ตอนที่ 9 ความทรงจำ

1767 Words
ตอนที่ 9 ความทรงจำ แสงจันทร์ยามค่ำคืนลอดผ่านผ้าใบบาง ๆ สาดเข้ามาในเต็นท์ที่กางตั้งภายในค่ายพักชั่วคราว เสียงลมพัดผ่านใบไม้แห้งด้านนอกดังเป็นจังหวะ แม้ว่าในคืนนี้จะดูสงบกว่าคืนที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้หย่งเฉินและซือหยูหลับได้ไม่สนิทนัก เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ซือหยูย้อนเวลากลับมาอยู่ในอดีตแล้วฝัน มันดูเป็นภาพฝันที่ค่อนข้างคุ้นเคย เธอเห็นหญิงสาวในชุดผ้าไหมสีครามยืนอยู่ในเรือนเก่า เธอค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวในชุดโบราณที่เธอเห็นบ่อย ๆ จากจี้หยกนั้นต้องเป็นหลินซือเยว่ตัวจริงอย่างแน่นอน แต่ครั้งนี้ภาพที่เธอเห็นนั้นทำให้รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะใบหน้าของซือเยว่ซีดเผือดกว่าปกติ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอถือจดหมายลับในมือ ตัวอักษรจีนโบราณจาง ๆ บนกระดาษระบุชื่อ ‘ถังหย่งซาน’ และสัญลักษณ์หยดน้ำล้อมรอบด้วยลายเมฆสีแดง ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของตระกูลหลิน หญิงสาวนั้นร้องไห้ก่อนจะซ่อนจดหมายไว้ใต้พื้นไม้ในห้อง “นี่มันอะไรกัน?” ซือหยูเอ่ยพูดในฝัน แต่หญิงสาวคนนั้นไม่ตอบ เธอหันไปมองรอบ ๆ และเห็นเงาของชายในชุดดำยืนอยู่มุมเรือน ใบหน้าคมเข้มของเขามีรอยยิ้มเย็นชา “หลินซือเยว่ เจ้าคิดว่าจะซ่อนความลับนี้ได้หรือ” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นก่อนที่เงาจะหายไปในควันดำ เฮือก! ซือหยูสะดุ้งตื่น หายใจหอบ เธอมองไปรอบ ๆ เต็นท์ กลิ่นควันไฟและใบไม้แห้งยังคงลอยมาแตะจมูก นี่มัน... เป็นแค่ฝันหรือความทรงจำของหลินซือเยว่กันแน่นะ เธอหัวใจเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติพลางยกมือขึ้นจับจี้หยกที่ห้อยคอแน่น มันร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับตอบสนองต่อความคิดของเธอ “เจ้ามีอะไรหรือเปล่า” เสียงของจ้าวหย่งเฉินดังขึ้นจากทางเข้าทำให้เธอสะดุ้ง มองไปเห็นเขายืนอยู่ที่ปากเต็นท์ ชุดเกราะของเขายังเปื้อนคราบเลือดแห้งเช่นเคย ใบหน้าคมเข้มของเขาดูตึงเครียดเหมือนในทุก ๆ วัน “ฉัน... ฉันฝันแปลก ๆ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ “เห็นหญิงสาวในเรือนเก่า ซ่อนจดหมายลับที่มีชื่อองค์ชายสาม” หย่งเฉินขมวดคิ้ว “จดหมายลับ? เจ้าคิดว่าเป็นความทรงจำของหลินซือเยว่หรือไม่” ซือหยูพยักหน้า “อาจเป็น... ฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันเห็นตราสัญลักษณ์ของตระกูลหลินในจดหมาย และเงาของชายที่ฉันคาดว่าน่าจะเป็นองค์ชายสาม” เธอสัมผัสจี้หยกอีกครั้ง แสงสีเขียวจาง ๆ เล็ดลอดออกมา วูบ! จี้หยกนำพาเธอให้เห็นภาพในหัวอีกครั้ง... ‘ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ในห้องทำงานภายในเรือนตระกูลหลิน เธอมองเห็นป้ายขุนนางของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะระบุนามว่า ‘หลินเซี่ยงจือ’ กำลังยื่นจี้หยกให้ชายในชุดเกราะตรงหน้าก่อนที่ภาพจะหายไป’ “ฉันคิดว่าจี้หยกพาฉันเห็นอดีต” เธอพูด “ทำไมเจ้ากล่าวเช่นนั้น” “เพราะมันทำให้ฉันเห็นภาพขุนนางคนหนึ่งที่ชื่อหลินเซี่ยงจือกำลังมอบจี้หยกชิ้นนี้ให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่ชุดเกราะคล้ายกับของคุณ” “เจ้ากำลังพูดถึงหลินเซี่ยงจือ บรรพบุรุษตระกูลหลินอย่างนั้นหรือ” “ฉันจะไปรู้ไหมล่ะ ฉันเคยพูดไปแล้วว่าฉันไม่ใช่ยัยคุณหนูหลินซือเยว่อะไรนั่น” เสียงของเธอเริ่มมีอารมณ์ ในเมื่อเธอไม่ใช่คนในตระกูล จะไปรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นใครในสาแหรกของครอบครัวนี้ “งั้นคุณบอกฉันได้ไหมว่าใครคือหลินเซี่ยงจือ” “หลินเซี่ยงจือ คือหัวหน้าตระกูลหลินในสมัยถังไท่จง มีเรื่องเล่าว่าเขาเป็นผู้สร้างจี้หยกชิ้นนี้ขึ้นมา และเป็นผู้พิทักษ์โชคชะตาของตระกูลอีกด้วย” หย่งเฉินอธิบายอย่างตั้งใจ “คนสร้างเรื่องนี่เอง ทำไมต้องพาฉันมาลำบากถึงที่นี่ด้วยก็ไม่รู้” ซือหยูบ่นพึมพำ แวบหนึ่งเธอรู้สึกถึงความร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมกับแสงสีเขียวที่สว่างออกมาราวกับไม่พอใจในสิ่งที่เธอกล่าวหา หย่งเฉินมองจี้หยกในมือของเธอด้วยความสงสัย “จี้หยกนี้ต้องมีความลับอะไรซ่อนไว้แน่” เขาพูด “ข้าว่าเราต้องตรวจสอบเรื่องนี้กันให้ชัดเจนทันทีเมื่อไปถึงเมืองหลวง” “ฉันเห็นด้วย แต่เมื่อไหร่เราจะไปถึงเมืองหลวงกันสักที ฉันเหนื่อยมากแล้ว” เธอบ่นอิดออด เพราะเริ่มจะเบื่อกับการที่ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายแบบนี้แล้ว “วันนี้ และเมื่อเราไปถึง เราจะตรงไปเรือนของตระกูลหลินทันที” รุ่งเช้ายามที่ดวงอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาทักทายผู้คน ซือหยูและหย่งเฉินก็เดินผ่านเข้าสู่ประตูเมืองหลวงฉางอานที่มีกำแพงสูงตระหง่านและหลังคาดินเผาสีแดงเรียงรายสะท้อนแสงแดด เสียงคนขายของและม้าที่เดินไปมาดังก้องในถนน เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตะลึง “นี่คือยุคราชวงศ์ถังจริง ๆ สินะ” เธอพึมพำในขณะที่หย่งเฉินนำทางไปยังเรือนเก่าของตระกูลหลิน เพราะจนถึงตอนนี้เธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอได้โอกาสย้อนเวลากลับมาอดีตจริง ๆ เรือนตระกูลหลินแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตขุนนาง แต่มันถูกยึดโดยราชสำนักหลังจากตระกูลหลินถูกใส่ร้าย แม้ทุกอย่างจะดูเหมือนเดิมแต่มันก็ค่อนข้างที่จะมีสภาพทรุดโทรมลงมาก ผนังไม้เก่า ๆ มีรอยแตก และประตูไม้บานใหญ่ถูกปิดตายด้วยโซ่เหล็ก “นี่คือเรือนใหญ่ตระกูลหลิน” หย่งเฉินพูดเมื่อพวกเขาเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้า “ข้าจะใช้สิทธิ์ของแม่ทัพเปิดมัน” เขาหันไปสั่งทหาร “ตัดโซ่ออกเสีย” ซือหยูมองเรือนด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ก่อนจะเอ่ยพูดพึมพำออกมา “นี่คือบ้านของหลินซือเยว่สินะ” ในระหว่างนั้นจี้หยกที่ห้อยคอเธอเริ่มร้อนขึ้น มันเรืองแสงสีเขียวจาง ๆ เมื่อเธอเห็นแบบนั้นก็รีบยกมือขึ้นสัมผัสทันที วูบ! ‘เป็นภาพหญิงสาวในชุดครามยืนในห้องนี้ ซ่อนจดหมายไว้ใต้พื้นไม้’ “มันต้องอยู่ที่นี่แน่!” เธอพูดกับตัวเอง เมื่อประตูเปิดออก ซือหยูและหย่งเฉินเดินเข้าไปในเรือน ห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยฝุ่นและซากเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ กลิ่นอับชื้นลอยมาแตะจมูก เธอมองไปรอบ ๆ และเห็นบันไดไม้ที่นำไปยังชั้นบนซึ่งมันเหมือนกับที่เธอเห็นในฝัน “ฉันฝันว่าจดหมายซ่อนอยู่ชั้นบน” เธอบอกหย่งเฉิน เขามองเธอด้วยสายตาที่สงสัย “ฝันแน่หรือ ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้อยู่แล้วหรอกนะ” ซือหยูส่ายหน้า “จี้หยกเป็นคนบอกฉัน ฉันจะบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะว่าฉันไม่ใช่หลินซือเยว่ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น คุณเชื่อฉันเถอะ ฉันรู้สึกว่ามันต้องอยู่ที่นั่น” หย่งเฉินพยักหน้ารับ “เดี๋ยวก็รู้ว่าเจ้าพูดจริงหรือโกหก เมื่อเราไปถึงพระราชวัง พลังวิญญาณราชวงศ์จะเป็นคนตัดสินเจ้าเอง” พลังวิญญาณราชวงศ์? อะไรของเขาอีกล่ะ... ทั้งสองขึ้นบันไดไปยังห้องนอนเก่าของหลินซือเยว่ ห้องนี้มีเตียงไม้เก่า ๆ โต๊ะเขียนหนังสือ และม่านผ้าที่ขาดวิ่น ซือหยูเดินไปที่พื้นไม้ใต้โต๊ะ เธอสัมผัสจี้หยกอีกครั้ง วูบ! ‘เธอเห็นภาพหญิงสาวในชุดสีครามสอดจดหมายเข้าไปใต้พื้นตรงที่เธอกับหย่งเฉินยืนอยู่’ “ที่นี่!” เธอตะโกนพร้อมกับชี้นิ้วบอกตำแหน่ง หย่งเฉินได้ยินก็รีบดึงดาบออกมาจากฝัก แล้วช่วยเธอใช้ดาบตัดไม้ที่ผุพัง จนพบกล่องไม้เล็ก ๆ ด้านในมีจดหมายลับปิดผนึกด้วยตราสัญลักษณ์ตระกูลหลิน เขารีบหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว “นี่คือหลักฐานชั้นดี” เขาพูด “จดหมายนี้ระบุว่าองค์ชายสาม ถังหย่งซาน สมคบกับขุนนางห้าคน รวมถึงตระกูลจาง เพื่อวางแผนโค่นบัลลังก์องค์จักรพรรดิ” “แล้วตระกูลหลินเกี่ยวอะไรด้วย” ซือหยูถามต่อ “ในนี้ระบุว่าตระกูลหลินถูกใส่ร้ายเพราะหลินจือเฉินปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับถังหย่งซาน” หย่งเฉินอ่านตามข้อความที่ระบุไว้ในจดหมายนั้น ซือหยูได้ฟังก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลก ๆ “นี่คือคำตอบที่เรากำลังตามหา แต่ทำไมหลินซือเยว่ถึงซ่อนมันไว้ด้วยล่ะ” หย่งเฉินมองเธอ “นางอาจรู้ว่าในตระกูลมีคนทรยศ” เขาพูด “และนางเลือกปกป้องความลับนี้จนตัวเองถูกวางยาพิษ” ซือหยูจับจี้หยกแน่น มันเย็นลงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่แสงสีเขียวยังคงเล็ดลอดออกมา และแน่นอนว่าทันทีที่เธอจับ มันก็พาเธอวาบไปเห็นภาพบางอย่างอีกครั้ง วูบ! ‘เธอเห็นภาพของหลินเซี่ยงจือยืนยื่นจี้หยกให้ชายในชุดเกราะ พร้อมคำพูดว่า “สิ่งนี้จะกำหนดโชคชะตาของตระกูลเรา”’ เธอไม่เข้าใจว่าในภาพนั้นมันหมายถึงอะไร การที่หลินเซี่ยงจือบอกว่าจี้หยกชิ้นนี้คือโชคชะตาของตระกูลหลิน มันหมายความว่ายังไง แล้วคนที่ได้รับเป็นใคร แต่คงหนีไม่พ้นคนในตระกูลหลินแน่นอน เธอคิดแล้วคิดอีกก็ไม่เข้าใจสักที อย่างเดียวที่เธอรู้ตอนนี้ก็คือหยกชิ้นนี้จะเป็นเครื่องรางสำคัญที่จะช่วยเหลือเธอกับหย่งเฉินให้เผชิญหน้ากับอันตรายที่เป็นปริศนาข้างหน้าได้แน่ ๆ เพียงแต่เธอจะต้องรู้จักใช้งานมันให้เป็นเท่านั้น “เราจะนำจดหมายนี้ไปราชสำนัก ถ้ามันคือเรื่องจริง ตระกูลหลินของเจ้า และตระกูลจ้าวของข้าจะพ้นผิด” หย่งเฉินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพลางจ้องมองซือหยูที่ยืนอยู่ด้านข้าง “อื้อ! ถ้าทุกอย่างคลี่คลาย ฉันอาจได้หาทางกลับบ้าน” เธอพยักหน้ารับแล้วกำจี้หยกแน่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD