[คฤหาสน์วรารักษ์เมธานนท์]
“นั่งสิ! ยืนค้ำหัวอยู่ทำไม! นังอบเชยจับมันให้นั่งลง”
เสียงตวาดดังกึกก้องอยู่กลางห้องโถงของคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 20ไร่เศษ ตระกูลวรารักษ์เมธานนท์เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างในฐานะที่มีเชื้อสายของราชวงศ์ที่มีมาอย่างช้านาน วันนี้เป็นวันที่ประมุขของบ้านไม่อยู่ ท่านผู้หญิงบงกชเพชรจึงสบโอกาสในการที่จะกำจัดทายาทเสี้ยนหนามที่มันตำอยู่ในอกของเธอมานาน
“ค่ะคุณท่านผู้หญิง”
อบเชยหัวหน้าข้าทาสบริวารน้อมรับคำสั่งจากนายหญิงของบ้าน จับเด็กสาวและเด็กชายทั้งสองกดให้นั่งคุกเข่าลงกับพื้น เบื้องหน้าของทั้งสองมีเจ้านายของบ้านนั่งเรียงรายด้วยกันสามคน บุตรชายคนโต ‘ธนนท์’ เด็กหนุ่มวัย 22 ปี และ ‘แพรพิไล’ เด็กสาววัย 16 ปี ซึ่งเป็นบุตรของหม่อมราชวงศ์นวพลและคุณท่านผู้หญิงบงกชเพชร
“แกสองคนคงคิดว่าท่านชายให้แกมาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะของลูกสินะ...แม่ของแกตายไป แทนที่จะเอาแกไปด้วย กลับมาอ้อนวอนท่านชาย ให้เอาแกสองคนมาอยู่ที่นี่”
คุณท่านผู้หญิงบงกชเพชรมองเด็กสาวและเด็กชายที่มีหน้าตาละหม้ายคล้ายกับนังผู้หญิงที่เป็นหนามยอกอกของเธอตลอด 20 กว่าปี หม่อมราชวงศ์นวพลรักผู้หญิงชื่อมุกดามานานมาก ก่อนหน้านี้หม่อมราชวงศ์นวลปรางค์ยังยอมพ่ายแพ้ให้กับนังมุกดาผู้หญิงหน้าด้านหน้าหนาที่สุด โดยยอมทิ้งทุกอย่างไป เหลือไว้เพียงแต่ ท่านชายอคิราห์ บุตรชายที่มีเชื้อสายของคนทั้งสองเอาไว้
“คุณลุงเป็นคนให้หนูและน้องมาอยู่ค่ะ”
ขวัญข้าวโต้กลับอย่างตรงไปตรงมา สายตาของเธอกวาดมองผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอ ท่านผู้หญิง พร้อมด้วยบุตรจำนวนสองคน มองเธอด้วยสายตาชนิดเดียวกัน ความเกลียดชังแสดงออกทางสายตาของคนทั้งสามอย่างชัดเจน
“ฉันไม่ใช่ป้าของแก และอีกอย่างท่านชายนวพล ก็ไม่ใช่คุณลุงของแกอีกด้วย เพราะฉะนั้นต่อไปนี้แกอย่าสะเออะมาเรียกแบบนี้อีกเข้าใจมั้ย!”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
ขวัญข้าวรับคำพร้อมกับก้มหน้า เธอไม่อยากมีปัญหา นั่นก็เป็นเพราะแม่ของเธอ ‘ลูกจะต้องอดทนนะข้าว ไม่ว่าจะเจออะไร ข้าวต้องดูแลน้องต่อจากแม่’
“คุณแม่ไล่มันออกจากบ้านเราไปเลยสิคะ ให้เงินมันไปเลยค่ะ มันจะได้ไม่ต้องมาอยู่รกหูรกตาที่นี่อีก”
แพรพิไลมองคนที่เธอเอ่ยถึงด้วยสายตาที่เกลียดชังอย่างที่สุด เหตุผลก็คงเป็นเพราะความสวยและน่ารักของมันที่ทำให้แฟนหนุ่มที่แวะมาหาเธอที่บ้านเอ่ยชมอย่างออกนอกหน้า จนเธอเกิดความหมั่นไส้นั่นเอง
“ไล่มันไปได้ยังไงลูก คุณพ่อของลูกจะต้องโกรธแม่สิ”
ท่านผู้หญิงบงกชเพชรรู้ว่า ถ้าเธอทำตามอย่างที่ลูกสาวของเธอบอกล่ะก็ หม่อมราชวงส์นวพลคงจะไม่เอาเธอไว้อย่างแน่นอน ‘เจ็บใจนัก ทำไมอีนังมุกดามันถึงทำให้ท่านชายรักได้ขนาดนี้นะ’
“ให้ผมจัดการมั้ยครับคุณแม่”
เสียงทุ้มวัยแตกหนุ่มเอ่ยขึ้นทันที สายตาวิบวับเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มเต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิงปรารถนาอย่างโจ่งแจ้ง มองเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ขาวเนียน น่ารักสดใส วัยสาวของเธอกำลังเบ่งบานน่าลิ้มลองเป็นอย่างมาก ธนนท์ถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ขอเพียงแค่แม่เขาเอ่ยอนุญาต
“ลูกไม่ต้องไปเกลือกกลั้วกับมันหรอก อีเด็กนี่มันก็คงจะสกปรกเหมือนแม่มันแหละ นนท์อย่าไปยุ่งกับมันนะลูก”
วาจาแบ่งชนชั้นพร้อมกับพ่นคำพูดเหยียดหยามเข้าใส่ คุณหญิงบงกชเพชรพยายามสรรหาทุกคำด่า เพื่อกำจัดสิ่งเลวร้ายให้หมดไปจากชีวิตเธอ ความแค้นที่ส่งต่อจากแม่สู่ลูกไม่มีวันที่จะจางหายไปได้
“แต่ถ้าให้ผมจัดการ รับรองมันอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ๆ เลยครับแม่ วิธีของผมไม่ยากครับ”
สายตาโลมเลียเผยออกมาอย่างชัดเจนเมื่อยามที่มองไปยังร่างอวบอิ่มของวัยสาวที่อยู่ตรงหน้า ธนนท์หมายตาเธอคนนี้มานานแล้ว แต่ยังไม่เคยสบโอกาสเลยสักที เมื่อแม่ของเธอตายทุกอย่างก็เข้าทางเขาแล้วทีนี้
“ไม่ได้! แม่จะไม่ยอมให้ลูกนนท์ของแม่ ต้องมาแปดเปื้อนนังเด็กชั้นต่ำคนนี้แน่นอน...”
“งั้น คุณแม่จะทำยังไงคะ เราไล่มันไปก็ไม่ได้ จะให้พี่นนท์จัดการมันก็ไม่ได้”
“แกอยู่บ้านหลังนี้ ท่านชายให้ข้าวให้น้ำแกแบบฟรีๆ เพราะฉะนั้นแกจะต้องทำงานแลกด้วยมันถึงจะถูก ต่อไปนี้ฉันจะให้นังอบเชยคอยกำกับแกเรื่องการทำงานในบ้านหลังนี้ และห้ามแกเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านชายเด็ดขาด ถ้าท่านชายรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ล่ะก็ แกและน้องเตรียมขุดหลุมฝังศพตัวแกไว้ได้เลย ฉันไม่เอาไว้แน่!”
“หนูกับน้องต้องเรียนหนังสือนะคะคุณผู้หญิง”
ขวัญข้าวเรียนอยู่แค่ชั้น ‘มอห้าเท่านั้นเอง อีกอย่างช่วงนี้เธอต้องเตรียมตัวเพื่อหาที่เรียนต่างๆ ความฝันของขวัญข้าวคือการเป็นหมอ เหตุผลคงเป็นเพราะผลพวงจากที่แม่ของเธอป่วยนั่นเอง
“แกอย่ามาแถให้มากนัก แกกับน้องมีเวลาเยอะแยะ เลิกเรียนและเสาร์อาทิตย์อีก ถ้าพวกแกไม่ทำ ฉันจะลงโทษแกสองคนเลยคอยดู และถ้าเรื่องนี้ถึงหูท่านชายล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกและน้อง! จำไว้อย่าริอาจมาลองดีกับฉัน!”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
ขวัญข้าวไม่สามารถที่จะโต้แย้งอะไรได้อีกต่อไป เธอสงสารน้องชายของเธอ ญาติมิตรทั้งฝ่ายพ่อกับแม่ก็ไม่มี เหลือเพียงขวัญข้าวกับน้องเท่านั้น ถ้าไม่มีคุณลุงล่ะก็ ขวัญข้าวและน้องคงต้องลำบากกว่านี้แน่นอน
“ดี! จำใส่หัวแกไว้ให้ดี”
“คุณท่านคะ...คือว่า...”
“มีอะไรนังเอม”
“ท่านชายคินน์กลับมาแล้วค่ะ”
“อุ้ยตาย! แกไปรับหน้าก่อนนังอบเชย”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
“แกสองคนอยู่เงียบๆ อย่าได้สะเออะปากพูดอะไรให้ท่านชายรู้ล่ะ...ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่”
คุณท่านผู้หญิงบงกชเพชรพยายามทำตัวเองให้ดูดีมาตลอด เพื่อให้ลูกเลี้ยงของเธอนั้นจะได้ยอมรับเธอในฐานะมารดา หม่อมราชวงศ์อคิราห์ หรือท่านชายคินน์ในวัย 29 ปีถูกเธอเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีตั้งแต่ยังวัยห้าขวบ แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมันสักเท่าไหร่ ท่านชายอคิราห์ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่เคยยอมรับความหวังดีจากเธอเลยสักครั้ง
“ค่ะ” ขวัญข้าวและน้องชายก้มหน้ารับคำบัญชาต่อ หม่อมราชวงศ์อคิราห์ก็ไม่ต่างจากคนพวกนี้สักเท่าไหร่ ขวัญข้าวเคยพบหน้าเขาอยู่หลายครั้ง สายตาของท่านชายที่มองมาที่เธอนั้น แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบในตัวเธอ เหตุผลก็คงเป็นเหมือนกับท่านผู้หญิงบงกชเพชร แต่อาจจะมากกว่าสักหน่อย
หม่อมราชวงศ์อคิราห์เป็นชายหนุ่มรูปงาม ส่วนสูง 189 เซนต์ ไหล่หนากว้างที่ตั้งตรงดูผึ่งผาย ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล ผมสีบลอนด์เข้มหยักศกนิดๆ ตัดได้รูปกับใบหน้าคมสัน ปากได้รูปสวย สายตาอันคมเข้มที่ถูกปกคลุมด้วยแพขนตาหนา ชายหนุ่มมักจะติดท็อปอันดับยืนหนึ่งความหน้าตาดีของกลุ่มเหล่าไฮโซ ที่บรรดาเซเลปทั้งหลายมักตั้งฉายาให้ว่า ‘ชายคินน์ทรงเสน่ห์’
“ชายคินท์เป็นอย่างไรบ้างลูก แหม กลับมาจากสิงคโปร์ไม่บอกแม่เลยนะ แม่จะได้จัดเตรียมต้อนรับไว้รอ”
“ผมไปประชุมที่สิงคโปร์แค่ห้าวัน ไม่เห็นว่าคุณหญิงจะต้องลำบากต้อนรับอะไร”
ท่าทีเฉยชาที่มีต่อแม่เลี้ยงของอคิราห์ยังคงเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ไม่มีใครแทนที่แม่ของอคิราห์ได้เลย ความเจ็บปวดที่แม่เขาได้รับ เขาจดจำมันได้เป็นอย่างดี สายตาคมดุเหลือบมองไปยังทายาทของตัวต้นเหตุนั้นทันที
“นั่นแหละ ห้าวันแม่ก็เตรียมข้าวปลาอาหารต้อนรับก็ได้นี่จ๊ะ...วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าเลย เดี๋ยวคุณพ่อของท่านชายก็คงจะกลับแล้ว แม่ให้อบเชยสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วจ้า”
“พี่คินท์มีอะไรมาฝากน้องแพรบ้างคะเนี่ย”
แพรพิไลพุ่งตรงเข้าไปเกาะแขนของพี่ชายต่างมารดาทันที ใครๆ ก็รู้ว่าทรัพย์สมบัติและบริษัทในเครือวรารักษ์เมธานนท์นั้น บุตรของหม่อมราชวงศ์นวพลคือตัวเต็งของทายาทอันดับหนึ่งกันทั้งนั้น
“มีสิ...พี่ให้เลขาซื้อมาแล้ว”
สายตาของอคิราห์จ้องไปที่เด็กสาวที่นั่งนิ่งและก้มหน้าตลอดเวลา โดยที่เธอไปไม่คิดที่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยซ้ำ
“อ๋อ...คือแม่เรียกเด็กสองคนนี่มาทำความเข้าใจ เรื่องการอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้น่ะ ชายคินน์คงจะทราบแล้วใช่มั้ยลูก ว่าคุณพ่อได้ให้เด็กสองคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว”
“คุณพ่อน่ะเหรอ...ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องนี้เลย”
อคิราห์มองกลับไปที่เด็กสาวอีกครั้ง ความรู้สึกไม่พอใจแล่นขึ้นมาทันที เหตุผลที่แม่ทิ้งเขาไป นั่นก็เป็นเพราะบุพการีของเด็กสองคนนี้ ภาพจำในวัยเด็กของอคิราห์กำลังฉายเข้ามาอย่างช้าๆ
“อุ้ยตาย...แม่เผลอบอกไปแล้ว แม่ไม่รู้จริงๆ คิดว่าคุณพ่อของชายคินน์จะคุยกันแล้วซะอีกค่ะ”
“แล้วคุณพ่อให้เด็กสองคนนี่อยู่ห้องไหนครับ”
สายตาพิฆาตจับจ้องไปที่ร่างของเด็กสาวทันที แม่ของเขาต้องเจ็บปวดและทิ้งเขาไปเพราะผู้หญิงที่ชื่อมุกดาแม่ของเด็กคนนี้ และในตอนนี้พ่อของเขา ยังพาทายาทของคนรักเก่าเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขาอีก
............................