รักนายครั้งที่ 2

1414 Words
รักนายครั้งที่ 2 ฤดูหนาวของทางใต้นั้นก็หนาวเหมือนกัน เดินอยู่ตามถนนก็มีลมปะทะใบหน้าราวกับคมมีด หยางไป่ชวนไม่สนภาพลักษณ์ เขาเดินห่อตัวตรงไปข้างหน้า พอถึงห้องเรียนก็รู้สึกเหมือนตัวเองเหลือพลังงานเพียงครึ่งเดียว ทักทายทุกคนที่อยู่รอบๆ อย่างอ่อนแรง แล้วฟุบหน้ากับที่นั่งแกล้งตาย หลังจากสะลึมสะลือตลอดช่วงเช้า พอเสียงกระดิ่งหมดเวลาดังขึ้น หยางไป่ชวนก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที สะกิดเพื่อนร่วมโต๊ะและพูดเร่งเขา “เร็วเข้า รีบเลย ถ้าช้าเดี๋ยวซื้อไม่ทันพอดี" “เออๆๆ” เจียงซานใส่หนังสือเรียนเข้าลิ้นชัก แล้วลุกขึ้นเดินตามหยางไป่ชวนไป หยางไป่ชวนยังรู้สึกว่าเจียงซานยืดยาด หันกลับมาเร่งเขา "ชานมร้านนี้เพิ่งเปิด คนต้องเยอะแน่ เร็วเข้า!" “เออๆๆ” เจียงซานเร่งฝีเท้าตามเขา “ไม่รู้เลยว่านายเอาใจยากหรือว่าฉันเอาใจยากกันแน่” หยางไป่ชวนคิดแต่เรื่องซื้อชานมร้อนๆ ไปฝากเทพธิดาของเขาสักแก้ว จึงฉุดแขนเสื้อของเพื่อนแล้วรีบวิ่ง ลมหนาวทางตอนใต้ทักทายใบหน้าของเขาเหมือนคมมีดที่กรีดใบหน้าจนรู้สึกเจ็บ เขาเริ่มรู้สึกว่าหูของตัวเองก็เริ่มบวมแล้วเหมือนกัน แต่ไม่มีเวลามาสนใจแล้ว ทำได้แค่ก้มหน้าและรีบวิ่ง เจี่ยงเมิ่งอวิ๋นเป็นดาวในชั้นเรียนของพวกเขา ครอบครัวฐานะดี มีผลการเรียนยอดเยี่ยม ว่ากันว่าเธอเรียนบัลเล่ต์มาหลายปี ทั้งตัวเธอมีออร่าสูงส่งที่ไม่กล้ามีใครล่วงเกิน เทอมที่แล้วหยางไป่ชวนตามจีบเธออยู่ทั้งเทอม นักเรียนทั้งรุ่นต่างรู้กันหมด แต่เจ้าตัวก็ยังคงเฉยเมยต่อเขา หยางไป่ชวนไม่เชื่อว่าเขาจะจีบไม่ติด ยิ่งแสดงออกว่าชอบมากขึ้นไปอีก เมื่อไปถึงร้านชานม ในร้านแน่นไปด้วยคน ชุดนักเรียนสีน้ำเงินขาวเบียดเสียดกันแน่น เจียงซานเห็นภาพแบบนี้เข้าก็ตกใจมาก “แม่ง ไม่จริงน่า คนเยอะขนาดนี้ ชวนชวนเชื่อฉัน เรากลับกันเถอะ” “กลับกะผีนะสิ อย่าเรียกฉันด้วยชื่อน่าขนลุกแบบนั้นนะ” หยางไป่ชวนเองก็ตกใจกับปริมาณคนเหมือนกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและพูดว่า “นายรอฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันมา” “เอาจริงเหรอ เพื่อผู้หญิงคนเดียว ถึงกับต้อง...” ก่อนที่เขาจะพูดคำว่า "สู้ตาย" จบ ตรงหน้าเขาก็เหลือเพียงเงาด้านหลังของคนในชุดนักเรียนสีขาวน้ำเงิน เจ้าของแผ่นหลังที่ดูคล่องแคล่วสามารถแทรกตัวเข้าไปตามช่องว่างของฝูงชนได้อย่างง่ายดาย ในชั่วพริบตาเขาก็ทิ้งห่างจากเจียงซาน เจียงซานได้แต่ยืนอึ้งก่อนจะรีบตามไป "รอฉันด้วยสิ!" เขาเบียดสุดแรงเกิดอยู่สักพัก แต่พบว่าตัวเองยังอยู่ที่รอบนอกสุดของกลุ่มคน พอชะโงกดูอีกครั้งก็เห็นท้ายทอยที่คุ้นเคยนั่นไปถึงด้านในสุดของฝูงชนแล้ว "......" หยางไป่ชวนไหลไปตามกลุ่มคนอยู่สักพัก อาศัยช่องว่างแทรกจนใกล้จะไปถึงด้านในสุด เขาจัดว่าเป็นคนตัวสูง ในเวลานี้เขายิ่งดูโดดเด่นเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน ขณะกำลังจะอาศัยข้อได้เปรียบเรื่องความสูงเพื่อสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน แต่จู่ๆ ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็มาบังสายตาของเขา เขาถลึงตาใส่ท้ายทอยอย่างไม่สบอารมณ์ ได้แต่รออยู่พักใหญ่กว่าจะมายืนข้างชายผู้นี้ได้ เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคนข้างๆ นี้ด้วยความสงสัย เห็นเพียงสันจมูกที่โด่งและคางที่กลมมน ทว่าเพียงแค่สองสิ่งนี้ เขาก็จำคนคนนี้ได้ทันที เวร ซวยชะมัด เขาบ่นอยู่ในใจสองสามคำ แอบด่าอยู่เงียบๆ ว่าวันนี้ช่างเป็นวันอับโชคที่มาเจอโหยวเปิ่นเฉาที่นี่ หยางไป่ชวนอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสนใจแอบกลอกตาเงียบๆ และไม่กล่าวทักทายโหยวเปิ่นเฉา ในใจคิดว่าเขาจะต้องอดทนเพื่อชาแก้วนี้ที่จะส่งผลต่อความสุขชั่วชีวิตของเขา จึงเบนหน้าแล้วแสร้งทำเป็นไม่เห็น ใครจะรู้ว่าผีซ้ำด้ำพลอย ในตอนที่พนักงานตะโกนว่าใครคิวต่อไป เขากับคนที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า "ฉัน" พนักงานชะงักก่อนจะยิ้มเขินๆ ถามว่า "รูปหล่อทั้งสองคน ตกลงใครมาก่อนคะ" หยางไป่ชวนแอบก่นด่าในใจอีกครั้ง และฝืนยิ้มสุดกำลัง แสร้งทำเป็นประหลาดใจพูดขึ้น “นายเองเหรอ เปิ่นเฉา! มาด้วยเหรอ นายไม่ได้เกลียดที่ที่คนเยอะเหรอไง” แต่เขาก็ต้องผิดหวัง เมื่อหมัดฮุคที่ปล่อยออกไปนั้นดูเหมือนจะกระทบกับฝ้ายนิ่มๆ โหยวเปิ่นเฉาตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แค่ “อืม" ท่าทางที่เย็นชานั่นทำเอารอยยิ้มหยางไป่ชวนแทบจะบิดเบี้ยว หากเปรียบความสัมพันธ์ของเขากับโหยวเปิ่นเฉาแล้ว พวกเขาก็เหมือนขงเบ้งกับจูล่ง หมากับแมว และน้ำกับไฟ แต่สองคนนี้ดันเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาสิบกว่าปีเสียนี่ แม้ว่าหยางไป่ชวนจะไม่ชอบโหยวเปิ่นเฉาตั้งแต่แรกเห็น เขารู้สึกว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของคนคนนี้ดูเสแสร้งมาก แค่เห็นก็ไม่สบอารมณ์ แต่ทั้งสองคนอยู่ชุมชนเดียวกัน มีเพื่อนร่วมกันมากเกินไป ทุกคนอยู่ละแวกเดียวกัน จะแตกหักกันคงไม่ดี แต่มันก็แค่นั้นแหละ ถ้าเปลี่ยนเป็นที่อื่น อย่างน้อยก็ยังหลบหน้ากันได้ แต่ที่เล็กๆ แบบนี้มีโรงเรียนแค่ไม่กี่แห่ง ไม่มีที่ให้หลบได้เลย ดังนั้นตั้งแต่เล็กจนโตพวกเขาสองคนจึงเห็นหน้ากันมาตลอดจนถึงชั้นมัธยมปลาย สมัยนี้ก็คงเรียกได้ว่าทั้งสองคนเป็น “พี่น้องพลาสติก” สมชื่อ ถึงแม้จะจอมปลอมแต่ก็ไม่สูญสลายแน่นอน หยางไป่ชวนไม่คิดจะทำลายมิตรภาพจอมปลอมนี้ แม้ว่าในใจจะโกรธจนทนไม่ไหว แต่เขาก็ยังฉีกยิ้มพูดกับพนักงานว่า "ให้เขาก่อนเลย ไม่เป็นไร” เขาคิดไม่ถึงว่าโหยวเปิ่นเฉาจะไม่ปฏิเสธ จ่ายเงินแล้วก็ไป ไม่แม้แต่จะขอบคุณ เขาที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังจึงโกรธแทบตายอีกครั้ง จึงยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่านายคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นดาวอริกับเขา วันนี้เจอโหยวเปิ่นเฉาก็เป็นการบอกตัวเองว่าฤกษ์ไม่ดีไม่ควรออกจากบ้าน หลังจากซื้อชานมเสร็จออกมาจากร้าน เจียงซานก็กินขนมรอเขาอยู่ข้างนอก พอเห็นเขาออกมาจึงรีบไปลากเขากลับ หยางไป่ชวนกำลังจะสวมหมวก ตาก็เหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคย ที่ทำให้เขาแปลกใจคือข้างคนคนนั้นดันมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ด้วย เด็กสาวดูเหมือนจงใจเดินใกล้โหยวเปิ่นเฉา ใกล้จนตัวจะติดกับเขาอยู่แล้ว หยางไป่ชวนเห็นไม่ชัดว่าโหยวเปิ่นเฉามีสีหน้ายังไง แต่เห็นว่าเขาส่งชานมในมือให้ผู้หญิงคนนั้น เจียงซานยังเร่งเขาอยู่ บอกว่ากระดิ่งพักกลางวันใกล้จะดังแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ เขาจึงเดินช้าลงเพื่อจะดูว่าทั้งสองหน้าตาเป็นอย่างไร หรือพูดอีกอย่างก็คือเขาอยากรู้นักว่านักพรตที่ใจแข็งเป็นหินนั้นมอบดอกไม้ให้สาวงามคนไหน แต่พอเห็นก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ หยางไป่ชวนรู้สึกเพียงว่าสิบหกปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลยที่เขารู้สึกพ่ายแพ้หมดรูปเหมือนวันนี้ เขายืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวพร้อมกับชานมสองแก้วในมือราวกับสุนัขที่ถูกเจ้าของทิ้ง แต่เจียงซานดันเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ ใช้ศอกกระทุ้งเขาแล้วพูด “นั่นไม่ใช่เทพธิดาของนายหรอกเหรอ” หยางไป่ชวนอ้าปากค้าง ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้ปิดปากลงได้ ก่อนจะสบถออกมาว่า "ไอ้เวร"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD