ครืด ครืด~
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือปลุกศิลาให้ตื่นขึ้น หลังจากเผลอหลับไปตอนที่กลับมาถึงบ้านและส่งน้องบลิ๊งก์กลับเข้าบ้านเป็นที่เรียบร้อย
“ฮัลโหลครับ” เสียงสะลึมสะลือของศิลาเอ่ยตอบรับปลายสาย
“เพิ่งตื่นหรอ” อาโปถาม
“ผมเผลอหลับไปอ่ะพี่”
“อ่อ พี่เสร็จธุระแล้ว กำลังจะเข้าไปรับนะ”
ศิลาได้ยินแบบนั้นก็เลยยกโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ออกเพื่อจะดูเวลา
17:30 น.
“อ่อครับ”
“เดี๋ยวถึงแล้วพี่บอกนะ”
“ครับๆ”
ศิลาวางโทรศัพท์ลงข้างตัวหลังจากที่ปลายสายตัดสัญญาณไป ก่อนจะบิดขี้เกียจเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าตามกล้ามเนื้อที่หลงเหลืออยู่จากการที่เขาเผลอหลับไปบนโซฟาที่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่น ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วกลับมานั่งดูทีวีต่อเพื่อรออาโปมารับ
ไม่นานนักเสียงรถยนต์ของอาโปก็เข้ามาจอดเทียบประตูหน้าบ้าน ศิลาชะโงกหน้ามองพอเห็นว่าเป็นรถของอาโปก็เตรียมจะวิ่งออกไปหน้าบ้านทันที
“ใครมาอ่ะลูก” แม่ของศิลาเอ่ยถาม
“เพื่อนครับ” ศิลาตะโกนตอบขณะที่กำลังวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน
สองมือเล็กเลื่อนประตูรั้วที่หน้าบ้านให้เปิดออกแล้วยืนมองรถยนต์ที่คุ้นตาที่จอดนิ่งอยู่ตรงหน้า
“พร้อมยัง” อาโปเอ่ยทักศิลาที่ยืนอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้านทันทีที่ลงจากรถ
ศิลาไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแต่ยิ้มกว้างแล้วก็พยักหน้ารัวๆ
“งั้นก็ไปกัน”
อาโปวิ่งไปเปิดประตูฝั่งคนนั่งในขณะที่ศิลาค่อยๆ เลื่อนประตูรั้วบ้านให้ปิด ก่อนจะหันหลังกลับมาเดินขึ้นรถ อาโปพอเห็นคนน้องขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว ก็ปิดประตูแล้ววิ่งกลับไปฝั่งคนขับแล้วออกตัวให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าทันที
ถนนในกรุงเทพช่วงที่เป็นเวลาเลิกงานแบบนี้คือหายนะ ความตั้งใจที่อาโปอยากจะไปให้ถึงร้านอย่างเร็วที่สุดต้องหยุดชะงักลงเมื่อเจอการจราจรที่ติดขัดขนาดนี้ ยิ่งถนนเส้นลาดพร้าวที่พวกเขากำลังใช้เดินทางอยู่ในตอนนี้ยิ่งขึ้นชื่อเรื่องรถติดแบบนรกแตก รถของอาโปจอดแน่นิ่งมาครึ่งชั่วโมงแล้ว แบบไม่ขยับเลยสักนิด
ทั้งคู่ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก เพราะรู้สึกเบื่อที่จะต้องนั่งอึดอัดอยู่บนรถแบบนี้ หิวก็หิว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ เพราะถนนก็แน่นขนัดไปด้วยรถ อาโปเลยตัดสินใจแหกกฎตัวเองที่จะไม่เล่นมือถือตอนขับรถ หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เสียงเพลงบนรถยังคงเล่นไปเรื่อยๆ ตามเพลย์ลิสท์ที่อาโปได้เปิดไว้ตั้งแต่ตอนแรกที่ขับรถออกมาจากบ้านของศิลา
อาโปเปิดเช็คโซเชียลของตัวเองไปเรื่อยๆ จนมาจบที่ไอจี เขาเลื่อนดูรูปและกดไลก์ไปตามประสา ก่อนจะมาไล่ดูสตอรี่ของเพื่อนๆ เขาแต่ละคน จนสุดท้ายก็ต้องมาสะดุดที่สตอรี่ไอจีของศิลา เมื่ออาโปเปิดดูแล้วพบว่าเมื่อเช้าน้องไปวัดมากับบุคคลปริศนาที่อยู่หลังกล้อง
เอาจริงๆ อาโปคงไม่รู้สึกอะไรนักหรอกถ้าดูเพียงสตอรี่อย่างเดียว แต่เพราะไม่รู้อะไรดลใจให้อาโปกดเปิดเสียงสตอรี่จึงทำให้ได้ยินเสียงผู้ชายที่เป็นตากล้องกำลังถ่ายศิลาตอนให้อาหารปลา
‘ปังไม่ไหวว โยนไปไกลเวอร์’
แล้วเสียงคนถือกล้องถ่ายนั้นก็ช่างคุ้นเสียเหลือเกิน
“ดูสตอรี่ผมเหรอพี่” ศิลาเอ่ยทักทันทีที่ได้ยินเสียง
“อ่อ ใช่ๆ ไปกับเพื่อนมาหรอ”
“ไปกับน้องข้างบ้านอ่ะพี่”
อาโปสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น “น้องคนนั้นอ่ะเหรอ”
“…”
“ที่เจอที่สยามใช่ป่ะ” อาโปถามย้ำ
“ใช่พี่ มีไรเปล่า” ศิลาถามกลับเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย
“เปล่าๆ แค่แปลกใจ ทำไมยังไปด้วยกันอีก”
“ก็น้องมันอยู่กับผมทุกปีอ่า ตั้งแต่เด็กแล้ว ปีนี้ผมก็เลยชวนไปด้วยกัน”
“อ่อ..” พี่อาโปน้ำเสียงอ่อนลง “ไม่เห็นชวนพี่เลย”
“ก็พี่บอกว่าติดธุระ”
“เออว่ะ ก็จริง” อาโปหลุดขำออกมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกขมขื่นก็ตาม
“เห็นมะ ชวนพี่ก็ไปไม่ได้อยู่ดี”
อาโปพยักหน้ารับหงึกๆ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “แล้ว.. กลับไปคุยกับน้องมันแล้วเหรอ”
“ก็คุยปกตินะพี่ ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย”
“อ่าว แล้วที่สยามวันนั้น” อาโปถามต่อ สีหน้ามีความลุ้นอยู่ในตัว
“ผมบอกแล้วว่าพี่น้องกัน วันนั้นน้องเขาก็โวยวายเป็นปกติแหละ คนมันเฮิร์ทอ่ะเนาะ แผลสดขนาดนั้น แต่ตอนนี้ได้คุยกันแล้ว ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย”
“อ่อ..”
“ก็เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมแหละ”
“ดีใจจัง..” อาโปเผลอยิ้มออกมา
“ยิ้มอะไรพี่”
“เปล่าๆ”
“แต่จริงๆ .. วันนี้น้องก็มาบอกนะว่ายังชอบผมอยู่อ่ะ”
“แล้ว?” พี่อาโปเริ่มใจไม่ดีอีกครั้ง
“ผมนับถือน้องบลิ๊งก์นะ ที่มั่นคงขนาดนี้ ก็ดีใจแหละ”
“…” พี่อาโปนิ่งไป
“แต่กับบลิ๊งก์ผมให้ได้แค่พี่น้องจริงๆ”
“อ่อ..”
“นั่นแหละ” ศิลามีท่าทางเคอะเขินเล็กน้อย เหมือนเป็นสัญญาณบางอย่างให้อาโปเริ่มรับรู้
“แล้วถ้ากับพี่ล่ะ อยู่ในฐานะอะไรได้บ้าง” อาโปเสี่ยงวัดดวงเอ่ยถามออกไป
“ไม่บอก” ศิลาแลบลิ้นล้อเลียนคนข้างๆ
“ไม่อยากรู้ก็ได้..” อาโปแกล้งทำน้ำเสียงประชดประชัน ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาบางๆ เพราะอดเอ็นดูศิลาไม่ไหว
“พี่น้อง!” ศิลาเอ่ยสวนขึ้นมา
“หื้ม?”
“พี่น้อง..” ศิลาหันมองหน้าอาโป ในขณะเดียวกันอาโปก็หันมาสบตากับคนน้องพอดี
“พี่น้อง...” อาโปพูดย้ำ
“...ที่สนิทกัน...” ศิลาพูดต่อแล้วเว้นวรรคเป็นจังหวะหายใจ “...มากเป็นพิเศษ..”
“อ่อ..” อาโปเอ่ยพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม “ก็ยังดี”
“ดียังไง”
“อย่างน้อยก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมานิดนึงไง” อาโปพูดจบก็เอื้อมมือมายีหัวศิลาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ขยับรถตามรถคันหน้าไป
เอาจริงๆ จนถึงตอนนี้อาโปกลับรู้สึกว่าอยากให้รถติดแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ นานกว่านี้ก็ย่อมได้ ไม่อยากให้การจราจรกลับไปเคลื่อนตัวได้ดีเลยด้วยซ้ำ เพราะเขารู้สึกได้ใช้เวลากับศิลาเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคย มันรู้สึกส่วนตัวและศิลาเองก็ค่อนข้างสบายใจในการจะพูดอะไรๆ ออกมา อาโปเองก็แอบคาดหวังว่าหลังจากนี้พอลงรถไปแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับศิลาจะก้าวไปได้ไกลมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้