ตอนที่ 12 สายตาแบบนั้น…เธอไม่เคยลืมเลย

1307 Words
รวิชญ์ยังยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะเวหา ใบหน้าเขาฉายแววสุภาพตามมารยาทนักธุรกิจ แต่สายตากลับเหลือบผ่านกระจกไปยังโต๊ะของญาดาอีกครั้ง เพียงเสี้ยววินาที…ทว่าเวหาเห็น ชายหนุ่มในสูทดำยืดตัวเล็กน้อย วางปากกาลงบนแฟ้มเสียง กึก “คุณรวิชญ์…จากนี้ ประสานกับผมโดยตรง” น้ำเสียงเรียบ แต่หนักแน่นพอให้เข้าใจ รวิชญ์ชะงัก ก่อนยิ้มบาง ๆ กลบเกลื่อน “แน่นอนครับ ผมไม่ก้าวล้ำ” เขาเก็บแฟ้มเรียบร้อย เอ่ยลาครู่สั้น ๆ แล้วก้าวออกจากห้อง ทิ้งไว้เพียงความเงียบ และอากาศหนักอึ้งที่ยังไม่สลาย ญาดาที่โต๊ะหน้าห้องสูดลมหายใจเบา ๆ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน แต่แรงกดดันเมื่อครู่...มันไหลทะลุออกมาจนเธอรับรู้ ไม่ถึงหนึ่งนาที ประตูห้องเปิดออก เวหาก้าวออกมาช้า ๆ สูทดำแนบเนื้อ เส้นผมเรียบเนี้ยบ เขาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะญาดา “คุณญาดา…เข้ามาหน่อย” เสียงเขาเรียบเฉย แต่ทุ้มลึกจนหัวใจเธอสั่นสะท้าน เธอลุกขึ้น พยายามยืดหลังให้มั่นคง ก้าวตามเขาเข้าไปในห้องที่ประตูปิดลงเบื้องหลัง เวหายืนพิงขอบโต๊ะไม้โอ๊คสูง ฝ่ามือไขว้หลัง มองเธอตรง ๆ ดวงตาคมลึกคู่นั้นคือสายตาแบบเดียวกับเมื่อคืน สายตาที่เธอ…ไม่เคยลืมเลย “เชิญนั่งครับ” เขาเอ่ยเบา ๆ ญาดาทรุดตัวลงเก้าอี้ตรงข้าม ยกมือประสานบนตักเพื่อซ่อนความสั่น “มีอะไรให้ดิฉันทำเพิ่มอีกหรือคะ?” เวหายกคิ้วเล็กน้อย คล้ายยิ้มแต่ไม่ใช่ “ไม่มีอะไร…ผมแค่อยากให้คุณอยู่ตรงนี้” หัวใจเธอสะดุดอีกครั้ง เหมือนทุกอย่างในห้องนี้ กำลังบีบให้เธอเผชิญหน้ากับเขา กับสายตาที่ทั้งอันตราย…และดึงดูดเกินต้าน ญาดายังคงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พยายามทำตัวให้ดูมืออาชีพที่สุด แม้ในอกสั่นไหวไม่หยุด แต่เวหากลับโน้มตัวเล็กน้อย เสียงทุ้มเรียบเอ่ยขึ้น “ลุกขึ้นสิ…มานี่” เธอชะงัก หัวใจเต้นแรงทันที “เอ่อ…คุณเวหา หมายความว่า” “ผมบอกให้มานี่” น้ำเสียงไม่ดัง แต่แฝงแรงกดดันที่ทำให้ญาดาขาแทบไม่ขยับไม่ได้ เธอลุกขึ้นช้า ๆ เดินอ้อมโต๊ะไปหาเขา เวหายืนพิงขอบโต๊ะ สูทดำแนบกาย ร่างสูงสง่า สายตาคมกริบจ้องเธอไม่วาง จนเธอรู้สึกเหมือนถูกเปลื้องเปล่าโดยไม่ต้องแตะต้อง เมื่อเธอหยุดยืนตรงหน้า เวหากลับยกมือคว้าเอวเธออย่างมั่นคง ดึงร่างบางให้เอนเข้าหา ก่อนจับนั่งลงบนตักกว้างของเขาอย่างง่ายดาย “คะ…คุณเวหา!” ญาดาอุทานเบา ๆ มือเธอรีบวางบนอกเขาอย่างไม่รู้จะผลักหรือดัน แต่เวหากลับเพียงเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นน้อย ๆ “นั่งนิ่ง ๆ…” สายตาเขาจ้องเธอแน่นิ่ง ใกล้พอให้เธอได้กลิ่นน้ำหอมเดียวกับเมื่อคืน ใกล้พอให้ลมหายใจเขาแทบจะประสานกับของเธอ “คุณรู้ไหม…สายตาคุณเมื่อคืน มันไม่เคยลบไปจากผมเลย” เสียงเขาทุ้มต่ำ คำพูดนั้นทำให้ญาดาสะดุ้ง หัวใจเต้นโครมคราม เขากำลังพูดถึงคืนที่เธอพยายามหลอกตัวเองว่าเป็นฝัน? เธอเบือนหน้าหนี แต่เวหากลับเอียงหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาคมกริบเหมือนอ่านทะลุทุกความคิด มือใหญ่ประคองท้ายทอยเธอเบา ๆ ให้หันกลับมาสบตา “อย่าหลบ…ผมอยากเห็นคุณ…ในระยะนี้” ลมหายใจอุ่นร้อนของเวหาคลออยู่ปลายริมฝีปาก ดวงตาคมลึกจ้องทะลุเข้ามาจนญาดาแทบหายใจไม่ออก เขาโน้มเข้ามาช้า ๆ … ใกล้พอให้เธอรับรู้ว่าอีกเสี้ยววินาที ริมฝีปากนั้นจะครอบครองเธอ แต่ญาดากลับเอ่ยออกมาแทบจะกระซิบ “ทำไม…ถึงเลือกดิฉัน” เวหาชะงักเล็กน้อย เธอเบือนหน้าหนีไปชั่วขณะ ก่อนกัดริมฝีปากตัวเองแน่นแล้วถามต่อ “ฉันทำงานที่นี่มาหลายปี…แต่ไม่เคยเจอคุณในฐานะผู้บริหารเลยสักครั้ง ก่อนหน้านี้…ไม่ใช่คุณที่นั่งตรงนี้ ไม่ใช่ ‘เวหา’ คนนี้” เสียงเธอสั่นน้อย ๆ แต่สายตากลับแน่วแน่ คำถามนั้นทำให้บรรยากาศในห้องหนักขึ้นกว่าเดิม เวหานิ่งไปเสี้ยววินาที ริมฝีปากโค้งยกขึ้นน้อย ๆ เขาไม่ตอบตรง ๆ เพียงกระชับอ้อมแขนรอบเอวเธอให้แน่นขึ้น สายตาคมกริบยังคงจ้องลึก เหมือนกำลังเล่นเกมที่มีแต่เขารู้กติกา “บางครั้ง…สิ่งที่คุณไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่” เสียงทุ้มเอ่ยช้า ๆ ข้างหูเธอ “ผมอยู่ตรงนี้มานานแล้ว…แต่เพิ่งตัดสินใจให้คุณเห็น” ญาดากลืนน้ำลาย หัวใจสั่นระรัว คำตอบนั้นไม่ได้คลี่คลายข้อสงสัย กลับทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ ยิ่งกว่าเดิม เหมือนเขาไม่ใช่เจ้านายทั่วไป…แต่เป็นใครบางคนที่กำลังคุมเกมเหนือความเข้าใจเธอ เวหาก้มลงอีกครั้ง ริมฝีปากเขาใกล้พอให้เธอแทบหยุดหายใจ “เพราะคุณ…ไม่เหมือนใคร” ประโยคสุดท้ายนั้นยังลอยอยู่ในอากาศ“เพราะคุณ…ไม่เหมือนใคร” เวหาไม่ให้เวลาญาดาได้หายใจคิดต่อ ริมฝีปากเขาโน้มลงมาประกบกับริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา สัมผัสนั้นอุ่นนุ่มไม่เร่งเร้า แต่ลึกซึ้งจนหัวใจเธอสั่นสะท้าน ญาดาเบิกตาเล็กน้อย ร่างกายแข็งชั่ววินาที ก่อนที่ความอุ่นวาบจากริมฝีปากเขาจะค่อย ๆ ละลายแรงต้านทั้งหมด ปลายนิ้วเธอสั่นไหว เกาะเสื้อสูทเขาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว เวหากดจูบแน่นขึ้นทีละน้อย ไม่รีบร้อน ไม่เร่าร้อน แต่หนักแน่นพอจะทำให้เธออ่อนระทวยในอ้อมแขน ลมหายใจเธอสั่นขาดตอน หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา เขาผละออกเพียงชั่วครู่ สายตาคมยังคงตรึงแน่นที่ใบหน้าแดงซ่านของเธอ ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ที่คางเธอ พลิกให้เธอมองสบตาเขาอีกครั้ง “ผมไม่ลืม…สายตานี้ของคุณ” เสียงเขาทุ้มต่ำ แฝงรอยยิ้มบาง ๆ ญาดาหลับตาลงวูบเดียว ก่อนหอบหายใจเบา ๆ ความรู้สึกวาบหวามแล่นไปทั้งกายอ่อนระทวยจนแทบไม่มีเรี่ยวแรง ริมฝีปากที่เพิ่งผละออก ยังอุ่นวาบติดอยู่ไม่เลือน ญาดาหอบหายใจเบา ๆ ใบหน้าร้อนผ่าวจนไม่กล้ามองเขาตรง ๆ เธอรีบตั้งสติ บังคับเสียงให้มั่นคงที่สุด “ดิฉัน…ขอกลับไปทำงานต่อค่ะ” เวหานิ่งไปเสี้ยววินาที สายตาคมกริบยังตรึงเธอไว้ ราวกับไม่อยากให้ลุกไปไหน แต่สุดท้ายเขาเพียงพยักหน้าช้า ๆ ญาดาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือที่วางบนตักเขาเมื่อครู่ยังสั่นไม่หยุด เธอหมุนตัวเดินออกจากห้อง พยายามไม่เร่งก้าวเกินไป แต่หัวใจกลับเต้นระรัวราวกับกำลังวิ่ง เมื่อกลับมาที่โต๊ะด้านนอก เธอดึงแฟ้มงานขึ้นมาเปิดทันที ปลายนิ้วเคาะคีย์บอร์ดรัวเร็วเกินกว่าปกติ เหมือนพยายามกดความร้อนวูบวาบในอกให้จมหายไปกับตัวเลขและรายงาน แต่ความจริงแล้ว…ทุกครั้งที่กะพริบตา ภาพสายตาและริมฝีปากเขายังตามหลอกหลอน “ทำไมต้องเป็นฉัน…ทำไมต้องตอนนี้…” เธอกัดริมฝีปากแน่น รีบเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จโดยเร็ว จนกระทั่งเข็มนาฬิกาแตะช่วงบ่ายแก่ ๆ ญาดาคว้ากระเป๋า ลุกจากโต๊ะอย่างเร่งรีบ ไม่มีแม้แต่จะหันไปมองประตูห้องผู้บริหารอีกครั้ง เพราะสิ่งเดียวที่อยู่ในใจตอนนี้คือการไปโรงพยาบาลให้ทันเวลาเยี่ยมแม่ เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นโถงสำนักงานดังถี่ หัวใจยังเต้นแรงไม่หาย แต่ครั้งนี้…มันปนระหว่างความสับสนกับความกังวลที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD