ตอนที่ 10 หมากตัวสำคัญ

2042 Words
ตอนที่ 10 หมากตัวสำคัญ หลังจากไท่จื่อและองค์ชายรองกลับไปแล้ว จางชิงหนี่ว์จึงเดินเข้าเรือนด้านในพร้อมกับน้องชายซึ่งเขาประคองแขนของพี่สาวด้วยความเป็นห่วง ทั้งคู่เดินมาถึงเรือนด้านปีกซ้ายของผู้เป็นมารดาแล้ว เพื่อคารวะผู้เป็นมารดาและรายงานตัวว่าได้กลับมาถึงจวน “ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ความโหยหาอาวรณ์นั้นทำให้หญิงสาวน้ำตาร่วงหล่นลงมาเป็นสาย น้ำเสียงหวานสั่นเครือสะอึกสะอื้นร่ำไห้ จางชิงหนี่ว์สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ผู้เป็นมารดาจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะของบุตรีอย่างอ่อนโยน และไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดลูกสาวจึงได้ร่ำไห้เสียใจหนักหน่วงเยี่ยงนี้ “หนี่ว์เอ๋อร์เป็นอันใดกัน เจ้าเพิ่งไม่ได้พบแม่แค่วันเดียว เหตุใดร้องไห้ขนาดนี้เล่า” ผู้เป็นมารดามิเข้าใจนัก พบว่าลูกสาวสะอึกสะอื้น ย่อมรู้สึกปวดใจไม่น้อยนัก แต่ทว่าจางชิงหนี่ว์ผ่านเรื่องราวความเป็นตาย เจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสมามากมายเพียงใดกลับทำให้นางรู้สึกว่าที่บ้านปลอดภัยสำหรับนางยิ่งนัก “ลูกคิดถึงท่านแม่ ลูกไม่อยากจากไปไหนอีกแล้ว” อ้อมกอดนี้อบอุ่นที่สุดและปลอดภัยมากที่สุด ต่อแต่นี้นางจะเชื่อฟังและเป็นเด็กดี ทว่าความแค้นที่มีต่อชายผู้นั้นและสตรีนางนั้นมันทำให้เคียดแค้นชิงชังจนไม่อาจให้อภัยได้จะต้องลากคอพวกมันรับโทษทัณฑ์อย่างสาสมกับความแค้นซึ่งมันฝังลึกอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ นางต้องทำให้องค์ชายสามให้รับรู้ถึงความสูญเสียว่ามันเจ็บปวดเช่นไร ลูกชายของนางต้องมาสิ้นชีวิตต่อหน้าต่อตาก็เพราะสตรีผู้นั้นเป็นต้นเหตุ จางชิงหนี่ว์จะต้องทำให้ชายโฉดหญิงชั่วรู้สึกถึงการสูญเสียพลัดพรากนั้นมันมีรสชาติเช่นไร “เจ้าเด็กคนนี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก” ผู้เป็นมารดาจับปลายคางลูกสาว ดวงตาของนางมีแต่ความอบอุ่นห่วงใยยิ่งนัก จากนั้นจึงปลอบขวัญอีกเล็กน้อย ทำให้น้องชายคนเล็กเพ่งพิศดูพี่สาวคล้ายว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป “พี่รองเสียใจสิ่งใด มีใครทำร้ายท่านกันแน่ หรือว่าเป็นองค์ชายสาม” เขาเค้นถามพี่สาว มาดหมายจะจัดการสั่งสอนองค์ชายผู้นั้น “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักเถิด ดูแลสุขภาพให้ดี” ผู้เป็นพี่สาวยกมือขึ้นปาดน้ำตา แววตาของนางมีแต่ความตื้นตันใจยิ่งนัก จะมีใครรักและห่วงใยเหมือนกับครอบครัวกันเล่า “ขอรับ พี่รองเพิ่งกลับมาถึงก็รีบไปพักเถิด” เพราะเขามีความแค้นอันใหญ่หลวงจะต้องสะสางกับองค์ชายรอง รอให้มาถึงคืนนี้เสียก่อน เขาจะไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายกลืนกินเขาอีกครั้ง “พวกเจ้าไปพักเถิด” น้ำเสียงหวานละมุนแววตามีแต่ความอบอุ่น มองใบหน้าบุตรสาวและบุตรชาย นางจึงระบายยิ้มอ่อนโยน ยามนี้บุตรสาวของนางดูแล้วเติบโตขึ้นมาก สงบเสงี่ยมและดูสุขุมขึ้นอีกด้วย เมื่อจางชิงหนี่ว์กลับมาถึงห้องนอนแล้ว มีเรียวไล้เครื่องประดับต่าง ๆ ในเรือนนอนด้วยความรู้สึกหลากหลาย แล้วเดินมายังเตียงจากนั้นจึงหย่อนกายนั่งลง แววตาครุ่นคิดมิมีสิ่งใดทำให้นางเปลี่ยนใจไปได้อีกแล้ว บัดนี้นางจะเริ่มวางหมากตัวสำคัญ “พี่ใหญ่ส่งข่าวกลับมาหรือไม่” พี่ใหญ่ของนางเป็นแม่ทัพผู้กล้าหาญ เชี่ยวชาญการรบไม่แพ้บิดาที่ยามนี้ดูเหมือนว่ากำลังประชุมขุนนางอยู่ในท้องพระโรงของวังหลวง เมื่อนึกถึงยามนั้นกลับปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะถูกองค์ชายสามหลอกใช้ นางจึงตกเป็นเครื่องมือต่อรอง ทำให้พี่ชายของนางผิดหวังและเจ็บปวดยิ่ง ยามนี้พี่ชายคงกำลังเดินทางกลับมาจากแคว้นเซี่ย หากนางจำไม่ผิดย่อมมีเหตุการณ์ต่าง ๆ นานาเกิดหลังจากนี้อย่างแน่นอน “เดี๋ยวข้าจะไปสอบถามให้นะเจ้าคะ” มู่เสียน สงสัยยิ่งนัก ตั้งแต่คุณหนูฟื้นขึ้นมาคล้ายว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป กระทั่งองค์ชายสามก็ยังตัดเยื้อไยได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงยอบกายรับคำสั่งแล้วจึงเดินออกจากห้องนอนไปอย่างว่าง่าย “คุณหนูเจ้าคะ อยากพักผ่อนหรืออ่านตำราดี” ลี่จูยืนอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย รอคอยคำตอบของผู้เป็นนายอย่างจดจ่อ เพราะปกติแล้วคุณหนูมักอ่านตำราต่าง ๆ มากมาย ชมชอบเดินหมาก อีกทั้งยังชอบวาดภาพอีกด้วย ฝีมือเยี่ยมยอดยิ่งนัก “ข้าอยากรู้เรื่องคุณหนูสวี” แววตาของจางชิงหนี่ว์ไม่ไหวติง สิ่งเดียวในยามนี้คือหาตัวคุณหนูสวีให้พบก่อนแล้วชิงลงมือจัดการ ให้พวกเขาทั้งสองได้ลงเอยกัน ตำแหน่งเจิ้งเฟยจะไปไหนเสีย ย่อมตกอยู่ในกำมือของคุณหนูสวีผู้นั้น “คุณหนูเหตุใดจึงถามถึงคุณหนูผู้นั้นเล่าเจ้าคะ” ลี่จูสงสัยยิ่งนัก จึงได้สอบถาม “ข้าแค่อยากรู้จักนาง” จางชิงหนี่ว์เสแสร้งเข้าให้ กลบเกลื่อนความรู้สึกมากมาย “เจ้าไปสืบให้ข้าที” ไม่เพียงแค่คุณหนูสวี หมากสำคัญยังมีอีก นั่นคือนางคณิกาซึ่งองค์ชายสามให้ความสนใจสตรีผู้นั้นเป็นพิเศษ นางย่อมมีพื้นเพไม่ธรรมดา ฝ่ายองค์ชายสามเดินทางกลับมายังตำหนัก ยังคงหงุดหงิดงุ่นง่านยิ่งนัก “ท่านแม่ มีข่าวดีหรือไม่” เขากระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ ทำให้นางกำนัลสะดุ้งโหยงกันหลายนาง แต่ละนางล้วนขยับถอยห่าง ก้มหน้าก้มตามิกล้าเงยหน้าสักนิด หวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษเข้าให้ “เจ้ารอฟังข่าวดีจากท่านตาได้เลย” เสียนเฟย กระหยิ่มยิ้มทอดกายนอนอยู่บนตั่งไม้ตัวยาว พร้อมกับจิบชาเบา ๆ ท่วงท่าเอื่อยเฉื่อยยิ่งนัก ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเสมอ “จะข่าวดีหรือร้าย วันนี้นางทำให้ข้าอับอาย” ชายหนุ่มเกรี้ยวกราด พร้อมกับกำหมัดแน่นอย่างไม่พอใจขบกรามขึ้นเป็นสัน แววตาเคียดแค้นยิ่ง ผู้เป็นท่านตาที่ถูกเอ่ยถึงนั้น ขณะนี้กำลังคุกเข่าอยู่ในท้องพระโรง เหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าหลายเม็ด แผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยความเปียกชื้น เมื่อสมุดเล่มหนึ่งถูกท่านกงกงนำมามอบให้เขาได้พิศดู ทันใดนั้นร่างของชายชราทรุดฮวบลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงซ้ำยังกับโขกศีรษะลงบนพื้นอีก ใบหน้าของชายชราซีดเผือด ภายในอกเต้นระส่ำด้วยความหวาดกลัว “ทูลฝ่าบาทกระหม่อมถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเสียนรีบแก้ต่าง สมุดนี้เป็นฝีมือของผู้ใดกัน เขากวาดตามองซ้ายแลขวา กลับไม่พบองค์ไท่จื่อและองค์ชายรอง กระทั่งหลานชายผู้เป็นองค์ชายสามก็ไม่อยู่ในท้องพระโรงด้วย “เจิ้นไม่ใช่ว่าไร้เหตุผล เรื่องการหมั้นหมายคุณหนูจางให้เลื่อนไปก่อนได้ ตามคำขอร้องของพวกเจ้า แต่การทุจริตนั้นจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อนหรือไม่” สุรเสียงก้องกังวานทำให้บรรดาขุนนางต่างพากันกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดกลัว ผู้สูงศักดิ์เหลือบมองแล้วแสยะยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางตื่นตระหนกของเสียนอู่เว่ย “เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายรองเดินเข้ามามีสีหน้านั้นเรียบเฉย แม้รูปร่างบอบบาง ผิวพรรณผุดผาดราวอิสตรีใบหน้าสะสวยยิ่งนัก คล้ายสตรีมากกว่าบุรุษเสียด้วยซ้ำ ท่าทางองอาจน่าเกรงขามหลายส่วน ผู้ซึ่งเดินตามแผ่นหลังน้องชายเข้ามา เป็นองค์ไท่จื่อแล้วยังมีองครักษ์ผู้หนึ่ง กำลังลากร่างของชายซึ่งถูกทำร้ายร่างกายจนมีสภาพยับเยิน ใบหน้าบูดบวม ขาทั้งสองข้างหักไม่อาจพยุงตัวลุกขึ้นเดินได้ “ลูกมีเรื่องกราบทูลพร้อมกับหลักฐาน ใต้เท้าเสียนจิตใจมืดดำอำมหิต กล้าแม้กระทั่งสั่งฆ่าคนบริสุทธิ์” น้ำเสียงของไท่จื่อดังขึ้น บรรดาขุนนางทั้งท้องพระโรงกลับเงียบกริบ กระนั้นกลับจ้องมายังชายชราที่คุกเข่าอยู่บนพื้น บ้างก็ยิ้มเยาะหยัน บ้างก็กำลังยกมือป้องปากกระซิบกระซาบเบา ๆ บ้างก็มองด้วยความสิ้นหวังเวทนาสงสารใต้เท้าเสียน “ทูลฝ่าบาท ไหนเลยกระหม่อมจะกล้า ชายผู้นี้เป็นบ่าวรับใช้ ถูกโบยย่อมสมควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสียนอู่เว่ยเอ่ยเสียงสั่นแทบหาน้ำเสียงของตนไม่พบ “บ้านเมืองมีกฎหมาย จะใช้กฎหมู่ข่มเหงได้เยี่ยงไร ใต้เท้าเสียนช่างเหิมเกริมยิ่งนัก” แววตาเยียบเย็น ชวนให้อีกฝ่ายหนาวสะท้าน เมื่อปลายหางตาเหลือบมองมายังชายชราเป็นระยะ อีกทั้งกดยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก เอ่ยเสียงเรียบเช่นนี้ย่อมทำให้บรรดาขุนนางทั้งหลายหวาดกลัว “ว่าอย่างไร มีอันใดแก้ตัวหรือไม่เล่า” ไท่จื่อยังคงจ้องเขม็งมายังร่างของใต้เท้าเสียนซึ่งสั่นเทิ้มอย่างหวาดกลัว แม้จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาแต่ก็ต้องหลุบตาก้มมองพื้น เมื่อแววตานั้นดุดันราวกับปีศาจร้าย “กระหม่อม...” เสียนอู่เว่ยเอ่ยเสียงติดขัด เหตุใดไม่มีผู้ใดออกหน้ายื่นมือช่วยเหลือเขาบ้าง ใต้เท้าหลิ่วเสนอหน้าออกตัวช่วยเหลือ หวังผลประโยชน์จากเรื่องนี้ แม้จะรู้ว่ามีโทษสถานหนัก แต่การเดิมพันนี้น่าลงทุนยิ่งนัก “ทูลองค์รัชทายาท บ่าวผู้นี้มิรู้สำนึกผิดชอบชั่วดีเป็นแน่ ถึงได้ใจกล้าขโมยของในจวนเจ้านาย” “คงเป็นสมุดเล่มนี้สินะ ใต้เท้าหลิ่วอยากรู้หรือไม่ เหตุใดใต้เท้าเสียนจึงได้ตกใจจนไม่อาจยืนต่อได้” ไท่จื่อยิ้มเหี้ยมพร้อมกับย่อกายทับส้นเท้า แล้วกระชากสมุดเล่มหนึ่งจากตาแก่แซ่เสียน ยื่นให้ใต้เท้าหลิ่วซึ่งเป็นพวกเดียวกัน เมื่อใต้เท้าหลิ่วพบรายชื่อนี้แล้ว หน้าตาซีดขาวราวกับไก่ต้ม ซ้ำร้ายยังทรุดกายอ้าปากตาค้างอย่างตกตะลึง ในสมุดเล่มนี้เหตุใดจึงมีรายชื่อของเขาด้วยเล่า “กระหม่อมมิเคยยักยอกหรือรับสินบน ขอโปรดทรงเมตตากระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” “เมื่อครู่เจ้ายังตีฝีปากอยู่มิใช่หรือ แล้วบ่าวผู้นี้เล่าควรมีโทษสถานใด คงไม่ถึงกับสาหัสเยี่ยงนี้กระมัง” องค์ชายรองเยาะหยันแววตาเย่อหยิ่งยิ่งนัก ข่าวนี้ลอยถึงหูเสียนเฟยทันใด ไม่ถึงหนึ่งจิบชา เสียนเฟยเร่งฝีเท้ามาขอเข้าเฝ้าหวงตี้ ไม่เกรงกลัวว่าฮ่องเต้จะเกรี้ยวกราด ยามนี้หน้าสิ่วหน้าขวาน คงเป็นเพราะเรื่องที่นางออกปากให้บิดาได้กระทำ ผลมันจึงได้ออกมาเยี่ยงนี้ “กงกง รายงานฝ่าบาทว่าเปิ่นกงขอเข้าเฝ้า” เสียนเฟยร้อนใจนัก หวาดกลัวบิดาจะถูกยึดทรัพย์ คราวนี้จะทำเยี่ยงไร ดีไม่ดีไม่เป็นที่โปรดปราน แล้วพระโอรสของนางจะถูกผู้เป็นบิดาชิงชังหรือไม่ “แต่ไหนแต่ไรมา บรรดาพระสนมกระทั่งหวงโฮ่มิได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราชกิจ เกรงว่าเสียนเฟยมาเสียเที่ยวแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กงกงผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าท้องพระโรง พร้อมกับทหารอีกจำนวนหนึ่ง นางจะเข้าไปข้างในให้ได้แต่กลับถูกทหารทั้งสองใช้หอกยาวขวางกั้นเอาไว้ จึงทำได้เพียงตะโกนส่งเสียงเข้าไปข้างใน หวังว่าเป่ยเฟิ่งหวงจะเห็นแก่หน้านางบ้าง “ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ โปรดเมตตาท่านพ่อของหม่อมฉันด้วยเพคะ ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ โปรดอภัยให้ท่านพ่อหม่อมฉันด้วยเพคะ” คาดไม่ถึงว่าเสียนเฟยจะรู้ข่าวเร็วเยี่ยงนี้ นางคงร้อนใจมากสินะ แต่กระนั้นผู้ซึ่งถูกนางเรียกขานก็เพิกเฉย ด้วยเพราะยามนี้กำลังตัดสินโทษของใต้เท้าเสียน และบรรดาสมัครพรรคพวกที่มีส่วนรับสินบนและยักยอกฉ้อโกงทรัพย์หลวง อีกทั้งเสียนเฟยละเมิดกฎของวังหลวง งานนี้จำต้องให้ฮองเฮาจัดการ เป่ยเฟิ่งหวงตอบกลับเสียงดังกึกก้องขึ้นว่า “หากเรามิเรียกเจ้าเข้าพบ อย่าได้ริอ่านเสนอหน้ามา!อีก ไสหัวไป!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD