ตอนที่ 7 หรือชอบให้จูบ

1538 Words
บ้านตระกูลชีเฟิ่ง มือเรียวคว้าชุดคลุมอาบน้ำขึ้นมาคลุมร่างกาย หลังเพิ่งขึ้นจากอ่างน้ำนมเพื่อบำรุงผิวพรรณเสร็จ เธอเดินลงมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมหยิบครีมบำรุงขึ้นมาบรรจงทาบนผิวหน้า สายตาดูครุ่นคิดบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ทว่า.. ใบหน้าสวยส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ สบมองภาพของเธอในกระจกเงา หลังภาพของเขาผุดแทรกเข้ามาในหัว วินาทีที่อัคคีราห์ทาบทามริมฝีปากลงมา มันเหมือนกับว่าถูกดูดกลืนวิญญาณจนไร้เรี่ยวแรง ยังจดจำทุกการเคลื่อนไหวบนเรียวปากได้อยู่เลยว่ามันนุ่มนวลขนาดไหน ซ้ำสายตาของอัคคีราห์ที่หลุบมองมาตอนจูบ เธอก็ยังจำไม่ได้ลืม “อัคคีราห์.. ไอ้คนบ้า” ณิชาหัวเสียจนเรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น คนเราต้องเคยรู้สึกไม่ถูกชะตากับใครสักคนตั้งแต่แรกเห็นบ้างแหละ.. อัคคีราห์ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ถึงเมื่อวันก่อนจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้เจอกัน เพราะทั้งสองตระกูลเป็นพันธมิตรกันมานาน การพบปะของพวกเขาก็มีมาแต่ตั้งณิชายังเด็ก เพียงแต่เธอไม่คิดว่าจะต้องมาเกี่ยวดองกับตระกูลนี้เท่านั้นเอง โตมาหล่อราวเทพบุตรก็จริง แต่นิสัยคนละขั้วกันเลย “หาเมียหรือหาคนออกรบ เอาปืนมาจ่อกันขนาดนั้น..” ณิชาพูดขึ้นกับตัวเองหน้ากระจก ก่อนจะทำหน้าแหยด้วยความขนลุกขนพอง หลังนึกถึงใบหน้าของอัคคีราห์ที่มักจะใช้สายตาด้านชาไร้ความรู้สึกมองกันเสมอ “ถ้าคราวหน้าเอามาจ่ออีกล่ะก็ เหอะ แม่จะฟาดด้วยหน้าแข้งให้ดู” ไม่พูดเปล่าณิชายังออกหมัดประกอบ ก่อนจะหรี่ตามองผิวหน้านวลเนียน พร้อมกับหยิบแผ่นมาร์กขึ้นมาวางทาบลงบนผิวหน้าอย่างเบามือ แต่ยังไม่ทันจะหมุนตัวไปไหน โทรศัพท์ในมือของเธอก็สั่นคลอนขึ้นมา หน้าจอปรากฏเบอร์สิบหลักไม่ทราบชื่อ “สวัสดีค่า ณิชาพูดสายค่ะ” เธอกรอกเสียงลงไปตามสายฟังดูอู้อี้ เนื่องมาจากขยับหน้าได้ไม่คล่องเท่าไหร่ ก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีที่ปลายทางตอบกลับมา ( พรุ่งนี้จะเข้าไปรับ ) “อัคคีราห์..” ( เจอกันสี่โมงเย็น ) พอรู้ว่าเป็นเขาณิชาก็อยากจะแก้เผ็ดคืน โทษฐานมางับปากคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต “ในสายเสียงหล่อจังเลยค่ะ แต่น่าเสียดายไม่มีมารยาทแนะนำตัวกันก่อนพูดคุย ยังดีนะคะเนี่ยที่ฉันจำเสียงได้..” เธอพ่นคำพูดยาวเหยียดเชิงกระแทกแดกดันอีกฝ่าย ก่อนที่สายจะถูกตัดไปในจังหวะอ้าปากค้างกลางอากาศพอดี “ไอ้..” ณิชากลอกตามองบน ก่อนจะกำหนดลมหายใจเข้าออก กลัวแผ่นมาร์กหน้าจะหลุดเพราะอารมณ์เกรี้ยวโกรธของเธอเมื่อครู่ ท่องไว้ว่าถ้าโมโหไปเดี๋ยวหน้าแก่ก่อนวัย เพราะงั้นเธอจะไม่ยอมให้ผู้ชายอย่างเขาเข้ามารบกวนจิตใจเด็ดขาด “เหอะ เราได้เจอกันอีกนานแน่นอน.. อัคคีราห์” NI-CHA HOME MADE ณิชามีงานอดิเรกที่ขายบนโลกออนไลน์และเปิดหน้าร้านเอง นั่นคือการเพ้นท์แก้วเซรามิคที่มีลวดลายเป็นฝีมือของเธอ อีกทั้งยังเปิดสอนทำเป็นของที่ระลึกในวันพิเศษอีกต่างหาก ต่อให้คนอื่นมองยังไงก็ตาม แต่มีแค่เจ้าของผลงานเท่านั้นที่รู้ว่าเธอทำออกมาได้ดีแค่ไหน ถึงจะไม่ได้เป็นหมอเหมือนลูกลุงป้าน้าอาในตระกูลชีเฟิ่ง แต่เธอก็ไม่ได้เสียใจเพราะรู้ดีว่าความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน ณิชาโชคดีที่พ่อแม่เข้าใจยอมให้ทำในสิ่งที่ชอบ ทว่ามันก็แลกมาด้วยความกดดันเช่นกัน กลัวว่าจะทำให้พวกเขาผิดหวังที่ให้ความไว้ใจ แต่เธอกลับห่วยแตกไปซะทุกอย่าง ห่วยแตกชะมัดเลยตัวเรา.. “แต่อย่างน้อยก็ยังมีเค้กพี่เทียนฮีลใจนี่.. ช่างเถอะณิชา อย่าคิดมากเลย” ณิชาที่ตั้งใจเพ้นท์แก้วระบายยิ้มปลอบประโลมตัวเอง สายตาจดจ่อกับแก้วเซรามิคตรงหน้าแล้วถอนหายใจทิ้งแรงๆ กับความคิดที่ไม่เข้าท่า ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครเขาดีที่สุดแล้ว.. วันนี้ร้านไม่ได้เปิดเพราะเธอต้องการมาพักผ่อนเพียงลำพัง ผลมันก็มาจากที่ณิชาไม่อยากไปนัดดูตัวกับอัคคีราห์ก็เท่านั้นเอง ซึ่งตัวร้านณิชาโฮมเมดตั้งอยู่ใจกลางซอย ที่เธอมั่นใจมากว่ามันทั้งสงบแล้วก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายแก่ผู้สนใจในชิ้นงานศิลปะแน่นอน “อ่า ปวดคอแฮะ” เธอหมุนคอแก้อาการเมื่อยขบเล็กน้อย มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นคลอนแล้วร้องเสียงดัง หน้าจอปรากฏรายชื่อของใครบางคนที่ณิชาบันทึกเอาไว้ว่า ‘มนุษย์หิน’ ซึ่งแน่นอนว่ามันคือเบอร์ของอัคคีราห์ที่โทรมาเมื่อคืน “อัคคีราห์” ดวงตากลมเบิกโพลงหลังเมินสายเรียกเข้า แต่พอเงยหน้าสายตาดันปะทะเข้ากับร่างสูงที่ชูมือถืออยู่ตรงหน้าร้าน เล่นเอาหญิงสาวหัวใจเกือบวายด้วยความตกใจ ณิชาส่ายหน้าเชิงว่าจะไม่เปิด แต่ก็ถูกอัคคีราห์ทำท่าจะพังเข้ามา สุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือกต้องลุกขึ้นเดินไปเปิดให้เขาอยู่ดี “นายหา.. ไม่สิ มาทำไม” เธออยากถามว่าเขาหาที่นี่เจอได้ยังไง แต่คนระดับอัคคีราห์พูดไปก็คงเปลืองน้ำลายเปล่า เจาะจงไปเลยซะยังดีกว่า “ใกล้นัดแล้ว ทำไมเธอถึงมัวแต่ทำอะไรไร้สาระอยู่อีก” เสียงทุ้มเอ่ยพลางกวาดสายตาไปรอบร้าน พลันคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันคล้ายว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอทำอยู่ “ไร้สาระเหรอ เมื่อกี้นายว่ายังไงนะไอ้มาเฟียผมเจล” ณิชาเถียงกลับทันควันเมื่ออีกฝ่ายพูดจาไม่เข้าหู “ว่าไงนะ” “นายไม่ควรรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของฉัน กลับไปได้แล้ว” “เมื่อคืนโทรไปบอกไม่เข้าหูหรือสมองเลยหรือไง” “คิดว่าฉันแคร์เหรอ ฉันไม่แคร์หรอกย่ะ ฉันมีอย่างอื่นให้ทำเยอะแยะ” มือเล็กที่พยายามจะดันแผงอกอัคคีราห์ให้ออกนอกร้าน ถูกคนตัวสูงกว่าเดินพรวดพราดเข้ามาข้างใน ก่อนจะตวัดสายตามองเธอที่สวมผ้ากันเปื้อน รวมถึงผมเผ้าที่ถูกมัดรวบลวกๆ ดูไม่เป็นทรง “ขี้เหร่” อัคคีราห์ว่าแล้วเบือนสายตาหนีไปด้านข้างครู่หนึ่ง “อะไรนะ” ณิชาถลึงตามองเขาที่เพิ่งจะไล่สายตามองเธอแล้วพูดคำว่าขี้เหร่ออกมาหน้าตาเฉย “ไปเตรียมตัว” เขากล่าวสั้นๆ คล้ายว่าหมดความอดทนเต็มที “ฉันจะไม่ไปทานข้าวเย็นกับครอบครัวเราสองคน” ณิชาบอกปัดปฏิเสธไป “เหอะ คิดว่าฉันอยากนักหรือไง” “อีกอย่างฉันไม่อยากแสดงละครคุณธรรมต่อหน้าผู้ใหญ่ ยิ่งกับนาย.. มันคลื่นไส้” “งั้นเธอก็ฝืนไว้หน่อยละกัน แค่แปปเดียวไม่สำลักจนลงแดงตายหรอก” ไม่พูดเปล่าคนตัวสูงกว่ายังคว้าข้อมือเธอเชิงบังคับให้ทำตามคำสั่ง ก็เข้าใจว่าเขาเป็นหัวหน้าคน คงจะมีลูกน้องที่คอยทำตามโดยง่าย แต่คงใช้ไม่ได้กับณิชาเพราะเธอไม่ใช่ลูกน้องเขา ไม่แม้แต่จะยอมตกอยู่ในโอวาทของอัคคีราห์ด้วย “นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน นายไม่มีสิทธิ์สั่งให้ฉันทำหรือไม่ทำอะไรอัคคีราห์” เธอว่าแล้วขืนตัวเองเอาไว้สุดแรง “มันเป็นคำสั่งของผู้ใหญ่” อัคคีราห์ตอบกลับแล้วกดสายตามองเธอนิ่งๆ “ฉันจะบอกพวกเขาว่าฉันป่วย ไปไม่ได้” เธอเชิดหน้าเสนอความเห็นด้วยสีหน้าตึงเครียด อัคคีราห์ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย วันนี้ท่านศิลาจะมาด้วยและนั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่เขาถ่อสังขารตามหาเธอถึงที่นี่ “ไม่ได้” “อย่ามาสั่งฉันนะ” “ขึ้นรถซะ ในตอนที่ฉันยังพูดดีกับเธออยู่” สิ้นประโยคนั้นอัคคีราห์ก็กระตุกแขน จนณิชาเซถลาเข้าไปใกล้ จะยั้งตัวก็ไม่ทันเพราะเรียวแขนแกร่งวาดวงกว้างโอบรั้งแผ่นหลังเธอให้ประชิดกายหนาแล้วเรียบร้อย เขาใช้จังหวะนี้ฉวยโอกาสยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ พลันรอยยิ้มร้ายก็ผุดขึ้นบนมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของณิชา ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเชิงกดดันและตักเตือนอีกฝ่ายในคราเดียวกัน “หรือชอบให้โดนจูบก่อน.. ถึงจะเคลิ้มตามง่ายๆ หืม” “อะ.. ไอ้บ้า” “ถ้าไม่อยากแบบตบจูบก็ไปเตรียมตัวซะ” อัคคีราห์ไล่สายตามองเธออีกครั้ง “..ยัยเพิ้ง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD