ค่ำคืนแห่งพันธนาการ

767 Words
สายลมยามราตรีพัดโชยผ่านม่านหน้าต่าง กลิ่นดอกหลวนฮวาหวานละมุนลอยอบอวลไปทั่วห้อง เสี่ยวอิงคุกเข่าอยู่ข้างโต๊ะชา แม้จะพยายามสงบใจ แต่หัวใจของนางกลับเต้นแรงจนแทบสะกดไม่อยู่ องค์ชายหลี่เฉินทอดพระเนตรนางอย่างพิจารณา ก่อนจะตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “เจ้าเคยรับใช้ใกล้ชิดบุรุษหรือไม่?” คำถามนั้นทำให้ร่างบางสะดุ้ง เผลอกำมือแน่นบนตัก นางรีบก้มหน้าต่ำ เสียงของนางแผ่วเบาราวสายลมที่พัดผ่าน “หม่อมฉัน… มิกล้าพะยะค่ะ” องค์ชายหลี่เฉินวางถ้วยชาลงเบา ๆ ก่อนลุกขึ้นจากที่ประทับ เสี่ยวอิงสัมผัสได้ถึงเงาพระวรกายที่ทอดลงมาทับร่างของนาง พระองค์ก้าวเข้ามาใกล้… ใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากฉลองพระองค์สีดำปักลายมังกรของพระองค์ “เช่นนั้น ข้าจะสอนให้เจ้าเรียนรู้” พระสุรเสียงแผ่วเบาทว่าหนักแน่นทำให้เสี่ยวอิงเผลอเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตของนางสบเข้ากับนัยน์ตาคมกริบของพระองค์เพียงเสี้ยววินาที แต่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอให้หัวใจของนางเต้นผิดจังหวะ “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเจ้าสะดุดตาข้าตั้งแต่เมื่อใด?” พระหัตถ์เย็นเฉียบขององค์ชายยื่นมาเชยคางของนางขึ้นเบา ๆ ปลายนิ้วเรียวลากผ่านปลายคางของนางช้า ๆ ราวกับกำลังสำรวจ “ม…หม่อมฉัน…” นางพูดไม่ออก สัมผัสของพระองค์ร้อนผ่าวจนทำให้นางรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะลุกไหม้ “ในวันที่เจ้าเดินเข้ามาในตำหนักนี้เป็นครั้งแรก… ดวงตาของเจ้า มันไม่เหมือนใคร” พระองค์จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของนาง ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะค่อย ๆ ลากจากปลายคางลงมาถึงลำคอ เสี่ยวอิงเผลอกลั้นหายใจ “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าดวงตาของเจ้าสะท้อนบางสิ่งที่ข้าอยากครอบครอง…” น้ำเสียงของพระองค์ทุ้มลึกและอ้อยอิ่ง นางรู้สึกได้ว่าทุกคำที่พระองค์ตรัส ไม่ใช่เพียงแค่ลมปาก แต่เป็นการประกาศอำนาจบางอย่างที่นางมิอาจขัดขืน พระองค์โน้มพระวรกายเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ราวกับจะทดลองขีดจำกัดของนาง เสี่ยวอิงรู้ว่าตั้งแต่วินาทีนี้ไป… นางจะมิอาจเป็นอิสระอีกต่อไป ภายในห้องบรรทมที่มีเพียงแสงตะเกียงริบหรี่ เสี่ยวอิงยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นข้างแท่นบรรทม นางไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย หัวใจของนางเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อสัมผัสถึงพระวรกายขององค์ชายที่อยู่ใกล้เพียงคืบ “เจ้ายังกลัวข้าอยู่หรือ?” พระสุรเสียงทุ้มขององค์ชายหลี่เฉินแผ่วเบา แต่กลับก้องสะท้อนในโสตประสาทของนาง เสี่ยวอิงเม้มปากแน่น นางมิอาจกล่าวปฏิเสธ เพราะตั้งแต่องค์ชายสัมผัสนางในค่ำคืนนี้ หัวใจของนางก็สั่นไหวจนมิอาจควบคุมได้ องค์ชายทอดพระเนตรนางอย่างพึงพอพระทัย ก่อนจะยกพระหัตถ์ไล้ผ่านปลายคางของนางอีกครั้ง ปลายนิ้วเรียวลากแผ่วเบาไปตามแนวสันกราม ลงมาตามลำคอระหง นางแทบสะกดลมหายใจของตนเองไว้ไม่อยู่ “ร่างกายของเจ้าสั่น…” พระองค์ตรัสขึ้นแผ่วเบา ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อนวลตรงซอกคอของนาง “แต่เจ้ามิได้ขัดขืน” เสี่ยวอิงกลั้นใจ นางมิอาจเถียงว่าองค์ชายตรัสผิด พระองค์ทั้งเย็นชา ทั้งอันตราย แต่นางกลับมิอาจละสายตาไปจากพระองค์ได้ “เจ้าอยากหนีจากข้าหรือไม่?” พระองค์โน้มพระพักตร์ลงต่ำ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดผิวแก้มของนาง เสี่ยวอิงรู้ว่า หากนางตอบว่า ‘อยาก’ พระองค์จะไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ และหากตอบว่า ‘ไม่’ นั่นหมายความว่านางกำลังยอมรับชะตากรรมที่องค์ชายหลี่เฉินกำหนดให้ นางจึงเลือกเงียบ รอยแย้มสรวลบางเบาผุดขึ้นที่มุมพระโอษฐ์ องค์ชายทอดพระเนตรท่าทางของนางอย่างพึงพอใจ ก่อนจะตรัสเสียงแผ่ว “เช่นนั้น เจ้าก็จงอยู่กับข้า… อย่าคิดจะหนีไปไหน” พระหัตถ์แข็งแกร่งเลื่อนลงมาสัมผัสปลายคางของนางอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ โน้มลงใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวอิงหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว… สัมผัสอ่อนโยนที่แตะลงบนกลีบปากของนางแผ่วเบา ราวกับกำลังหลอกล่อให้หัวใจของนางจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งพันธนาการที่ไม่มีวันปลดปล่อยได้อีกต่อไป…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD