพิ่งได้สองขวบ ส่วนผมยังไม่ได้แต่งงานเลย รอแม่ของลูกเรียนจบนี่แหละ แต่คงต้องปราบพยศหน่อยนะ เพราะว่าที่ภรรยาของผมค่อนข้างจะพยศเก่ง
“ไอหย่า อาแป้ง ลื้อตักข้าวมาให้พี่เขาด้วยสิ ตักเยอะหน่อยนะ พี่เขาเป็นผู้ชาย เขากินเยอะ”
“ค่ะอาม่า”
ฉันพยักหน้าให้อาม่าแล้วก็เดินมาตักข้าวต้มให้แขกที่ไม่ได้เชิญหนึ่งถ้วย แล้วขยันมาทุกวันด้วยนะ ไม่รู้มีอะไรถึงต้องมาทุกวัน ฉันตักข้าวต้มเสร็จก็เดินเอามาวางให้ที่โจ๊ะก่อนจะเห็นลูกชายคนเล็กของอาวาดยิ้มแล้วก็ชี้นิ้วมาที่ฉัน ฉันเลยหัวเราะออกมาเบาๆ ตอนนี้น้องเริ่มพูดได้แล้วนะ แต่ยังไม่ชัดเท่าไหร่ พูดได้เป็นคำๆ ฉันกับน้องๆ ก็ไปเล่นกับลูกอาวาดทุกวัน ฉันยกมือปิดหน้าแล้วก็จ๊ะเอ๋เด็กตัวน้อยตัวกลมไปหนึ่งที
“น้องมังกร จ๊ะเอ๋”
“กรี๊ด คิกๆ ม๊า”
“หึหึ เจ๊แป้งจะเอ๋หนูเหรอคะ หนูชอบไหมคะ”
“ครับ”
ผมปรายตามองร่างบางที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา เพราะปกติเวลาอยู่กับคนอื่นคนตัวเล็กข้างๆ ไม่ค่อยยิ้มหรอก แต่ถ้าเล่นกับน้องๆ นี่ยิ้มบ่อย ยิ้มเกือบจะทั้งวัน แล้วถามว่าผมเคยได้ไหม ไม่ครับ วันนี้ยังมีลมหายใจอยู่ก็ดีเท่าไหร่
“มาๆ กินข้าวกัน เดี๋ยวลื้อจะสาย อาเป่าเป้ย ที่โรงเรียนมีคนแกล้งหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะอาม่า เพราะเป้ยสู้”
“ไอหย่า ลื้อกำหมัดแบบนี้เลยเหรอ”
“ค่ะ เป้ยสตรองไหมคะอาม่า”
“หึหึ อืมๆ ลื้อสตรองมากๆ”
“คิกๆ”
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ หลังเห็นหลานสาวพูดพร้อมกับทำท่าทางประกอบไปด้วย ผมนึกขึ้นมาได้ในจังหวะที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากก็ใช้ขาสะกิดที่ขาของร่างบางเบาๆ
“ฮึ”
ฉันตวัดสายตาไปมองไอ้คนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบที่เท้าแล้วก็ค่อยๆ เพิ่มแรงลงไปโดยที่นั่งกินข้าวต้มต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โอ๊ะ”
“ไอหย่า อานัย ลื้อเป็นอะไร”
ผมวางช้อนก่อนจะใช้มือวางบนหน้าของตัวเองและกำมือเพื่อไล่ความเจ็บปวด ก่อนจะหันไปตอบม๊าที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แล้วก็กำลังป้อนข้าวต้มเป่าเป้ยแล้วก็แพงจังอยู่ ส่วนอากงก็ป้อนภพกับกิตลูกๆ ของเพื่อนผมนั่นแหละ ผมเลยตอบมาม๊ากลับไป
“เปล่าครับม๊า ข้าวต้มรสชาติอร่อยมากเลยครับ”
“คิกๆ แต่หน้าลุงนัยหน้าแดง”
“ตัวแสบ ตัวเท่านี้ล้อลุงได้แล้วเหรอ”
“อาแป้ง ลื้อเรียนอะไรนะ”
“ออกแบบแฟชั่นค่ะอาม่า”
“อืม ดีๆ จบมาก็ไปทำงานที่โรงงานผ้าของม๊าลื้อกับอาวาด”
ฉันยิ้มให้อาม่า ซึ่งสาขาที่ฉันเรียนมาม๊ากับอาวาดเป็นคนช่วยฉันเลือกซึ่งฉันเองก็ชอบ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยออกแบบชุดให้ม๊ากับอาวาดแล้วก็ได้รับอนุมัติให้ผลิตด้วย แล้วอาม่าก็หันไปถามเนตร
“อาเนตร แล้วลื้อล่ะ”
“เรียนบัญชีค่ะอาม่า”
“อืมๆ ลื้อสองคนตั้งใจเรียนกันนะ ถ้าลื้อตั้งใจเรียนป๊ากับม๊าของลื้อจะได้มีกำลังใจ”
“ค่ะอาม่า”
ผมนั่งทานข้าวต้มอยู่สักพักก็ทานผลไม้แล้วก็หันมาบอกทุกคน ตอนแรกก็อยากจะไปกับร่างบางด้วย แต่มันดูจะไม่เหมาะแล้วก็กลัวคนอื่นจะมองร่างบางไม่ดีเลยตัดสินใจว่าจะไม่ไปแล้วค่อยมาหาตอนเย็นใหม่อีกรอบ
“ผมไปทำงานก่อนนะครับม๊า ป๊าสวัสดีครับ ม๊าสวัสดีครับ เจ๊ เฮีย สวัสดีครับ ข้าไปทำงานก่อนนะไอ้นัส แล้วเดี๋ยวกลับมาใหม่ตอนเย็น”
“อืมๆ เจอกัน”
ตอนแรกฉันก็สบายใจละ เพราะเขาบอกว่าจะไป แต่พอบอกจะมาอีกทีตอนเย็นฉันเลยหันไปมองซึ่งเป็นจังหวะพอดีที่เขาฉันมาบอกฉันเลยเบะปากแล้วก็หันไปอีกทาง
“หึหึ มีกำลังใจแล้วครับ ไปก่อนนะครับ”
“ฮ่าๆ อืมๆ แล้วเดี๋ยวมากินข้าวเย็นด้วยกันนะ”
“ครับม๊า”
ผมมองร่างบางที่เบะปากใส่ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็บอกลาทุกคนอีกครั้งจากนั้นก็ขับรถออกมาทำงาน
“อาแป้ง เดี๋ยวลื้อกลับมา ลื้อมาคุยกับอาม่าหน่อยนะ”
“ค่ะอาม่า งั้นแป้งไปก่อนนะคะ”
“อืมๆ พระคุ้มครองพวกลื้อนะ”
ฉันยิ้มให้อากงอาม่าแล้วก็หอมแก้มน้องๆ แล้วก็ขึ้นรถโดยที่มีป๊ากับม๊าพาฉันมา ส่วนอาแปะกับอาอึ้มก็พาเนตรไป ซึ่งก็ขับตามๆ กันมา
“อาแป้ง”
“คะ มาม๊า”
“ลื้อตั้งใจเรียนนะ ตั้งใจเหมือนวันแรกที่อยากไปสมัครเพื่อเข้าเรียน ถ้าลื้อเกเรม๊าจะตีลื้อเข็ดเลยนะ”
“ค่ะมาม๊า แป้งจะตั้งใจเรียนค่ะ เพราะค่าเทอมแพง”
“ป๊ากับม๊าส่งไหว ลื้อไม่ต้องคิดเสียดายเรื่องเงินหรอก ลื้อแค่เรียนให้มีความสุขกับที่ลื้ออยากเรียนก็พอ เรียนมากเกินไปก็เครียดเกินไป”
“ค่ะป๊า”
ฉันยิ้มให้มาม๊ากับปาป๊าจากนั้นก็มาถึงที่มหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว จากนั้นป๊ากับม๊าก็พาฉันมามอบตัว แล้วฉันกับเนตรก็แยกกันเพราะเรียนคนละคณะ แล้วคนก็เยอะมากๆ ฉันก็ทำเรื่องทำอะไรเรียบร้อยใช้เวลานานมากเหมือนกัน ครึ่งวันเลยอะ พอทำเรื่องเสร็จม๊ากับป๊าก็พามากินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าก่อนจะกลับบ้าน
“สวัสดีครับนาย!”
“สวัสดีครับ เดี๋ยวฝ่ายที่เกี่ยวข้องคดีจับย***าที่เรากำลังเข้าประชุมด้วยนะครับ ถ้าพร้อมแล้วเราเร่งลงมือทันที”
“ครับนาย!”
ผมพยักหน้าให้ลูกน้องแล้วพอห้องประชุมเตรียมเสร็จเรียบร้อยผมก็นั่งฟังลูกน้องที่วางแผนจับกุมบ้านนั้นแหละ เพราะตอนนี้หลักฐานแน่นหนาสามารถออกหมายจับได้แล้วจากนั้นผมก็นั่งมองผังแล้วก็ลูกน้องที่กำลังอธิบายแผนการปฏิบัติให้ฟัง ผมนั่งฟังอยู่สักแล้วพอมองแผนงานแล้วว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเลยอนุมัติการทำงานพร้อมกับกำชับลูกน้อง
“อืม คุณลงมือกันได้เลย แล้วใส่ชุดเกาะให้แน่นหนา ห้ามใครไม่ใส่ในเวลาปฏิบัติหน้าที่โดยเด็ดขาด ถ้าผมรู้ ผมจะย้ายคุณไปทำงานที่อื่นทันที เพราะผมมองแล้วฝ่ายนั้นเตรียมรับมือแล้วมีการปะทะกันเกิดขึ้นแน่นอน คุณไปแบบไหนผมก็อยากให้คุณกลับมาแบบนั้น แล้วถ้ามันไม่ยอม แล้วถ้าฝ่ายนั้นไม่ยอม เมื่อคุณประเมินสถานการณ์แล้วว่าสมควร คุณวิสามัญได้เลย”
“ครับนาย!”
“งั้นพวกคุณไปเตรียมตัวเถอะ แล้วเตรียมกำลังไปให้พร้อม อาวุธต้องครบมือ อุปกรณ์การป้องการตัวก็ต้องพร้อมรับมือ ตำรวจทุกนายทราบ”
“ทราบ!”
“คุณเตรียมตัวกันได้เลย ถ้าใครมีอะไรฉุกเฉินไปหาผมที่ห้องได้ตลอด”
“ครับนาย”
To.รี้ดที่รัก คือคำพูดต่างๆ ของตัวละคร บางคนอาจจะงงๆ ว่าทำมันดูทันสมัยเหมือนในยุคของเรา คือภรรยาอาสี่ ครอบครัวของอานัสกับอาวาด อาวาดเค้าย้อนมาในยุคนี้นะคะ ครอบครัวน้องเลยติดมาจากอาวาด คำพูดบางคำพูดก็เลยคล้ายสมัยที่เราพูดกัน แล้วนิยายของไรท์ทุกเรื่องไรท์จะบรรยายความรู้สึกของตัวละครหลัก อาจจะไม่ได้บรรยากาศแบบเป็นทางการนักนะคะ ขออภัยไว้ก่อนน้า ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึกขัดใจในส่วนนี้ หากใครที่เพิ่งมาเจอกันครั้งแรก แล้วอาจจะยังงงๆ สามารถติดตามเรื่องราวของอาวาดก่อนนะคะ