ตอนที่ 18 ผู้หญิงที่ชื่อเกตุศริน

1984 Words
ต่อให้ภายนอกอัคคีราห์เป็นพวกเย็นชาและเงียบขรึมแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนนึงเหมือนกัน ไม่ได้เป็นพวกหน้าตายหรือตายด้านทางอารมณ์แต่อย่างใด เขายังคงรู้สึกเหมือนที่ทุกคนรู้สึก.. ภายในห้องสี่เหลี่ยมเงียบสงัด มีร่างบางกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงขนาดคิงส์ไซส์ โดยมีสายตาคู่คมกำลังจับจ้องมองพลางลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ภาระ.. เธอมันโคตรเป็นภาระเลย” อัคคีราห์ส่ายหน้าติดเอือมระอา ขณะที่มองคนบนเตียงไม่วางตา ก่อนหน้านี้เกือบครึ่งชั่วโมงที่เขาสั่งให้เรนเข้ามาช่วยดูแลในส่วนของณิชา จัดการปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของเจ้าตัวที่พอจะมีติดที่นี่ไว้บ้างให้เธอใส่ ส่วนเขาก็ต้องจัดการทำความสะอาดร่างกาย แล้วหมดอารมณ์ดื่มด่ำกับบรรยากาศในค่ำคืนนี้ไปโดยปริยาย เพราะมีเรื่องให้คิดมากมายจนนอนไม่หลับ อัคคีราห์ยังคงผูกติดกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนให้เขาเริ่มต้นรักใหม่ไม่ได้ อดทนอดกลั้นเพราะหวังว่าวันนึงจะขุดรากถอนโค่นคนที่ลอบกัดไม่พักด้วยน้ำมือของเขาเอง ใบหน้าเรียบเฉยเงยมองเพดาน ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องไปเงียบๆ พร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟา นอนยกมือขึ้นก่ายหน้าผากแล้วปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านนานนับร่วมชั่วโมง จนกระทั่งร่างกายอันเหนื่อยล้าชัตดาวน์ตัวเองด้วยการยอมให้อัคคีราห์ได้หลับสักที ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาหลับแบบสบายใจ ไม่เคยเลย.. ตกกลางดึกที่ณิชาเริ่มรู้สึกตัว ผลมาจากลำคอที่แห้งผาดต้องการเติมน้ำเข้าร่างกาย จนเจ้าตัวปรือตาขึ้นมองก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องผ่านความมืด ที่มีแสงสลัวจากไฟด้านนอกสาดส่องเข้ามา ความจำสุดท้ายที่นึกออกคือเธอดื่มเจ้าตัวค็อกเทลที่มีเหล้าหวานเป็นส่วนผสม เพิ่มความเร่าร้อนและตื่นเต้นด้วยการจุดไฟ รสชาติของมันหวานละมุนลิ้น แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอล้มตึงจนเพิ่งรู้สึกตัว “อ่า” ณิชาครางอือเบาๆ ในลำคอ หลังผงกหัวขึ้นจากหมอนแล้วพบว่าโลกหมุนจนเวียนหัวหนัก เธอพยายามหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่พบว่าห้องที่เธอกำลังนอนหลับสบาย ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเอง ภาพงานศิลปะบนผนังทำเอาณิชาถึงกับผงะจนตาตื่น แต่พอมองให้ดีก็เป็นแค่กรอบรูปงานศิลป์ธรรมดา เธอเลยเบนความสนใจไปที่ประตูแทน เพราะมันดันเปิดอ้าไว้ เธอเดินก้าวหน้าถอยหลังเพราะอาการปวดขมับที่เล่นงาน ก่อนจะยกมือขึ้นค้ำยันขอบประตูให้ช่วยพยุงอีกแรง “อัคคีราห์..” ริมฝีปากเรียวเล็กเอ่ยชื่อของบุคคลที่นอนก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟา ก่อนจะขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เมื่ออีกฝ่ายทำท่าคล้ายว่าปัดป้องอะไรสักอย่างอยู่ อีกทั้งยังมีเสียงครางต่ำดังเล็ดลอดออกมาจากในลำคออีกต่างหาก เขากำลังเผชิญฝันร้าย.. “อะไรของเขา” ณิชาค่อยๆ ย่องเบาเข้าไปใกล้ ก่อนพบว่าคนตรงหน้าสั่นผวาคล้ายว่าฝันร้ายอยู่ ในบางครั้งเราก็แยกความฝันกับความจริงไม่ออก เมื่อร่างกายสะสมความตึงเครียดหนัก ความฝันจะสะท้อนบางอย่างที่ถูกกักเก็บเอาไว้ออกมา รวมถึงในบางครั้งเราก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกแย่และใจหาย เพราะฝันนั้นคือเรื่องจริงที่เราอยากจะหลบหนี เป็นความจริงที่แสนจะเจ็บปวด.. “นี่นาย” ณิชาเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างโซฟา ก่อนทรุดตัวนั่งลงข้างเขา พร้อมกับใช้มือเขย่าให้อัคคีราห์รู้สึกตัว แต่เหมือนว่าอีกคนจะดำดิ่งสู่ห้วงของฝันร้ายเต็มรูปแบบ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น เม็ดเหงื่อผุดพรายบนกรอบหน้าคมคาย เปลือกตาปิดเข้าหากันสนิทคล้ายว่าร่างกายไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกของเธอ “อัคคีราห์ได้ยินฉันมั้ย” หญิงสาวใช้เสียงเรียกที่ดังขึ้น พลันใบหน้าก็ดูตื่นตระหนก เมื่อมือหนากำมือเข้าหากันแน่น จนเธอโน้มตัวเข้าหาเพื่อฟังว่าอีกฝ่ายพูดอะไร วินาทีที่เธอผละใบหน้าออก ดวงตากลมโตก็เบิกโพลงเมื่อคนตรงหน้าอยู่ในอาการสะลืมสะลือ กำลังปรือตาขึ้นมองมาพร้อมกับเสียงหอบหายใจแรง “เกตุ..” “เมื่อกี้นายว่าไงนะ จะเอาอะไรนะ” “เกตุ..” สิ่งหนึ่งที่ณิชาไม่รู้ตัวเองเลยคือเธอกำลังแสดงความเป็นห่วงอัคคีราห์ออกมาผ่านสีหน้าจนหมด เธอคว้ามือหนาที่ทำท่าจะจับบางอย่างในอากาศมาแนบไว้ข้างแก้มที่ร้อนผ่าว ในขณะที่อัคคีราห์เหม่อลอยคล้ายคนไม่ได้สติ พลันทุกอย่างในห้องก็เข้าสู่โหมดความเงียบ ที่มีเพียงสายตาของทั้งสองคนที่สบมองกันเนิ่นนานหลายวินาที “เกตุศริน” อัคคีราห์เอ่ยชื่อของหญิงคนรักเก่า ขณะสบมองดวงตาคู่สวยของณิชาที่เบลอเป็นหน้าเกตุศริน “อะไรนะ” ณิชาชะงักงันไปครู่หนึ่ง เธอไม่รู้จักผู้หญิงที่เขาเอ่ยถึง แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่ณิชาได้เห็นความเจ็บปวดฉายผ่านนัยน์ตาสีรัตติกาลชัดเจน หยาดน้ำสีใสเอ่อคลอบางเบาในแววตาคู่คม จนใจของอีกคนก็พลอยอ่อนยวบด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ “ฉันไม่ใช่เกตุศริน..” ณิชาตอบปฏิเสธเพื่อไม่ให้อีกคนสับสน แต่เหมือนว่าอัคคีราห์จะแยกความจริงกับฝันไม่ได้เสียแล้ว “ฉัน.. คิดถึง” “ก็บอกว่าไม่ใช่ไง” สิ้นประโยคนั้นเปลือกตาอันหนักอึ้งของอัคคีราห์ก็ปิดลงอีกครั้ง มือไม้ที่จับใบหน้าขาวคลายลง ผลจากการที่เจ้าตัวกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นอัคคีราห์ในมุมนี้.. มันไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นความเจ็บปวดที่ถูกกดเอาไว้ในจิตใจ ณิชาระบายลมหายใจเบาๆ ก่อนจะจับมือเขาวางไว้บนอก ปล่อยให้อัคคีราห์ได้นอนหลับสบายโดยไม่ลืมเดินกลับเข้าไปเอาผ้าห่มมาคลุมร่างให้ด้วย “ที่ทำดีด้วยเพราะสงสารหรอกนะ เดี๋ยวหนาวตายขึ้นมาสามสิบล้านจะหายวับไปกับตา” ไม่วายหลังโยนผ้าห่มให้ณิชาก็ทำท่าเขม่นใส่เขา ก่อนจะกอดอกยืนมองว่าอีกฝ่ายจะเพ้ออะไรอีก ทว่าสุดท้ายแล้วอัคคีราห์ก็ดูสงบลง เหลือเพียงแค่เสียงลมหายใจผ่อนปรนเข้าออกสม่ำเสมอ คิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นเข้าหากันก็คลายออกแล้วเรียบร้อย “เกตุศริน..” ณิชาหรี่ตาลงอย่างคิดไม่ตกกับชื่อของหญิงสาวที่เธอได้ยินชัดเจน จนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าผู้หญิงที่อัคคีราห์เพ้อถึงเป็นใครกันแน่ ถึงเธอจะไม่รู้ว่าเจ้าของชื่อนั้นเป็นใคร แต่ก็เดาได้ไม่ยากเท่าไหร่ว่าคงเป็นแผลในใจเขาน่าดู.. เช้าของวันที่ณิชายังสวมชุดอัคคีราห์ไว้ไม่เปลี่ยน เหตุก็เพราะชุดของเจ้าตัวถูกคนนำไปซัก รวมถึงภาพของเมื่อคืนยังหลั่งไหลเข้ามาในหัวเธอหลังตั้งสติได้อีกต่างหาก รสสัมผัสจูบอันดูดดื่ม ยังทำให้เธอรู้สึกมวลท้องจนวูบวาบอยู่เลย ก่อนหน้านี้ณิชาเผลอหลับไปหลังจากมั่นใจว่าอัคคีราห์จะไม่ละเมออีก จากนั้นก็ตื่นมาท่ามกลางแสงแดดจ้ากับเจ้าของห้องที่ตื่นก่อนหน้าเธอแล้วยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าประตู “จะมองหน้าฉันอีกนานมั้ย” ณิชาเชิดดวงหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางยกมือขึ้นทัดหูกับใบหน้าที่ร้อนผ่าว เพราะภาพจำเมื่อคืนรวมถึงสัมผัสจูบนั้นมันชัดเจนเหลือเกิน “ก็นึกว่าจะโวยวายซะอีก” อัคคีราห์ถอนหายใจเบาๆ แต่ก็โล่งใจในคราเดียวกันที่อีกฝ่ายไม่โหวกเหวกโวยวายอะไร “คุณเรนบอกฉันหมดแล้วว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” “เล่าหมดหรือเปล่าล่ะ” “อะไร” “เพราะเมื่อคืนมันมีฉากที่เรนไม่ได้อยู่ด้วยไง” ไม่พูดเปล่าแววตาแข็งกร้าวนั่นยังวาววับหลังพูดจบ จนณิชาที่ได้ยินก็ถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อ ก่อนจะได้ยินเสียงแค่นหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเขา “เหรอ ไม่เห็นจำได้” เสียงสูงที่ตอบกลับทำให้ณิชาหน้าแดงฉานยิ่งกว่าเดิม เพราะเผลอทำตัวน่าอายออกไปอีกแล้ว “แต่ก็ดี ตื่นมาไม่โวยวายอะไรก็ดีแล้ว มันน่ารำคาญ” “เหอะ” ภาพของชายหนุ่มที่พึมพำดูน่าสงสารจับใจหายวับไปกับตา เมื่ออัคคีราห็เอ่ยปากพ่นคำพูดออกมา ซึ่งแน่นอนว่าหญิงสาวที่ดูน่าทะนุถนอมเมื่อคืนก็หายไปเช่นกัน เมื่อใบหน้าสวยหวานดูแสบซนเถียงคำไม่ตกฟากกลับมาอย่างไม่ยอมกัน “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน.. ฉันอยากให้นายลืมมันไป” “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ หืม” “ฉันจะไปรู้หรือไง” “แน่ใจเหรอว่าไม่รู้” อัคคีราห์ที่อ่านสายตาความตระหนกของณิชาออก เริ่มไล่ต้อนเจ้าลูกแกะให้จนมุม สุดท้ายณิชาก็แสร้งเปลี่ยนเรื่อง แล้วตวัดสายตามองอัคคีราห์ตาขวาง “เอกสารล่ะ” เธอพูดพลางกลอกตาไปมาอย่างหาจุดวางสายตาไม่เจอ “จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ แต่จำได้ใช่มั้ยว่าพูดถึงเอกสาร” อัคคีราห์กระตุกยิ้มมุมปากใส่ เมื่อกระต่ายดันเริ่มตื่นตูมเสียเอง “มันเป็นเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านั้นต่างหาก อย่ากลับคำเชียวนะคะคุณอัคคี” “แน่นอน จะถือว่าเป็นค่าคลานเข่าก็แล้วกัน” “อัคคีราห์!” เสียงตวาดแหวดังลั่นแต่กลับทำให้ชายหนุ่มยิ้มได้ ก่อนเสียงกริ่งจากด้านนอกจะดังขึ้น ทำให้อัคคีราห์เดินออกจากห้อง เหลือทิ้งไว้แค่ณิชาที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า “ฉันจูบไอ้บ้านั่นจริงเหรอ.. ชอบ.. ไม่สิ ฉันแค่เมานี่ สมองกลับแล้วเหรอไงหะ” ณิชายกมือขึ้นตีหัวตัวเองหลังความคิดหลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่หยุด ถึงจะเมาแค่ไหนแต่เธอรู้ตัวดีว่ามันยังมีสติอันน้อยนิดหลงเหลืออยู่ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรไปลง “ที่จูบก็.. อ้าก!” สติที่ใกล้จะหลุดปลิวไปไกลถูกดึงกลับมา เพราะณิชาดันให้ความสนใจกับเสียงกดกริ่งเมื่อครู่ขึ้นมาซะก่อน เธอก้าวขาลงจากเตียงแล้วย่องเบาไปที่หน้าประตู แอบชะโงกหน้าออกจากห้องเล็กน้อยเพื่อดูว่าใครมา พลันดวงตาก็เบิกโตเล็กน้อยกับภาพของหญิงสาวร่างสูงสมส่วนในชุดสูทสีดำดูทะมัดทะแมง ใบหน้าของเธอสวยสดจนณิชาเผลอมองนานหลายวินาที “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะคุณอัคคี” “เพราะคุณเกล้ากาญไม่โผล่มาต่างหากล่ะครับ” “หึ” “หึ” ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัวจนบุคคลที่สามต้องหลบกลับเข้าไปในห้อง พลันหัวใจก็เต้นล่ำไม่เป็นส่ำกับหญิงสาวปริศนาที่เธอสบตาด้วยเมื่อครู่ “ร้ายไม่เบาเลยนะอัคคีราห์นัดสาวมาหาถึงที่.. เหอะ ไอ้มาเฟียหัวเจล”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD