บทที่ 5 ลูกหมาตามติดแม่

2372 Words
เราสองคนนั่งกินข้าวกันแบบเงียบ ๆ จนอาหารหมดเกลี้ยงทุกอย่าง แม้แต่น้ำเปล่าเราก็ยังดื่มจนหมดแก้ว ไม่เหลือเลยสักหยด เปอร์ยกมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน “เปอร์เลี้ยง” เขาพูดขึ้นมาพลางคว้ามือฉันไปจับไว้ขณะที่ฉันกำลังเปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อที่จะจ่ายค่าอาหารเอง ฉันถลึงตาใส่เขาแล้วดึงมือตัวเองออกจากมือของเขา ทว่าเขาจับมือฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ และไม่มีท่าทีว่าจะเกรงกลัวฉันเลยสักนิด พนักงานที่ยืนรอรับเงินเห็นว่าเรายื้อกันไปมาก็อมยิ้ม เขาอาจจะคิดได้ว่าเราเป็นคู่รักกันก็เป็นได้ “เปอร์!” ฉันกดเสียงต่ำแล้วพยักพเยิดไปทางพนักงานที่ยืนอยู่ คนที่แต๊ะอั๋งฉันก็ยอมปล่อยมือฉันออกแล้วหยิบเงินจากกระเป๋าตัวเองจ่ายให้พนักงานไป ฉันทำตัวไม่ถูกเพราะเมื่อกี้ก็เขินอยู่เหมือนกันที่ถูกเขาจับมือแล้วยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์อยู่แบบนั้น หัวใจก็ดันเต้นแรงขึ้นมาอีกจากสัมผัสของเขา ฉันก็เลยลุกหนีออกจากร้านไปก่อน “รอด้วยดิพี่เดียร์” เปอร์เรียกฉันไว้แต่ฉันก็ไม่หยุดเดิน รีบเลี้ยวเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้กันกับร้าน เขาจะได้ตามมาไม่ได้ ฉันยกมือขึ้นกุมหัวใจตัวเองที่มันยังเต้นแรงอยู่เรื่อยเวลาที่อยู่กับเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาจับพวงแก้มที่รู้สึกเห่อร้อนอยู่ในตอนนี้และเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออีกแล้ว เมื่อควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เป็นปกติแล้วถึงได้ออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเดินมาแล้วก็เจอเขายืนรออยู่ข้างหน้า “เปอร์ซื้อมาให้” เขายื่นแก้วชานมไข่มุกมาให้ ฉันมองนิ่ง ๆ พลางคิดว่าจะรับดีไหม เปอร์ก็ดึงมือฉันขึ้นมาจับแก้วชานมไข่มุกไว้ไม่รอให้ฉันตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่ หากฉันปล่อยมือแก้วก็คงตกลงไปที่พื้น ถ้าเป็นแบบนั้นน้ำชานมต้องเลอะไปหมดแน่ ๆ ฉันเลยต้องจำใจจับไว้แน่น เป็นของชอบของฉันซะด้วยหากจะทิ้งก็เสียดายแย่ และคนหน้ามึนที่เอาแต่ยิ้มให้ก็คงไปซื้อมาใหม่แบบไม่ย่อท้อ ฉันก็เลยดูดกินซะเลยให้จบ ๆ ความหวานมันกับไข่มุกหนึบ ๆ นี่ชื่นใจจริง ๆ ฉันเดินนำเปอร์มาทางที่ขายของกินของใช้ต่าง ๆ “ซื้อของเหรอ” ฉันไม่ตอบเขา ก็เดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ตก็ต้องเข้ามาซื้อของอยู่แล้วนี่เปอร์ไม่ถามอะไรต่อ เขาเดินไปดึงรถเข็นมาหนึ่งคันแล้วเข็นตามหลังฉันมา ฉันเดินมาทางแผนกของสดเป็นอันดับแรก “ซื้อผักไปทำไรเหรอ” เขาถามขึ้นมา ในตอนที่ฉันเลือกผักต่าง ๆ ใส่ถุงเพื่อที่จะเอาไปชั่งน้ำหนัก หันไปมองหน้าเขาแล้วขมวดคิ้วมุ่น แล้วฉันจะซื้อผักไปทำอะไรได้ล่ะนอกจกทำกับข้าว “ทำกับข้าวใช่ปะ เปอร์ก็ถามไม่คิดเลยเนอะ” เปอร์ยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมา เขาลูบท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทางเขิน ๆ ฉันส่ายหน้าแล้วเอาถุงผักมากมายส่งให้พนักงานไปชั่งนั่งน้ำหนัก และรับกลับมาใส่ไว้ในรถเข็น เดินไปตรงโซนเนื้อสัตว์แล้วมองสำรวจว่าจะตักอะไรไปบ้างดี “หมู ไก่ เอาไปให้ครบเลยพี่เดียร์” คนข้าง ๆ เอ่ยขึ้นมา ฉันแค่หันไปมองแล้วไม่ได้พูดอะไรตอบ ก็คงต้องเอาไปหลายอย่างจะได้ทำได้หลายเมนูหน่อย “เอาเบคอนปะ ยี่ห้อนี้อร่อยน้า” เขาไปเปิดตู้แชร์แล้วเอามาถามฉัน ฉันพยักหน้าตอบเขาไปแทนคำพูด คนตัวสูงวางเบคอนลงในรถแล้วเข็นตามฉันต่อ “ปลาด้วยมั้ยพี่เดียร์ เปอร์ชอบกินปลา” ฉันจ้องหน้าเขาแล้วขมวดคิ้วมุ่น เขาชอบกินปลาแล้วมันเกี่ยวกับฉันตรงไหนกัน และฉันก็ไม่ได้หยิบมาด้วย ฉันเดินไปเรื่อย ๆ จนมาถึงชั้นที่มีแต่นมกล่อง เลือกยี่ห้อที่กินประจำใส่รถเข็นลงมาสามแพ็ก และเลือกนมเปรี้ยวมาอีกหนึ่งแพ็ก เปอร์มองนมกล่องในรถแล้วมองหน้าฉัน “กินหมดเหรอ” ถามแปลกอีกแล้ว ถ้าคิดว่าจะไม่กินให้หมดฉันจะซื้อไปทำไมเยอะแยะ ฉันไม่ได้ตอบคำถามของเขาอีกเหมือนเดิม เพราะคิดว่าคำถามพวกนี้ไม่ได้น่าตอบอะไร “เดียร์ชอบกินนมนี่เนอะ แค่นี้หมดอยู่แล้ว” เขาพูดแล้วยิ้มกว้างจนตาหยี ฉันส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา ถ้าคิดแบบนี้ก่อนก็คงไม่ต้องถามแบบเมื่อกี้ ฉันเลี้ยวเข้ามาทางโซนขนม เลือกมาหลายอย่างจนแทบเต็มรถเข็น เอาไว้กินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็หมด เปอร์มองด้วยความตะลึงที่ฉันเลือกไปเยอะขนาดนั้น แต่คราวนี้เขาไม่ได้ถามอะไรออกมาแล้ว คงกลัวว่าถามมาแล้วฉันก็ไม่ตอบอีกมั้ง จริง ๆ ฉันก็แค่พยายามจะไม่สนใจเขามาก แต่เขาก็ทำหน้าที่เข็นรถเข็นเดินตามมาต้อย ๆ “รสนี้ออกใหม่เปอร์เห็นในทีวีน่าอร่อยดีนะ เอาไปลองหน่อยปะ” เปอร์หยิบถุงขนมมายื่นให้ฉันดู ฉันเองก็ลืมไปเลยว่ามีรสใหม่ ฉันรับจากมือเขามาแล้วใส่ลงในรถเข็น แอบเห็นว่าเขายิ้มอย่างดีใจจนรู้สึกเวอร์ไปหน่อย ฉันเดินต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าเจออะไรที่น่าสนใจก็ค่อยหยิบมา จนกระทั่งเดินจนทั่วแล้วก็ไม่ได้หยิบอะไรมาเพิ่มอีก “ซื้อครบแล้วเหรอ” เขาถามขึ้นมาขณะที่ฉันเดินไปทางเคาน์เตอรเพื่อจ่ายเงิน ฉันพยักหน้าให้เขาแทนคำพูด แค่นี้ฉันก็ทำกินไปได้หลายวันแล้ว เปอร์ดันตัวฉันออกแล้วเขาก็เอาของในรถเข็นขึ้นวางให้ แต่ฉันก็เอื้อมหยิบวางด้วยเหมือนกัน ทว่าเขาคอยปัดมือฉันออกจะไม่ยอมให้ฉันทำเลยสักอย่าง “เปอร์” ฉันพูดเสียงดุ “เดี๋ยวทำเอง” เขาตอบกลับมาและยังปัดมือฉันออกอีก ฉันก็เลยไปยืนด้านข้างแล้วรอดูของที่พนักงานหยิบวางรวมไว้ ขณะที่รอฉันก็เตรียมเงินไว้ด้วย เปอร์มองเงินในมือของฉันแล้วกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาล้วงกระเป๋าสตางค์ของตัวเองขึ้นมา ก็คงจะจ่ายให้ฉันอีก “หยุดเลยนะ” ฉันพูดเสียงแข็งแล้วรีบส่งเงินในมือให้กับพนักงาน เปอร์ทำหน้าเสียดายที่แย่งฉันจ่ายไม่ได้อีก “อยากเลี้ยง” “ไม่ต้อง” ฉันทำหน้าตึง เมื่อกี้ก็เลี้ยงข้าวฉันไปแล้วยังจะต้องมาจ่ายค่าของพวกนี้อีกทำไมกัน “ทำไมอะ” “จะมาจ่ายให้ทำไม เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยนะ” ฉันพูดแค่นั้นเปอร์ก็ยังทำหน้าเซ็งอยู่ดี แต่เขาก็ไม่ได้เถียงฉันต่อแล้ว เขายังเข็นรถเข็นให้ฉันต่อจนมาถึงที่รถ เราช่วยกันเอาของมากมายพวกนี้ใส่รถแล้วฉันก็ขึ้นนั่งที่คนขับ เปอร์ก็รีบขึ้นรถตามมาราวกับกลัวว่าฉันจะทิ้งเขาเอาไว้ที่นี่ ตลอดทางที่กลับมาที่คอนโดเราไม่ได้คุยอะไรกันเลยสักคำ มีเพียงเสียงเพลงในรถที่ช่วยให้บรรยากาศไม่เงียบจนเกินไป พอมาถึงคอนโดแล้วเปอร์ก็ช่วยถือของจนเต็มสองมือ เขาจะไม่ให้ฉันถืออะไรเลยสักอย่าง แต่แค่นมกล่องเขาก็หนักแล้ว ฉันก็เลยแย่งมาถือบ้าง “ขอบคุณมาก วางไว้ตรงนี้แหละ” ฉันเอ่ยขึ้นมาเมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง หากจะไม่ขอบคุณเขาเลยก็คงไม่ดี เพราะยังไงเขาก็ช่วยหิ้วของมาให้ตั้งเยอะแยะขนาดนี้และทั้งหมดก็เป็นของฉันเอง หากเขาไม่ได้มาช่วยฉันก็คงทุลักทุเลพอสมควรเลย “วางสิ” ฉันเอ่ยอีกครั้งเพราะเขาไม่ยอมวางไว้ที่พื้นหน้าห้องตามที่ฉันบอก “เปิดประตูเลย เดี๋ยวเปอร์เอาเข้าไปในห้องให้” “ไม่ต้อง” “ของมันหนักมาก เดี๋ยวพี่เดียร์เหนื่อย” เปอร์ยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออก “วางไว้แล้วก็กลับห้องตัวเองไปเลย” ฉันเรียกสติกลับมาแล้วตะคอกใส่เขา เราไม่ได้เป็นอะไรกันเขาจะเข้าห้องของฉันไม่ได้ แต่พอฉันใส่อารมณ์ไปเปอร์ก็เงียบ และรอยยิ้มก็พลันหายไป สีหน้าของเขาเศร้าลงทันที โดยเฉพาะแววตาของเขาที่เศร้าหมองลงจนหัวใจของฉันกระตุกวูบ เขาทำหน้าแบบนี้ทีไรฉันก็รู้สึกไม่ดีทุกที “เปอร์แค่เป็นห่วง ก็เลยอยากเอาของเข้าไปวางไว้ให้ เปอร์สัญญาว่าพอวางเสร็จแล้วจะกลับออกมาเลย” แม้แต่น้ำเสียงของเขายังเศร้าเลย ทำให้ใจฉันอ่อนยวบเพราะทนเห็นเปอร์ซึมแบบนี้ไม่ได้ ฉันหงุดหงิดตัวเองเหมือนกันที่แพ้ให้กับท่าทางแบบนี้ของเปอร์อยู่เรื่อย ขนาดว่าเราเลิกกันไปนานแล้วฉันก็ยังไม่อยากเห็นเขาเศร้าเลย อยากเห็นเขาในท่าทางที่ยียวนและสดใสของเขามากกว่า ฉันเปิดประตูห้องออกกว้างแล้วเดินนำคนตัวสูงเข้ามาข้างใน ข้าวของมากมายเปอร์หิ้วมาวางไว้ที่พื้น แล้วเอาเก็บไว้ในตู้เย็นให้อีกด้วย เปอร์กำลังจะทำให้ฉันสับสนในใจมากขึ้น ฉันสังเกตเขาตั้งแต่ที่ห้างแล้ว เขาพูดคุยและทำตัวเหมือนตอนที่เราคบกันไม่มีผิด หัวใจของฉันก็รอคอยมาตลอด ทว่าความเสียใจก็ยังจำไว้ไม่เคยลืม ฉันถึงได้สับสนกับตัวเองมากเหมือนกัน ก็ในตอนนั้นเขาทิ้งฉันไปในวันที่เรายังรักกันดีหรืออย่างน้อยก็เป็นฉันเองที่ยังรักเขาอยู่ “เหนื่อยจัง” เปอร์เดินไปนั่งที่โซฟาหน้าตาเฉย เสียงของเขาทำให้ฉันหยุดคิดอะไรเรื่อยเปื่อยและตวัดสายตาไปทางเขาทันที “เก็บเสร็จแล้วก็ออกไปสิ” ฉันพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ประตู ที่จริงเขาพูดว่าจะวางของไว้ให้แล้วออกไป แต่นี่ก็ถ่วงเวลาด้วยการจัดของเข้าที่ แล้วยังจะไปนั่งที่โซฟาต่อหน้าตาเฉยอีก “พี่เดียร์ไม่ให้เปอร์พักหน่อยหรือไง สงสารเปอร์บ้างสิครับ” เขาพูดให้ดูน่าสงสาร ฉันกลอกตาไปมาด้วยความเอือมระอาแล้วเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา “ออกไป!” ฉันชี้ไปที่ประตูอีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความหงุดหงิด ห้องของเขาอยู่ตรงข้ามกับห้องของฉันแค่นี้เอง เดินแค่นี้คงไม่เหนื่อยเพิ่มขึ้นอะไรนักหรอก “ไม่ไป” เปอร์ทำตัวดื้อขึ้นมาซะงั้น เขาเอาหมอนอิงมากอดไว้แน่นและทำหน้างอง้ำอย่างกับเด็ก ฉันนวดขมับของตัวเองพลางคิดว่าจะไล่ยังไง เขาทำท่าทางแบบนี้ฉันคิดว่าคงไม่ยอมออกไปง่าย ๆ แน่นอน “พูดเองนะว่าจะออกไปอะ” ฉันพูดเสียงเรียบเพราะเริ่มเหนื่อยกับความดื้อของเขาแล้ว เปอร์ไม่สนใจกับคำพูดของฉัน เหมือนเสียงของฉันเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาไปเลย ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเดินเข้าไปดึงแขนเขา ทว่าเขากอดหมอนอิงไว้แน่นแล้วไม่ยอมปล่อย ฉันเลยพยายามลากเขาแทนแต่ก้นเขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเลยสักนิด “เปอร์!” ฉันเท้าเอวแล้วจ้องหน้าเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง ฉันจะจัดการกับเขายังไงดี ไม่เคยคิดเลยว่าจะดื้อขนาดนี้ ไม่น่าหลวมตัวตอบตกลงให้เขาเข้ามาได้เลย หากเถียงกันหน้าห้องซะยังดีกว่า เพราะเปอร์อาจจะยอมแพ้แล้วกลับห้องตัวเองง่ายกว่านี้ก็ได้ “กลับไปได้แล้ว!” ไล่เขาอีกครั้ง “ขอพักให้หายเหนื่อยหน่อยสิค้าบ” เปอร์พูดแล้วทำหน้าง้ำเหมือนเดิม เขาสะบัดหน้าหนีสายตาดุของฉันไปทางอื่น ฉันยอมแพ้และปล่อยให้เขานั่งพัก หวังว่าเขาจะทำตามที่พูดนะ ทว่าผ่านไปเกือบสิบนาทีเขาก็ยังนั่งหน้างออยู่ สักครู่ก็เอาหมอนอิงวางไว้ที่เดิม และจะเอนตัวลงนอน ฉันรีบกระชากแขนเขาไว้จนเขาตกลงมาจากโซฟา “เจ็บนะพี่เดียร์” เปอร์ทำเสียงงอแงและลุกขึ้นยืน “ก็ออกไปสักทีสิ !” ฉันขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิด เขาหน้ามึนเกินไปจนรู้สึกว่ากำลังยั่วโมโหอยู่ “ยังไม่ไป” อยู่ ๆ เปอร์ก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก สายตาของเขาเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที ไม่เหลือคราบน้องเปอร์ที่แสนขี้อ้อนอีกต่อไป ฉันถอยหลังหนีเพราะสีหน้าของเขาตอนนี้ไม่ได้น่าไว้วางใจเลยสักนิด เปอร์เดินเข้ามาช้า ๆ ราวกับหาเวลาที่จะตะครุบตัวฉันไว้ ทว่าหลังของฉันชนเข้ากับผนังเข้าพอดี พลันสองแขนแกร่งก็กักตัวฉันไว้ด้วยความรวดเร็ว ฉันหลบหนีเขาไม่ได้ ใบหน้าหล่อเลื่อนเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นจนฉันเห็นผิวหน้าของเขาชัดเจน หัวใจของฉันเต้นแรงจนแทบแย่ อีกทั้งยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง จะใกล้มากเกินไปแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD