รวิชญ์ยังยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะเวหา
ใบหน้าเขาฉายแววสุภาพตามมารยาทนักธุรกิจ
แต่สายตากลับเหลือบผ่านกระจกไปยังโต๊ะของญาดาอีกครั้ง
เพียงเสี้ยววินาที…ทว่าเวหาเห็น
ชายหนุ่มในสูทดำยืดตัวเล็กน้อย
วางปากกาลงบนแฟ้มเสียง กึก
“คุณรวิชญ์…จากนี้ ประสานกับผมโดยตรง”
น้ำเสียงเรียบ แต่หนักแน่นพอให้เข้าใจ
รวิชญ์ชะงัก ก่อนยิ้มบาง ๆ กลบเกลื่อน
“แน่นอนครับ ผมไม่ก้าวล้ำ”
เขาเก็บแฟ้มเรียบร้อย เอ่ยลาครู่สั้น ๆ แล้วก้าวออกจากห้อง
ทิ้งไว้เพียงความเงียบ และอากาศหนักอึ้งที่ยังไม่สลาย
ญาดาที่โต๊ะหน้าห้องสูดลมหายใจเบา ๆ
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน
แต่แรงกดดันเมื่อครู่...มันไหลทะลุออกมาจนเธอรับรู้
ไม่ถึงหนึ่งนาที ประตูห้องเปิดออก
เวหาก้าวออกมาช้า ๆ สูทดำแนบเนื้อ เส้นผมเรียบเนี้ยบ
เขาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะญาดา
“คุณญาดา…เข้ามาหน่อย”
เสียงเขาเรียบเฉย แต่ทุ้มลึกจนหัวใจเธอสั่นสะท้าน
เธอลุกขึ้น พยายามยืดหลังให้มั่นคง
ก้าวตามเขาเข้าไปในห้องที่ประตูปิดลงเบื้องหลัง
เวหายืนพิงขอบโต๊ะไม้โอ๊คสูง
ฝ่ามือไขว้หลัง มองเธอตรง ๆ
ดวงตาคมลึกคู่นั้นคือสายตาแบบเดียวกับเมื่อคืน
สายตาที่เธอ…ไม่เคยลืมเลย
“เชิญนั่งครับ” เขาเอ่ยเบา ๆ
ญาดาทรุดตัวลงเก้าอี้ตรงข้าม ยกมือประสานบนตักเพื่อซ่อนความสั่น
“มีอะไรให้ดิฉันทำเพิ่มอีกหรือคะ?”
เวหายกคิ้วเล็กน้อย คล้ายยิ้มแต่ไม่ใช่
“ไม่มีอะไร…ผมแค่อยากให้คุณอยู่ตรงนี้”
หัวใจเธอสะดุดอีกครั้ง
เหมือนทุกอย่างในห้องนี้ กำลังบีบให้เธอเผชิญหน้ากับเขา
กับสายตาที่ทั้งอันตราย…และดึงดูดเกินต้าน
ญาดายังคงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
พยายามทำตัวให้ดูมืออาชีพที่สุด แม้ในอกสั่นไหวไม่หยุด
แต่เวหากลับโน้มตัวเล็กน้อย เสียงทุ้มเรียบเอ่ยขึ้น
“ลุกขึ้นสิ…มานี่”
เธอชะงัก หัวใจเต้นแรงทันที
“เอ่อ…คุณเวหา หมายความว่า”
“ผมบอกให้มานี่”
น้ำเสียงไม่ดัง แต่แฝงแรงกดดันที่ทำให้ญาดาขาแทบไม่ขยับไม่ได้
เธอลุกขึ้นช้า ๆ เดินอ้อมโต๊ะไปหาเขา
เวหายืนพิงขอบโต๊ะ สูทดำแนบกาย ร่างสูงสง่า
สายตาคมกริบจ้องเธอไม่วาง จนเธอรู้สึกเหมือนถูกเปลื้องเปล่าโดยไม่ต้องแตะต้อง
เมื่อเธอหยุดยืนตรงหน้า
เวหากลับยกมือคว้าเอวเธออย่างมั่นคง
ดึงร่างบางให้เอนเข้าหา ก่อนจับนั่งลงบนตักกว้างของเขาอย่างง่ายดาย
“คะ…คุณเวหา!” ญาดาอุทานเบา ๆ
มือเธอรีบวางบนอกเขาอย่างไม่รู้จะผลักหรือดัน
แต่เวหากลับเพียงเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นน้อย ๆ
“นั่งนิ่ง ๆ…”
สายตาเขาจ้องเธอแน่นิ่ง
ใกล้พอให้เธอได้กลิ่นน้ำหอมเดียวกับเมื่อคืน
ใกล้พอให้ลมหายใจเขาแทบจะประสานกับของเธอ
“คุณรู้ไหม…สายตาคุณเมื่อคืน มันไม่เคยลบไปจากผมเลย”
เสียงเขาทุ้มต่ำ คำพูดนั้นทำให้ญาดาสะดุ้ง
หัวใจเต้นโครมคราม เขากำลังพูดถึงคืนที่เธอพยายามหลอกตัวเองว่าเป็นฝัน?
เธอเบือนหน้าหนี แต่เวหากลับเอียงหน้าเข้ามาใกล้
ดวงตาคมกริบเหมือนอ่านทะลุทุกความคิด
มือใหญ่ประคองท้ายทอยเธอเบา ๆ ให้หันกลับมาสบตา
“อย่าหลบ…ผมอยากเห็นคุณ…ในระยะนี้”
ลมหายใจอุ่นร้อนของเวหาคลออยู่ปลายริมฝีปาก
ดวงตาคมลึกจ้องทะลุเข้ามาจนญาดาแทบหายใจไม่ออก
เขาโน้มเข้ามาช้า ๆ …
ใกล้พอให้เธอรับรู้ว่าอีกเสี้ยววินาที ริมฝีปากนั้นจะครอบครองเธอ
แต่ญาดากลับเอ่ยออกมาแทบจะกระซิบ
“ทำไม…ถึงเลือกดิฉัน”
เวหาชะงักเล็กน้อย
เธอเบือนหน้าหนีไปชั่วขณะ ก่อนกัดริมฝีปากตัวเองแน่นแล้วถามต่อ
“ฉันทำงานที่นี่มาหลายปี…แต่ไม่เคยเจอคุณในฐานะผู้บริหารเลยสักครั้ง
ก่อนหน้านี้…ไม่ใช่คุณที่นั่งตรงนี้ ไม่ใช่ ‘เวหา’ คนนี้”
เสียงเธอสั่นน้อย ๆ แต่สายตากลับแน่วแน่
คำถามนั้นทำให้บรรยากาศในห้องหนักขึ้นกว่าเดิม
เวหานิ่งไปเสี้ยววินาที ริมฝีปากโค้งยกขึ้นน้อย ๆ
เขาไม่ตอบตรง ๆ เพียงกระชับอ้อมแขนรอบเอวเธอให้แน่นขึ้น
สายตาคมกริบยังคงจ้องลึก เหมือนกำลังเล่นเกมที่มีแต่เขารู้กติกา
“บางครั้ง…สิ่งที่คุณไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่”
เสียงทุ้มเอ่ยช้า ๆ ข้างหูเธอ
“ผมอยู่ตรงนี้มานานแล้ว…แต่เพิ่งตัดสินใจให้คุณเห็น”
ญาดากลืนน้ำลาย หัวใจสั่นระรัว
คำตอบนั้นไม่ได้คลี่คลายข้อสงสัย กลับทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ ยิ่งกว่าเดิม
เหมือนเขาไม่ใช่เจ้านายทั่วไป…แต่เป็นใครบางคนที่กำลังคุมเกมเหนือความเข้าใจเธอ
เวหาก้มลงอีกครั้ง
ริมฝีปากเขาใกล้พอให้เธอแทบหยุดหายใจ
“เพราะคุณ…ไม่เหมือนใคร”
ประโยคสุดท้ายนั้นยังลอยอยู่ในอากาศ“เพราะคุณ…ไม่เหมือนใคร”
เวหาไม่ให้เวลาญาดาได้หายใจคิดต่อ
ริมฝีปากเขาโน้มลงมาประกบกับริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา
สัมผัสนั้นอุ่นนุ่มไม่เร่งเร้า แต่ลึกซึ้งจนหัวใจเธอสั่นสะท้าน
ญาดาเบิกตาเล็กน้อย ร่างกายแข็งชั่ววินาที
ก่อนที่ความอุ่นวาบจากริมฝีปากเขาจะค่อย ๆ ละลายแรงต้านทั้งหมด
ปลายนิ้วเธอสั่นไหว เกาะเสื้อสูทเขาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
เวหากดจูบแน่นขึ้นทีละน้อย
ไม่รีบร้อน ไม่เร่าร้อน แต่หนักแน่นพอจะทำให้เธออ่อนระทวยในอ้อมแขน
ลมหายใจเธอสั่นขาดตอน หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา
เขาผละออกเพียงชั่วครู่
สายตาคมยังคงตรึงแน่นที่ใบหน้าแดงซ่านของเธอ
ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ที่คางเธอ พลิกให้เธอมองสบตาเขาอีกครั้ง
“ผมไม่ลืม…สายตานี้ของคุณ”
เสียงเขาทุ้มต่ำ แฝงรอยยิ้มบาง ๆ
ญาดาหลับตาลงวูบเดียว ก่อนหอบหายใจเบา ๆ
ความรู้สึกวาบหวามแล่นไปทั้งกายอ่อนระทวยจนแทบไม่มีเรี่ยวแรง
ริมฝีปากที่เพิ่งผละออก ยังอุ่นวาบติดอยู่ไม่เลือน
ญาดาหอบหายใจเบา ๆ ใบหน้าร้อนผ่าวจนไม่กล้ามองเขาตรง ๆ
เธอรีบตั้งสติ บังคับเสียงให้มั่นคงที่สุด
“ดิฉัน…ขอกลับไปทำงานต่อค่ะ”
เวหานิ่งไปเสี้ยววินาที
สายตาคมกริบยังตรึงเธอไว้ ราวกับไม่อยากให้ลุกไปไหน
แต่สุดท้ายเขาเพียงพยักหน้าช้า ๆ
ญาดาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฝ่ามือที่วางบนตักเขาเมื่อครู่ยังสั่นไม่หยุด
เธอหมุนตัวเดินออกจากห้อง พยายามไม่เร่งก้าวเกินไป แต่หัวใจกลับเต้นระรัวราวกับกำลังวิ่ง
เมื่อกลับมาที่โต๊ะด้านนอก
เธอดึงแฟ้มงานขึ้นมาเปิดทันที
ปลายนิ้วเคาะคีย์บอร์ดรัวเร็วเกินกว่าปกติ
เหมือนพยายามกดความร้อนวูบวาบในอกให้จมหายไปกับตัวเลขและรายงาน
แต่ความจริงแล้ว…ทุกครั้งที่กะพริบตา ภาพสายตาและริมฝีปากเขายังตามหลอกหลอน
“ทำไมต้องเป็นฉัน…ทำไมต้องตอนนี้…”
เธอกัดริมฝีปากแน่น รีบเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จโดยเร็ว
จนกระทั่งเข็มนาฬิกาแตะช่วงบ่ายแก่ ๆ
ญาดาคว้ากระเป๋า ลุกจากโต๊ะอย่างเร่งรีบ
ไม่มีแม้แต่จะหันไปมองประตูห้องผู้บริหารอีกครั้ง
เพราะสิ่งเดียวที่อยู่ในใจตอนนี้คือการไปโรงพยาบาลให้ทันเวลาเยี่ยมแม่
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นโถงสำนักงานดังถี่
หัวใจยังเต้นแรงไม่หาย แต่ครั้งนี้…มันปนระหว่างความสับสนกับความกังวลที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน