ตอนที่ 11 น่ากลัวกว่าคนเลวคือหน้ากากคนดี

2190 Words
“ฟู่ว” ทันทีที่เสียงปิดประตูรถดังขึ้น ชินกรก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากที่ผุดซึมขึ้นมาตั้งแต่ณิชาเห็นเขา เกือบถูกเด็ดหัวออกจากบ่าแล้วมั้ยล่ะ “นายเกือบทำตัวเองซวยแล้ว” “ผมขอโทษค้าบคุณเรน” “บอกแล้วเห็นมั้ยว่าไม่มีอะไร หมอนั่นไม่กล้าทำอะไรเพราะรู้แล้วว่าเธอคือผู้หญิงของนาย” เลขาสาวอย่างเรนกอดอกเชิดหน้าใส่อย่างมั่นใจ เพราะเธอมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าต่อให้เทียนอยากจะฉวยโอกาสใกล้ณิชามากแค่ไหน แต่ก็คงทำได้แค่สัมผัสเธอเพียงผิวกายเท่านั้น หากทำเกินเลยมากกว่านี้อัคคีราห์ก็คงไม่ปล่อยเขาไว้เหมือนกัน “ใครจะไปรู้มันดูโรคจิตขนาดนั้น” ชินกรไหวไหล่แต่สายตายังคงมองลอดผ่านฟิล์มทึบของรถ ตรงไปยังร้านของเทียนที่อยู่ตรงกันข้าม “แล้วคุณเกล้ากาญได้บอกอะไรบ้างหรือเปล่า” “มันเป็นความลับขององค์กรนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เรนส่ายหน้าแล้วเหลือบสายตามองมือถือที่สั่นคลอน เธอรีบคว้ามันขึ้นมากดรับสายทันทีที่ปรากฏเป็นเบอร์ของอัคคีราห์ “ค่ะ คุณอัคคีราห์” หญิงสาวกรอกเสียงลงไปตามสาย นั่นเลยทำให้ชินกรปิดริมฝีปากแล้วตั้งใจฟังด้วยอีกคน ( แม่นั่นเป็นบ้าเหรอวะ ไปลากตัวออกมา ) เสียงตวาดดังลั่นออกมาจากปลายสาย จนชินกรยังสะดุ้งตามไปด้วย “จะให้ฉันบอกเธอว่ายังไงคะ เมื่อกี้นี้เธอเกือบจะรู้ตัวแล้วด้วยว่าพวกเราแอบตามเธอตลอด” ( ไปบอกเธอว่ามาจากฉัน ) “ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อใจผู้ชายคนนั้นมากนะคะ แค่คำพูดเราคงไม่พอหรอกค่ะ” น้ำเสียงของเรนฟังดูไม่มั่นใจ ก่อนจะมีเสียงลมหายใจเพลิงจากอัคคีราห์ดังขึ้นจากปลายสาย เป็นสัญญาณเตือนว่าเขากำลังอารมณ์เดือดดาลเต็มประดา ( ไปลากตัวเธอออกมา นี่คือคำสั่ง ) ปลายประโยคราบเรียบแต่แฝงด้วยอารมณ์โกรธ ยังคงทำให้เรนหวั่นใจ เพราะยังไงเธอก็เชื่อว่าณิชาจะต่อต้านเจ้านายตัวเองแน่นอน ทั้งคู่เหมือนคนหัวรั้นมาเจอกัน นั่นเลยทำให้ต้องปะทะคารมกันอยู่ทุกครั้งที่เจอหน้า มันเป็นไปอัตโนมัติเหมือนมีคนตั้งระบบเอาไว้ “แต่ไหนนายบอกว่าไม่ให้ติดตามแบบโจ่งแจ้งไงคะ เมื่อกี้ก็เกือบถูกจับได้แล้ว” ( เกล้ากาญยืนยันว่ามันคือตัวอันตราย อย่าให้ณิชาเข้าใกล้มันเด็ดขาด ) สิ้นประโยคนั้นเรนกับชินกรก็ถึงกับหันมองหน้าอย่างรู้กัน ร่างกายกระฉับกระเฉงทันควันเตรียมพร้อมทำงานทันที “ได้ค่ะนาย” เรนขานรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ( พาตัวเธอมาให้ฉัน ..แม่นั่นควรจะกลัวไว้ซะบ้าง ) “ค่ะนาย” สุดท้ายเรนก็ต้องทำตามคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอรีบลงจากรถแล้วตรงไปยังร้านของเทียน ทว่าเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ณิชาเดินออกจากร้านมาพอดี ยามสายตาของหญิงสาวสบประสานกัน ณิชาก็เผลอก้าวถอยหลังอัตโนมัติเมื่อด้านหลังเรนคือชินกร นั่นแปลว่าเธอคาดเดาไว้ถูกต้องตั้งแต่แรก ว่ามีคนของอัคคีราห์กำลังแอบตามเธออยู่ “พวกคุณ.. เป็นคนของอัคคีราห์สินะ” ณิชาหลับตาปรับอารมณ์ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อจับไต๋พวกเขาได้แล้ว ทว่าตอนนี้เรื่องนี้มันไม่ใช่ประเด็น เพราะเรนจำเป็นต้องพาตัวเธอไปหาอัคคีราห์ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม.. “ถ้าไม่อยากให้มีใครเจ็บตัวก็ไปกับพวกเราเงียบๆ เถอะค่ะ ไม่งั้นฉันไม่รับประกันว่าคนของคุณจะปลอดภัย” ประโยคเชิงขมขู่ทำเอาชินกรที่เดินตามหลังมาเข้ายืนประกบขนาบข้างเธอ พลางเสตามองให้เรนเปลี่ยนวิธีการเกลี่ยกล่อม “เรน” ชินกรขมวดคิ้วมุ่น แต่อีกฝ่ายก็ยังยืนยันจะใช้วิธีการของตัวเองดังเดิม “อย่าส่งเสียงดังนะคะ แล้วก็เดินไปขึ้นรถแต่โดยดี ฉันกับชินกรไม่ได้มาเพื่อทำร้ายคุณค่ะ” “แล้วจะให้ฉันเชื่อได้ยังไง..” “ไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อหรือเปล่า แต่คุณคงไม่กล้าเสี่ยงแน่นอนกับการทำอะไรบุ่มบ่ามโดยไม่คิดนะคะ เพราะฉัน.. ไม่เคยพูดล้อเล่นกับใคร” สิ้นประโยคนั้นเรนก็เปิดเสื้อคลุมหนังของตัวเองให้อีกฝ่ายได้เห็นว่ามีกระบอกปืนเหน็บข้างสีเอว ส่งผลให้หญิงสาวตัวแข็งทื่อ ทำได้เพียงแค่ขยับสายตาคล้ายว่ากำลังขอความช่วยเหลือที่ไม่มีใครสนใจมองมา “อัคคีราห์.. ไอ้คนเลว” สุดท้ายณิชาก็ยอมไปกับพวกเขาอย่างว่าง่าย ผลมันก็มาจากไม่มีทางขัดขืนเพราะกลัวจะมีคนอื่นเดือดร้อน กระทั่งรถคันสีดำขับเข้ามาจอดในสถานที่ที่ไม่คุ้นตาเธอก็ถึงกับใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม มันคือเพ้นท์เฮ้าส์หรูของอัคคีราห์ ที่มีลูกน้องตระกูลเซียหลงกระจายตัวอยู่เต็มพื้นที่พร้อมความปลอดภัยอย่างยอดเยี่ยม เมื่อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นห้องของเขาณิชาก็ถึงกับเป่าปากช่วยหายใจกลบความประหม่า เพราะเธอต้องเดินตามหลังเรนและมีชินกรประกบหลังเธออีกที น่าอึดอัดชะมัดเลย “มาแล้วค่ะนาย” เรนพูดกับผู้เป็นเจ้านาย ก่อนโค้งตัวคำนับลาหลังส่งณิชามาถึงที่หมายแล้วเรียบร้อย ณิชาขยับสายตามองร่างสูงตรงหน้า พลันบรรยากาศรอบกายก็เย็นเยียบขึ้นมาทันทีที่อัคคีราห์ตวัดสายตาขึ้นมองเธอ “คำพูดฉันไม่มีความหมายเลยสินะ” “มันไม่มี.. เพราะคนพูดไม่น่าเชื่อถือ” “งั้นเหรอ เหอะ” ท่าทางของอัคคีราห์ที่วางมาดต่อเธอยังไม่เปลี่ยนไป เขายังคงนิ่งลึกเกินกว่าจะเข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันสายตาก็ฉายแววไม่พอใจเมื่อเห็นทีท่าต่อต้านของณิชาที่ไม่เปลี่ยนไปเช่นกัน “มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอไงอัคคีราห์ นายให้คนสะกดรอยตามฉันไม่พอ ยังให้คนของตัวเองลากฉันไปมาตามใจชอบอีก” เธอท้าวเอวเตรียมวีนกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเขา ไม่ใช่ว่าใช้เงินต่อรองแล้วจะทำอะไรก็ได้ ณิชาสามารถหักดิบโดยไม่สนใจเงินนั่นก็ยังได้เลย “ไม่มากไปหรอก” “คนเลว.. ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันแย่เลยสินะ” “แล้วเธอรู้มั้ยว่าอะไรน่ากลัวว่าการเป็นคนเลวแบบฉัน” น้ำเสียงของอัคคีราห์ที่ถามย้อนกลับดูเผด็จการไม่น้อย ถึงการแสดงออกของอีกฝ่ายจะดูไม่อยากเสวนากับตน แต่อัคคีราห์ไม่ใช่คนพูดพล่อยโดยไม่มีมูลเหตุแน่นอน “อะไรล่ะ มีอะไรน่ากลัวการเลวแบบเปิดเผยอีกเหรอ” “เหอะ” สายตาคมกริบจ้องมองเธอเขม็ง ก่อนจะตรงปรี่เข้ามาอย่างไม่รีรอ นั่นเลยทำให้ณิชาถอยหลังหนีอัตโนมัติจนแผ่นหลังชิดกับกำแพง แววตาดูตื่นตระหนกอย่างไร้หนทางหนีเมื่ออัคคีราห์เข้าประชิดกาย ใบหน้าคมคายกดสายตามองหญิงสาว เป็นแววตาที่ณิชาไม่เคยชอบเอาซะเลย ไม่เคยรู้สึกถูกชะตากับแววตาคู่นี้ตั้งแต่แรกเห็น มีเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดี แต่การกระทำห่ามสุดขั้วของเขากลบภาพลักษณ์นั้นหมดเลยสำหรับเธอ “หน้ากากคนดี” “อัคคี.. อื้อ” ณิชาเบือนหน้าหลบปลายจมูกโด่งสันทัดที่โน้มเข้ามาใกล้ ส่งเสียงในลำคอคล้ายว่าไม่อยากเข้าใกล้เขา ในขณะที่คนแววตามาดร้ายมุ่นคิ้วมอง เขาน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ.. คำถามสำหรับอัคคีราห์ก็คงจะเป็นแบบนั้น แต่ในสายตาของณิชาอัคคีราห์เหมือนตัวร้ายในหนังทุกเรื่องเลยต่างหาก “หน้ากากนี้ถ้าได้สวมเมื่อไหร่ ต่อให้เกิดเรื่องราวเลวร้ายขึ้นก็จะไม่มีใครสงสัย” อัคคีราห์กดเสียงต่ำ “ไม่รู้เหรอ” “นายกำลังพูดบ้าอะไรอยู่” ณิชามุ่นคิ้วเข้าหากันแน่น ก่อนจะหันกลับมาสบตากับคนตรงหน้าอีกครั้ง “ฉันเคยเตือนแล้วใช่มั้ยว่าไอ้หมอนั่นมันตัวอันตราย” “แล้วทำไมฉันต้องเชื่อคนอย่างนาย คนที่เอาแต่ตะคอกใส่คนอื่น เอะอะก็ข่มขู่กันแบบนี้.. คนอย่างนายมันต่างจากพี่เทียนลิบลับ วิธีของนายที่ใช้กับฉันก็เทียบกับเขาไม่ติดเหมือนกัน” ดวงหน้าสวยสดเชิดขึ้นอย่างไม่กลัวเกรง แม้ว่าในใจจะแอบวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่คาดเดาได้ยากนี้ก็ตาม เธอก็แค่ไม่อยากแสดงออกว่ากลัวเขา ไม่ชอบให้เขาทำตัวเหนือกว่าก็เท่านั้นเอง “อย่าคิดจะเอาฉันไปเทียบกับมัน..” อัคคีราห์กัดกรามกรอด แววตาฉายชัดถึงความไม่สบอารมณ์ “แต่พฤติกรรมที่นายแสดงออกมันอดเทียบไม่ได้นี่ นายอิจฉาอะไรเขา หรือเกลียดอะไรฉันนักหนาถึงได้ตามรังควานชีวิตกันไม่เลิกแบบนี้” “ฉันแค่ขอให้เธอเลิกยุ่ง มันยากเย็นถึงขนาดจะขาดใจตาย.. ถ้าหากไม่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายแบบมันหรือไง” “ใช่ เหมือนจะขาดใจตายเลยล่ะ ยิ่งได้รู้ว่าต้องแต่งงาน.. ฉันก็คิดหาคำพูดไปอธิบายกับเขาแทบแย่ แต่โชคดีที่เขาดันเข้าใจง่าย เพราะงั้นหลังจากสิ้นสุดเรื่องบ้าๆ พวกนี้ ฉันก็หวังว่าจะสมหวังกับเขาเหมือนกัน” “ปากดีเข้าไป” เขาแสยะยิ้ม “อยากรู้ชะมัดเลยว่าเวลาเจอเหตุการณ์จริงๆ ยังจะปากดีไหวอยู่มั้ย” “อัคคีราห์” “เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไปพัวพันกับอะไร” น้ำเสียงตวาดที่ทำณิชาสะดุ้งไม่น้อย ทำให้เธอยกมือขึ้นยันอกเขา พยายามปัดป้องให้อัคคีราห์ออกไปจากตัวเธอ แต่ก็เหมือนว่ายิ่งปัดรังควานเท่าไหร่ อีกคนก็ยิ่งบีบต้นแขนเธอแน่นเท่านั้น “เลิกทำเหมือนตัวเองเป็นคนดีเถอะ พวกหมาจิ้งจอกที่แสร้งทำตัวแนบเนียนแค่ไหน ต่อให้ใส่หมวกยังไงก็จะมีหูหรือหาง.. โผล่ให้เห็นอยู่ดี” “เหอะ สรรหาเปรียบเทียบนี่” “นายมันก็ดีแต่เอาหน้าเหมือนกัน” หญิงสาวผ่อนปรนลมหายใจร้อนผ่าวอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน “ที่นี่ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน.. อย่าคิดจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเอง” “คงชอบมันมากสินะ” “ใช่ ฉันชอบพี่เทียน ถ้าไม่ติดไอ้งานแต่งบ้าบอนี่ฉันก็คิดว่าอยากจะแต่งงานกับเขาเลย” “โชคดีแค่ไหนที่รอดมาได้นานขนาดนี้.. รู้ตัวหรือเปล่า” “หมายความว่าไง” “หรือโดน.. มันไปแล้ว” สายตาและน้ำเสียงเชิงลบนั่นทำให้ณิชาใช้แรงทั้งหมดผลักคนตรงหน้าออกแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายเลยกลายเป็นกำปั้นเล็กที่ออกหมัดทุบรัวอีกฝ่ายแทนอารมณ์โกรธเกรี้ยวข้างใน “หยุด” อัคคีราห์รวบมือของเธอแล้วกระชากเข้าหาตัว ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใส่กันเป็นระยะ ขณะที่ปะทะสายตากันอย่างไม่ลดละ ไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายถอยทัพก่อน.. “เก็บความหวังดีจอมปลอมบ้าๆ นี่ไปเถอะ นายก็แค่เกลียดฉัน..” “นี่เธอแม่งพูดบ้าอะไรวะ” “ลองส่องกระจกแล้วมองสายตาของตัวเองดูนะอัคคีราห์ เผื่อนายจะเห็นตัวตนตัวเองชัดขึ้น มากกว่าตอนชะโงกมองเงาในน้ำ” ณิชาพูดจากใจจริงในจังหวะที่สายตาของทั้งคู่ยังสบมองกัน นัยน์ตาสีรัตติกาลคู่นั้นทำให้เธออึดอัด ไม่เคยเข้าใจท่าทางของอัคคีราห์ที่แสดงออกแม้แต้น้อยว่าต้องการอะไรจากเธอกันแน่ เป็นห่วงหรือพยายามบงการชีวิตกัน.. “เหอะ” อัคคีราห์แสยะยิ้มร้ายแล้วหลุดหัวเราะเบาๆ แต่นั่นยิ่งทำให้บรรยากาศตรงนี้น่ากลัวเข้าไปใหญ่ ซ้ำยังไม่มีทีท่าว่าจะหาทางหนีทีไร่จากเขาได้เจอ “อย่าทำตัวให้แปดเปื้อนก่อนแต่งงานเข้าตระกูล เพราะฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่ณิชา” “คิดว่าฉันกลัวนักหรือไง” “เธอจะไม่มีทางรู้ว่าความกลัวมันเป็นยังไง แต่เดี๋ยวฉันจะมอบมันให้เธอเอง” “จะ.. จะทำอะไร” ไม่รออธิบายให้เธอเข้าใจแต่เขาจะแสดงให้เห็นเอง อัคคีราห์ย่อตัวอุ้มณิชาพาดบ่าจนหัวทิ่มลงพื้น ร่างลอยหวือจนดวงตาคู่สวยเบิกโพลงด้วยความตกใจ มือไม้รีบทุบแผ่นหลังกว้างให้หยุดการกระทำ แต่เหมือนว่าอารมณ์ที่ดุเดือดเมื่อปะทุขึ้นก็ยากที่จะดับลง “อัคคีราห์!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD