ตอนที่ 14 หญิงสาวปริศนา

1857 Words
หลายวันที่ผ่านมาณิชายังคงอยู่ในการติดตามจากคนของอัคคีราห์มาโดยตลอด แน่นอนว่าเธอเริ่มระวังตัวมากขึ้น ไม่ออกนอกลู่นอกทางแม้แต่ครั้งเดียว ใช้ชีวิตวนลูปจนเป็นวัฏจักร.. การเดินทางของเธอนั้นเหมือนเดิมทุกวัน ให้คนขับรถจากบ้านไปส่งที่ร้านเพ้นท์แก้วเจ้าตัว หลังจากนั้นก็แวะซื้อเค้กก่อนกลับเป็นประจำ ไม่มีไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนหรือมีก็แค่ไปห้างใกล้บ้านคนเดียวเท่านั้น ที่น่าแปลกคือณิชาไม่ได้อยู่ร้านเทียนนานเหมือนเคย แค่เดินเข้าไปซื้อแล้วก็กลับออกมาเท่านั้น นั่นเลยทำให้อัคคีราห์เริ่มสังหรณ์ใจว่าผู้หญิงคนนี้รอบคอบขึ้นเป็นเท่าตัว ร้ายกาจกว่าที่คิดเยอะเลย “เรื่องของเธอเป็นยังไงบ้าง” เสียงเรียบเอ่ยขึ้น ขณะจุดบุหรี่สูบภายในห้องทำงาน “เมื่อวานนี้เธอไปสปาผิวกับคุณหญิงพลอยไพลินค่ะ หลังจากนั้นช่วงบ่ายเธอเข้าร้านแล้วก็เพิ่งจะให้คนขับรถมาประมาณสองทุ่ม” เรนรายงานด้วยน้ำเสียงมั่นคง ก่อนจะมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเจ้านายตนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมา “ดูเหมือนเธอจะระวังตัวขึ้นเยอะ ตอนนี้แค่ตามเธอไว้ แต่อย่าให้รู้ตัวก็แล้วกัน” “ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ ปกติเธอจะเข้าไปนั่งคุยในร้านนานมาก แต่ตอนนี้แค่ซื้อของเสร็จแล้วก็กลับเลยค่ะ” อัคคีราห์แสยะยิ้มบนมุมปาก พลางพ่นควันสีเทาลอยขึ้นสู่อากาศ ก่อนจะเปรยสายตาเรียบนิ่งขึ้นมองเรน คนตรงหน้าไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรกับกลิ่นควัน แต่ทว่าภาพใบหน้าของเธอดันทับซ้อนกับใครบางคน นั่นเลยทำให้อัคคีราห์ค่อนข้างไม่สบอารมณ์เลยทีเดียว “เป็นของประดับ.. ที่สักวันนายจะอยากได้เชยชม” “ที่บอกว่าไม่ได้พิศวาสคืออยากได้ใจจะขาดหรือเปล่า” พอประโยคเหล่านั้นผุดขึ้นมาในหัว อัคคีราห์ก็เผลอขบกรามกรอด พลันรอยยิ้มร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา “มีอะไรที่กวนใจหรือเปล่าคะ” เรนเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นเจ้านายตัวเองขยี้บุหรี่ทิ้ง หลังเพิ่งจุดสูบได้เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น “เปล่า” อัคคีราห์ตอบเสียงห้วนแล้วรีบตัดบททันที “ถ้ามีอะไรผิดปกติ รีบรายงานฉันด่วน” “ได้ค่ะ” เรนโคลงตัวรับคำสั่ง “ว่าแต่คุณอัคคีไม่ได้ลืมใช่มั้ยคะว่าวันนี้เราต้องไปรับคุณณิชา..” เจ้าของใบหน้าคมคายโบ้ยมือคล้ายว่าไม่ต้องย้ำ ก่อนจะผุดลุกจากเก้าอี้ท่ามกลางรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของใครบางคน เพราะเหมือนเรนจะเดาถูกว่าณิชาเป็นคนที่สมน้ำสมเนื้อกับเจ้านายตัวเองไม่น้อยเลย “ถ้ารักกันขึ้นมาแล้วตีกันเก่งแบบนี้.. ลูกเป็นโขยงแน่นอน” ไม่พูดเปล่าเรนยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อหันหลังมาแล้วพบว่าอัคคีราห์ยืนมองอยู่ตรงหน้าประตู “จะไม่ไปเหรอไง” “ไป.. ไปสิคะ” เรนยิ้มเจื่อนพลางรีบก้าวเท้าเดินไปเปิดประตูให้อัคคีราห์ เขาส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วเป็นคนเปิดประตูเอง ทิ้งให้เธอยืนยิ้มให้พอใจอยู่ด้านหลังคนเดียว “ลูกเป็นโขยงแน่นอน” เรนทำหน้าเพ้อฝัน ฉับพลันบนใบหน้าก็ถูกสวมด้วยหน้ากากคำว่าหน้าที่ จากที่ยิ้มเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งขึ้น เมื่อต้องเดินผ่านเหล่าบอดี้การ์ดของเซียหลง ตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวของอัคคีราห์ที่มีชินกรรออยู่ก่อนแล้ว ละครรักน้ำเน่าที่ต้องแสดงเริ่มต้นขึ้นอีกแล้วสินะ.. หลังจากไปรับณิชาขึ้นรถได้ไม่ทันไร ก็มีสายด่วนจากบุคคลปริศนาโทรเข้ามา ทำให้แทนที่พวกเขาจะได้ไปร้านอาหารตามที่คุณปู่ขอไว้ อัคคีราห์กลับสั่งให้ชินกรขับรถไปยังอีกที่แทน ณิชาที่นั่งมาด้วยส่ายตาไปมาเพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน ถามอะไรไปก็เหมือนคุยกับกำแพง พลันเรียวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น เมื่ออัคคีรราห์ลงไปที่หน้าบ้านของใครสักคน ก่อนประตูบ้านจะถูกเปิดออกพร้อมร่างหญิงสาวที่ก้าวออกมา ทว่ามันน่าตกใจยิ่งกว่านั้นเมื่อหญิงสาวใช้กำปั้นทุบอกอัคคีราห์ ก่อนจะระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยการร้องไห้หนัก จนณิชาที่ได้เห็นก็ถึงกับชักสีหน้าไม่ถูก “วนรถ” เสียงเรนสั่ง ซึ่งชินกรก็พยักหน้ารับทันที ก่อนที่จะหมุนพวงมาลัยเตรียมกลับรถ แต่ก็ถูกณิชาห้ามเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยวสิ” เธอร้องห้าม “นั่นมัน..” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันจะพาคุณวนรถจนกว่าคุณอัคคีจะโทรเรียกเรา” พูดจบเรนก็ส่งสายตาให้ชินกรออกรถทันที “อะไรของเขา.. ทำไมเธอถึงร้องไห้แบบนั้น” ณิชาชะเง้อหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น เรียวคิ้วงุ้มงอคล้ายคนจะร้องไห้ตามหญิงสาวไร้นามที่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว เธอเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นแสดงความเจ็บปวดออกมากับน้ำตาที่หลั่งไหลเป็นสาย ยกมือขึ้นทุบตีอัคคีราห์ไม่หยุด แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าว่าจะโต้ตอบกลับแต่อย่างใด เขายืนนิ่งปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ ก่อนจะโอบอุ้มเธอที่แข้งขาอ่อนแรงไม่ให้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น กลายเป็นภาพน่าสลดใจสำหรับณิชาที่ต้องมาเห็นเหตุการณ์นี้ด้วย ภาพนั้นเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่รถยนต์หรูจะขับไกลจนเขาสองคนลับสายตาเธอไป.. “เขาไม่ได้ทำร้ายเธอใช่มั้ย” ณิชาถามเสียงสั่น ก่อนขยับสายตามองเรนเพื่อรอคำตอบ “ไม่ใช่หรอกค่ะ” เรนตอบกลับเสียงเรียบ “แต่ฉันขอปฏิเสธที่จะเล่านะคะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณอัคคี” ใบหน้าสวยส่งสายตาไม่พอใจ เธอตวัดมองคนขับรถอย่างชินกรแล้วแค่นหัวเราะเบาๆ เมื่อทั้งคู่ต่างพร้อมใจกับเงียบลงหลังเธออ้าปากเตรียมจะถามอีก เพราะมันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ในขณะที่อัคคีราห์ข่มขู่ว่าหลังแต่งงานเธอไม่ควรมีความลับกับคนในตระกูล แต่เขากลับเป็นพวกมีความลับเยอะแทน แบบนี้จะไว้ใจคนอย่างเขาได้ยังไงกัน “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะถามเขาเอง” ณิชายื่นคำขาดด้วยสายตามุ่งมั่น ใช้เวลาไม่นานชินกรก็ขับรถวนมาที่หน้าบ้านผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งหลังรับสายจากเจ้านายตน แต่คราวนี้มีแค่อัคคีราห์ที่ก้าวขาขึ้นมาบนรถ ไร้ซึ่งวี่แววของเธอคนนั้นอย่างสิ้นเชิง “นายทำอะไรเธอ ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงร้องไห้หนัก” “ออกรถ” อีกฝ่ายไม่ตอบคำถามและไม่สนใจท่าทีร้อนรนของเธอ แต่กลับหันไปสั่งชินกรให้ออกรถแทน “อย่าบอกนะว่า.. นายทำเธอท้องเหรออัคคีราห์” ดวงตาคู่สวยเบิกโพลง มองใบหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มแล้วพาลให้หงุดหงิดใจ “เห้อ” “อัคคีราห์” “เงียบได้มั้ย ฉันหนวกหู” “ก็ตอบฉันมาก่อนสิ ว่านายทำอะไรเธอ” ณิชาพูดขึ้นเพราะความโมโห การแสดงออกของเธอคนนั้นทำให้คนอื่นคิดได้ไม่กี่แบบหรอก “จริงสิแบบนี้ผู้หญิงของนายจะรู้หรือเปล่าว่าอาจจะถูกนายหลอกว่ามีใจ แต่สุดท้ายก็หนีไปแต่งงาน” “เหอะ เป็นตุเป็นตะ” “นายควรบอกเธอให้เร็วแล้วก็ไม่ควรให้ความหวังใคร” “ไม่ใช่เรื่องของเธอ” “อัคคีราห์” “อย่ายื่นจมูกเข้ามาในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง บางครั้งเธออาจจะเดือดร้อนเองก็ได้” ใบหน้าคมคายกดเสียงต่ำเชิงเอ่ยเตือนว่าอย่ายุ่ง นัยน์ตาสีรัตติกาลตวัดมองเธออย่างคาดโทษ ทำให้ณิชาตัวแข็งทื่ออัตโนมัติ เพราะยังจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นอย่างไม่มีทางลืม ยิ่งเห็นว่าแววตาของอัคคีราห์ไม่มีท่าทีจะสลดกับน้ำตาผู้หญิง ณิชาก็ยิ่งอยากระเบิดอารมณ์ใส่เขาที่ทำไม่ดีกับเธอเอาไว้เช่นกัน “ผู้ชายอย่างนายมันน่ารังเกียจชะมัดเลย” “เหอะ” “คนแบบนายคงไม่เคยรู้จักคำว่ารัก.. ไม่เหมาะที่จะรักใคร ไม่เหมาะสมสำหรับความรักจากใครทั้งนั้น” สิ้นประโยคนั้นมือหนาก็คว้าใบหน้าหญิงสาวด้วยการบีบปลายคางเธอให้หยุดพูดจาเหลวไหล แต่กลับไม่มีคำแก้ตัวใดออกจากปากเขาแม้แต่คำเดียว นอกจากสีหน้าตายด้านกับสายตาเย็นชาของเจ้าตัว การไม่ตอบก็เท่ากับยอมรับไม่ใช่เหรอ.. “หนูอย่างเธอจะไปรู้อะไร” “หนูเหรอ” “คนอย่างเธอมันน่ารังเกียจยิ่งกว่าหนูในท่อน้ำทิ้งซะอีกรู้ตัวมั้ย” อัคคีราห์เหยียดยิ้ม หลุบตามองริมฝีปากสีระเรื่อแล้วขยับขึ้นมองเธออีกครั้ง ณิชากัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะยกมือขึ้นพยายามปัดป้องแต่ก็ไม่เป็นผล “อย่าแสร่ไม่เข้าเรื่องอีก จำไว้” “ช่วยไม่ได้ทีนายยังแสร่เรื่องของฉันกับพี่เทียนเลย ทำไมล่ะ กลัวฉันเอาเรื่องนี้ไปฟ้องคุณปู่เหรอไง เหอะ” ณิชาหายใจแรงด้วยความโกรธ จนอีกสองคนในรถได้แต่หันหน้าหนีไปคนละทิศละทาง ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงทะเลาะของทั้งคู่ซะยังงั้น “เธอก็เป็นแค่ภาระที่ฉันต้องรับผิดชอบตามคำสั่งของปู่.. ภาระที่ทำได้ทุกอย่างก็เพื่อเงิน” ดวงตาคมคายกดมองลึกเข้าไปในแววตาของเธอ ทว่าณิชากลับไม่มีทีท่าว่าจะสลดเลยแม้แต่น้อย เธอแสดงออกถึงความไม่กลัวเกรงต่ออัคคีราห์ ก่อนจะเชิดดวงหน้าขึ้นอย่างท้าทาย “งั้นก็ช่วยจ่ายเงินให้ภาระอย่างฉันงามๆ เลยนะคะคุณอัคคีราห์ สำหรับฉันเงินของนายมันก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรนัก เพียงแต่นี่มันคือชีวิตจริง.. แค่นั้นเอง” พูดจบเธอก็ปัดมือเขาออก จนเรนที่เหลือบเห็นถึงกับหันมองหน้าชินกรกันเลยทีเดียว “เหอะ” “นายจะมองฉันเป็นอะไรในสายตาฉันไม่สน เพราะฉันเองก็ไม่ได้มองนายสูงส่งกว่านี้เหมือนกัน” สิ้นประโยคนั้นบนรถก็ถูกความเงียบเข้าควบคุม ไม่มีบทสนทนาระหว่างอัคคีราห์และณิชา พวกเขาฟาดฟันกันผ่านแววตา ก่อนจะเป็นณิชาเองที่เบือนหน้าหนีมองออกไปทางหน้าต่างแทน ดูเหมือนว่าผู้ชายอย่างอัคคีราห์จะเป็นพวกมีความลับเยอะเลยทีเดียว เธอคงภาวนาหวังแค่ว่าความลับพวกนั้นจะไม่เป็นเรื่องที่เลวร้ายก็พอ..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD