บทนำ + ตอนที่ 1.1

1718 Words
จ๊วบ...               เสียงผิดแปลกดังขึ้นในห้องน้ำ ทำให้คนที่เดินเข้ามาผ่อนฝีเท้าลงอัตโนมัติ กวาดตามองหาที่มาของเสียงด้วยความรู้สึกสับสน ความเงียบกริบทำให้ได้ยินกระทั่งเสียงลมหายใจทะลุออกมาจากผนัง               เด็กหนุ่มผมสีครามหยักศก สวมแว่นสายตากรอบบางเหลือบมองไปยังที่มาของเสียง เท้าก้าวไปข้างหน้าเงียบๆ อึดใจเดียวเขาก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำแล้ว               “อื้อ... ริกกี้เดี๋ยวเสื้อยับ อื้อ...อ๊ะ”               “ชู่ว~ เก็บเสียงเธอหน่อย เดี๋ยวมีคนได้ยิน”               “อื้อสะเสียวนี่นา อ๊ะ...ซี้ดดด”               เสียงผู้หญิงที่ดังลอดออกมาจากหลังประตูคุ้นจนชวนใจสั่น ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว เสียงหอบกระเส่าสอดประสานด้วยเสียงกระแทกกระทั้นฟังดูอึดอัด นานเท่าไหร่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ได้สติอีกทีก็ตอนที่ประตูเปิดพรวดออกมา               “คลื่น!”               ราวกับมีฟ้าผ่าลงกลางใจ ดวงตาสีครามใต้แว่นเบิกโพลง หัวใจคล้ายถูกกระชากออกจากร่างเมื่อผู้หญิงที่กำลังยืนหน้าซีดเผือดอยู่ในห้องน้ำกับผู้ชายตรงหน้าเขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคู่หมั้นของเขาเอง               ปีใหม่!!               “อ้าวไอ้คลื่นมึง”               ผลั๊วะ!!!               “มึงมันเหี้ยริกกี้”               ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มตรงหน้าจะได้เอ่ยคำพูดพล่อยๆ อะไรออกมาหมัดหนักๆ ของคลื่นก็ซัดไปที่ใบหน้าชื้นเหงื่อเต็มรัก แรงกระแทกทำให้คนโดนต่อยล้มพลั่กไปกองกับพื้น               “กรี๊ด! คลื่นทำอะไรน่ะ”               คลื่นไม่ได้สนใจเสียงร้องของปีใหม่ ในสายตาของคลื่นตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอยากจะฆ่ามันให้ตายคาที่ แต่คิดเหรอว่าอีกฝ่ายจะยอมให้เป็นแบบนั้น               ริกกี้หยัดตัวลุกขึ้นยืนแทบจะทันที ปาดหลังมือกับมุมปากที่มีเลือดซึมออกมา แววตาคมกริบฉายแววเหี้ยมเกรียมเฉียบพลัน               “เชี่ยไรวะแมร่ง!”               “กรี๊ดริกกี้อย่า!”               ปีใหม่รีบแทรกกายเข้ามาอยู่ตรงกลางของเด็กหนุ่มทั้งสอง ยกฝ่ามือขึ้นหยุดแผ่นอกริกกี้ที่ทำท่าจะถลาเข้าไปเอาคืน               ริกกี้ชะงัก มองใบหน้าตื่นตระหนกของผู้หญิงที่เพิ่งผ่านบทรักหวานชื่นมาด้วยกันอย่างไม่เข้าใจ               “ถอยไปปีใหม่ มันต่อยฉันเธอก็เห็น”               “ไม่ได้นะริกกี้ นายจะต่อยคลื่นไม่ได้นะ”               “ทำไมฉันจะต่อยมันไม่ได้ ก็มัน...”               “คลื่นเป็นคู่หมั้นฉัน!”               ปีใหม่สวนขึ้นทันควันก่อนที่ริกกี้จะทันได้พูดจบด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มชะงักกึก หลุบตาลงมองดวงตากระสับกระส่ายของปีใหม่อย่างตั้งหลักไม่ทัน               “ว่าไงนะ คู่หมั้น...”               “ถอยไป!”               “ว้ายคลื่น! กรี๊ดหยุดนะ”               คลื่นกระชากร่างบางที่ขวางทางอยู่ออก แล้วซัดหมัดใส่หน้าด้านๆ ของริกกี้ไม่ยั้ง ริกกี้ยังไม่ทันตั้งตัวติดล้มคว่ำลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง หันกลับมาอีกทีคลื่นก็ตามมานั่งคร่อมแล้วกระหน่ำหมัดใส่อีกหลายครั้ง แต่มีเหรอที่เขาจะนอนเป็นกระสอบทรายอยู่เฉยๆ ดีดร่างที่อยู่บนตัวออกทันทีที่ตั้งสติได้ ตอบโต้กลับไปด้วยหมัดที่หนักหน่วงไม่แพ้กัน               เสียงชกต่อยกันดังตุบตับท่วมห้องน้ำ ปีใหม่ตะโกนห้ามเสียงแทบแตกแต่ศึกระหว่างคลื่นกับริกกี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สุดท้ายก็ต้องวิ่งออกมาข้างนอกเพื่อตามคนมาช่วย โชคดีที่เวลานั้นมีคนผ่านมาพอดี               “แฮค! แฮคช่วยด้วย”               “ปีใหม่? มีเรื่องอะไร” เด็กเนิร์ดที่คงแก่เรียนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ปีใหม่มองหน้าเอ๋อๆ ของอีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจว่าแฮคจะสามารถช่วยได้หรือเปล่าแต่ว่าเวลานี้เธอไม่มีทางเลือกนอกจากรีบหยุดการปะทะของริกกี้กับคลื่นให้เร็วที่สุด               “ชะช่วยด้วย คลื่นกับริกกี้!”               “คลื่นกับริกกี้ทำไม?”               “คลื่นกับริกกี้กำลังต่อยกันอยู่ในห้องน้ำ”   1               Line!~               NewYear : ฉันจะกลับไทยเร็วๆ นี้นะ               คลื่นมองข้อความที่เด้งเตือนบนจอโทรศัพท์ด้วยสายตาเรียบสนิท นานแล้วที่เขาไม่ได้คุยกับคนในชื่อ ประมาณสองปีได้... แล้วจู่ๆ ส่งข้อความมาแบบนี้ต้องการอะไร               คลื่นไม่ได้สนใจ เขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อ หยิบแก้วกาแฟแล้วเดินออกจากร้าน ตรงไปตึกเรียนเพื่อเข้าเรียนคลาสต่อไป               ถึงแบบนั้นในหัวก็ยังไม่หยุดคิดเรื่องข้อความในไลน์ พลอยทำให้เขานึกถึงความขุ่นแค้นเมื่อสองปีก่อนขึ้นมาอีก               ความจริงที่ว่าคู่หมั้นแอบมีอะไรกับเพื่อนมันเหมือนหนามที่คอยทิ่มแทงใจอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกที่โดนคนทรยศสร้างรอยร้าวไปถึงข้างในและเขาปรารถนาให้คนเหล่านั้นเจอแบบเดียวกัน โดยเฉพาะไอ้เวรนั่น! ริกกี้มันจะต้องเจ็บแบบที่เขาเคยเจ็บ               เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นก่อนถึงห้องเรียนไม่กี่ก้าว คลื่นขมวดคิ้ว ดึงมือถือมาดู ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอทำให้เขากดรับอย่างเลี่ยงไม่ได้               >> เจ๊แมว               “ว่าไง”               (โอ๊ยตายละน้องคลื่น ทำเสียงซะน่ากลัวเลยนะคะ เจ๊จะโทรมาถามเรื่องเรซควีนที่น้องคลื่นบอกจะหามาเพิ่ม ว่าไงคะ ได้มั้ย ถ้าไม่ได้เจ๊จะได้เลือกเด็กในโมเดลลิ่งแทน)               “เรื่องนั้นเองเหรอ ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เดี๋ยวพาไปส่งถึงที่”               (อุ๊ยตายละ ขอบคุณมากคร่า งั้นเจ๊ไม่กวนละนะ แค่นี้แหละ)               ชายหนุ่มวางสาย มิวายสบถเสียงแข็งในลำคอคำหนึ่ง ‘เหอะ!’ ก่อนเดินเข้าห้องไปพบกับบทเรียนอันหนักหน่วง ถึงแบบนั้นประสาทส่วนหนึ่งก็ยังครุ่นคิดถึงแผนการชั่วร้ายในวันรุ่งขึ้น ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งเด่นชัดอยู่ในมโนสำนึก ครั้งนี้แหละผู้หญิงของมันไม่รอดแน่!                             เสียงโทรศัพท์ของเหมยดังไม่หยุด เธอคอยยกขึ้นมาดูแล้วก็กดตัดสายไปทันทีที่เห็นชื่อคนโทรเข้ามาระหว่างเดินลงบันไดหอพัก หลายครั้งเข้าก็ปิดเสียงแจ้งเตือนไปซะเลย จนถึงประตูทางออกเธอรีบเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าแล้วผลักประตูกระจกออกมายืนรอเพื่อนอีกสองคนที่จุดนัดพบหน้ามหาวิทยาลัย               ไม่นานแท็กซี่คันหนึ่งก็จอดเทียบขอบถนนตรงหน้า ผู้หญิงรูปร่างดีสองคนก้าวออกจากรถ หนึ่งในนั้นหันมาโบกมือให้เธออย่างร่าเริง               “เหมยรอนานมั้ย”               “ไม่หรอก เพิ่งมาเหมือนกัน” เหมยส่งยิ้มให้เค้ก ก่อนหันไปพยักหน้าให้เพื่อนอีกคนที่เพิ่งเคลียร์ค่าแท็กซี่เสร็จและลงตามมาทีหลัง ...คะนิ้ง               “ไงเหมย มานานแล้วเหรอ โทษทีนะรถติดน่ะ”               “ไม่เป็นไร เพิ่งมา”               “อื้ม แป๊บหนึ่งนะโทรหาคลื่นก่อน”               ยังไม่ทันที่เสียงรอสายดังรถยนต์คันหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบถนนใกล้ๆ กระจกรถเลื่อนลงพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลายื่นออกมา               “ไงสาวๆ พร้อมหรือยัง”               “ไปกันเถอะ” คะนิ้งมองสบตากับเพื่อนอีกสองคนทันที               “อื้อ ไปสิ”               ทั้งสามขึ้นรถโดยไม่รู้ว่าจะถูกพาไปทำอะไร               “นี่เหมยมีอะไรหรือเปล่า เห็นเอาแต่ดูโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ”               เค้กทักท้วงระหว่างนั่งมาในรถ เห็นเหมยจ้องโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาเลยอดเป็นห่วงไม่ได้               “อ๋อ คุยกับพี่สาวน่ะไม่มีอะไรหรอก” เหมยยิ้มเบาๆ หลังจากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าทันทีไม่แม้แต่จะหยิบมาดูอีก               “แล้วนี่นายจะพาเราไปไหนคลื่น” พอในรถเงียบสักพัก น้ำเสียงสงสัยของเค้กเจ้าเก่าก็ดังขึ้นมาอีก               “เดี๋ยวก็รู้น่า ใกล้ถึงแล้ว”               “สนามแข่งเหรอ” คะนิ้งที่นั่งเบาะหน้าคู่คนขับหันไปมองอย่างสงสัย คลื่นคลี่ยิ้มแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ก่อนหน้านี้เขาบอกสามสาวว่าให้มาช่วยงานเสิร์ฟน้ำที่เต็นท์รถเพราะคนไม่พอแต่ยังไม่บอกเรื่องเรซควีน               กระทั่งถึงที่หมาย               คลื่นดันหลังสามสาวเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของทีม Eagle-Speed ก่อนถึงสนามแข่งประมาณครึ่งทาง               “ก่อนไปที่งาน พวกเธอต้องเปลี่ยนชุดก่อนนะ”               “เปลี่ยนชุดเหรอ”               คะนิ้งหันกลับไปมองด้วยสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าแค่ชุดเสิร์ฟทำไมต้องแวะเปลี่ยนให้มันวุ่นวาย ไปเปลี่ยนในห้องน้ำที่งานก็ได้นี่นา               “เอาเถอะน่า ฉันรอข้างนอกนะ มีอะไรก็เรียกได้ตลอดเวลา”               คลื่นผละตัวออกไปแล้ว เหมย คะนิ้ง และเค้กยืนอึ้งอยู่หน้าตู้คอนเทนเนอร์ ข้างในมีสาวๆ สวยๆ กำลังนั่งแต่งหน้าทาปากแข่งกันอยู่เต็มไปหมด               “พามาทำอะไรเนี่ยคะนิ้ง” เสียงโอดครวญของเหมยดังขึ้นมาทันที แววตากลมเรียวกะพริบไหวคล้ายไม่พอใจ ภาพตรงหน้าเหมือนกำลังแต่งตัวไปงานอีเวนท์อะไรกันสักอย่าง ไหนบอกแค่เสิร์ฟน้ำแล้วนี่คืออะไร?               คะนิ้งชักสีหน้าอึดอัด ‘แค่งานเสิร์ฟเล็กๆ น้อยๆ ในเต็นท์รถ’ คำพูดของคลื่นเมื่อหลายวันก่อนยังชัดเจนอยู่ในหัว แต่ยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์ เสียงร้องเรียกจากด้านในก็ดังออกมาซะก่อน               “อุ๊ยตายละหนูๆ มายืนทำอะไรตรงนี้คะ ไปเร็วแต่งหน้า”               พอสามสาวไม่ยอมกระดิกตัว เจ๊แมวก็คว้าแขนทั้งสามคนให้มานั่งหน้ากระจกทันที               “เดี๋ยวค่ะจะทำอะไรคะ” คะนิ้งถามอย่างไม่เข้าใจ               “ก็แต่งหน้าไงคะ”               “แต่งหน้า? พวกเราแค่มาเสิร์ฟน้ำไม่ใช่เหรอ” เค้กแทรกขึ้นมา ส่งสายตาสงสัยไปที่เจ๊ข้างๆ               “นี่ใครเป็นคนพาพวกน้องมาเนี่ย ดูไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรกันเลยนะ”               “คลื่นค่ะ” คะนิ้งตอบ               “เด็กคุณคลื่นเหรอ... อ้อๆ เข้าใจแล้ว คุณคลื่นคงไม่ได้บอกสินะว่าให้มาเป็นเรซควีน”               “เรซควีน!!!”       
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD