1เดือนผ่านไป
“ผมหาเธอไม่เจอเลยครับนาย สะพานที่เธอเคยไปนั่งขอทานก็ไม่มี ถามคนแถวนั้นก็บอกว่าตั้งแต่พ่อเธอเสียก็ไม่เคยเห็นเธอเลยครับ”
หลังจากที่ธันย์ได้รับคำสั่งให้ตามหาลูกสาวคนขอทาน แต่กลับไม่พบเจอเเม้เเต่เงาและไม่ทิ้งล่องลอยอะไรไว้ให้พวกเขาตามเจอแม้แต่นิดเดียว
“กูสั่งงานไหนพวกมึงไม่เคยพลาดแต่ผู้หญิงขอทานเเค่คนเดียวพวกมึงกลับหาไม่เจอ” แผ่นดินตะหวาดใส่ลูกน้องอย่างเสียงดัง
“ผมขอโทษครับนาย”
“ออกไป”
“ครับ” ธันย์รีบโค้งตัวและเดินออกไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!
“เข้ามา”
“ขออนุญาตค่ะคุณแผ่นดิน ป้าว่าจะออกไปตลาดคุณแผ่นดินอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” ป้าเขียนเดินเข้ามาหาแผ่นดินเพื่อถามว่าวันนี้จะรับประทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าเพราะวันนี้นานิจะมากินข้าวด้วยที่บ้าน
“ป้าเขียนก็รู้ว่านานิชอบกินอะไร ป้าเขียนก็ทำเลยครับ”
“ค่ะ”
“เอ่อ ป้าเขียนครับรับแม่บ้านมาอีกคนก็ได้นะครับ ป้าเขียนจะได้ไม่เหนื่อยมากจะได้มีคนช่วยเเบ่งเบาภาระ ผมให้ป้าเขียนเป็นคนจัดการเลยครับ”
“ได้ค่ะคุณแผ่นดิน” ป้าเขียนดีใจที่จะได้มีเพื่อนมาช่วยทำงานบ้านเพราะป้าเขียนรอเวลานานนี้มานานเเล้ว
ด้านเอวา
ดวงตาคู่สวยแหงนมองดูท้องฟ้า หญิงสาวใช้หลังมือปาดน้ำตาด้วยความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้า น้ำตาไหลออกมาเเทบเป็นสายเลือด เธอรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกถึงอดีตที่เลวร้าย
“พ่อจ๋าเอวาหนื่อยเหลือเกิน เอวาคิดถึงพ่อ ฮื้อ” เอวานั่งร้องไห้ในขณะที่มือกำลังล้างจานอยู่
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเอวาได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่เพื่อให้ใกล้มหาวิทยาลัยและที่ทำงานจะได้สะดวกในการเดินทาง
“เอวาล้างจานเสร็จยังมันใกล้จะเลิกงานแล้วนะชักช้าอยู่ได้” เจ้าของร้านหมูกะทะชักสีหน้าอย่างหงุดหงิด
“ล้างเสร็จแล้วค่ะ” เอวารีบตะโกนบอกเจ้าของร้าน
“อ๊ะ นี้ค่าจ้างวันสุดท้ายของเธอ”
“มะ หมายความว่ายังไงคะ?”
“ก็หมายความว่าฉันไล่เธอออก ฉันต้องการคนที่ทำงานประจำทุกวัน ไม่ใช่พนักงานชั่วคราวอย่างเธอแล้วอย่าลืมเก็บเสื้อผ้าข้าวของของเธอออกไปด้วยนะจะได้ให้น้องใหม่เข้ามาอยู่ต่อ” พูดจบเจ้าของร้านก็ยื่นเงินให้เธอและเดินเข้าไปในร้านโดยไม่ใยดีเธอแม้เเต่นิดเดียว
เอวายืนกำเงินห้าร้อยบาทเป็นค่าจ้างวันสุดท้ายที่เธอจะได้รับ เธอยืนเช็ดน้ำตาและรีบเข้าไปเก็บข้าวของออกจากร้านนี้ไป
“แล้วเอวาจะหาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทรอมละ ฮื้อ” เธอนั่งร้องไห้อยู่ใต้สะพานหลังจากที่ได้เก็บกระเป๋าออกจากร้านมา
ตลาดฯ
“คุณนานิชอบกินผัดผักรวมมิตร ยำเห็ดออรินจิกุ้งสด ข้าวผัดน้ำพริกกะปิ ของแค่นี้ก็น่าจะพอ” ซื้อของเสร็จป้าเขียนรีบเดินออกมาเพื่อจะรีบขึ้นรถกลับบ้าน
“เอ๊ะ! คนขับรถหายไปไหนนะรถก็ไม่อยู่คงได้นั่งแท็กซี่กลับบ้านสินะ” ป้าเขียนรีบสาวเท้าเดินเพื่อรีบกลับบ้านในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น ป้าเขียนได้ชำเรืองตาไปเห็นหญิงสาวร่างบางที่ดูน่าสงสาร ป้าเขียนเลยตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“อ่าวหนู! เป็นอะไรทำไมถึงมานั่งร้องไห้อยู่ใต้สะพานละ” ป้าเขียนเอ่ยถามหญิงสาวอยู่ตรงหน้าเพราะเธอดูน่าสงสารมาก ป้าเขียนเลยอดที่จะเข้าไปถามไม่ได้
“หนูตกงานค่ะ หนูไม่มีที่ไป”
“แล้วหนูก็มานั่งร้องไห้ใต้สะพานเนี่ยนะไม่กลัวโดนฉุดหรอ”
“ปกติหนูก็นั่งอยู่แล้วค่ะ เพราะพ่อของหนูเป็นขอทานแต่ตอนนี้เขาได้จากหนูไปแล้วค่ะ”
ด้วยความที่น่าสงสารบวกกับใบหน้าอันสวยหวานของสาวน้อยอยู่ตรงหน้าทำให้ป้าเขียนรู้สึกอดใจไม่ได้ที่จะไม่ช่วยเหลือ
“หนูไปทำงานกับป้าไหมเป็นแม่บ้าน ป้ากำลังจะหาเพื่อนอยู่พอดีสนใจไหมรายได้ดีด้วยนะ”
“ป้าไม่กลัวหนูหรอคะ”
“ป้าไม่กลัวหนูหรอกเจ้านายที่บ้านน่ากลัวกว่าเยอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พูดจบป้าเขียนก็หัวเราะออกมากอย่างชอบใจ
บ้านแผ่นดิน
“ป้าคะทำไมบ้านมันถึงใหญ่และสวยขนาดนี้คะหนูไม่เคยเห็นเลย” ดวงตาเบิกกว้างเอเวาไม่เคยเจอบ้านที่สวยขนาดนี้มาก่อนแถมยังมีบอดี้การ์ดล้อมบ้านเต็มไปหมด
“ไปนั่งรอป้าอยู่หลังสวนก่อนนะ เดียวป้าไปรายงานเจ้านายป้าก่อน”
“ค่ะ” เอวาตอบรับและก้มหัวลงเล็กน้อยและเดินออกไป ป้าเขียนมองตามหลังเอวาทำไมถึงรู้สึกชอบเด็กคนนี้จังนะ
“ป้าเขียนมายืนทำไรครับ”
“อ่าว! คุณแผ่นดินป้าว่าจะขึ้นไปหาอยู่พอดีเลยค่ะ”
“มีอะไรครับ”
“เอ่อ คือว่าป้าพาแม่บ้านคนใหม่มาสมัครงานค่ะ”
“แล้วแต่ป้าเขียนเลยครับ ขออย่างเดียวอย่าเด็กก็พอผมกลัวนานิจะไม่ชอบ”
“เอ่อ คือ..”
“ถ้ายังเด็กอยู่ผมไม่รับครับ” แผ่นดินไม่รอฟังคำตอบรีบเดินออกจากบ้านไปทันที
“เฮ้อ! ป้าเขียนถอนหายใจเบาๆ”
ด้านเอวา
ตุ๊บ!! โอ้ย!!
“ขอโทษคะ” มือเล็กพยายามพยุงตัวเองขึ้น เธอถือวิสาสะเดินดูบรรยากาศรอบๆ บ้านเพราะเธอไม่เคยเห็นบ้านสวยขนาดนี้มาก่อน
“นี้ เธอเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง!”
“คะ...คุณนี้บ้านคุณหรอ?”
“มีอะไรกันหรอคะ” ป้าเขียนรีบวิ่งเข้ามาดูหลังจากได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย
“นี้มันอะไรกัน” แผ่นดินมองไปยังป้าเขียนสลับกับมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
“เอ่อ คือ ว่าป้าเป็นคนพาเธอเข้ามาเองคะ ถ้าคุณแผ่นดินไม่รับเดียวป้าพาเธอกลับเดียวนี้แหละคะ” ว่าจบป้าเขียนก็รีบดึงมือเอวารีบพาออกจากบ้าน
“เดี๋ยว! ถ้าเธออยากทำงานอยู่ที่นี้เธอต้องทำทุกอย่าง”
“ไหวค่ะ เอวาไหว” เธอข่มอารมณ์ไว้ใต้ก้นบึ้ง
“ส่วนที่พักก็อยู่หลังสวน อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ออกไป”
“แต่คุณแผ่นดินคะนั้นมันห้องเก็บของนะคะ” ป้าเขียนรีบสวนขึ้นเด็กตัวเล็กๆ บอบบางขนาดนี้จะไปอยู่หลังสวนคนเดียวได้ยังไงถึงจะมีบอดี้การ์ดคุ้มกันล้อมบ้านก็เถอะ
“เอวาอยู่ได้คะ ป้าเขียนพาไปหน่อยได้ไหมคะ” เธอรีบตอบขึ้นพร้อมกับเดินไปจับมือป้าเขียนให้พาไปยังห้องที่เธอจะพัก
หลังจากนั้นเอวาได้เก็บข้าวของไว้ในห้องและทำความสะอาดใหม่ทั้งหมด ในห้องนั้นมีแค่ตู้เสื้อผ้าส่วนที่นอนเธอก็เอาผ้าห่มที่ติดตัวมา มาทำเป็นที่นอน
“เฮ้อ! เหนื่อยจังกว่าจะทำความสะอาดห้องเสร็จ” เอวาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการกวาดห้อง เธอรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากนั้นเธอก็พล็อยหลับไป
แกร็ก แอ๊ด~
เสียงประตูห้องเอวาดังขึ้นในเวลา4ทุ่ม หลังจากที่เธอพล็อยหลับไป เธอรู้สึกเหมือนมีใครมายืนจ้องมองเธออยู่
“อื้อ~ กี่โมงแล้วเนี่ยเสียงหญิงสาวครวญครางอยู่ในลำคอ เธอลืมตาขึ้นมาตกใจสุดขีด
“กรี๊ด!!”