บทที่ 12 สาเหตุที่ไป๋มู่อวิ๋นต้องเดินทาง

1551 Words
บทที่ 12 สาเหตุที่ไป๋มู่อวิ๋นต้องเดินทาง ในขณะที่เซี่ยหยู่มีสมาธิกับการรักษา ในตอนนี้ ทั้งลานต่างเงียบกริบ ทุกสายตาจับจ้องเด็กสาวโดยไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร กลัวว่าหากขัดจังหวะเล็กน้อย นางอาจจะเสียสมาธิ และเย็บแผลพลาด หลายนาทีต่อมา เซี่ยหยู่ก็เย็บปิดปากแผลให้ทหารบาดเจ็บเรียบร้อย เด็กสาวหยิบผ้าก๊อซพันรอบเอวของเขาเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะย้ำเสียงหนักแน่นว่า “อย่าให้แผลโดนน้ำ รักษาความสะอาดให้ดี แค่นี้เจ้าก็ไม่ตายแล้ว” เมื่อรู้ว่ารอดพ้นจากขอบเหวแห่งความตาย ทหารผู้นั้นถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ น้ำตาของเขาไหลพรากลงมาเป็นสาย ทั้งยังทำท่าจะลุกขึ้นมาโขกศีรษะคารวะองค์หญิงเพื่อแสดงความขอบคุณ “ขอบพระทัยองค์หญิง ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยหยู่ทนดูท่าทางทุลักทุเลของเขาต่อไปไม่ไหว จึงกดให้เขานอนลงไป ทั้งยังเอ็ดเสียงเข้มว่า “บ้าแล้ว! เจ้าจะทำให้แผลที่ข้าอุตส่าห์เย็บฉีกอีกหรือไง แล้วนั่นจะร้องไห้ทำไม เจ้ายังไม่ตายสักหน่อย!” คำพูดดุร้ายและตรงไปตรงมาขององค์หญิงไม่ได้ทำให้คนฟังไม่พอใจ ตรงกันข้าม เหล่าทหารกลับมองนางด้วยแววตาเลื่อมใสดุจเห็นเทพธิดา เซี่ยหยู่ไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า หันไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บรายอื่นต่อ เมื่อเห็นองค์หญิงทุ่มเทรักษาคนบาดเจ็บอย่างเต็มที่ คนอื่นก็ไม่น้อยหน้า ช่วยเหลือกันอย่างกระตือรือร้น ไม่นานก็รักษาคนเจ็บครบทุกคน ก่อนจะไปพัก เซี่ยหยู่เปิดหม้อยาต้ม แกล้งตรวจสอบว่ายาต้มได้ที่แล้วหรือยัง ก่อนจะใช้จังหวะที่ไม่มีใครสังเกต แอบผสมน้ำพุวิญญาณลงไปให้ทุกคนดื่ม แผลคนบาดเจ็บจะได้สมานตัวเร็วขึ้น ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้บาดเจ็บก็จะได้กลับมามีเรี่ยวแรงเร็วๆ ทหารเหล่านี้อุตส่าห์ปกป้องนางกับน้องชายด้วยชีวิต นางจึงไม่เสียดาย ใช้ทองสิบก้อน ซื้อน้ำพุวิญญาณผสมน้ำให้พวกเขาดื่ม .. .. หลังจากเซี่ยหยู่ได้นั่งพักจนหายเหนื่อย ไป๋มู่อวิ๋นก็ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า เซี่ยหยู่เงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยแววตาสงสัย วินาทีนั้น จู่ๆ ไป๋มู่อวิ๋นก็คุกเข่าแล้วประสานมือ “ขอบพระทัยองค์หญิงที่ช่วยชีวิตทหารของกระหม่อม” ชายหนุ่มก้มศีรษะคารวะเด็กสาวด้วยความจริงใจ ภาพนั้นตกอยู่ในสายตาของทุกๆ คน ทหารที่ยังลุกไหวต่างคุกเข่าก้มศีรษะให้เซี่ยหยู่เช่นเดียวกัน “ขอบพระทัยองค์หญิง!” เซี่ยหยู่อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะรับรู้ถึงความจริงใจของทุกคน “เอาล่ะ ลุกขึ้นเถอะ ลุกขึ้น” นางรีบโบกมือ สั่งให้พวกเขาลุกขึ้น “หนทางลงใต้ยังอีกยาวไกล พวกเราอาจจะถูกลอบโจมตีอีกก็ได้ ไหนจะต้องเจอกับเหล่าชาวบ้านที่อพยพ ร่วมแรงร่วมใจกันย่อมดีกว่า” ทุกคนที่ได้ฟังอย่างนั้น ต่างก็รู้สึกซาบซึ้งและเลื่อมใสในตัวองค์หญิง ไม่เพียงแต่จะไม่ถือตัว ยังมองทหารทุกคนเป็นพวกพ้อง ช่างน่านับถือ! “พ่ะย่ะค่ะ!” ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะพากันลุกขึ้นยืน ทางไป๋มู่อวิ๋น หลังจากแสดงสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ชายหนุ่มก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “องค์หญิง ไม่ทราบว่าท่านเคยร่ำเรียนวิชาแพทย์จากสำนักใดหรือ?” เซี่ยหยู่ทำทีเป็นครุ่นคิด ก่อนจะโกหกตาไม่กะพริบ ทั้งยังพูดอย่างฉะฉานเหมือนท่องจำมาแล้ว “ข้าเรียนรู้จากหมอหลวงไร้ชื่อในวัง ได้โปรดอย่าถามว่าทำไมข้าถึงไม่เปิดเผยความสามารถ ก็เพราะในวังหลวงมีอันตรายรอบด้าน เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ข้าจำเป็นต้องปิดบังความสามารถเอาไว้ เรื่องวรยุทธ์ ข้าก็แอบฝึกมาจากท่านตาน่ะ” อันที่จริง ขั้นตอนการรักษาและการเย็บปิดแผลแต่ละเข็ม เป็นภาพที่ระบบฉายในหัวซ้ำไปซ้ำมา แถมมือของนางก็ขยับไปเองราวกับถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ สรุปสั้นๆ ความสามารถและความรู้ทั้งหมด เซี่ยหยู่ได้รับมาจากมิติ “ดูสิ มือข้ายังสั่นอยู่เลย” เซี่ยหยู่กล่าวเสริม พร้อมยกมือที่สั่นเทาให้ไป๋มู่อวิ๋นดู ไป๋มู่อวิ๋นหลุบตามองมือขาวเนียนของเซี่ยหยู่ที่กำลังสั่นเทาไม่หยุด มุมปากก็ยกยิ้มอย่างอดไม่ได้ “จริงสิ ข้าเองก็มีเรื่องอยากถามแม่ทัพไป๋” เซี่ยหยู่เปลี่ยนเรื่องพร้อมลดมือลง ตอนนี้คนบาดเจ็บได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธีแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือการจัดการกับพวกโจรป่า แต่จะลงมือสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ต้องปรึกษากับแม่ทัพที่มีประสบการณ์รับมือกับโจรป่าเสียก่อน ตอนลงมือจะได้ไม่เสียท่าได้ “เชิญองค์หญิงถามกระหม่อมมาได้เลย” “ท่านสังเกตหรือไม่ โจรป่าพวกนี้เหิมเกริมมาก ไม่เกรงกลัวทหารอย่างพวกท่านเลย ดาบของพวกมันยังฟาดฟันอย่างเหี้ยมโหด ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย เป้าหมายเหมือนต้องการเอาชีวิต ไม่ใช่ขโมยของ” ได้ยินแบบนี้ ไป๋มู่อวิ๋นพลันขมวดคิ้ว “กระหม่อมก็คิดแบบนั้น โจรป่าพวกนี้ต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง” “เป้าหมายของพวกมันอาจจะเป็นเซี่ยอวี้…” เซี่ยหยู่พึมพำ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว ในยุคโบราณที่ไร้กล้องวงจรปิด เส้นทางส่วนใหญ่ล้วนเป็นป่าเขา อุบัติเหตุหรือเหตุร้ายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาระหว่างทาง การบุกของโจรป่า เป้าหมายของมันอาจเป็นองค์ชายสามเซี่ยอวี้ ถัดมาคือนาง และไป๋มู่อวิ๋น... พอคิดมาถึงตรงนี้ เซี่ยหยู่ก็ตัดสินใจอย่างเงียบๆ ในเมื่อการเดินทางครั้งนี้ถูกหมายเอาชีวิต นางคงต้องเอาของจากมิติออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ก็ต้องดูก่อนว่า ‘ใคร’ ที่นางไว้วางใจได้จริงๆ คิดแล้วเซี่ยหยู่ก็เหลือบมองไป๋มู่อวิ๋น ได้ยินมาว่าบิดาของเขามีเรื่องขัดแย้งกับอัครเสนาบดีเผิง แท้จริงแล้วเรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่? และหากว่าอัครเสนาบดีเผิงอยู่เบื้องหลังของการเนรเทศ บางทีนางกับไป๋มู่อวิ๋นอาจจะเป็นพันธมิตรกันก็เป็นได้ ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบเก็บงำความสงสัยไว้ในใจ พอคิดได้ เซี่ยหยู่ก็ถามไป๋มู่อวิ๋นออกไปตรงๆ “ได้ยินว่าบิดาของท่านกับเสนาบดีเผิงมีเรื่องขัดแย้งกัน...พอจะบอกข้าได้หรือไม่ ว่าเรื่องอะไร” ไป๋มู่อวิ๋นเงียบไปชั่วครู่ หัวคิ้วกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อ ‘อัครเสนาบดีเผิง’ เรื่องความขัดแย้งระหว่างบิดาของเขา ไป๋เจี้ยฝูกับอัครเสนาบดีเผิง จริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ตอนนั้นไป๋เจี้ยฝูเสนอให้ราชสำนักเบิกเสบียงและเงินจากคลังหลวง ช่วยเหลือหมู่บ้านที่กำลังประสบภัยแล้ง เมืองใดที่ยังพอมีทรัพยากร ก็ควรเปิดรับผู้อพยพเข้ามาพักพิงชั่วคราวก่อน ภัยแล้งครั้งนี้เกิดขึ้นแค่บางพื้นที่ อีกอย่าง กฎหมายการออกนอกพื้นที่ก็เข้มงวดมาก ครอบครัวหนึ่งจะลี้ภัยไปอยู่อำเภออื่นต้องมีหนังสือเดินทาง และได้รับอนุญาตจากผู้ว่าการเสียก่อน ครอบครัวที่สามารถย้ายออกจากพื้นที่ประสบภัยได้ ส่วนใหญ่จึงเป็นพวกขุนนางหรือคนมีเงิน เมื่อชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถอพยพออกจากพื้นที่ไปได้ทั้งหมด ไป๋เจี้ยฝูจึงเสนอวิธีช่วยเหลือชาวบ้านด้วยการส่งเสบียงช่วยเหลือผู้ประสบภัย อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้กลับถูกขุนนางบางกลุ่มคัดค้าน อ้างว่าเสบียงและเงินในท้องพระคลังไม่เพียงพอ ด้วยความซื่อตรง ไป๋เจี้ยฝูยังบอกอีกว่า เช่นนั้นก็ให้เหล่าขุนนางและตระกูลใหญ่ๆ ร่วมกันบริจาค ตอนแรกฮ่องเต้ยังทรงเห็นด้วย แต่พออัครเสนาบดีเผิงออกความเห็นว่า หากพวกเขาทำการบริจาคเงิน ชาวบ้านก็จะเคยชินกับการพึ่งพาราชสำนัก ท้ายที่สุดยังเสริมว่า ทางใต้มีภูเขามากมาย ทรัพยากรไม่ขาด การอพยพไปตั้งถิ่นฐานใหม่ก็เท่ากับเป็นการบุกเบิกพื้นที่ไปในตัว ไป๋เจี้ยฝูโต้แย้งทันควัน ชาวบ้านเหล่านั้นไม่มีต้นทุน ยิ่งเมื่อประสบภัยแล้งเช่นนี้ก็ยิ่งไร้ปัจจัยการอยู่รอด แล้วจะให้พวกเขาเอาแรงที่ไหนไปบุกเบิก? ต่างคนต่างก็มีเหตุผล ในที่สุดก็บานปลายกลายเป็นการถกเถียงใหญ่โตกลางท้องพระโรง อย่างที่รู้ๆ กัน ฮองเฮาแคว้นต้าเซี่ยมาจากตระกูลเผิง ต่อให้อัครเสนาบดีเผิงมีตรรกะผิดเพี้ยนยิ่งกว่านี้ ฮ่องเต้ก็เข้าข้างอัครเสนาบดีเผิงอยู่ดี อัครเสนาบดีเผิงจึงตักเตือนไป๋เจี้ยฝูด้วยการแกล้งมอบตำแหน่งแม่ทัพให้กับไป๋มู่อวิ๋นผู้เป็นบุตรชายคนโต และส่งให้ลงใต้พร้อมกับขบวนเดินทางขององค์ชายสาม...ในเมื่อบิดาอยากช่วยเหลือชาวบ้าน เช่นนั้นก็ให้ลูกชายสะสางภัยแล้งด้วยกันกับองค์ชายสามเสียเลย! เมื่อฟังจบ เซี่ยหยู่กำหมัดแน่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD