--เวลา 18.00 น.—
หลังจากที่ประชุมเสร็จ ก็ต้องเตรียมแถลงข่าวพรุ่งนี้ทันทีที่เคลียร์ทุกอย่างกับทางผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นเสร็จเธอก็ขับรถตรงมาที่บ้านหลังใหญ่นี้ทันที พรีมเงยหน้าขึ้นมองบ้านตัวเองที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ที่ ๆ เคยเป็นเซฟโซน ที่ ๆ เคยมีแต่ความสุขแต่ตอนนี้แทบจะไม่มีให้เห็นตั้งแต่แม่เธอจากไป
ถึงแม้บ้านจะหลังใหญ่โตแต่หากมีแต่เรื่องแต่ราวใครบ้างจะอยากอยู่ เธอออกจากบ้านตั้งแต่เรียนมหาลัยปีสองออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ออกไปตามหาความฝันและเริ่มเข้าวงการนางแบบ ถึงแม้จะยากและลำบากแต่ในเมื่อเธอตัดสินใจเดินออกจากบ้านหลังนี้แล้วจึงไม่กลับมาอีกหากไม่มีเรื่องที่จำเป็น
“พ่อ!!”
ทันทีที่เท้าเล็กก้าวเข้ามาในบ้าน หญิงสาวตะโกนสุดเสียงเรียกคนเป็นพ่อทันที มือเล็กทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น สายตาพยายามมองหาพ่อของตัวเองอย่างร้อนใจ ก่อนจะเห็นกลุ่มคนที่เธอเกลียดที่สุดนั่งอยู่ที่โซฟา พรีมเค้นหัวเราะออกมาอย่างน่าสมเพช สมเพชตัวเองที่ต้องมาเห็นพวกนั้นมีความสุขในขณะที่ตัวเองกำลังเดือดร้อน
“พ่อฉันอยู่ไหน??” พรีมเดินเข้าไปถามด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
“มีอะไร ลมอะไรพัดแกกลับบ้านห้ะ?”
เสียงตุ้มแก่ของเดชาชายวัยหกสิบกว่าดังขึ้นข้างหลัง พรีมหันไปมองด้วยอารมณ์โกรธขึงไร้เยื่อใยแห่งความรัก ยิ่งเธอเห็นพ่อตัวเองเสวยสุขมากเท่าไหร่ จิตใจก็เจ็บปวดและเครียดแค้นมากขึ้นเท่านั้น ใช่แล้ว...เข้าใจกันไม่ผิดหรอก พรีมและเดชา ไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ ที่เธอเลือกออกจากบ้านในวันนั้น เหตุผลทั้งหมดคือ พ่อของเธอ เพียงคนเดียว
เดชาเดินถือแก้วชาร้อนมานั่งที่โซฟากับลูก ๆ (ติดเมียน้อย) ทั้งสาม กอไม้ กอไผ่ กอหญ้า โดยมีพรีม ลูกในไส้ของตัวเองจริง ๆ ยืนมองนิ่งพร้อมกับกำหมัดแน่น
“พ่อยังจะถามอีกว่ามีอะไร พ่อทำอะไรไว้พ่อก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ!!”
“ฉันทำอะไรงั้นหรอ” เสียงเรียบของเดชาทำให้พรีมยิ่งโมโห
“เมื่อไหร่พ่อจะเลิกยุ่งกับหนูสักที!! หนูเหนื่อยเต็มทนแล้วที่ต้องคอยแก้ข่าวบ้า ๆ ที่พ่อสร้างขึ้น!!”
ข่าวบ้า ๆ ที่ว่านี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น ข่าวปลอม ๆ ไร้สาระ ที่ไม่เป็นความจริง เป็นฝีมือของคนเป็นพ่อนี่เองที่คอยสร้างกระแสปลุกปั่นให้ลูกสาวทำงานไม่ราบรื่น
“ถ้ามันไม่จริง แกจะสนใจมันทำไม”
น้ำเสียงทุ้มนิ่งเรียบเอ่ยอย่างไม่สำนึก พูดแค่นั้นแล้วจิบชาร้อนก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะกลางโซฟาพร้อมเงยหน้าขึ้นมองลูกสาวของตัวเองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ถึงแม้จะเป็นพ่อแต่เขากลับไม่ได้แสดงความเอ็นดูพรีมเลยสักนิด
“เพราะมันไม่ใช่ความจริง หนูอยากให้พ่อหยุด หยุดทำร้ายหนูสักที!!”
“แกจะขอให้ฉันหยุดงั้นหรอ เหอะ!! แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการทำให้แกไม่มีหน้ามาตาในวงการคือสิ่งที่ฉันต้องการ!!”
“พ่อ!!!”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน!! ตราบใดที่แกไม่กลับมาทำงานให้บริษัท ฉันก็จะคอยสร้างข่าวแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ ยิ่งแกมีข่าวฉาวมากเท่าไหร่...มันก็ไม่ส่งผลดีสำหรับแกแต่เป็นจะผลดีกับฉัน!”
“การทำร้ายอนาคตของลูกตัวเองพ่อคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกหรอ??” ถึงแม้น้ำเสียงที่จะอ่อนลง แต่มันกลับยิ่งทวีความโกรธมากยิ่งขึ้น
“ไม่สนุก...แต่ถ้าแลกกับการที่แกกลับมาทำงานให้บริษัท ฉันก็ถือว่าคุ้ม”
“พ่อจะให้หนูมาร่วมงานกับเหล่าวัชพืชพวกนี้อะนะ รู้ทั้งรู้ว่าหนูเกลียด เกลียดพวกมัน!!” พรีมชี้ไปยังสามพี่น้องที่นั่งอยู่บนโซฟานิ่งเงียบ
“นี่! นั้นพี่แกนะยัยพรีม!!”
“หนูไม่มีพี่แบบพวกมัน!! การที่หนูต้องใช้อากาศร่วมกับพวกมันก็ขยะแขยงเต็มทีแล้ว”
“....”
“ชีวิตหนู หนูขอเลือกเอง!!!”
“ไม่มีวัน!! สิ่งที่แกเลือกมันกำลังจะทำให้แกลำบาก!!”
“ถึงจะลำบากแต่หนูก็มีความสุข”
“อาชีพเต้นกินรำกินที่แกทำอยู่ จะเลี้ยงแกได้เท่าไหร่กันเชียว!!”
“อย่ามาดูถูกอาชีพหนู!!”
“หรือมันไม่จริง แกต้องออกไปตากแดดตากลมทั้ง ๆ ที่ ทั้งชีวิตฉันดูแลถนุถนอมมาอย่างดี แกจะให้ฉันนอนตายตาหลับได้ยังไงในเมื่อลูกของฉันกำลังทำงานตากแดดตากฝนอยู่อย่างนี้!!!”
“......”
“อยู่กับฉันเหงื่อสักเม็ดก็ไม่ให้ได้มี ยิ่งฉันเห็นแกลำบากฉันก็ลำบากใจไม่น้อยไปกว่าแกหรอก!”
“ถึงแม้หนูจะลำบากแต่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่หนูได้ หนูหามันมาด้วยตัวเอง หนูมีความสุขที่ทำอาชีพนี้ ถึงแม้พ่อจะไม่เห็นด้วยแต่หนูก็มีความสุข!!”
“...”
“และหนูจะไม่ลำบากเลยถ้าพ่อเลิกสร้างกระแสและข่าวปลอม ๆ นั้น”
“ฉันปั่นแกมาถึงขนาดนี้แล้ว แกจะให้ฉันหยุดง่าย ๆ งั้นหรอ”
“.....”
“เอาสิ้!! มีความสุขนักที่ลำบากงั้นก็เชิญลำบากต่อไป”
“....”
“เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ ตราบใดที่แกยังไม่มาช่วยธุรกิจที่บ้านแกจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข!!”
“คำก็บ้าน สองคำก็บ้าน หนูลืมไปแล้วด้วยซ้ำ!! ความรู้สึกการได้ยินคำว่าบ้านมันต้องดีใจแค่ไหน!! เมื่อก่อนหนูเชื่อว่าบ้านคือที่ ๆ ดีที่สุดแต่ตอนนี้ยิ่งได้ยินคำว่าบ้าน มันยิ่งทำให้หนูเกลียดและขยะแขยง เหอะ บ้านที่มีแต่เห็บ!!” ตวัดสายตามองพี่น้องต่างเลือดทั้งสามคนในประโยคสุดท้าย “ที่คอยจะสูบเลือดสูบเนื้อ!! บ้านแบบนี้มันน่าอยู่นักรึไง!!”
“.....”
“พ่อจะให้หนูช่วยธุรกิจที่บ้าน ทั้ง ๆ ที่มีเห็บที่หนูขยะแขยงอยู่ด้วยงั้นเหรอ?!”
“.....”
“ไม่ละอายแก่ใจบ้างรึไง! ธุรกิจที่พ่อให้พวกมันมาช่วยคือบริษัทที่แม่สร้างมากับมือ! แต่พ่อกลับให้ลูกติดเมียน้อยมาทำงานที่บริษัทนี้!!”
“แล้วแกไม่ละอายใจบ้างรึไง งานบริษัทของแม่ตัวเองแท้ ๆ แต่กลับไม่คิดจะช่วย!!”
“จะให้หนูช่วยได้ยังไง ในเมื่อคนที่หนูเกลียดมันยังทำงานอยู่ที่นั้น ทุกวันนี้พ่อไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าหนูแช่งให้บริษัทนี้ล้มละลาย ไปทำบุญวัดไหนหนูก็อธิฐานให้พ่อหมดตัว!! เงินที่พ่อหาได้ทุกบาททุกสตางค์พ่อก็เอาไปเลี้ยงลูกที่ไม่ใช่ลูกตัวเอง!! ตั้งแต่พวกนี้เข้ามาหนูไม่เคยได้พ่อคนเดิมกลับมาเลย!!”
พรีมพูดออกมาทั้งน้ำตา ทุกคำพูดที่เธอเก็บไว้ในใจมานานแสนนาน ได้ประกาศให้พ่อตัวเองรับรู้แล้ว น้ำตาที่พยายามข่มเอาไว้ไหลออกมาเป็นสายอย่างห้ามไม่ได้ ตัวของเธอสั่นเทาไปด้วยความโกรธ
“น้องพรีม! พูดเกินไปแล้วนะ ขอโทษพ่อเดี๋ยวนี้!” กอไม้พี่ชายคนโตที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น
“ฉันไม่ใช่น้องแก!!”
“ยัยพรีม!”
เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกดังมาจากข้างหลัง ทุกคนในที่นี้หันไปมองชายหนุ่มร่างสูงแต่งกายด้วยสูทสีกรมเรียบร้อยดูสุขุม เขาคือพี่ชายคนกลาง พี่ชายแท้ ๆ ของพรีม ที่อยู่และสนับสนุนพรีมมาตลอด
ภพเดินเข้าพร้อมส่งสายตาดุและตำหนิน้องสาวตัวเอง ภพรู้และเข้าใจความรู้สึกของพรีมดี เพียงแค่เป็นห่วงพรีมเมื่อเห็นข่าวและก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ความจริง
“กลับ”
คนเป็นพี่ว่าแล้วพยายามพาน้องสาวกลับแต่ทว่ากลับยากกว่าที่คิด ในใจของพรีมมันกำลังเดือดประทุ ร่างบางสะบัดตัวออกจากพี่ชายตัวเองก่อนจะหันไปมองพ่อเหมือนเดิม
“ตั้งแต่แม่จากไป พวกหนูก็ไม่เคยมีความสุขเลย! พ่อสนใจแต่พวกวัชพืช พ่อสนใจแต่เมียคนนั้นของพ่อ พ่อสนใจแต่ธุรกิจ พ่อสนใจแต่ตัวเอง!! พ่อไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าลูกของพ่อเป็นยังไงบ้าง!!”
“....”
“พ่อเคยรู้บ้างรึเปล่าพี่ภูมิเค้าอยากเป็นหมอ! พ่อเคยรู้ไหมความฝันของพี่ภพคือกัปตัน พ่อไม่รู้ พ่อไม่เคยใส่ใจพวกหนูเพราะสนใจแต่ตัวเอง พ่อบังคับให้พวกหนูทำแบบที่พ่อต้องการเคยถามพวกหนูบ้างรึเปล่าว่าอยากเป็นไหม!!”
“....”
“ทำไมหรอคะ? การที่หนูเป็นนักแสดง เต้นกินรำกินมันผิดตรงไหนหรอ หนูไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมาย หนูไม่ได้ไปฆ่าคน เพราะถ้าหนูจะฆ่า!! ไอ้พวกสามคนนี้จะเป็นศพของหนู!”
“พรีม พอได้แล้ว”
“พี่ภพไม่ต้องพูด อยู่เงียบ ๆ พรีมจะบอกให้พ่อรู้ว่า พ่อไม่ได้เลือกถูกเสมอ!! ที่พวกหนูไม่พูด ไม่ใช่ว่าพวกหนูจะยอมรับ! พ่อไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าพี่ภูมิกับพี่ภพเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องทำงานให้พ่อ!!”
“....”
“นี่นะหรอที่บอกว่าพ่อรักลูกทุกคน พ่อหนะ...รักแต่ตัวเอง!”
“หุบปาก!”
“ที่แม่ตายก็เพราะพ่อนั้นแหละรู้เอาไว้ด้วย!!”
“ยัยพรีม!!”
สุดจะทนเดชาตะวาดสุดเสียงด้วยความโมโห ใบหน้าแดงก่ำหลังจากเก็บความโมโหไว้นาน ตอนนี้ได้หมดลงแล้วความอดทน คนเป็นพ่อยกมือขึ้นเหนือศีรษะทำท่าจะตบลูกสาวของตัวเองที่พูดจายิ่งฟังยิ่งเจ็บใจแต่ทว่าภพไวกว่า รีบแทรกตัวขึ้นมาบังน้องสาวพร้อมกับเอ่ยเรียกสติพ่อตัวเอง
“พ่อ!! นี่น้องผม!!”
ภพเองก็โมโหไม่ต่างกัน ภาพที่เห็นคือพ่อตัวเองกำลังจะทำร้ายน้องสาวหัวแก้วหัวแหวน ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งโกรธเพราะภพเองก็เชื่ออย่างที่พรีมพูด เธอพูดแทนความในใจเขาทุกอย่างแล้วว่าแม่ตายเพราะพ่อ
“หรือว่าไม่จริง รู้ทั้งรู้ว่าแม่เป็นโรคหัวใจแต่พ่อก็ยังทำให้แม่เสียใจอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของพ่อ แม่ผมคงไม่ตรอมใจตายแบบนี้หรอก!!”
“.....”
“ในวันที่แม่ตาย พ่ออยู่กับเมียน้อยคงยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุข แต่ผม พี่ภูมิและยัยพรีมกำลังเสียใจที่แม่จากไปทั้ง ๆ ที่พ่อกำลังมีความสุข!!”
“....”
“ผมไม่พูดไม่ได้แปลว่าผมจะอยู่ข้างพ่อ ผมทำงานกับพ่อเพราะถือว่าใช้นามสกุลเดียวกัน ผมรักพี่ ผมรักน้อง แต่ผมไม่ได้รักสามคนนี้!!!” ภพชี้ไปยัง กอไม้ กอไผ่ และกอหญ้า ที่ไม่มีบทบาทอะไรเลย
“หยุดบังคับน้องผมสักที พอได้แล้ว ผมเหนื่อยเต็มทนแล้ว”
“ฉัน...เป็นพ่อ ก็ฉันเสียใจไม่น้อยกว่าพวกแกหรอกที่แม่แกจากไปแต่ชีวิตต้องเดินต่อไปแกจะให้ฉันจมอยู่ที่เดิมรึไง”
“ผมไม่ได้ขอให้พ่ออยู่ที่เดิม ผมขอให้พ่อรักตัวเองให้น้อยลงแล้วหันมารักพวกผมในฐานะลูกในไส้บ้าง”
“ฉันก็รักพวกแก ลูกฉัน ฉันก็รัก”
“นั้นก็แค่ความคิด จิตใจของพ่อยังมีแต่ตัวเอง”