ตอนที่ 8 ข้อตกลงก่อนผูกพันธะ

1953 Words
บุคคลที่ถูกตอกหน้าว่าเป็นยัยเพิ้งได้ทำการแปลงโฉมจนสวยเด่น ชนิดที่ใครเห็นเป็นต้องเหลียวหลังกลับมามอง จากที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เปลี่ยนเป็นเดรสกระโปรงชายพริ้วไหว ผมเผ้าถูกมัดรวมเห็นลำคอขาวยาวระหง บนใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางพร้อมริมฝีปากที่เคลือบลิปกลอสมันวาวเอาไว้ ทว่าต่อให้แต่งออกมาสวยแค่ไหนอัคคีราห์ก็ไม่ชายหางตาแลเธออยู่ดี ทั้งที่ญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นเอ่ยชมกันไม่หยุด บนโต๊ะอาหารที่เป็นเสมือนวันรวมตัวของทั้งสองครอบครัวทำให้ณิชาค่อนข้างประหม่า ยิ่งได้นั่งข้างอัคคีราห์แล้วคนตรงหน้าเป็นปู่ของเขา เธอก็ถึงกับปั้นหน้ายิ้มไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่กล้ายิ้มสุดมุมปาก เนื่องมาจากรังสีอำมหิตของอัคคีราห์ที่ทำหน้าอึมครึม เหมือนคนท้องผูกไม่ได้ถ่ายมาสามวัน ใครมันจะอยากนั่งใกล้กัน.. “วันนี้หนูณิชาสวยมาก ทำไมแกไม่ลองพาไปเดินเล่นทางด้านโน้นดูล่ะ วิวข้างนอกสวย.. คนก็สวย” ชายชราเอ่ยชมหญิงสาวด้วยความเอ็นดู อีกทั้งยังหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก “ขอบคุณค่ะคุณปู่” ณิชาค้อมศีรษะพร้อมยิ้มรับ ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้อัคคีราห์ปฏิเสธไป เพราะเธอไม่อยากอยู่กับเขาสองต่อสอง “ถ้างั้นผมจะพาเธอไปเดินเล่นสักพักก็แล้วกันนะครับ” อัคคีราห์รับคำโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีทีท่าต่อต้านแค่ไหน คู่ตรงข้ามที่แท้จริง.. “เอ่อ ถ้างั้น.. หนูขอตัวก่อนนะคะ” ณิชาที่ต้องเล่นละครไปตามน้ำเงยหน้ามองอัคคีราห์ที่ส่งมือมาให้เธอจับ ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษจนเธอเกือบหลุดขำออกมาแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ ก่อนจะโคลงศีรษะให้แขกผู้ใหญ่ตรงหน้าก่อนหนึ่งที “ขอบคุณค่ะ” ณิชาปั้นหน้ายิ้มจนดวงตาหยีลง แววตาแข็งก้าวดูไม่มีอารมณ์ร่วมเอาเสียเลย เธอกลั้นใจลุกขึ้นยืนแล้วคล้องแขนอัคคีราห์ด้วยท่าทางกลัดเกร็งจนหายใจไม่ทั่วท้อง พยายามโปรยรอยยิ้มหวานเชิงว่าเธอเต็มใจใกล้ชิดเขา ทั้งที่ความเป็นจริงณิชาจิกเกร็งจนเลือดแทบจะไม่ไปเลี้ยงปลายเท้าอยู่แล้ว เมื่อหลุดพ้นสายตาของท่านศิลามา ณิชาก็ถึงกับปลีกตัวออกห่างอัคคีราห์ทันที พลางเงยหน้าสูดรับอากาศบริสุทธิ์นอกภัตตาคารหรูแล้วผ่อนปรนลมร้อนผ่านริมฝีปากเบาๆ “ไหนบอกไม่อยากแสดงละครคุณธรรม” “เพราะคุณปู่ท่านน่ารักหรอกนะ ฉันจะมองข้ามสิ่งที่นายทำไว้ก็แล้วกัน” อัคคีราห์พยักหน้าแล้วถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ สองมือล้วงกระเป๋าเหลือบสายตามองคู่สนทนาที่ไม่เหมือนหญิงสาวที่เขาเคยพบมาก่อน ดื้อเก่งและถือดีเป็นที่หนึ่ง.. “ถามจริงนะนายอยากจะแต่งงานเหรอ ไม่มีแฟนหรือคนที่ชอบบ้างเลยหรือไง” อัคคีราห์มุ่นคิ้วกับคำถามที่อีกฝ่ายโยนมา “นายเองก็คงจะมีคนที่นายรักอยู่แล้ว การได้แต่งงานกัน.. คงทำให้อึดอัดแย่” “ไม่มี อีกอย่างฉันแค่อยากทำให้ปู่สบายใจ แค่นั้น” เจ้าของใบหน้าสวยเงยขึ้นมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน โดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีสายตาของอัคคีราห์ลอบมองอยู่ ปากก็บอกว่าไม่สวยไม่อยากมอง ก่อนหน้านี้ก็หาว่าขี้เหร่จนเป็นยัยเพิ้งบ้าง แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าณิชาสวยจนเขาเองเผลอมองอยู่หลายครั้ง “ฉันขอถามอย่างนึง” ณิชาเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “ของขวัญอะไรที่นายบอกจะให้คุณปู่ท่านหลังแต่งงาน” “ไม่ว่าจะปู่หรือพ่อแม่ฉันกับพ่อแม่เธอ.. พวกเขาอยากอุ้มหลานทั้งนั้น” อัคคีราห์ตอบกลับด้วยสีหน้าตายด้าน “ว่าไงนะ” ณิชาทำหน้าคล้ายว่าไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่าพ่อกับแม่ของเธอก็อยากจะอุ้มหลานด้วยเหมือนกัน “หูตึงขึ้นมาเลยหรือไง” “นี่นายคิดว่าฉันจะอุ้มท้องให้นายเหรอ ประสาทกลับหรือไปล้มหัวกระแทกพื้นมากันแน่” อัคคีราห์ไหวไหล่ไม่ใส่ใจมากนัก “แต่ถ้าไม่ได้เราก็แค่แต่งงานกัน หลังจากนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้น.. จะหย่าก็ไม่สาย” สิ้นประโยคนั้นณิชาก็กลอกตาใช้ความคิด แต่สุดท้ายเธอก็ยังมีเล่ห์เหลี่ยมในการคิดจะหลีกเลี่ยงการแต่งงานครั้งนี้อยู่ดี “ถ้าฉันไม่แต่งล่ะนายจะทำยังไง” “ต้องการเงินเท่าไหร่” เรียวคิ้วสวยขมวดมุ่นไม่พอใจ อ้าปากจะต่อว่าเขาให้เข็ดหลาบที่คิดว่าจะเอาเงินฟาดหัวกันขึ้นมา ทว่าณิชาก็ต้องเงียบเป็นผู้ฟังเมื่อสิ่งที่อัคคีราห์พูดดันจี้ใจดำเธอซะงั้น “เพิ่งรู้มาว่าร้านนั่นเป็นของเธอ พี่น้องคนอื่นเป็นหมอกันเกือบหมด ทำไมเธอถึงไม่เรียนหมอล่ะ” อัคคีราห์เลิกคิ้วถามด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบเฉย ทั้งที่เป็นปมในใจของอีกฝ่ายมาโดยตลอด เป็นคำถามที่ไม่ว่าเจอใครที่ไหนก็ถูกเค้นถามทั้งนั้น “คิดว่าบนโลกนี้มีแค่หมอกับพยาบาลหรือยังไง อาชีพที่สร้างสรรค์ด้วยศิลปะแล้วได้เงินก็มีเยอะแยะไป ..โลกแคบชะมัดเลย” ณิชาว่าอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่นัยน์ตาอมเศร้าอย่างปิดไม่มิด “ที่ฉันจะพูดคือการงานของเธอไม่มั่นคง” “เหอะ ฉันมีเงินพอกินละกัน ไม่แบมือขอพ่อกับแม่ด้วย” ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความทะนงองอาจในศักดิ์ศรีของเธอ ถึงจะทำตัวเหมือนว่าไม่เป็นอะไร แต่สุดท้ายทุกความหนักใจของพ่อกับแม่เธอก็ถูกเล่าให้อัคคีราห์ฟัง ว่าพวกเขาเป็นห่วงลูกสาวคนนี้ยังไงบ้าง.. อันที่จริงแล้วณิชาไม่ต้องทำงานก็ได้ เธอจะใช้ชีวิตแบบผลาญเงินครอบครัวตัวเองก็ยังทำได้ แต่เธอไม่ทำเพราะคำสบประมาทของเหล่าลุงป้าที่มีลูกเป็นถึงหมอหัวกะทิ เพราะณิชาไม่อยากโหยหาอำนาจที่ต้องแก่งแย่งชิงดีกันเหมือนคนอื่น เธออยากสร้างมันด้วยสองมือของเธอเอง ด้วยความชอบที่เป็นความสุขเดียวของเธอ สิ่งเดียวที่โหยหาคือความสุขสุดท้ายในบั้นปลายชีวิตต่างหาก.. “ฉันให้ปีละสิบล้าน” “หะ” “ถ้าเธอยอมแต่งงานให้มันจบๆ ไป ฉันจะโอนเงินเข้าบัญชีเธอ ปีละสิบล้านบาท” “นายควรถูกตรวจสอบด่วน” ณิชาส่ายหน้าคล้ายว่าปฏิเสธปนความอึ้งกับตัวเลขที่เขาเสนอมา “ตามใจ ฉันบริสุทธิ์ใจในเส้นทางการเงินของตัวเองอยู่แล้ว” อัคคีราห์ไหวไหล่อย่างไม่หยี่ระ “ตกลงเอาหรือไม่เอา” ใบหน้าสวยมุ่นคิ้วด้วยความขบคิด จนอัคคีราห์แอบร้อนใจเร่งปรับเงินให้แบบก้าวกระโดด ทำเอาอีกคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “ปีละยี่สิบล้าน ถ้าปู่ไม่ได้อยู่กับฉันแล้ว.. เราจะหย่ากันทันที แล้วฉันจะชดเชยย้อนหลังให้เธอเอง” เขาเสนอแบบถี่กระชั้นไม่ให้เธอได้คิดนาน “ยี่สิบล้านเหรอ” “สามสิบ..” “เดี๋ยว” ณิชายกมือปราม “ขอใช้ความคิดก่อน” อัคคีราห์คงมองว่าผู้หญิงอย่างเธอซื้อได้ด้วยเงิน แต่ในสายตาของณิชาเธอกลับมองว่าเงินซื้อเธอไม่ได้.. ถ้าหากว่ามันไม่มากพอ ซึ่งจำนวนเงินที่อีกฝ่ายเสนอมาถือว่าสูงมากเลยทีเดียว ยังไงเธอก็หลีกเลี่ยงมันไม่ได้อยู่แล้ว อย่างน้อยการได้อยู่รวมชายคากับผู้ชายอย่างอัคคีราห์ คงต้องมีค่าทำขวัญที่ถูกทำให้ผวากันบ้าง “ตกลงสามสิบล้านต่อปี” ณิชาตกปากรับคำแล้วเลิกคิ้วมองเขาที่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ไหนบอก..” อัคคีราห์ขมวดคิ้วมุ่น พลางหรี่ตาจับผิดคนตรงหน้า “ถ้าสามสิบล้านก็ดีล” “ได้ ตกลงตามนั้น” “แต่ฉันมีข้อตกลงระหว่างเรา” ณิชารีบเสนอทันทีที่อีกฝ่ายรับคำ เชื่อแล้วว่าเธอมันเป็นคนหัวไวแถมฉลาดแกมโกงอีกต่างหาก.. “เชิญว่ามา” อัคคีราห์แยกยิ้มมุมปาก มองสีหน้าของคนอวดดีที่ยักคิ้วคล้ายว่าตนถือไพ่เหนือกว่าเขาอยู่ “ยังไงเราก็แต่งงานแค่ในนามตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะงั้นนายห้ามจูบฉันเหมือนที่ทำหน้าร้านพี่เทียนอีกเด็ดขาด” เธอเอ่ยคำขาดด้วยสีหน้าจริงจัง “ทำไม” เขาแสร้งตีหน้าตายถามกลับ “ยังมีหน้ามาถามอีก นายเป็นใครถึงจูบฉันล่ะ” “ผัวเธอล่ะมั้ง” “แค่ในนาม” “แล้วยังไง” “ตีหน้ามึนชะมัด..” เจ้าของใบหน้าคมคายกระตุกยิ้มร้ายกาจ พลางเสตามองไปด้านในที่แขกผู้ใหญ่บนโต๊ะอาหารมองมา อัคคีราห์เลยต้องปั้นหน้าแย้มยิ้มให้เธอ ราวกับว่าพวกเขากำลังไปกันได้สวย การแสดงละครอาจดูฝืนใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ยากสักเท่าไหร่สำหรับคนหน้าตายอย่างเขา “ห้ามจูบ ห้ามกอด ห้ามรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวกันและกัน นี่นาย!” ณิชาเอ่ยเตือนเขาที่ทำท่าจะเข้ามาใกล้ “แต่ปู่ฉันมองอยู่” อัคคีราห์พูดกรอดไรฟัน ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เธอให้มากกว่าเดิม “ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงละครคุณธรรมความรักแค่ต่อหน้าคนอื่นก็พอ แล้วที่สำคัญอย่าก้าวก่ายเรื่องระหว่างฉันกับพี่เทียน” “เรื่องนี้ไม่ได้” “นี่” “ไม่ได้ก็คือไม่ได้” “อัคคีราห์” หญิงสาวส่วนสูงเท่าปลายคางเขาเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมกับส่งสายตาไม่พอใจ สบนัยน์ตาคู่คมไม่ละไปไหนอย่างไม่กลัวเกรง “ฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอยู่ให้ห่างจากมัน” “อย่ามาเรียกเขาว่ามัน” “ไอ้เวรนั่นน่ะเหรอ” “นี่” คนที่ไม่อยากต่อประโยคให้มากความสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ “ช่างเถอะ เราสองคนแค่ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ก็พอ เข้าใจมั้ย” “ก็ไม่ได้พิศวาสขนาดจะจูบหรือกอด” เขาทำหน้าหยีเธอเต็มประดา แค่ต้องปั้นหน้าแสร้งยิ้มให้เธอไปก่อน ไม่ใช่แค่ท่าทางเย่อหยิ่งของณิชาที่อัคคีราห์อยากกำราบ แต่ท่าทีที่เฉยชาไร้ความรู้สึกราวกับมนุษย์หินของเขาก็เช่นกัน ที่เธอเห็นแล้วรำคาญลูกตาจนอยากกระตุ้นให้เห็นสีหน้าตอนโกรธเป็นบ้าเลย หน้าตอนโกรธจะเป็นแบบไหนกันนะ.. พอคิดได้แบบนั้นเธอก็ก้าวเท้าเข้าไปใกล้เขาอีกก้าวนึง แต่มันใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวอัคคีราห์ลอยมาแตะปลายจมูก ก่อนมือเรียวบางจะยกขึ้นแตะแผงอกอีกฝ่าย พลางเปรยสายตาขึ้นมองอย่างเชื่องช้า “แต่ก็ระวังหวั่นไหวนะคะคุณอัคคีราห์ขา ท่องเอาไว้ให้ชัด.. ห้ามผิดกฎข้อตกลงระหว่างเราเด็ดขาด” “.....” “ห้ามจูบ ห้ามกอด ห้ามรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวกันและกัน รวมถึงสามสิบล้านต่อปี.. ดีลตามนี้นะคะคุณว่าที่สามี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD