bc

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู

book_age16+
87
FOLLOW
1K
READ
HE
like
intro-logo
Blurb

หลินซือหยู หญิงสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกจี้หยกพาดิ่งสู่อดีตอันโหดร้ายของเมืองฉางอานแห่งราชวงศ์ถัง เธอต้องเผชิญกับกบฏ สงคราม ความรัก และโชคชะตาที่ผูกพันกับแม่ทัพจ้าวหย่งเฉิน จี้หยกกลายเป็นทั้งพลังแห่งความหวังและคำสาป เธอจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หรือยอมสละทุกสิ่งเพื่อคนที่รักได้หรือไม่?

chap-preview
Free preview
บทนำ : รอยร้าวแห่งกาลเวลา
ซู่ๆๆ สายฝนโปรยลงมาอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้ามืด มันช่างน่าแปลก ปกติแล้วช่วงฤดูร้อนแบบนี้มักไม่ค่อยมีฝนตกลงมาสักเท่าไหร่ แต่ปีนี้สภาพอากาศดูแปรปรวนกว่าที่ผ่าน ๆ มา ท้องฟ้าทั้งผืนเป็นสีเทาหม่นขมุกขมัวเหนือเมืองหลวงในวันนี้ดูราวกับเป็นผ้าม่านที่กำลังปิดบังบางสิ่งเอาไว้ เป็นวันที่ไม่สดใสเอาเสียเลย... หลินซือหยูคิดพลางยืนนิ่งอยู่หน้าตึกสูงของมหาวิทยาลัย เธอเปียกฝนเล็กน้อย มือกำโทรศัพท์แน่นจนข้อนิ้วซีด เพราะเธอเพิ่งได้รับข้อความจากอาจารย์ที่ปรึกษามาหมาด ๆ ถ้าคุณยังส่งงานวิจัยไม่ทันภายในสิ้นเดือนนี้ ผมจะตัดคุณออกจากรายชื่อนักศึกษา ผมยืดเวลามาให้คุณมากเกินไปแล้ว คำขู่ที่แสนเย็นชานั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความกลัว เธอสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติ อากาศชื้น ๆ จากฝนไหลซึมเข้าเต็มปอด แต่ไม่ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด ยิ่งเจอสภาพอากาศแบบนี้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกดิ่งไปกันใหญ่ “ทำไมชีวิตฉันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้เนี่ย!!” ซือหยูพึมพำกับตัวเอง น้ำตาคลอหน่วยที่ดวงตาทั้งสองข้าง เธอในวัยยี่สิบห้าปีไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีค่าเลยสักครั้ง ครอบครัวก็แตกแยก เพื่อนก็มีน้อย แถมการเรียนก็ดันกลายเป็นโซ่ตรวนล่ามเธอจากอิสระมากกว่าที่จะช่วยเติมเต็มความฝันของเธออย่างที่เคยปรารถนา ลมเย็นจากถนนที่รถราพลุกพล่านพัดผ่านมา ผมยาวสีน้ำตาลเข้มของเธอที่มัดไว้หลวม ๆ ปลิวไปตามแรงลม เธอถอนหายใจเบา ๆ ขณะมองกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นที่ทยอยลงมาจากรถบัสของมหาวิทยาลัย บางคนถือสมุดบันทึก บางคนสะพายกล้องถ่ายรูป เธอไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนดูตื่นเต้นกับการทัศนศึกษาในครั้งนี้มากขนาดนั้น สำหรับเธอ มันก็เป็นแค่วันหยุดที่ถูกขโมยไปโดยอาจารย์จอมเข้มงวดวิชา “ประวัติศาสตร์เอเชียยุคกลาง” ที่เพิ่งส่งข้อความขู่มาให้เธอเมื่อครู่ บอกให้พวกฉันมาทัศนศึกษาเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม... แต่ตัวอาจารย์เจ้าของวิชาดันไม่มาด้วยเนี่ยนะ! “ซือหยู รีบมาเซ็นชื่อเร็วเข้า!” เสียงแหลมใสของ หลี่เสี่ยว เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอในชั้นเรียนดังขึ้นจากด้านหน้าประตูพิพิธภัณฑ์ หลี่เสี่ยวโบกมืออย่างกระตือรือร้น ผมสั้นสีดำของเธอเด้งไปมา “พ่อฉันบอกว่าวันนี้พิเศษมาก มีของใหม่จากราชวงศ์ถังมาโชว์ด้วย” “รู้แล้วน่า!” ซือหยูยกยิ้มบางก่อนจะเอ่ยตอบสั้น ๆ แล้วลากขาเดินตามไป เธอหยิบปากกาจากกระเป๋าสะพายใบเก่าขึ้นมาเซ็นชื่อลงไปในสมุดที่หลี่เสี่ยวยื่นมาให้อย่างไม่เต็มใจนัก หลี่เสี่ยวเป็นลูกสาวของศาสตราจารย์หลี่ หัวหน้าทีมขุดค้นที่ดูแลการทัศนศึกษาในครั้งนี้ และนั่นทำให้หลี่เสี่ยวตื่นเต้นเกินเหตุกับทุกอย่างที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ต่างกับซือหยูเพราะเธอไม่เคยเข้าใจ ถึงแม้ว่าเธอจะเรียนประวัติศาสตร์มาเกือบสี่ปี แต่เธอก็ชอบอ่านตำรามากกว่าการมองของเก่าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับและฝุ่นแบบนี้ “เธอจะตื่นเต้นไปไหนเนี่ย” ซือหยูพูดหยอกขณะเดินตามหลี่เสี่ยวเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ กลิ่นเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศผสมกับกลิ่นไม้เก่าของพื้นโถงใหญ่ตีเข้าจมูก เธอมองไปรอบ ๆ เห็นป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ที่เขียนเอาไว้ว่า ‘นิทรรศการพิเศษ: สมบัติจากราชวงศ์ถัง’ “ก็มันพิเศษจริง ๆ น่ะสิ” หลี่เสี่ยวตอบกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริง “พ่อบอกว่ามีของชิ้นหนึ่งที่เพิ่งขุดเจอจากสุสานเก่า เป็นจี้หยกที่สวยมาก ๆ ยังไม่มีข้อมูลด้วยนะว่าจี้หยกชิ้นนี้เป็นของใคร” “เหรอ...” “เธอต้องชอบแน่ๆ เพราะมันเกี่ยวกับตระกูลหลิน” หลี่เสี่ยวบอกพลางหันมามองหน้าซือหยูด้วยความตื่นเต้น “ตระกูลหลิน?” ซือหยูเลิกคิ้ว “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงขบขัน เธอรู้ว่านามสกุล ‘หลิน’ ของเธอเป็นชื่อที่พบได้ทั่วไปในจีน แต่การที่หลี่เสี่ยวยกมาเชื่อมโยงแบบนี้ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ “ก็ไม่รู้สิ” หลี่เสี่ยวหัวเราะ “แต่มันบังเอิญดีออก บางทีเธออาจจะมีเชื้อสายขุนนางโบราณก็ได้นะ” เธอควงแขนซือหยูแล้วลากเข้าไปในโถงนิทรรศการโดยไม่ได้สนใจสีหน้าที่เริ่มเบื่อหน่ายของเพื่อนสาว ภายในโถงใหญ่แสงไฟจากโคมระยิบระยับสาดส่องลงบนตู้จัดแสดงที่เรียงรายอยู่ตามผนัง ซือหยูปล่อยให้หลี่เสี่ยวนำทางไปตามจุดต่าง ๆ ผ่านโลงศพไม้ที่มีรอยขูดลึก ๆ ดาบทองสัมฤทธิ์ที่ขึ้นสนิม และผ้าไหมเก่าที่ขาดวิ่น เธอพยักหน้าให้ หลี่เสี่ยวเป็นระยะ ๆ ราวกับว่ากำลังตั้งใจฟัง แต่สายตาของเธอเริ่มเลื่อนไปมองนาฬิกาข้อมือบ่อยขึ้น เธอแอบนับเวลาว่าเมื่อไหร่จะถึงตอนที่ได้กลับหอพักเพื่อนอนอ่านนิยายออนไลน์เรื่องโปรดสักที จนกระทั่งเธอหยุดชะงักอยู่ที่หน้าตู้กระจกตู้หนึ่ง... มันไม่ใช่ตู้ที่ใหญ่ที่สุดในโถง และไม่ใช่จุดที่คนมุงมากที่สุดด้วย แต่บางอย่างในนั้นดึงดูดสายตาของเธอโดยไม่รู้ตัว ซือหยูปล่อยแขนหลี่เสี่ยวในทันทีแล้วเดินตรงเข้าไปที่ตู้กระจกนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ภายในตู้มีจี้หยกสีเขียวมรกตรูปหยดน้ำวางอยู่บนผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้ม ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่ไปกว่าหัวแม่มือของเธอสักเท่าไหร่ ผิวหยกเรียบเนียนราวกับถูกขัดเกลามานานนับศตวรรษ มีรอยสลักคำว่า ‘**(หลิน)’ อยู่ด้านหลัง แสงไฟของตู้จัดแสดงสะท้อนบนจี้หยกทำให้มันดูเหมือนมีชีวิตและลายเส้นสีเขียวเข้มบนหยกชิ้นนั้นในบางครั้งซือหยูก็รู้สึกเหมือนว่ามันจะขยับได้ “สวยจัง...” ซือหยูพึมพำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอก้มลงไปอ่านป้ายเล็ก ๆ ที่ปรากฏอยู่ข้างตู้จัดแสดง ‘จี้หยกแห่งราชวงศ์ถัง คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิถังไท่จง พบในสุสานของขุนนางตระกูลหลินที่ยังไม่ระบุตัวตน บางตำรากล่าวว่าเป็นเครื่องรางผูกวิญญาณ’ “ตระกูลหลินจริง ๆ ด้วย” ซือหยูพูดกับตัวเอง เสียงของเธอเบาจนแทบไม่ได้ยิน เธอหัวเราะในลำคอ ความคิดที่ว่าเธออาจจะมีความเชื่อมโยงกับวัตถุโบราณชิ้นนี้ช่างดูไร้สาระสิ้นดี แต่ในขณะเดียวกันหัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นโดยไม่มีเหตุผล มันรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองจี้หยกอีกครั้งและรู้สึกเหมือนมันกำลังจ้องกลับมาที่เธอ เงาสะท้อนของใบหน้าตัวเองบนผิวหยกนั้นดูแปลกตา เธอพบว่าดวงตาของเธอที่ปรากฏอยู่ในเงาสะท้อนไม่ใช่ของเธอ แววตานั้นดูเข้มแข็งและดื้อรั้น ไม่เหมือนกับแววตาของเธอในตอนนี้ “ซือหยู ดูอะไรอยู่น่ะ” หลี่เสี่ยวเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นหน้าเข้ามาข้าง ๆ “นี่ไง...” เธอชี้ให้ดู “อ๋อ จี้หยกนี่เอง พ่อบอกว่ามันพิเศษมากเลยนะ เพราะยังไม่มีบันทึกว่ามันเป็นของใคร ทั้งที่ฝีมือการแกะสลักเนี้ยบสุด ๆ” “อ่อ...” “เธอชอบเหรอ? ไม่เคยเห็นเธอสนใจอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” หลี่เสี่ยวเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย “ก็... ไม่รู้สิ” ซือหยูตอบเลี่ยง ๆ เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในอก มันไม่ใช่แค่ความสวยงามของจี้หยกที่ทำให้เธอหยุดมอง แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างในนั้นเรียกหาเธอ เสียงกระซิบที่ดังอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา มันเบามากจนเหมือนเสียงของลมที่พัดผ่านมาและผ่านไป แต่มันค่อนข้างรบกวนจิตใจของเธอได้ไม่น้อย และเธอแน่ใจว่ามันไม่ใช่แค่การจินตนาการไปเองอย่างแน่นอน “แล้วเธอเคยได้ยินตำนานการผูกวิญญาณจากพ่อเธอบ้างไหม” ซือหยูถามต่อ “อืม... พ่อเคยเล่าให้ฟังตอนเด็ก ๆ ว่านักรบโบราณบางคนฝังวิญญาณไว้กับเครื่องราง เพื่อรอคนที่ถูกกำหนดให้ปลดปล่อยมัน” “หลี่เสี่ยว!!” ไมทันที่ซือหยูจะได้เอ่ยปากถามต่อ เสียงทุ้มของศาสตราจารย์หลี่ก็ดังมาจากอีกฝั่งของห้องโถง “พาเพื่อน ๆ ไปรวมตัวที่ห้องเก็บของลับเดี๋ยวนี้ พ่อจะเล่าเรื่องการขุดค้นให้ฟัง” “ได้ค่ะ” หลี่เสี่ยวตะโกนตอบ แล้วหันมาคว้าแขนซือหยู “ไปกันเถอะ อย่ามัวยืนเหม่ออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวจะพลาดของดีเอา” ซือหยูพยักหน้ารับแต่สายตายังไม่ละจากจี้หยก เธอรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ มันเหมือนมีบางอย่างในนั้นรอเธออยู่ บางอย่างที่เธอไม่เข้าใจและไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล เธอหันหลังเดินตามหลี่เสี่ยวไปแต่ความรู้สึกหนักอึ้งในอกยังคงอยู่ เธอสัมผัสคอตัวเองตามสัญชาตญาณราวกับมีอะไรบางอย่างควรจะห้อยอยู่ที่นั่น ในขณะที่เธอเดินออกไป เธอไม่รู้เลยว่าเงาสะท้อนของดวงตาในจี้หยกนั้นยังคงจ้องมองตามหลังเธอ มันเป็นดวงตาคู่หนึ่งที่ไม่ใช่ของเธอในตอนนี้ แต่ก็กำลังจะกลายเป็นของเธอในไม่ช้า...

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

วิญญาณตามรัก

read
1K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
10.5K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
16.9K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
2.1K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
7.4K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

หยุดหัวใจไม่รักดี

read
4.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook