สองชั่วโมงต่อมา...
ฉันนอนแอดมิดอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยมีคนที่เป็นห่วงฉันมากที่สุดเฝ้าดูอาการอยู่ข้างๆ
“ขอโทษนะเลโอ”
ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่เอะอะๆ ก็เรียกหาแต่เขา
“ขอโทษทำไม คุณหนูไม่สบายขนาดนี้ทำไมไม่รีบบอกผม”
“ก็โทรบอกแล้วนี่ไง ขอบคุณนะที่ช่วยพามาโรงพยาบาล”
“มันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้วที่ต้องดูแลคุณหนู ผมว่าคุณหนูเลิกอยู่หอแล้วกลับบ้านดีกว่ามั้ยครับ”
“เลโอ! บอกแล้วไงห้ามพูดเรื่องนี้อีก”
“แต่....”
“ถ้ายังไม่หยุดพูดก็ออกไปซะ!”
เลโอปิดปากเงียบทันที ฉันรับรู้ได้ถึงความหวังดีจากแววตาของเขา แต่ฉันไม่อยากฟูมฟายกับความผิดพลาดของตัวเอง ไหนจะเรื่องป๊ากับม้าอีก ถ้าฉันกลับไปอยู่บ้านคงมีเรื่องให้หนักใจเพิ่ม
ส่วนเลโอเขาเป็นลูกคนสวนที่บ้าน เราเกิดและโตมาด้วยกัน เป็นทั้งคนรับใช้และเพื่อนของฉันในเวลาเดียวกัน
เลโอกลับไปไม่นาน โทรศัพท์ฉันก็มีคนโทรเข้ามา
>> เลว
มีสายซ้อน
>> พี่แทน
ฉันเบิกบานขึ้นมาทันทีที่เห็นชื่อนั้น รับสายพี่แทนอย่างไม่เสียเวลาคิด
“พี่แทน”
(เหมยไม่สบายเหรอ เป็นอะไรมากมั้ย) ปลายสายถามขึ้น ฉันไม่สงสัยเลยเพราะฉันเป็นคนไลน์บอกข่าวเขาเอง
“ใช่ค่ะ ตอนนี้นอนเดี้ยงอยู่บนเตียง หมอให้นอนพักสักคืนสองคืนน่ะพี่แทน”
(โรงพยาบาลอะไรเดี๋ยวพี่ไปเยี่ยม)
“เอ่อ ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ยุ่งยากเปล่าๆ ไม่อยากมีปัญหากับใครด้วย”
(เอาน่า บอกมาเถอะพี่เป็นห่วงเหมยนะ)
“เหมยรู้ค่ะ แค่พี่แทนโทรมาเหมยก็ดีใจมากแล้ว อย่าให้เหมยลำบากใจเลยนะคะ”
(ก็ได้ เอาที่เหมยสบายใจแล้วกัน ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ พี่เป็นห่วง หายไวๆ นะครับ)
“คร่า~”
ฉันวางสายพี่แทน มองชื่อบนหน้าจอด้วยสายตาเศร้าๆ ฉันชอบเขานะ แต่ว่าเรื่องที่เพิ่งไปนอนกับผู้ชายมามันทำให้ฉันไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา คิดแล้วก็แค้น
>> เลว
มือถือกะพริบอีกรอบ ฉันตัดสายทิ้งทันที
>> เลว
ว้อยย!! ยังจะโทรมาอีก ฉันกลอกตาขึ้นลงอย่างละเหี่ยใจ ไม่มีอารมณ์จะรับ ทั้งโกรธทั้งแค้น ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ปิดเครื่องให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
หลายวันผ่านไป อาการฉันดีขึ้นตามลำดับ ออกจากโรงพยาบาลกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โชคดีที่หมอไม่ได้ตรวจร่างกายละเอียด ไม่งั้นเรื่องที่ฉันเสียตัวมาได้แดงแน่ ระหว่างทางเดินไปห้องเรียน จู่ๆ ท่อนแขนฉันก็ถูกกระชากอย่างแรง
หมับ!!
“อ๊ะ! ...คลื่น!?”
ฉันแทบหยุดหายใจเมื่อหันมาเจอเขา
“คิดว่าฉันล้อเล่นเหรอ! มานี่!”
“อึก... มันเจ็บนะ โอ๊ย นี่เบาๆ”
ฉันพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากนิ้วแข็งๆ แต่ไอ้บ้าคลื่นนั่นกลับลากฉันเข้ามาที่หลังพุ่มไม้ จับต้นแขนฉันเขย่าตัวแรงๆ
“อยากลองดีใช่มั้ย!”
“มันเจ็บ!” ฉันยอมง่ายๆ ที่ไหน รวบรวมแรงที่มีสะบัดเขาออกไป จับเสื้อให้เข้ารูป จ้องมองร่างสูงที่เซถอยหลังไปครึ่งก้าวด้วยสายตาเดือดพล่านไม่แพ้กัน
“ฉันไม่สบาย! ตั้งแต่วันนั้นก็เข้าโรงพยาบาลมาตลอด เพิ่งจะกลับมาเรียน นายจะเอาอะไรอีก!”
คลื่นชะงัก มองใบหน้าซีดๆ ที่สั่นเครือไปด้วยความโกรธของฉันเงียบ แต่สักพักเขาก็กดเสียงต่ำลอดไรฟันออกมา
“แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์”
“ไม่อยากรับ” ฉันเบือนสายตาขวางๆ ไปทางอื่น ไม่เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งก็ดีแค่ไหนแล้ว
“นี่เธอเข้าใจสถานะตัวเองมั้ยวะ”
“โอ๊ย!”
คลื่นบีบคางฉันให้หันไปเผชิญหน้าตรงๆ แล้วฉันทำไง? ก็ปัดมือหมอนั่นออกในทันทีน่ะสิ
“ฉันแค่พลาดเสียตัวให้นายแต่ไม่ใช่ทาส! อย่ามาทำกับฉันแบบนี้”
“เธอนี่มันวอนดีว่ะ อวดดีแบบนี้อยากโดนสั่งสอนนักใช่มั้ย”
“โอ๊ย! นี่... นายจะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ คลื่น!!”
เขากระชากลากถูฉันให้ตามไปอย่างป่าเถื่อนก่อนจะผลักฉันเข้ามาในห้องน้ำชายใกล้ๆ
พลั่ก!
“อึก... นายจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันไปนะ”
บ่ายๆ แบบนี้ห้องน้ำไม่มีคน เขาเหวี่ยงฉันเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง หน้าฉันแทบฟาดกับชักโครกหันกลับไปมองประตูที่ปิดลงแววตาตื่น เขาคว้าตัวฉันที่คิดจะวิ่งหนีเอาไว้แล้วผลักกลับมาที่เดิม
พลั่ก!
“กรี๊ด! ไอ้บ้า หลีกไปนะ ฉันจะออกไปข้างนอก”
หมับ
คลื่นรวบเอวฉันเข้าไปใกล้ ช่วงล่างของเราเบียดกันแน่นจนไม่เหลือช่องให้อากาศลอดผ่าน
“อยากออกไปข้างนอกงั้นเหรอ ลองขอร้องฉันดีๆ สิฉันอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
“อึก... คิดจะทำอะไรปล่อยฉันนะ”
คลื่นดันฉันถอยหลังจนขาชนกับขอบชักโครก ฉันหันกลับไปมองด้านหลังอย่างไม่สบายใจ ถึงมันจะไม่สกปรกมากแต่ก็ใช่ว่าจะสะอาดเอี่ยมอ่อง แล้วห้องน้ำแคบๆ อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้มันอึดอัดมาก
หมอนั่นปิดฝาชักโครกลง ก่อนผลักฉันลงไปนั่งแหมะอยู่ตรงนั้นด้วยเรี่ยวแรงที่เหนือกว่า
ยังไม่ทันตั้งตัวได้ ใบหน้าหล่อเหลาก็ตามลงมาประกบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว มือหนาล็อกปลายคางฉันเอาไว้อย่างแน่นหนา ฝ่ามืออีกข้างยึดแขนฉันไม่ให้ดิ้นหนี
“อื้อ~!”
ริมฝีปากที่โดนบดขยี้เจ็บหนึบรวดร้าวเหมือนปากจะฉีก จูบที่เต็มไปด้วยการข่มเหงทำฉันรู้สึกขมขื่นจับขั้วหัวใจ ขัดขืนจนอ่อนแรง แสร้งทำเป็นยอมแพ้แต่พอคลื่นเผลอก็กัดเข้าที่ริมฝีปากเขาอย่างจัง
“อึก!”
คลื่นผวาออกห่างทันที ริมฝีปากหมอนั่นมีเลือดซึมออกมาจากมุมปากล่างซ้าย เขาใช้หลังมือปาดเลือดมาดูด้วยสายตาเลือดเย็น
“ยัยตัวแสบ”
ฉันกำลังจะยิ้มสะใจแต่คลื่นก็ทำให้ฉันไม่มีโอกาสได้หัวเราะสักแอะ เขาสบถออกมาอย่างหยาบคายก่อนกระชากกระโปรงฉันออกสุดแรง ช่วงล่างรู้สึกเย็นวาบ ฉันก้มลงมองเนื้อขาเปลือยเปล่าอย่างใจหายใจคว่ำ
“กรี๊ด! นายจะทำอะ...อ๊ะ”
หมับ!
กึก... กึก... พลั่ก... พรวด
“อ๊า! คลื่น!!”
ฉันผวาคว้าท่อนแขนกำยำเอาไว้แน่นด้วยความจุก หมอนั่นจับขาฉันแยกออก ปลดหัวกางเกงตัวเองแล้วยัดเยียดความเป็นชายเข้ามาอย่างกะทันหัน ฉันถอยหนีจนสุดทางแต่ก็โดนแก่นกายของคนตรงหน้าทะลวงเข้าไปข้างในอย่างแรง
มันค่อยๆ แข็งขืนและพองตัวขึ้นอยู่ในตัวฉัน มันอึดอัดและเจ็บมาก ฉันเกร็งหน้าท้องอย่างหายใจลำบาก เหงื่อมากมายทะลักออกมาตามไรผม มองหน้าคลื่นอย่างคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้จริงๆ
คลื่นกระชับขาหนีบฉันเอาไว้แน่น สะโพกสอบกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง เร็วจนฉันตั้งตัวไม่ทัน เสียงช่วงล่างโดนบดขยี้ดังคับห้องน้ำแคบๆ น่ากลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน
แต่คนหยาบช้าอย่างเขาคงไม่สนเรื่องนั้น
“อื้อ...”
ฉันขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ กัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือดกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ให้หลุดรอดออกมา คลื่นทำฉันสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความแข็งแกร่งที่เสียดสีอย่างทารุณสร้างความเสียวกระสันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เมื่อไฟปรารถนาถูกจุด อารมณ์ที่ท่วมท้มขึ้นมาอย่างยากจะต้านทานกระตุ้นให้ฉันตอดรัดของคลื่นถี่รัว
“อ๊ะอ๊า! ~”
กระทั่งร่างของฉันกับเขาเกร็งกระตุกพร้อมกัน ของเหลวอุ่นไหลย้อนออกมาจนเปียกเลอะช่วงล่าง สติฉันคืนกลับมาทันที
นั่งหอบหายใจมองคลื่นจัดการกับคราบเปื้อนของตัวเองนิ่ง ไม่มีแรงจะเหวี่ยงหรือโวยวายอะไรใส่ ฉันต้องการเวลาสักพักกว่าลมหายใจจะกลับมาเป็นปกติ
พลั่ก...
ฉันมองก้อนทิชชู่ที่หมอนั่นทิ้งลงถังขยะเลื่อนสายตาเคียดแค้นกลับมาจ้องใบหน้าหล่อเหลา เขาทำให้ฉันรู้สึกละอายและโกรธแค้นแบบสุดๆ น้ำตาคลอไม่รู้ตัว
“นายมันไม่ใช่คน!”
“ถ้าฉันไม่ใช่คน งั้นเมื่อกี้เธอเอากับตัวอะไรล่ะ”
“อึก”
“ถ้าวันนี้ฉันไม่เจอคะนิ้ง เธอเตรียมตัวเป็นนางเอกเว็บโป๊ได้เลย” คลื่นเอื้อมมือมาเชยคางฉันแล้วสะบัดทิ้ง เหยียดยิ้มด้วยท่าทางสะใจก่อนตบท้ายด้วยคำขู่เลวๆ
หมอนั่นเปิดประตูออกจากห้องน้ำไปพร้อมกับเสียงผิวปากด้วยท่าทางมีความสุข น้ำตาฉันหยดแหมะอย่างไร้สุ้มเสียงดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดรอยสกปรกของไอ้สารเลวนั่นจนหมดจรดก่อนเปิดประตูเดินออกมา โชคดีไม่มีคน ไม่งั้นฉันคงรู้สึกย่อยยับยิ่งกว่านี้