เคยมีคนบอกว่า หัวหินเป็นถิ่นมีหอย ผมไม่ได้ลามกนะ แต่มีหอยจริงๆ เยอะด้วย ถึงแล้วครับที่หมายของพวกผม หัวหิน และนี่ก็เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มาเยือนหัวหิน จะว่าผมเชยก็ได้นะ แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ผมได้มาเหยียบทะเลที่หิวหิน เคยคิดไว้นานแล้วว่าจะต้องมาที่นี่สักครั้ง พอดีรับน้องมีการเสนอชื่อหัวหินขึ้นผมเลยสมัครมาเป็นพี่เลี้ยงซะเลย แล้วก็สำเร็จ ในที่สุดผมก็ได้มาหัวหินจริงๆ
“สวยจังเลยหัวหิน” ผมพูดพร้อมกางมือออกแล้วสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะเห็นใครบางคนมายืนข้างๆ
“ครั้งแรกหรือ” ธีร์ถาม
“อืม อากาศดีชะมัด ทะเลก็สวย” ตอบมันหน่อย วันนี้อารมณ์ดีเลยไม่อยากชวนทะเลาะ
“หึ หึ หึ”
“หัวเราะไรวะ ตลกมากหรือไงก็คนมันไม่เคยมา” ผมโวยวาย ไม่ชอบเลยเวลามันหัวเราะแบบนั้น
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย โวยวายไปได้ หึหึ” ธีร์ว่าแถมหัวเราะตาม
“แล้วมึงจะหัวเราะทำไม” ผมยังไม่เลิก
“เปล่า น่ารักดี” ธีร์ปฏิเสธ ก่อนพูดประโยคหลังเบาๆ เหมือนเสียงกระซิบ
“ว่าไงนะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปถาม ได้ยินนะไอ้ประโยคนั้น แต่ถามเพื่อความแน่ใจว่าหูไม่ฝาด
“อยากรู้จริงหรือ” ธีร์ยื่นหน้าถามกลับ จนอีกฝ่ายต้องถอยหน้าออก
“ไม่อยากรู้แล้ว” ผมบอกก่อนจะรู้สึกถึงการจ้องมองจึงหันไปดู ปรากฏว่าไอ้น้องเฟิร์สกำลังมองดูพวกผมสองคนอยู่
“ไอ้เด็กนั่นมองอีกแล้วว่ะ” ผมบอกไอ้หน้าโหดข้างตัว
“ทำไม กลัวมันหรือ” ธีร์ยกคิ้วถาม
“เปล่า แค่ไม่ชอบ เหมือนโดนจับผิด” ผมตอบ
“ก็อย่าแสดงพิรุธออกไปสิ อย่าลืมว่าเราเป็นแฟนกันนะ” ธีร์ว่าก่อนยกแขนโอบไหล่ผม
“มึงก็เลิกกอดกูได้แล้ว อายคนอื่นเขาบ้าง ไม่ต้องออกท่าทางเยอะ” ผมว่าพลางบิดแขนมันออกแต่ไม่สำเร็จ
“แบบนี้เขาไม่เรียกกอด เขาเรียกโอบ กอดต้องแบบนี้” พูดเสร็จ ดึงร่างของผมเข้าหาอกแต่ถูกผลักออกก่อน
“ไม่ต้องเลยมึง ไม่ต้องสาธิต ไปล่ะ” ผมว่าก่อนรีบวิ่งไปหากลุ่มเพื่อนที่ทยอยขนของเข้าที่พัก ยังได้ยินเสียงหัวเราะของมันดังตามหลังมา
สัมภาระของผมไม่มีอะไรมากเพราะมาแค่ไม่กี่วัน มีแค่เป้สะพายหลังขนาดกลางใบเดียว ผมกับเพื่อนๆ ช่วยกันขนของทั้งหมดไปไว้ในบ้านพัก ในส่วนของที่พักพวกผมจะเป็นบ้านสองชั้น แบ่งกันตามชั้นปีๆ ละสองหลัง เบียดๆ กันนอนหน่อยก็พอจำนวนคน ส่วนผู้หญิงพวกผมแบ่งให้หลังนึงเพื่อความสะดวกใจแก่ทุกฝ่าย ผู้หญิงคณะผมมีน้อยเลยจัดแยกที่นอนง่ายหน่อย ยกเว้นแก๊งนางคว้าที่ต้องนอนกับพวกผม
หลังจากขนของเข้าที่พัก จัดของเสร็จพวกผมก็ปล่อยให้น้องๆ ได้พักทานข้าวเที่ยงกันซึ่งรวมพวกผมด้วยจะได้มีแรงทำกิจกรรม เพื่อความสะดวกและรวดเร็วพวกผมจึงสั่งข้าวกล่องแจกกันก็สั่งจากรีสอร์ทที่พวกผมมาเช่ากันนี่แหละ ได้ส่วนลดด้วยไอ้ต้นบอกมา
พวกผมมีเวลาพักเที่ยงกันชั่วโมงกว่าๆ ก็ต้องรีบไปเตรียมตัวจัดกิจกรรมรับน้อง โดยวันนี้ช่วงบ่ายจนถึงเย็นเป็นหน้าที่ของพี่ว้ากทั้งหลายและน้องๆ สันทนาการ ส่วนผมอยู่ฝ่ายสวัสดิการไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากหาข้าวเย็นให้พวกนั้นกิน ทำกันเองครับของสดเยอะ หน้าที่สาวๆ ทั้งหมด พวกผู้ชายที่เหลือไม่กี่คนเป็นลูกมือรวมทั้งผมด้วย
“แยมหั่นผักให้หน่อย”
“แยมฝากคนหน่อยนะ อย่าให้ไหม้ล่ะ”
“แยมแกะเปลือกกุ้งให้หน่อย”
“แยมชิมนี่ให้หน่อย”
“แยม บลาๆๆ” นั่นคือหน้าที่ของผมของวันนี้ เหมือนสาวใช้ก้นครัวเลยครับ ต้องทำเยอะมากๆ เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนคนทั้งหมดเล่นเอาเหนื่อยเลย
“ในที่สุดก็เสร็จสักที” เสียงน้ำพูดออกมาตามด้วยสาวๆ อีกหลายคนยืนชื่นชมผลงานของตัวเอง อย่างกับเลี้ยงโต๊ะจีนเพราะมันเยอะมาก อาหารทะเลทั้งนั้นและที่ขาดไม่ได้ของกันตายคือ ไข่เจียว เผื่อใครไม่ถูกใจรสมือของแม่ครัวจำเป็น
ระหว่างรอน้องๆ และพวกพี่ว้ากกลับจากทำกิจกรรมผมเลยมีโอกาสเดินเล่นริมหาดสักหน่อย อากาศดีมากอาจเป็นเพราะได้มาช่วงที่ไม่มีมรสุมก็ได้ เลยทำให้มันดูสวยมากในสายตาผม ผมชอบทะเลที่สุดเลย ได้สัมผัสหาดทรายละเอียดสีขาว น้ำทะเลเค็มๆ ลมที่มีกลิ่นไอของทะเลพัดมากระทบร่างกาย ทำให้รู้สึกดีชะมัด
“ทำมิวสิกวีดีโอหรือไง”
“เฮ้ย” ผมสะดุ้ง มาไม่ให้สุ้มให้เสียงอีกแล้วไอ้บ้านี่
“ใจลอยไปถึงไหน มายืนตั้งนานยังไม่รู้ตัวอีก” ธีร์ว่า
“ไม่ได้ใจลอย อากาศดีกำลังเพลินๆ แล้วเลิกนานแล้วเหรอ” ผมหันไปถาม ดูท่ามันจะเหนื่อยๆ เหงื่อเต็มเลย เสื้อก็เปียก ไม่รู้เปียกเหงื่อหรือน้ำทะเล
“ไม่นาน ปล่อยเด็กไปอาบน้ำก่อนกินข้าว” ธีร์ตอบ
“แล้วไม่ไปอาบกับเขาล่ะ ยืนเหม็นเปรี้ยวอยู่ทำไม” ขอผมกัดหน่อยเถอะ ตั้งแต่ต้องรับบทเป็นแฟนกำมะลอกันนี่ไม่ค่อยได้กัดกันเท่าไหร่
“เหม็นเหรอ ไหนลองดมดูใหม่ซิ” ธีร์ว่าพร้อมกับดึงเสื้อมาให้ผมดมจนต้องผลักออก มันก็ยังยื่นมาให้ดมอยู่นั่นแหละ ที่จริงไม่เหม็นหรอก แกล้งมันไปงั้นแหละ
“ไอ้บ้า เล่นไรสกปรก ไปอาบน้ำเลยไป” ผมไล่มันเสียงดัง หอบหน่อยๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า หน้าแดงเชียว” ธีร์หัวเราะก่อนจะเดินกลับบ้านพักไปอาบน้ำ ผมเลยเดินตามกลับไปด้วย เผื่อมีอะไรต้องทำอีก
“เอาล่ะน้องๆ เดี๋ยวต่อแถวกันนะ ไม่ต้องแย่งกับข้าวมีพอสำหรับทุกคน นั่งกินกันเป็นกลุ่มนะ กลุ่มละ 5-6 คน” ไอ้ต้นประกาศผ่านโทรโข่งตัวเดิม
สิ้นเสียงประกาศน้องๆ ก็พากันกรูเข้ามาต่อแถวอย่างรวดเร็ว สงสัยจะหิวกันมาก ผมมีหน้าที่ตักต้มยำใส่ถ้วยรอให้น้องๆ มาหยิบ
“พี่แยมครับ ผมของกุ้งเยอะๆ นะครับ แหะๆ” น้องปีหนึ่งคนนึงขอ
“เท่าๆ กันนะน้อง เดี๋ยวเพื่อนคนอื่นไม่ได้กิน” ผมว่า
“พี่แยมผมขออีกถ้วยนะ กลุ่มผมกินอย่างกะยักษ์ยัด” น้องอีกคนเดินมาขอต้มยำอีกถ้วย
“พี่แยมคะ หนูขอต้มยำอีกถ้วยค่ะ” น้องผู้หญิงอีกกลุ่มขอเพิ่ม หน้าตาน่ารักดีครับ
“เอ่อ หนูชื่อส้มนะคะ พี่แยมน่ารักมากเลยค่ะ” น้องคนเดิมบอกผม หน้าแดงนิดๆ
“ขอบคุณครับ อะนี่ต้มยำพี่แถมกุ้งเพิ่ม” ผมไม่ได้บ้ายอนะครับ นานๆ จะมีผู้หญิงเข้าหา ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชาย
“เฮ้ย น้องน่ารักว่ะแยม ขอเบอร์ให้กูหน่อย” ไอ้กิจเสนอหน้ามาจากไหนไม่รู้มาเกาะบ่าผมทำน้ำลายไหลเมื่อเจอเหยื่อ
“เก็บงูหน่อยมึง โน่นไอ้มินคู่ขามึงยืนอยู่โน่น” ผมแซวจนมันทำหน้าแขยงใส่
“มึงอย่าชงสิวะ ช่วงนี้กูยิ่งเรตติ้งตกอยู่” ไอ้กิจบ่น
“ทำไม สาวหายหรือ”
“ก็เออสิ ไม่รู้สาวๆ ไปได้ยินพวกมึงแซวกูกับไอ้มินตอนไหน คิดว่ากูกับไอ้มินได้กัน สาวๆ กูกับไอ้มินหายเกือบหมด เซ็งอยู่เนี่ย” ไอ้กิจบ่นยืดยาว
“อ้าว แล้วไม่จริงหรือ” ผมยักคิ้วถาม
“ห่านี่ ฟ้าผ่าสิมึง” ไอ้กิจหงุดหงิดใส่ จนผมหัวเราะกับหน้าตาที่ตลกของมัน
“คุยไรกัน ไปกินข้าวได้แล้วพวกมึง” ไอ้มินเดินมาตามพวกผมไปกินข้าว สงสัยจะได้ยินที่ผมแซวพวกมันเลยหน้างอซะ
“มาๆ พวกมึง เดี๋ยวสาวๆ เขาไปตักต่อให้” ไอ้ทศจัดแจงที่นั่งให้พอสำหรับพวกผม
“พวกมึงสองตัวทำหน้าเหมือนแดกขี้มา” ไอ้โจ้จัดใส่ไอ้กิจไอ้มินที่นั่งหน้างอ
“เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้โจ้ ปล่อยข่าวว่ากูกับไอ้มินเสียบกันเอง แม่งสาวหนีหมด” ไอ้กิจระเบิดใส่
“เออ เมื่อกี้รุ่นน้องสาวๆ แซวกูอีก ขอเบอร์ก็ไม่ให้ กลัวไอ้เชี่ยกิจตามกระทืบข้อหาแย่งกูไปจากมัน แต่ละคนกูล่ะเพลีย” ไอ้มินไม่น้อยหน้า ถอนหายใจซะปอดเกือบหลุด
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงพวกผมเองแหละ เผอิญเก็บอาการไม่อยู่จริงๆ ยิ่งพวกมันสองคนทำหน้าตาจริงจังเท่าไหร่ยิ่งดูตลกจนหยุดหัวเราะไม่ได้
“หยุดเลยพวกมึง แดกข้าวไป” ไอ้มินว่าแต่หน้าเซ็ง
“คืนนี้มีกิจกรรมไรบ้างวะ “ผมถามหลังจากกินไปได้สักพัก
“แสดงละครรอบกองไฟนิดหน่อย แล้วค่อยปล่อยไปนอน” ไอ้ต้นตอบ
“มึงไม่ต้องห่วงเรื่องไอ้เด็กนั่นนะวันนี้ไอ้ธีร์เล่นซะมันหอบแดก” ไอ้โจ้หันบอกผม
“หือ ทำอะไรมันอ่ะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปถาม อยากรู้อ่ะ
“เป็นห่วงมันหรือไง” ธีร์ขมวดคิ้วถามกลับ
“อยากรู้ไม่ได้หรือไงห๊ะ” เอาสิ ผมก็ไม่ยอม
“ผัวเมียคู่นี้กัดกันอีกล่ะ” ไอ้ต้นโผล่ทะลุกลางปล้อง ที่เหลือพากันหัวเราะชอบใจใหญ่ รวมทั้งไอ้บ้าธีร์นั่งยิ้มหน้าบานเลย
“หุบปากไปเลยไอ้ต้น” ผมว่า สุดท้ายก็ไม่ได้รู้ว่าไอ้ธีร์ทำอะไรไอ้น้องเฟิร์สบ้าง จะว่าไปวันนี้นอกจากตอนจะขึ้นรถแล้วผมก็ยังไม่ได้ป๊ะหน้าไอ้น้องเฟิร์สเลย สงสัยจะโดนสกัดดาวรุ่ง
หลังจากพวกผมและคนอื่นๆ ฟาดกับข้าวทุกอย่างเรียบหมดก็ถึงเวลาปล่อยให้น้องๆ เตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมรอบกองไฟกันโดยแบ่งกันเป็นกลุ่มคละสาขากันไป
สองทุ่มคือเวลานัดหมายและตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว พวกน้องๆ ต่างรีบกันนั่งตามกลุ่มของตัวเองก่อนจะนั่งล้อมๆ กันเป็นวงกลมรอบกองไฟที่พวกไอ้ทศก่อขึ้น การแสดงครั้งนี้ไอ้ต้นตั้งกฎว่าทีมไหนชนะมีรางวัลเป็นออกเดทกับแก๊งสามนางคว้า ไม่รู้ว่าทีมที่ชนะจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แต่เรื่องนี้ยังเป็นความลับอยู่ครับ รู้กันแค่พวกปีสามอย่างพวกผม
“เอาล่ะๆ นี่ก็ได้เวลาแล้ว ทีมแรกพร้อมไหม” ไอ้ต้นคนเดิมกับโทรโข่งอันเดิม
“พร้อมครับ/พร้อมค่ะ”
“เริ่มได้” สิ้นเสียงประกาศจากไอ้ต้นน้องๆ ทีมแรกก็ออกมายืนกันกลางวงล้อมพร้อมกับแนะนำตัวแล้วเริ่มแสดง ทีมนี้แสดงตลกกัน ฮาดีครับ เวลาเตรียมตัวมีน้อยมากแต่เด็กพวกนี้ยังอุตส่าห์หามุขมาเล่นได้เยอะแยะ จนครบเวลาต้องเปลี่ยนให้ทีมต่อไปแสดงต่อ จนมาถึงทีมที่สี่ที่มีไอ้น้องเฟิร์สรวมอยู่ด้วย และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือทีมนี้แสดงละครเรื่องแรงเงา มีสองหนุ่มร่างเล็กแสดงเป็นมุนินทร์กับนพนภา และที่เด่นสุดคือไอ้น้องเฟิร์สแสดงเป็น ผอ.และฉากเด่นของทีมนี้คือฉากตบกันหน้ากองไฟ (แทนหน้ากระทรวง) เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างมาก
ในที่สุดผลคะแนนโหวตจากปีสองและปีสามก็เป็นเอกฉันท์ ทีมที่ชนะคือทีมที่สี่ที่มีคะแนนโหวตถล่มทลาย และแน่นอนรางวัลของทีมผู้ชนะก็คือเดทกับแก๊งสามนางคว้า ทำให้พวกนั้นต่างโห่ร้องออกมาด้วยความเซ็งแต่เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นได้มากกว่าตอนที่พวกนั้นแสดงละครกันอีก
ในที่สุดกิจกรรมของคืนนี้ก็จบลง ก่อนช่วยกันเก็บของ ดับไฟและได้เวลาแยกย้ายกันไปนอน ไม่ใช่อะไรแค่อยากให้เด็กๆ เก็บแรงไว้ทำกิจกรรมต่ออีกพรุ่งนี้และเป็นกิจกรรมเข้าฐานยาวทั้งวัน พวกผมก็เหมือนกันต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยงฐานต้องรีบนอนและรีบตื่นมาเตรียมตัว ส่วนสาวๆ แยกตัวกันกลับบ้านพักเรียบร้อยแล้ว
“ตื่นได้แล้วค่าหนุ่มๆ” เสียงแหลมแปดหลอดปลุกโสตประสาทผมและใครอีกหลายคนให้ตื่นขึ้น
“หนวกหูนังเชอ” ไอ้โจ้ลุกมาแหกปากโวยวายก่อนล้มตัวลงไปนอนต่อ
“อีโจ้ ลุกเลยมึง คนอื่นเขาลุกกันหมดแล้ว” เชอรี่เดินเข้าไปฉุดไอ้โจ้ให้ลุกจากที่นอน
“เออๆ ตื่นแล้วๆ” ไอ้โจ้งัวเงียลุกออกไปเข้าห้องน้ำ ปากก็บ่นขมุบขมิบไปตลอดทาง
เช้านี้พวกปีสามกับปีสองบางส่วนต้องรีบตื่นไปจัดซุ้มฐานกัน ที่เหลือคือพวกสาวๆ จะต้องอยู่ทำกับข้าว วันนี้ผมรอดไม่ต้องเข้าครัวเพราะเป็นพี่เลี้ยงฐาน
เวลารวมพลเข้าฐานคือเก้าโมงตรงยาวตลอดทั้งวัน ฐานกลางหรือจุดรวมพลจะมีไอ้ต้น ไอ้ทศ น้ำ ธีร์และเพื่อนสาขาอื่นๆ อีกประมาณสิบกว่าคนคอยจัดกลุ่มรวมถึงเป็นพี่เลี้ยงกลุ่มด้วยและอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ทีแรกพวกมันให้ผมอยู่หน่วยพยาบาลเพราะผมคงขู่ใครแล้วคงไม่มีใครกลัวแน่ แต่ผมไม่ยอม เรื่องอะไรให้ผมอดสนุกเลยโวยวายนิดหน่อยจนได้มาเป็นพี่เลี้ยงฐานในที่สุด
สถานที่ที่พวกผมจัดฐานกันจะอยู่ห่างจากนักท่องเที่ยวจะได้ไม่รบกวนและไม่ถูกรบกวน ฐานแต่ละฐานจะอยู่ห่างกันออกไปพอสมควรเพื่อความสะดวกในการใช้พื้นที่และใช้เสียง ฐานของสาขาผมอยู่ถัดไปจากฐานของพวกไอ้โจ้ โดยฐานของผมไม่เน้นความรุนแรง เน้นฮาและเลอะอย่างเดียว มีแก๊งสามนางคว้าเป็นหัวโจก ผมอยู่ฝ่ายละเลงสี มีน้องๆ ปีสองที่เป็นสันทนาการอยู่ฝ่ายเน้นฮา จะเรียกฐานของพวกผมว่าฐานคลายเครียดก็ได้เพราะไม่มีคนคอยว้าก คอยขู่ สบายๆ อย่างเดียว
“ในที่สุดเวลาที่เชอรี่รอคอยก็มาถึง” เสียงแหลมของเชอรี่คงบาดหูใครหลายๆ คนที่ได้ยิน
“เวลาอะไรของมึง” ไอ้โจ้ถาม
“ก็เวลาจะได้สัมผัสร่างกายน้องๆ ผู้ชายไงยะ อย่าพูดเลย พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอกอีโจ้” เชอรี่เชิดใส่
“โรคจิตล่ะนังเชอ เดี๋ยวน้องๆ เขาก็กลัวหัวหดหมด” ไอ้โจ้ยังไม่เลิกแขวะ
“เชอะ น้องๆ เขาชอบล่ะไม่ว่า ละเลงสี ละเลงสี” พูดพลางใช้มือกวนสีในถังให้ละลาย เราใช้สีผสมอาหาร ล้างออกง่ายและไม่เป็นอันตรายด้วย เมื่อถึงเวลาพวกผมก็แยกย้ายกันไปตามที่ตั้งฐานรอเวลาจุดรวมพลปล่อยกลุ่มน้องๆ เข้าฐาน
“น้องๆ มาแล้ว เตรียมตัวเลย” หนึ่งในพี่เลี้ยงฐานตะโกนบอก
“เอาละๆ สีพร้อม ถ่านพร้อม ซุ้มพร้อม โพรงพร้อม” พี่เลี้ยงฐานอีกคนตรวจเช็คความเรียบร้อย
เมื่อน้องๆ มาถึงฐานของพวกผม เริ่มแรกก็ละเลงหน้าด้วยผงถ่านดำๆ กันก่อนครับ ตามด้วยลอดซุ้มลอดโพรงต่างๆ ก่อนจบด้วยละเลงสีตามหน้าตามตัว เรียกว่าเละกันเลยทีเดียว แต่ก็นะฐานของพวกผมก็เรียกเสียงหัวเราะได้มากทีเดียวเมื่อแต่ละคนหันไปมองคนข้างๆ ต่างหัวเราะเยาะใส่กันว่าใครเละกว่าใคร
เมื่อกลุ่มแรกผ่านไปกลุ่มต่อๆ ไปก็ตามมากันเรื่อยๆ จนได้เวลาพักเที่ยง พวกผมไม่ได้ให้ให้น้องๆ กลับจุดรวมพลกัน แต่แจกข้าวกล่องกันที่ฐานนั่นแหละ รวมทั้งพวกผมด้วย พอทานกันเสร็จก็ให้น้องๆ พักย่อยกันนิดหน่อยก่อนเริ่มกิจกรรมฐานต่อ ที่ผ่านมาตั้งแต่กลุ่มแรกเข้าฐานวันนี้ผมยังไม่เจอน้องเฟิร์สและธีร์เลยจนดำเนินมาถึงกลุ่มสุดท้าย
RRRRRRRRR
“ฮัลโหล ว่าไงโจ้”
(ไอ้เด็กนั่นกำลังไปฐานมึงนะแยม กลุ่มสุดท้ายพอดี อ้อแต่ไม่ต้องห่วงไอ้ธีร์เป็นพี่เลี้ยงกลุ่ม มันตามไปด้วย) เสียงปลายสายบอกออกมา
“โอเค ขอบใจที่โทรมาบอก” ผมกดวางสายก่อนจะได้ยินเสียงน้องๆ กลุ่มสุดท้ายร้องเพลงมาแต่ไกล
“เอาล่ะน้องๆ เข้าแถวก่อนนะจ๊ะ” เชอรี่รับหน้าที่แม่งาน
“พร้อมไหมจ๊ะน้องๆ” โรสถาม
“พร้อมครับ/พร้อมค่ะ” สิ้นเสียงน้องๆ พี่ๆ อย่างพวกผมก็เริ่มละเลงกันใหญ่ และที่สำคัญผมไม่สามารถเลี่ยงน้องเฟิร์สได้เลย
“พี่แยมทาตรงนี้ให้หน่อยสิครับ” เด็กมันยื่นแก้มมาให้ ผมเลยปาดสีใส่ซะเต็มเหนี่ยวเลย ไม่ได้แกล้งนะครับแต่น้องเขาขอมาผมเลยจัดให้ ไม่ใช่แค่ผมนะ แก๊งนางคว้าก็เข้าร่วมด้วยสงสัยจะติดใจบท ผอ.จากเรื่องแรงเงาที่แสดงรอบกองไฟเมื่อคืน ผมเห็นเชอรี่ลูบไล้น้องมันใหญ่ ส่วนผู้ถูกกระทำก็หลีกหนีกันจ้าล่ะหวั่น ในที่สุดก็เสร็จสิ้นภารกิจฐาน เหลือแค่กลับจุดรวมพล กินข้าวเย็น แล้วก็สังสรรค์ปิดค่ายรับน้อง
“เหนื่อยไหม” ธีร์ยื่นหน้าเข้ามาถาม
“ไม่นี่ สนุกดี” ผมตอบ
“เฮ้ย” เสียงผมเองครับ ก็ไอ้หน้าโหดข้างผมมันแย่งถังสีผมไปแล้วเอามือป้ายสีมาป้ายหน้าผม
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แก้มอมชมพู” แหงสิก็ผมถือถังสีที่มีสีชมพูนี่
“เล่นไรของมึง นี่แน่” ผมโวย แต่ก็แย่งถังสีคืนเลยป้ายมันกลับ ด้วยความที่ยังไม่สะใจผมเลยเททั้งถังใส่หัวมันเลย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นไงล่ะ แกล้งคนอื่นดีนัก” ผมหัวเราะเยาะใส่ เห็นมันเอามือปาดสีออกจากหน้าผากคงกลัวหยดเข้าตา แต่ตอนนี้หัวมันเป็นสีชมพูเลย คิดดูครับว่าสีผสมอาหารละลายผสมกับแป้งมันทั้งเหนียวทั้งเหนอะเลยล่ะ
“แกล้งนิดเดียว เล่นงี้เลย” ธีร์เงยหน้าขึ้นมาถามหลังจากพยายามปาดสีให้ออกจากใบหน้า ที่จริงก็น่าสงสารนะแต่ผมสะใจมากกว่า
“พอดีสีมันเหลือ เลยใช้ให้หมดๆ ซะ หึหึ” ผมยังตลกคนตกถังสี
“รับผิดชอบซะ เห็นไหมหัวแข็งหมดแล้ว” ธีร์จับข้อมือก่อนลากผมกลับบ้านพักโดยไม่ได้แวะจุดรวมพล
“เดี๋ยวพี่แยม รอผมก่อน” น้องเฟิร์สตะโกนไล่หลังและพยายามวิ่งจะให้ทันพวกผมแต่โดนแก๊งนางคว้าสกัดไว้ซะก่อน
“จะไปไหนคะคุณน้อง เดี๋ยวต้องไปรวมตัวที่จุดรวมพลนะคะ” เชอรี่ว่า
“ก็พี่แยมโดนพี่ธีร์ลากไปโน่นแล้ว ผมจะไปช่วยพี่แยม” น้องเฟิร์สยังพยายามจะตามไปแต่ไม่สามารถฝ่าวงล้อมแก๊งนางคว้าไปได้
“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ นั่นน่ะเขาเป็นแฟนกัน เขาไม่ทำอะไรหรอกค่ะ ส่วนคุณน้องไปกับพี่ดีกว่านะคะ” เชอรี่ว่าก่อนคว้าแขนน้องเฟิร์สไว้ลากกลับจุดรวมพล
“เฮ้ย จะลากไปไหน” ผมเริ่มฉุดแขนกลับพอใกล้ถึงบ้านพัก
“นี่ไง รับผิดชอบซะ” ธีร์ชี้ไปที่หัวตัวเอง
“สระผมก็ออกแล้ว จะให้รับผิดชอบอะไรอีก” ผมยังไม่เลิกขืนตัวเองไว้
“รับผิดชอบโดยการสระผมให้ไงจ๊ะ มานี่เลย” ประโยคแรกนี่เสียงหวานตาเยิ้ม แต่ไหงประโยคหลังมันถึงได้ห้วนอย่างนี้ และแล้วผมก็โดนลากมาจนถึงห้องอาบน้ำของบ้านพักจนได้ ธีร์เริ่มถอดเสื้อออกโยนกองไว้กับพื้นก่อนผลักผมเข้าห้องน้ำพร้อมกัน
“แค่สระผมใช่ไหม” ผมถามหลังจากที่ขัดขืนไม่ได้แล้ว
“จะอาบน้ำให้ด้วยก็ได้นะ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง” ธีร์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“เป็นง่อยหรือไง ทะลึ่งนะมึง” กัดมันได้เพราะตอนนี้ไม่มีใคร แต่มันไม่ยักโกรธแฮะ ยังหัวเราะต่ออีก
“สะดวกแบบไหน นั่งหรือนอน” ธีร์ให้ผมเลือก
“กูนั่ง มึงนอนละกัน โน่นในอ่างเลย” ไหนๆ ก็ต้องสระผมให้มันแล้วก็ขอนั่งหน่อยละกัน วันนี้ยืนกันขาแข็งแล้ว
“รับทราบครับผม” มันล้อก่อนเดินลงไปนั่งในอ่าง ส่วนผมนั่งขอบอ่าง เปิดฝักบัว พับขากางเกงก่อนจับหัวมันพิงขาผมแล้วใช้ฝักบัวรดน้ำล้างสีออกก่อนจะลงแชมพู
“เฮ้อ สบาย” ธีร์ว่าก่อนหลับตาลง
“สบายสิไอ้คุณชาย” ผมว่าแต่มือก็ยังขยี้หัวมันไปเรื่อยๆ น้ำนี่เป็นสีชมพูเลย ขยี้บ้าง นวดบ้างเพลินดี
“อ่ะ เสร็จแล้ว” ผมตรวจดูแล้วไม่มีเศษสีหลงเหลืออยู่
“ขอบใจนะ” ธีร์เงยหน้าขึ้นมาพูดก่อนสะบัดผม เหมือนหมาเลยครับ อันนี้ผมแค่คิดในใจนะ
“เปียก หยุดสะบัดขนได้แล้ว” ผมโวยเมื่อมันสะบัดไม่ยอมหยุด
“นี่แน่ะ ว่าใครสะบัดขน” ธีร์ฉีดน้ำจากฝักบัวใส่ผม
“เฮ้ย เปียก ไม่เล่น” ผมแย่งฝักบัวคืน แย่งกันไปแย่งกันมาจนเปียกด้วยกันทั้งคู่ จนผมต้องเอื้อมมือไปปิดฝักบัวแทน แต่แหมบทเขาเขียนให้ผมต้องเอื้อมสุดแขนจนหน้าทิ่มลงบนอกไอ้หมาสะบัดขนนั่น ยังดีที่มันช่วยจับแขนไว้ไม่อย่างนั้นผมคงหน้าฟาดขอบอ่างดับสยองไปแล้ว จนผมตั้งหลักได้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาก็เจอมันมองหน้าผมอยู่
“ปล่อยได้.....อือ” ผมโดนมันจูบอีกแล้ว แต่ครั้งนี้มันมีสติดีไม่เหมือนครั้งก่อน พยายามดิ้นแต่ไม่ยอมหลุดจากฝ่ามือหนานั่นเลยได้แต่เม้มปากแน่นกันลิ้นร้อนที่พยายามซอกซอนเข้ามา ผมหลับตาแน่น
“เปิดปากหน่อยสิ” ธีร์กระซิบติดริบฝีปากบาง
“ไอ้บ้า” ผมแว๊ดใส่และเป็นเรื่องผิดพลาดมากเพราะตอนนี้ลิ้นร้อนแสนร้ายกาจนั้นเข้ามาเชยชิมความหวานในโพรงปากผมเรียบร้อยแล้ว
“อือ...อืม” ลิ้นร้อนไล้วนไปทั่วโพรงปากก่อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นผมให้เกี่ยวตามไปด้วยกัน มันวาบหวามชวนเคลิ้มจนเรี่ยวแรงผมถดถอย สมองไร้การสั่งการให้ต่อต้าน มีแต่การตอบสนองด้วยความไม่ประสา จนผมเริ่มหายใจไม่ออกเลยเริ่มดิ้นอีกครั้งมันก็ปล่อยปากผมให้เป็นอิสระ
“หวาน” ธีร์พูดแค่นั้นก่อนจะก้มลงไปจูบใหม่ เรียกร้อง เร่าร้อนมากกว่าเดิมจนผมต้องเกาะแขนพิงอกร่างสูงไว้เป็นหลัก ฝ่ามือหน้าร้อนลูบไล้ไปตามแผ่นหลังจนผมได้สติรวบรวมแรงทั้งหมดผลักมันออกได้จนสำเร็จแล้ววิ่งออกจากห้องน้ำไปทั้งเปียกๆ โดยไม่แม้แต่จะเหลียวหันกลับไปมองว่าอีกคนจะอยู่ในสภาพไหน
แฮ่ก แฮ่ก
ผมวิ่งออกมาทั้งที่ตัวเปียกจนมาถึงหน้าหาดอีกด้านของบ้านพักซึ่งห่างจากจุดรวมพลพอสมควร แค่ต้องการหลบหน้าคนอื่น แค่ต้องการหาที่เงียบๆ แค่ต้องการคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
“จูบกูทำไม แก้แค้นหรือแค่แกล้งกูกันแน่” พูดกับตัวเองจนเผลอยกมือขึ้นลูบริมฝีปาก ยังสัมผัสได้ถึงรสจูบที่ได้รับ ความเร่าร้อนที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนจนทำให้เคลิบเคลิ้ม ผมชอบสัมผัสนี้เหรอ ทำไมถึงต่อต้าน ทำไมถึงไม่ผลักไสมันออก หรือว่าผมชอบมันกันแน่ ผมควรจะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ดี
“ไอ้เชี่ยธีร์” ความสับสนตีกันอลหม่านอยู่ในหัวจนเผลอกะโกนออกมา แต่ดีที่ไม่มีใครได้ยิน ผมยืนทอดความคิดออกไปต่างๆ นานาจนดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำจนจะลับขอบฟ้า
“เฮ้ย แยม กินข้าวเว้ย” ไอ้โจ้ตะโกนเรียกผม
“เออ เดี๋ยวตามไป” กินข้าวเอาแรงก่อนทั้งที่ในใจผมยังตีกันให้วุ่น
ดีหน่อยที่มื้อนี้พวกผมกินข้าวรวมกันกับรุ่นน้อง ไม่แบ่งแยกชั้นปี ไม่แบ่งแยกสาขา และผมก็ไม่ได้นั่งใกล้กับไอ้คนที่จูบผมด้วย ยังเข้าหน้าไม่ติดไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้าอย่างไรเวลาเจอมัน จนมื้อเย็นฝืดๆ ของผมก็ผ่านพ้นไป
น้องๆ เหมือนจะเหนื่อยกัน บางคนอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนเลย บางคนก็ไปเล่นน้ำกันมีพวกรุ่นพี่บางคนลงไปแจมด้วย ส่วนผมไม่มีอะไรทำเลยเดินทอดน่องริมหาดคิดอะไรไปเรื่อยๆ จนไอ้โจ้โทรตามให้ไปร่วมวงน้ำเมาที่มีแต่พวกผมและเพื่อนๆ ส่วนน้องๆ ไม่ได้รับสิทธิ์นี้เลยได้แต่เดินคอตกกลับบ้านพักไปนอน
“หายหัวเลยนะมึง เปลืองค่าโทรศัพท์กูอีก” พอผมมาถึงปุ๊บไอ้โจ้ก็บ่นปั๊บ
“โถ่ ไอ้งก ค่าโทรไม่กี่บาททำบ่น ทีโทรหาหญิงหมดเป็นร้อยไม่เห็นบ่น กับเพื่อนนี่บ่นฉิบหาย” ไม่ใช่ผมครับแต่เป็นไอ้ต้นที่นั่งข้างกันด่าแทนให้