ดวงใจหมอกิต ตอนที่ 1
เช้าวันจันทร์ที่ไม่สดใสเอาเสียเลย
“อะไรเนี่ย ยางรั่วอีกแล้วเหรอ”
“คุณหนูคะ ให้ลุงเล็กไปส่งเถอะนะคะ” ฉันโมโหควันออกหู เป็นฝีมือของคุณแม่อีกแล้วเหรอเนี่ย ขยันจริงๆ เลย
“รินจะเอารถไปปะยาง แล้วก็จะไม่ยอมขึ้นรถของที่บ้านไปเรียนด้วย” ฉันบอกป้าต้อยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ รู้ตัวว่าดื้อ แต่ว่าฉันโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว รถคันนี้ก็เป็นของขวัญจากพ่อผิดตรงไหนถ้าฉันอยากจะขับมันไปมหาวิทยาลัย
“อย่าดื้อสิคะคุณหนู”
“คุณแม่นั่นแหละดื้อ ป้าต้อยหลีกไปค่ะ” ฉันไม่สนใจว่าจะไปเรียนสาย ไม่ยอมขึ้นรถของที่บ้านไปมหาวิทยาลัยเพราะต้องการขับมอเตอร์ไซต์ไปเอง ต่อให้ต้องเข็นไปอีกสิบกิโลฉันก็จะทำ
เข็นออกมาหน้าปากซอยก็เจอร้านปะยางพอดี ร้านเปิดแล้ว เจ้านมสดของฉันจะได้วิ่งออกสักที
“พี่คะ ปะยางค่ะ”
“ไม่รับปะครับ เปลี่ยนอย่างเดียว” อะไรกัน ปะยางมันได้เงินน้อยงั้นเหรอ ช่างเถอะได้หมดนั่นแหละ
“ก็ได้ค่ะ เปลี่ยนเลย” ระหว่างรอฉันก็เดินไปซื้อขนมร้านชำข้างๆ มานั่งกิน ก้มมองเวลาแล้ววันนี้ต้องสายชัวร์
ประมาณครึ่งชั่วโมงคุณนมสดก็พร้อมโบยบิน ฉันรีบจ่ายเงินและสตาร์ทเครื่องทันที เพราะเป็นระบบออโตเมติกพร้อมสตาร์ทมือเป็นมิตรกับกระโปรงนักศึกษาจึงทำให้ฉันอยากขับรถมาเรียนเอง มากกว่านั่งเชิดหน้าในรถหรู เฮ้อ ฉันคงเกิดมาผิดครอบครัวจริงๆนั่นแหละ
ครืด ครืด
มือถือในกระเป๋าสั่นแรงจนต้องรีบหยิบออกมากดรับก่อนขับรถออกถนนใหญ่
“คุณหนูญารินถึงไหนแล้ว ทำไมวันนี้สายแกรู้มั้ยว่าคาบอาจารย์นุนีมีรุ่นพี่รับเชิญมาบรรยายด้วยนะ หล่อโฮก ถึงไหนแล้ว อาจารย์บอกว่าถ้าใครขาดจะไม่มีสิทธิ์สอบ” ให้ตายสิ ฉันลืมเรื่องนี้สนิทเลย รุ่นพี่คนนี้เป็นศิษย์เก่าของคณะเรา จำชื่อไม่ค่อยได้เพราะเขาจบไปหลายปีแล้ว เพิ่งรู้ข่าวว่าพี่คนนี้ไปประสบความสำเร็จอยู่ต่างประเทศ รู้เพราะว่าอาจารย์นุนีนี่แหละ
“กำลังจะรีบไป”
“เร็วๆล่ะฉันไม่อยากเห็นแกถูกเรียกพบผู้ปกครองอีก”
“ผู้ปกครองอยากพบมากกว่า อาจารย์ไม่ได้เรียกย่ะ” มีเรื่องนิดหน่อยแม่ฉันก็รีบมาพบอาจารย์ที่ปรึกษาทันที ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน
“โอเคๆ รีบมาได้แล้ว”
ฉันถูกแม่สร้างมาตรฐานการใช้ชีวิตเอาไว้สูงพอๆ กับตระกูลที่ตัวเกิดมา ไม่ว่าจะเป็นการวางตัว การเรียน และการใช้ชีวิต เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ปล่อยผ่าน ญารินคนนี้ต้องเป๊ะปังในสายตาของผู้ใหญ่ตลอดเวลา
ซึ่งนั่นไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ญารินคนนี้เลยสักนิด
ปู่บอกว่าฉันเหมือนแม่มาก เหมือนทุกอย่าง แต่ฉันคิดว่าตัวเองไม่เหมือนแม่เลยสักนิด
แม่เล่าให้ฟังอยู่บ่อยครั้งเรื่องฐานะของแม่กับพ่อที่แตกต่างกันเกินไป พ่อเป็นถึงทายาทตระกูลดังส่วนแม่เป็นแค่หญิงสาวต่างจังหวัดธรรมดาที่มีโอกาสเข้ามาเรียนในเมือง
จนพบรักกับพ่อ ฉันคิดว่ามันคลาสสิกและโรแมนติกแบบสุดๆ แต่แม่ไม่อินด้วย
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการดื้อรั้นที่ไม่มีวันลดลงของฉัน ยิ่งแม่พยายามมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งฉีกกฎนอกเกณฑ์มากขึ้นเท่านั้น
ฉันรีบบิดคันเร่งพาคุณนมสดไปให้ถึงมหาวิทยาลัยก่อนที่รุ่นพี่คนนั้นจะเข้าบรรยาย
“เฮ้ย!“ฉันอุทานเสียงดังแข่งกับลมเมื่ออยู่ๆ ก็มีรถหรูโผล่ออกมาจากซอย
เอี๊ยดดด
โครม!
เบรกทันแต่ไม่อยู่เพราะมันกะทันหันเกินไป คุณนมสดพุ่งชนประตูด้านคนขับเต็มๆ
ฉันถูกคุณนมสดทับ พยายามจะลุกแต่ก็ไม่ไหวเพราะคุณนมสดหนักมาก
“โอ๊ย”
“เจ็บมากมั้ยครับ”
“เจ็บสิ ยกรถออกให้ก่อน เจ็บขาไม่ไหวแล้ว” พลเมืองดีหลายคนมาช่วยกันยกคุณนมสดออก ส่วนฉันลุกไม่ไหว ไม่รู้ว่ากระดูกหักหรือเปล่า
“อย่าเพิ่งขยับนะ เจ็บตรงไหนบ้าง ผมเป็นหมอ” ฉันรีบถอดหมวกกันน็อกแล้วหันไปมองต้นเสียงที่บอกว่าตัวเองเป็นหมอเมื่อครู่
“เจ็บไปหมดทั้งตัวเลยค่ะ” ก้มมองสภาพตัวที่ดูไม่จืดแล้วตอบกลับไปทันที
“โอเค ผมขอโทษแทนคนขับรถด้วย” ฮะ เขาเป็นเจ้าของรถคันนี้เหรอ ได้ยินแบบนั้นก็รีบหันขวับไปเผชิญหน้าทันที
“รู้มั้ยว่าทำให้คนอื่นเจ็บแล้วก็เสียเวลามากแค่ไหน”
“ผมเข้าใจ คนของผมก็เจ็บเหมือนกัน” น้ำเสียงเขาใจเย็นและสุภาพมากจนทำให้ฉันรู้สึกผิดไปเลยที่โมโหใส่
“แต่ว่า” ฉันอยากเถียงกลับว่าตัวเองเจ็บกว่าแต่ก็ดันพูดไม่ออกซะงั้น
“ผมเข้าใจว่าคุณเจ็บ บอกผมได้มั้ยว่าตรงไหนบ้าง พอรถพยาบาลมาคุณจะได้ไม่ต้องตอบอีกไง ผมจะจัดการให้” จิตวิทยาขั้นสูงมาก น้ำเสียงและการพูดทำให้คนกำลังเจ็บ ใจเย็นลงได้
“เจ็บขาค่ะ แขนด้วย”
“กำลังจะไปเรียนเหรอ” ฉันถอนหายใจแล้วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ คาบอาจารย์นุนีฉันคงหมดสิทธิ์สอบไปแล้ว
“ขาหนูหักมั้ยคะ มีตรงไหนหักหรือเปล่า” แทนตัวเองว่าหนูเพราะคิดว่าเขาคงอายุมากกว่า ใส่สูทอย่างเป็นทางการ หน้าตาจัดว่าหล่อ เบ้าหน้าฟ้าประทานเลยล่ะมองมากไปก็อาจจะทำให้หวั่นไหวได้
“เท่าที่ตรวจดู ไม่มีนะ” ถ้าอย่างนั้นก็
“ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันพยายามจะลุกแต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้
“จะไปไหน เธอต้องไปโรงพยาบาล” จะอธิบายยังไงดี แต่ว่าเขาก็ไม่ใช่ผู้ปกครองฉันสักหน่อยทำไมต้องแคร์ด้วย
“โรงพยาบาลไปวันหลังก็ได้ค่ะ”
“คิดว่าหมอจะปล่อยคนไข้ไปง่ายๆ โดยไม่ได้ทำการรักษางั้นเหรอ นั่งลง มีอะไรสำคัญไปกว่าตัวเองอีก” ก็คาบของอาจารย์นุนีไง ถ้าไม่ได้เข้าสอบต้องเป็นเรื่องอีกแน่นอน
“นี่คุณ คุณทำให้หนูต้องเจ็บนะ”
“ก็จะรักษาให้อยู่นี่ไง” ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะร้องไห้เลย
“ถ้าวันนี้หนูไปไม่ทัน จะโดนตัดสิทธิ์ไม่ได้เข้าห้องสอบค่ะ มันสำคัญมากจริงๆ”
“ผมเองก็มีนัดสำคัญเหมือนกัน อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก อาจารย์ท่านคงเข้าใจ ยื่นใบรับรองแพทย์สิ” เรื่องนั้นฉันพอรู้ แต่ถ้าแม่รู้คงเป็นเรื่องใหญ่อีกแน่นอน หันไปมองสภาพคุณนมสดแล้วก็อยากจะร้องไห้โฮออกมาดังๆ ล้อหน้าบุบบี้ขนาดนั้นซ่อมเหมือนเดิมยังไงได้
_________________