แสงเช้าส่องผ่านผ้าม่านบาง ๆญาดาขยับตัวเบา ๆ บนเตียง
ร่างกายยังคงอ่อนล้า แต่สมองเริ่มตื่นเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทันที
ไม่ใช่เสียงแจ้งเตือนทั่วไปแต่เป็นเสียงเรียกเข้าจริง ๆ
เธอสะดุ้งคว้ามือถือขึ้นมาดูด้วยหัวใจที่เต้นเร็วอย่างไม่มีเหตุผล
ไม่มีชื่อ ไม่มีหมายเลข มีแค่คำว่า “ไม่ระบุผู้โทร” ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
ญาดากำลังจะกดตัดสายแต่ไม่รู้ทำไม...นิ้วเธอกลับเลื่อนไปกด “รับ” แทน
เงียบ
ไม่มีเสียงพูด
ไม่มีเสียงหายใจ
มีเพียง...เสียงดนตรีคลาสสิกเบา ๆ ดังอยู่เบื้องหลัง
เป็นเสียงเปียโนช้า ๆ ทำนองเหมือนกับ...เพลงในห้องอาหารหรู
เพลงที่เธอเคยได้ยิน…จากไหนสักแห่งหรือจากความฝันเมื่อคืน?
“ฮัลโหล?” เธอเอ่ยออกไปในที่สุด เสียงแหบเล็กน้อยจากการเพิ่งตื่น
ยังคงเงียบ
…ก่อนที่เสียงผู้ชายหนึ่งจะดังขึ้นช้า ๆ
เสียงต่ำ ลึก และเรียบนิ่งจนน่าขนลุก
“วันนี้คุณจะมา...หรือให้ผมส่งรถไปรับ?”
ญาดานิ่งไปในทันทีเลือดในกายเธอเย็นวาบ
เธอกำมือถือแน่นกว่าเดิม ริมฝีปากขยับแต่ไม่มีเสียง
“คุณเป็นใคร…”
เธอถามออกไปในที่สุด
แต่ปลายสายกลับวางไปแล้วไม่มีคำอธิบายไม่มีการยืนยัน
เหลือเพียงแค่จังหวะเปียโนที่ยังติดอยู่ในหัวเธอกับคำถามที่เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในใจว่า—
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่? และเธอ...หลุดเข้าไปในมันตั้งแต่เมื่อไหร่?
หลังจากนั้นญาดาจึงอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานตามปกติ
“คุณญาดาคะ เช้านี้มีประชุมตอนสิบโมงค่ะ”
เสียงพนักงานต้อนรับที่หน้าเคาน์เตอร์แจ้งอย่างเคยชิน
ญาดาพยักหน้าเบา ๆ ยิ้มเล็กน้อย
เธอสวมสูทสีงาช้างเรียบหรู ผูกผมไว้เรียบเนี๊ยบ
ริมฝีปากทาลิปสีแดงตุ่น ตัดกับผิวขาวจัดอย่างเฉียบขาด
เธอเดินผ่านทางเดินกระจกของชั้นผู้บริหาร
ทุกย่างก้าวแม่นยำ เสียงรองเท้าส้นสูงแตะพื้นอย่างมีจังหวะ
ทุกคนที่เดินสวนต่างหลีกทางให้เธอโดยอัตโนมัติ
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อคืนเธอสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์จากคนแปลกหน้า
ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังไม่ลบ QR Code ที่ขึ้นคำว่า “ขอบคุณที่ตอบรับ”
ไม่มีใครรู้...แม้แต่ตัวเธอเอง
ว่ากำลังถูกใครบางคน "เฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา"
ห้องกระจกด้านบนสุดของตึกฝั่งตรงข้าม
ม่านสีเทาถูกเลื่อนเปิดเพียงแค่รอยแคบพอให้แสงลอดผ่าน
เวหายืนอยู่ตรงนั้น สูทสีดำเช่นเคย ใบหน้านิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดปรากฏ
แต่ในสายตาเขา...ญาดาในวันนี้ “มั่นคงและทรงพลัง” กว่าทุกวัน
เหมือนผู้หญิงที่รู้ว่าตัวเอง “กำลังถูกท้าทาย” แต่ยังไม่ยอมแสดงไพ่
เขาไม่ส่งข้อความ ไม่โทรซ้ำ...เพราะเขาไม่จำเป็นต้องทำ
แค่ปล่อยให้เวลาไหลไปผู้หญิงอย่างเธอจะเลือกมาเอง
ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ
แต่เพราะเธอจะเริ่มอยากรู้ว่า...โต๊ะดินเนอร์นั้น มีอะไรที่ “คู่ควรกับเธอ” ถึงเพียงนี้
เวหาหยิบแก้วเอสเพรสโซ่ขึ้นจิบ
ปลายสายตายังหยุดอยู่ที่หญิงสาวอีกฟากของกระจก
“มาวันนี้ก็ได้…”
“หรือพรุ่งนี้…”
“แต่เธอจะมาแน่นอน ญาดา”
เสียงเปิดแฟ้มเอกสารดังเบา ๆ
โปรเจคเตอร์ฉายภาพสไลด์ขึ้นบนผนังห้องประชุมกระจกใส
ผู้บริหารนั่งล้อมโต๊ะประชุมขนาดใหญ่
แสงแดดสะท้อนเงารูปร่างลงบนโต๊ะไม้ขัดเงา
และญาดา…คือผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้อง
ที่ไม่มีตำแหน่งผู้บริหารแต่ทุกสายตากลับ “มองเธอ” ก่อนใคร
เธอกำลังพูดสรุปตัวเลขจากไตรมาสล่าสุดน้ำเสียงมั่นคงแต่ไม่แข็ง
นิ้วเรียวเลื่อนเลเซอร์ชี้กราฟขึ้นลงด้วยความมั่นใจ
สายตาสบทุกคนตรง ๆ แบบที่ทำให้แม้แต่นักลงทุนชายวัยห้าสิบยังต้องกลืนน้ำลาย
“รายงานนี้ใช้ข้อมูลล่าสุดจากสามแหล่งหลักค่ะ”
“ถ้าเรากระจายงบในแบบที่เสนอ ช่องทางรายรับจะเปิดอีก 12% ภายในสิ้นปี”
ทุกถ้อยคำจากปากเธอชัดเจน
ไม่มีคำฟุ่มเฟือย
ไม่มีเสียงสั่น
แม้ในใจ…จะยังรู้สึกหน่วงแน่น
“ค่ารักษาของแม่งวดหน้า…ต้องจ่ายภายในสิ้นเดือน”
“ค่า MRI, ค่าเตียงพิเศษ, และยาที่ไม่อยู่ในประกัน…”
แม้เงินเดือนเธอจะสูง
แม้โบนัสของเธอจะได้มากกว่าหัวหน้าทีมบางคน
แต่รายจ่ายชีวิตจริง…สูงกว่า “ตัวเลขบนสไลด์” เสมอ
ญาดายังคงยืนตรง ยังยิ้ม ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ผู้ชายเก่งที่สุดในห้องเงียบฟัง
แม้ในหัวจะกำลังคำนวณว่า ถ้าเธอตัดค่าอาหารไปอีกนิด
อาจพอจ่ายค่าตรวจก้อนเนื้อที่แม่เริ่มเจ็บขึ้นมาอีกข้างเธอไม่สะท้าน
เพราะนี่คือสิ่งที่เธอทำได้ดีที่สุด
“แสดงให้โลกเห็นว่าเธอคุมได้”
แม้ในใจจะไม่เหลืออะไรให้ควบคุมเลยก็ตาม
ในอีกฟากของเมืองเวหาดูการประชุมผ่านหน้าจอส่วนตัวไม่ใช่ภาพสไลด์
ไม่ใช่เนื้อหาแต่เป็นเธอญาดาในโหมดที่เปล่งประกายที่สุด
และก็ “เปราะบางที่สุด” ในสายตาเขา เขาไม่พูด
แค่จิบกาแฟเงียบ ๆ
แล้ววางซองการ์ดบนโต๊ะ
เหมือนจะส่งคำถามผ่านสายตาไปถึงเธอว่า...
“จะยอมแบกทั้งหมดไว้คนเดียว...ไปจนถึงเมื่อไหร่?”
หลังประชุมจบ ญาดาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
ปกติแล้วพนักงานส่วนใหญ่จะกลับมาก่อนเธอ
แต่วันนี้โต๊ะกลับเงียบผิดปกติ ราวกับเวลาเพิ่งหยุดเดินก่อนเธอเพียงเสี้ยวนาที
เธอวางแฟ้มในมือลงกำลังจะเปิดคอมพิวเตอร์...
แต่บางอย่างที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะดึงสายตาเธอไปทันที
ซองกระดาษเนื้อหนา สีดำสนิท ขลิบขอบทองบาง ๆ ด้วยลวดลายสั่งทำพิเศษ
ไม่มีตรา ไม่มีชื่อผู้ส่ง ไม่มีแม้แต่ลายมือเขียน
“ใครวาง?”
“เมื่อไหร่?”
“ทำไมไม่มีใครเห็น?”
เธอหันมองรอบตัว ไม่มีใครอยู่ใกล้โต๊ะข้าง ๆ ว่างเปล่า
แม้แต่กล่องเอกสารที่เคยกองอยู่ด้านหลัง ยังถูกจัดเรียบร้อยเกินกว่าปกติ
เหมือนมีใครบางคน ที่ “ไม่ใช่คนธรรมดา”
ตั้งใจให้เธอเห็นมันชัดเจนที่สุด...ทันทีที่กลับมา
ญาดาไม่แตะมันในทันทีเธอนั่งลงช้า ๆ
จ้องมันอย่างระวัง เหมือนของต้องห้ามที่พร้อมจะปลุกบางอย่างขึ้นมาในใจเธอ
สุดท้ายเธอจึงเอื้อมมือไปปลายนิ้วสัมผัสซองการ์ดเย็นเฉียบ
กลิ่นหอมบางอย่างลอยแตะจมูกเธอ
กลิ่นกุหลาบแดงแบบเดียวกับดอกไม้ที่วางบนโต๊ะเมื่อวาน
กลิ่นเดียวกับที่เธอจำได้...จากเสียงเปียโนเมื่อคืนเธอเปิดมันออก
ด้านในคือบัตรแข็งขนาดเท่าฝ่ามือพื้นดำพิมพ์ทองด้วยฟอนต์โบราณ
มีเพียงประโยคเดียวตรงกลาง:
“โต๊ะนี้ถูกจองไว้สำหรับคุณมาตลอด”
Dinner for One — 20:00 น.
LUNA TOWER ชั้นสูงสุด
คืนนี้
ญาดาวางบัตรลงอย่างระวังนิ้วที่แตะบัตรยังรู้สึกเย็น
และหัวใจของเธอ...ก็ไม่เหลือความสงสัยอีกต่อไปว่า “ใครกำลังตามเธอ”
คำถามที่เหลือคือ เธอจะหนีออกจากโต๊ะนั้น
…หรือจะลุกขึ้นแต่งตัวให้สวยที่สุดในชีวิต
แล้วเดินไปนั่งตรงข้ามเขาด้วยตัวเอง