“ฉันจะยกเลิกการเทคโอเวอร์โรงแรม แล้วมาเทคโอเวอร์เธอแทน โอเคไหม”
“…คะ?”
สโรชาหน้าแดงก่ำ สองมือเล็กกำกันแน่นเมื่อได้ยินข้อเสนอของเขา ในใจสับสน ไม่รู้ว่าควรโกรธหรือต้องรู้สึกยังไง
“ถ้าไม่สนใจก็กลับไปทำงานซะ วันนี้ฉันต้องเตรียมตัวออกไปข้างนอก” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ร่างใหญ่เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาตัวสีน้ำตาลเข้มตามเดิม สองตาคมจ้องมองมายังร่างน้อยที่ยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูดังขึ้นเรียกสติร่างน้อยให้กลับคืนมา สโรชาสบตากับเจ้าของร่างใหญ่อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร เสียงคนที่เปิดประตูเข้ามาก็ดังขึ้น
“ท่านอาซิซ เหมือนว่าเราต้องส่งตัวแทนไปแล้วล่ะ…” ภาษาอาหรับดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนมาใหม่ ร่างใหญ่เงียบลงแค่นั้นเมื่อเห็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ในห้อง เขาจำได้ว่าเมื่อเช้าหญิงสาวที่เข้ามาดูแลเจ้านายไม่ใช่คนนี้ สองตาสีเข้มหันไปสบตากับเจ้านายราวกับต้องการคำตอบ
“มีเรื่องอะไร” คนถูกถามด้วยสายตาไม่ยอมตอบแต่เอ่ยถามเรื่องอื่นแทน
สโรชายืนมองสองหนุ่มด้วยความประหม่า เธอไม่รู้ว่าควรออกไปหรือต้องอยู่รอคุยกับเขาก่อนดี แต่ที่รู้ตอนนี้คือผู้ชายที่เข้ามาใหม่มีตำแหน่งประธานบริษัทฯ และเป็นคนที่ไปเจรจากับพ่อเธอรอบแรก
“ท่านประธานาธิบดีมีเรื่องด่วนครับ” ผู้เป็นมือขวาเอ่ย “เราต้องบินคืนนี้เลย” ประโยคนี้ทำสโรชาตัวเย็นวาบเพราะฟังออก ถ้างั้นเขาก็ต้องกลับประเทศโดยที่ไม่ได้เจอพ่อเธอน่ะสิ
“งั้นก็ส่งตัวแทนไป เรื่องอื่นก็ให้คุณหญิงจัดการ มันเป็นโรงงานเล็ก ๆ น่าจะไม่ยุ่งยาก” ร่างกำยำในชุดคลุมมิชลาฮ์สีดำหยัดกายลุก สองตาคมเหลือบมองร่างน้อยที่ยืนทำหน้าเป็นกังวลอยู่แล้วยิ้มมุมปากเบา ๆ เขารู้ว่าเธอฟังออก “ฉันต้องกลับบ้านแล้วสิ พ่อของเธอคงไม่ได้เจรจาใหม่แล้วล่ะ สโรชา” ประโยคสุดท้ายที่เอ่ยชื่อเธอทำให้กายบางชาวาบ
“งั้นผมไปแจ้งกำหนดการอย่างอื่นให้คุณหญิงก่อนนะครับ” ผู้เป็นมือขวาเอ่ยพร้อมมองเจ้านายกับสาวน้อยแปลกหน้าสลับกันด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
“เออ คาลิบ…” / “ขะ ขอฟังก่อนได้ไหมคะ” เสียงทุ้มเรียกมือขวาคนสนิทเมื่อนึกงานที่จะสั่งออก แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเสียงตะกุกตะกักของสาวน้อยเบื้องหน้าดังแทรกขึ้นเสียก่อน
“ครับ?”
“ไม่มีอะไร ออกไปให้หมด ยกเว้นเธอ” เจ้านายหนุ่มโบกมือไล่ลูกน้องคนสนิทและบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนขนาบประตูก่อนจะหันไปกระตุกยิ้มร้ายใส่สาวน้อยตรงหน้า
“เหมือนว่าวันนี้ท่านอาซิซจะยิ้มบ่อยนะครับ” ผู้เป็นมือขวาเอ่ยขณะปรายตามองหญิงสาวก่อนจะเดินออกจากห้องไป “ถึงจะเป็นรอยยิ้มร้าย ๆ ก็เถอะ” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วปิดประตูลง
“ก็มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นนี่” เจ้านายหนุ่มเหยียดยิ้มขณะตอบคำถามของลูกน้องที่ปิดประตูหนีไปแล้ว “ใช่ไหมสโรชา” ประโยคถัดมาเอ่ยกับสาวน้อยเบื้องหน้า
“…ที่คุณบอกน่ะค่ะ ว่าจะเจรจากับฉันแทนพ่อ ฉันขอฟังรายละเอียดก่อนได้ไหมคะ” แม้ในใจจะรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร แต่สโรชาก็ต้องการความชัดเจน
“เอาโรงแรมเธอคืนไป แล้วเอาตัวเธอมาให้ฉัน” คนถูกถามตอบสั้น ๆ แต่ความหมายนั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไร ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้าพร้อมเชยคางมนขึ้นให้สบตาด้วย “เป็นไง? ง่ายใช่ไหม ข้อเสนอของฉัน”
“…” เรียวปากสวยเม้มหนีนิ้วมือใหญ่ที่วาดวนและบดขยี้ลงมาเบา ๆ แรงกดจากปลายนิ้วเริ่มหนักขึ้นเมื่อคนถามยังไม่ได้คำตอบ สโรชายืนข่มความประหม่าเอาไว้เพราะร่างใหญ่เริ่มเดินเข้ามาใกล้จนลำตัวด้านหน้าแนบชิดกัน และนั่นทำให้ดวงหน้าน้อยร้อนวาบเพราะลมหายใจของคนที่ก้มมองเธอเป่ารดลงมา
“ให้ทำเหมือนผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ” เชิดหน้าถามเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามในอก ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่ากับคำตอบ
“ทำมากกว่านั้นสิ โรงแรมเธอมูลค่าไม่ใช่ถูก ๆ นะ” สองตาคมมองคนตรงหน้ายืนตัวสั่นระริกราวกับนกน้อยตกจากรัง มองริมฝีปากอิ่มที่เขาเกลี่ยเล่นจนบวมเป่งอย่างพึงพอใจ
“ต้องนอนกับคุณนานแค่ไหนคะ” ตาแป๋วมองใบหน้าคมเข้มพร้อมกับเม้มปากเข้าหากันเมื่อเป็นอิสระจากมือใหญ่แล้ว
“หนึ่งปี”
“…เรียกร้องอย่างอื่นเพิ่มอีกได้ไหมคะ”
“เอาสิ” ร่างใหญ่พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะตวัดวงแขนแกร่งเข้าหาร่างน้อย คนถูกอุ้มกระเตงแบบไม่ทันตั้งตัวเผลอกรีดร้องออกมาแต่ก็ยอมอยู่นิ่ง ๆ เมื่อร่างใหญ่พามานั่งบนโต๊ะทำงาน “อยากได้อะไรล่ะ” เสียงทุ้มถามขณะโน้มตัวเข้าหาคนบนโต๊ะและกักขังเธอไว้ด้วยสองแขนแกร่ง
“อย่าให้พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้ได้ไหมคะ”
“อือ ฉันเองก็ไม่ชอบความวุ่นวายเหมือนกัน” เสียงทุ้มตอบรับขณะเดินเข้าไปยืนแทรกกลางหว่างขาสาว
“อ๊ะ!” พลันนั้นกระโปรงทรงเอตัวน้อยก็ร่นขึ้นจนเห็นแพนตี้สีชมพูอ่อนลายลูกไม้ มือเล็กรีบดึงชายกระโปรงลงทว่ามือใหญ่กว่ากลับปัดออก
“อย่าสิ ฉันกำลังเช็กเอกสารอยู่” เขาว่าขณะหลุบตามองต้นขาขาวเนียนโดยไม่สนเลยว่าใบหน้าน้อยจะแดงก่ำเพราะความอาย “แค่นี้เหรอ” เสียงทุ้มถามต่อขณะช้อนตามองดวงหน้าน้อย
“ตอนนี้นึกออกแค่นี้ค่ะ ไว้ทยอยบอกได้ไหมคะ ฉันไม่เรียกร้องในสิ่งที่ทำให้คุณเดือดร้อนหรอก”
“อือ งั้นก็เซ็นสัญเลยนะ” ว่าจบกลีบปากหนาก็โน้มเข้ามาใกล้แต่สโรชาไวกว่า สาวน้อยดันใบหน้าคมเอาไว้เสียก่อน “อะไรของเธอ?”
“จะเริ่มวันนี้เลยเหรอคะ”
“ก็ฉันต้องบินคืนนี้แล้ว ไม่ให้เริ่มตอนนี้แล้วจะเริ่มตอนไหน”
เขาพูดถูก…
“งั้นคุณไปอาบน้ำก่อนได้ไหม”
“ทำไม?”
“ก็คุณเพิ่งนอนกับผู้หญิงคนนั้นมานี่คะ”
“ไม่ได้นอน แค่เรียกมาคุกเข่าเฉย ๆ”
“งั้นก็ไปแปรงฟันก่อนค่ะ ฉันไม่อยากจูบต่อจากคนอื่น”
“ไม่ได้จูบด้วย ฉันไม่จูบผู้หญิงที่ทาลิปสติก มันสกปรก”
“แต่ฉันก็ทาลิปสติกนะคะ” สโรชาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความไม่เข้าใจคนตรงหน้านัก
“ฉันลบออกแล้ว” คราวนี้เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นให้เธอดู ปลายนิ้วใหญ่มีคราบลิปสติกสีชมพูอ่อนติดอยู่ “ทีนี้ก็เซ็นสัญญาได้สักทีนะ” มุมปากหนากระตุกยิ้มร้ายให้สาวน้อยตรงหน้าก่อนจะรั้งท้ายทอยบางเข้าหาแล้วทาบจูบหนัก ๆ ลง
“อื้อ!”