1:แรก
แรก
ร้านอาหารในห้องสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
วันนี้ไอ้มอสเพื่อนสนิทสมัยมหาลัยมันนัดผมมากินข้าวช่วงหลังๆมานี้เราไม่ค่อยได้เจอกัน มันไม่ว่างผมเองก็ไม่ว่างพอหาเวลาได้ก็เลยนัดมาอัพเดตชีวิตกันสักพน่อย
"ไง...สบายดีนะมึง" ผมเอ่ยทักคนที่มาถึงก่อน
"เออ...แล้วมึงอ่ะทำทัวร์เป็นไงบ้าง"
"ก็ยุ่งๆเหมือนกันว่ะ"
"กูก็ว่าอยู่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นทักมาชวนแดกเหล้า"
"เรื่องเหล้ากูเบาไปเยอะแค่หาเวลาพักผ่อนได้กูก็ดีใจตายห่า"
"พูดอย่างงี้แปลว่ารวยแล้วนี่หว่าลูกค้าเยอะสิท่า"
"ก็เรื่อยๆยังมีไม่เท่ามึงหรอกคร๊าบ...ยังเรียกเสี่ยมอสไม่ได้..." ผมพูดขำๆแอบแซวเพื่อนผมนิดหน่อย
"งั้นวันนี้เสี่ยเกี้ยวเลี้ยงเอง" ไอ้เกี้ยวยืดอกรับว่าตัวเองเป็นเสี่ยอย่างเต็มปาก
ก็ไม่เถียงนะครับบ้านมันรวยแถมธุรกิจที่มันแยกออกมาทำเองก็กำลังไปได้ดีเดี๋ยวนี้ใครๆก็อยากมีบิ๊กไบค์ไว้ในคริบครองกันทั้งนั้น
"แล้วนี่มึงสั่งอะไรรึยัง?"
"กูสั่งไปสามอย่างแล้วมึงอยากแดกอะไรก็สั่งเพิ่มเลย" ไอ้เกี้ยวส่งเมนูมาให้ผมดูขณะที่กำลังสนใจกับเมนูอาหารหางตามันก็เห็นว่าอาการไอ้เกี้ยวมันแปลกๆ
"มีไรรึเปล่าวะ?"
"คือ...กูมีคนอยากแนะนำให้มึงรู้จัก"
"ใครวะ?" ผมย่นคิ้วรู้สึกว่าคนที่ไอ้เกี้ยวพูดถึงคงสำคัญมากมันถึงได้ออกอาการประหม่าขนาดนี้
“กู...จะแต่งงานว่ะมอส”
“เฮ้ย! ...จริงดิดีใจด้วยมึงซุ่มนะเนี่ยกูไม่เคยเห็นมึงพูดถึงแฟนเลยไอ้ห่า"
“พอดีแฟนกูอยู่เมืองนอกน่ะ”
“นี่มึงคบฝรั่งเหรอวะ?”
“เปล่า...คนไทยนี่ล่ะชื่อเอยแต่เขาไปเรียนเมืองนอก”
“ ...มึงรีบเปิดตัวด่วนเลย”
“เออ…ก็จะแนะนำวันนี้เนี่ยล่ะมึงเป็นคนแรกที่ได้เจอเอยเลยนะ”
ผมพยักหน้ารับรู้แล้วว่าไอ้เกี้ยวมันตื่นเต้นที่จะพาแฟนมาแนะนำให้เพื่อนรู้จัก
“ว่าแต่มึงจะแต่งเมื่อไหร่วะ?”
“ต้นปีหน้ามึงต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยนะไอ้มอส”
“เออ…ได้ๆแต่มึงต้องจองคิวกูล่วงหน้า” ผมแกล้งหยอกทำเหมือนมันเป็นลูกค้ามาจองทัวร์
ติ๊ง...
เสียงไลน์ไอ้เกี้ยวดังขึ้นมันหยิบมือถือมาอ่านแล้วก็พิมพ์ไปยิ้มไปไม่ต้องบอกผมก็เดาได้ว่าต้องเป็นว่าที่เมียมัน ผมก็ไม่ได้สนใจจะขัดจังหวะมันยกช้อนขึ้นมาตักอาหารที่พึ่งมาเสิร์ฟเข้าปากเคี้ยวอย่างสบายใจ
“เดี๋ยวเอยมา” ไอ้เกี้ยวเงยหน้ามาบอกผม
ใบหน้าของคนมีความรักและกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาอบอวลไปด้วยความสุข ผมกินต่อในขณะที่มันยังก้มหน้าคุยแชทต่อไปไอ้เกี้ยวนั่งหน้าบานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนวัยรุ่นที่กำลังหัวใจสีชมพูครั้งแรก คบมันมาเกือบจะสิบปีก็พึ่งเห็นมันทำหน้าแบบนี้ครั้งแรกนี่แหล่ะ
“กูไปห้องน้ำแป๊ป…” ไอ้เกี้ยวลุกออกไป
“เออ” ผมพยักหน้าเริ่มกินช้าลงกลัวว่าจะหิวจนกินอาหารที่ไอ้เกี้ยวสั่งหมดซะก่อนครับ หยิบมือถือตัวเองขึ้นมานั่งเล่นฆ่าเวลารออาหารที่ผมสั่งให้มาเสิร์ฟ
สายตาผมจ้องอยู่ที่มือถืออยู่พักใหญ่รู้สึกว่าไอ้เกี้ยวมันหายไปนานผิกปกติคิดในแง่ดีว่ามันอาจจะไปรอรับแฟนที่กำลังจะมาถึงก็ได้
ชื่ออะไรนะ?
เอยใช่มั้ย?
"หึหึ..." หัวเราะคนเดียวพร้อมส่ายหัวให้กับตัวเองเพราะแฟนไอ้เกี้ยวชื่อเดียวกับคนในอดีตของผม
คนที่ทำให้ผมลืมไม่ลงฝังใจจนถึงทุกวันนี้...
มารอดูกันว่าเอยของไอ้เกี้ยวจะนิสัยดีแค่ไหนขอให้อย่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัวหลายใจเหมือนเอยที่ผมเคยรู้จักแล้วกัน วางมือถือหันมองออกไปนอกร้าน
"..!!.."
ตึกๆ …
ตึกๆ …
ใจผมสั่นพยายามจ้องมองใครบางคนที่ดูคล้ายกับคนที่ผมกำลังนึกถึง
เหมือนจะใช่!...
ทำไมผมจะจำเอยไม่ได้ล่ะแม่งเอ๊ย!โลกมันมากลมอะไรวันนี้วะผ่านมาเป็นสิบปีผมไม่เคยจะบังเอิญเจอเอยสักครั้ง พอพูดถึงคนชื่อเอยก็ดันโผล่มาพร้อมกันเลยถึงสองคนเอยของไอ้เกี้ยวกับเอยของผม
จ้อง...
เอยที่ยังคงยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าร้านเธอไม่เห็นผมหรอดครับดูจากท่าทางคงนัดใครเอาไว้ อย่าบอกนะว่ามานัดกันในร้านนี้เหมือนกัน!
ใจผมเต้นแรงเมื่อลอบมองเอยสำหรับผมความรู้สึกทุกอย่างมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เธอเป็นรักแรกที่ทำชีวิตผมพังจนไม่มีชิ้นดีผมเกลียดเธอแต่อีกใจมันก็ยังเต็มปรี่ไปด้วยความรัก
ผมลืมเธอไปแล้วนะครับ
คิดว่าลืมน่ะแต่สุดท้ายก็ยอมรับความจริงว่าลืมไม่ได้ในหัวใจผมมันยังมีเอยหลบซ่อนเอาไว้ทุกครั้งที่ผมเริ่มต้นสานสัมพันธ์ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆเอยในหัวใจผมก็จะปรากฏตัวขึ้นมา ปมเดรียบเทียบผู้หญิงทุกคนกับเอยอย่างไม่ได้ตั้งใจมันเป็นไปเองพอรู้สึกว่าพวกเธอไม่ได้ทำให้หัวใจผมรู้สึกได้เท่าเอยสุดท้ายเราก็เลิกกัน
ผมหยัดตัวขึ้นยืนใจมันไม่อาจฝืนจะปล่อยเธอไปอยากจะบอกเธอต่อหน้าให้รู้ๆกันไปว่าที่ผ่านมาตลอดหลายปีนี้ผมเจ็บแค่ไหนกับสิ่งที่เธอทำและผมไม่สามารถลืมเรื่องราวเหล่านั้นได้เลย
"..!!!." แต่ผมต้องตกใจซ้ำไม่สิเรียกว่าช็อคเลยดีกว่าเมื่อเห็นว่าคนที่เอยกำลังรออยู่เป็นใคร
เชื่อสนิทใจแล้วครับว่าโลกมันกลมผมได้แต่มองไอ้เกี้ยวจับมือเอยและจูงเข้ามาในร้าน
บ้า! ...นี่แม่งเรื่องบ้าอะไร!
ผมไม่อาจยอมรับได้กับสิ่งที่เห็นทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงหยิบมือถือก้มหน้าลงแสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้นทั้งๆที่มือผมมันสั่นบอกไม่ถูกว่าระหว่างตกใจกับโกรธอะไรมีมากกว่ากันพยายามสงบสติและกลั้นฝืนความรู้สึกบางอย่างในใจไว้
“มอสนี่เอยแฟนกู” เสียงไอ้เกี้ยวดังอยู่ใกล้ๆผมจำเป็นต้องปั้นหน้าละสายตาจากมือถือขึ้นไปมองหน้าเธอ
“หวัดดี” ผมฝืนยิ้มทักทาย
"...สวัสดีค่ะ"
"นี่มอสเพื่อนสนิทที่เค้าเล่าให้ที่รักฟังไง"
วินาทีแรกที่เราสบตากันสีหน้าเอยดูตกใจไม่ต่างกับผม จำกันได้สินะอย่างน้อยผมก็ต้องขอบคุณเธอป่ะที่ยังไม่ลืมหน้าคนที่เธอเคยทิ้งไปทั้งผมและเอยพยายามเก็บซ่อนอาการเพื่อไม่ให้ไอ้เกี้ยวสังเกตเห็นได้
หึหึ...
คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ครับบางทีนี่อาจเป็นโอกาสที่ผมจะได้เอาคืนแม่งคงสนุกแบบเต็มกลืนเมื่อมีไอ้เกี้ยวรู้อดีตของเราเพิ่มอีกคน
“แฟนสวยนี่หว่าคบกันนานยังวะถามจริง”
“อืม…กี่ปีนะที่รัก” ไอ้เกี้ยวหันไปจับมือเอยที่ยิ้มฝืนๆ
“สิบ...สิบปีแล้วมั้งคะ” เอยตอบช้าๆ เธอพยายามจะมองแต่หน้าไอ้เกี้ยว ในขณะที่ผมเผลอกำช้อนในมือแน่นถ้าสิบปีมันก็แสดงว่าเธอทิ้งผมไปคยกับไอ้เกี้ยวงั้นดิ
จริงดิ!
ตลกสิ้นดี!!
นี่ผมเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกับคนที่แย่งแฟนผมงั้นเหรอวะ!!!
ไม่ผิดหรอกตอนนั้นผมรู้ว่าเอยทิ้งผมไปคบกับคนอื่นทำไมมันบังเอิญได้ขนาดนี้วะเอยดูไม่รู้ว่าผมกับไอ้เกี้ยวเป็นเพื่อนกัน
“นานนะ…นับถือใจเลยว่ะที่ยังมั่นคงต่อกันได้เห็นเกี้ยวบอกว่าเธอไปเรียนเมืองนอก”
“จริงๆแม่งก็ไม่ง่ายเลยมึงแต่เอยเค้าซื่อสัตย์กับกูไง” ไอ้เกี้ยวยิ้มภูมิใจให้คนรักแต่ผมอยากจะบอกแม่งใจจะขาดว่ามันไม่จริง
“มึงโชคดีว่ะไอ้เกี้ยวกูชักจะอิจฉามึงแล้วดิ”
“ฮ่าๆ …มึงก็รีบหาแฟนซะทีโสดนานเกินแล้วมึงอ่ะ”
“งั้นกูจะจีบเพื่อนเจ้าสาวซักหน่อย โทษนะเพื่อนเธอนี่ยังมีโสดๆ เหลือมั้ย” ผมจ้องเอยพร้อมด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริง
เอยไม่ยิ้ม
แต่
ไอ้เกี้ยวหัวเราะร่า
“ไมร่าไงที่รัก” ไอ้เกี้ยวเอ่ยชื่อเพื่อนเอยออกมา
“เกี้ยว…” เสียงเอยเหมือนไม่พอใจเล็กๆ ที่ไอ้เกี้ยวสนุกไปกับการพูดเล่นของผม
“เราพูดจริงนะถ้าเพื่อนเธอไม่รังเกียจเราก็ยินดี”
“เห็นมั้ย?” ไอ้เกี้ยวเอาแขนกระแทกแขนเอยเบาๆเหมือนจะสนุกที่จะได้เป็นพ่อสื่อ
“ไว้…เราจะแนะนำให้นะ”
“ขอบคุณนะ” ผมยิ้มจนตาหยีต้องทำหน้าให้ดูมีความสุขที่สุดจะให้เอยรู้ไม่ได้ว่าผมรู้สึกกับเอยยังไงการสนทนาเริ่มจะเงียบลงไปเอง
ผมมองไอ้เกี้ยวที่ปกติดีทุกอย่างพูดคุยหยอกล้อเอาใจและพูดคำหวานใส่ว่าที่ภรรยาต่างกับฝ่ายหญิงที่ชอบทำหน้านิ่งคิ้วย่นแถมจริงจังในบางครั้งคงกำลังเครียดอยู่สินะ
เอยมักหันมามองผม
เหมือนเอยคง…
มีบางอย่างอยากจะเคลียร์