ตอนที่ 1.2

1127 Words
สามชั่วโมงต่อมา               สาวๆ ในชุดเรซควีนสุดเซ็กซี่กำลังยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปอยู่กลางแดดในบ่ายแก่ๆ ที่งานแข่งรถรายการหนึ่ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นตรงมุมปากของคลื่นอย่างเปิดเผย               “เล็งใครอยู่ครับลูกพี่”               ชายหนุ่มผมทองเดินมากระแซะพลางเหล่ตามองบรรดาสาวๆ เรซควีนของทีม ที่เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากหิ้วกลับบ้านด้วยสักคนสองคน               “เช็ดน้ำลายมึงก่อนเถอะจุน ยังต้องลงแข่งอีก”               “ฮ่าๆ ผมรู้หน้าที่ตัวเองน่า”               จุนส่ายหน้าทั้งที่ยังไม่หุบยิ้มเจ้าเล่ห์ ลากเก้าอี้ออกมานั่งข้างคลื่น ละสายตาจากสาวๆ มาคุยเรื่องรถและคู่แข่งที่ต้องเจอบนสนามในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า               สักพักจุนก็ลุกออกไปทักทายเพื่อนๆ นักแข่งคนอื่น คลื่นมองออกไปนอกเต็นท์สายตาเขาจับจ้องที่เรซควีนคนหนึ่งนานเป็นพิเศษก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปจับแขนเธออย่างเบามือ               “เหนื่อยมั้ยเข้ามาพักก่อนก็ได้”               “อ๊ะคลื่น?”               คะนิ้งหันขวับมามองคลื่นด้วยสายตาแตกตื่น ท่าทางเธอเก้ๆ กังๆ ไม่คุ้นเคยกับงานอะไรแบบนี้ เลยโดนเรซควีนคนอื่นๆ แย่งซีนหมด แต่ด้วยความน่ารักของเธอก็ทำให้มีคนมาขอถ่ายรูปด้วยเรื่อยๆ ไม่มีคำว่าเสียของเลยสักนิด               “น้ำหน่อยมั้ย” คลื่นยื่นขวดน้ำในมือให้               “ขอบใจนะ จริงสิ เค้กกับเหมยไปไหนเนี่ย”               คะนิ้งกวาดตามองหาเพื่อนอีกสองคนแต่ไม่เจอ คลื่นยักไหล่ นอกจากคะนิ้งเขาก็ไม่สนใจใครอีกแต่จะทำนิ่งเฉยก็ยังไงอยู่               “คงอยู่แถวๆ นี้มั้ง เข้าไปนั่งก่อนมั้ย ตากแดดจนหน้าแดงหมดแล้ว”               “อื้ม นั่นสิ”               หมับ!               กำลังจะเข้าไปหลบแดดในเต็นท์ ตอนนั้นท่อนแขนคะนิ้งก็ถูกมือปริศนารั้งกลับไปอย่างแรง               “ปล่อยนะ!”               น้ำเสียงตกใจของคะนิ้งทำให้คลื่นหันกลับไปมอง ดวงตาสีครามคมกริบเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นอริเก่า รีบดึงคะนิ้งกลับมา แล้วผลักอกอีกฝ่ายออกห่าง               “มึงมีปัญหาอะไรริกกี้”               “หลบไปกูจะคุยกับคนของกู!” ริกกี้จ้องตอบสายตาของคลื่นอย่างไม่หวั่นไหว ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความโกรธที่เห็นผู้หญิงของตัวเองมาสวมชุดเรซควีนของคู่แข่งแบบนี้               ใช่ แม้แต่คลื่นก็รู้ว่าคะนิ้งเป็นของริกกี้ แล้วยังไงล่ะ ขนาดปีใหม่ริกกี้ยังไม่เว้น...               “คนของมึง อย่าเข้าใจผิดสิวะ เธอมากับกูแล้วจะเป็นคนของมึงได้ยังไง”               หมับ!               ริกกี้คว้าคอเสื้อของคลื่นเข้าไปใกล้               “มึงอยากมีเรื่องมากใช่มั้ยวะ”               “ก็เอาสิ...ถ้ามึงกล้า” คลื่นกระตุกยิ้ม ส่งสายตาท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ต่อยมาเลย... อย่างน้อยเขาก็แค่เจ็บตัว แต่ทีมมันมีโอกาสถูกแบนจากการแข่งได้เพราะทำผิดกฎ               “หยุดนะริกกี้! ....แค่นี้ยังเลวไม่พอหรือไง”               คะนิ้งเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาห้าม ริกกี้ตวัดสายตาเย็นเฉียบไปจ้องตัวปัญหาทันที               “ฉันเลวได้มากกว่านี้อีก”               ริกกี้ผลักคลื่นออกห่างแล้วกระชากร่างบางออกมา               “โอ๊ยเจ็บนะ” “มึงจะพาคะนิ้งไปไหน” คลื่นตามไปคว้าท่อนแขนริกกี้เอาไว้อย่างไว เส้นอารมณ์ริกกี้กระตุกหันกลับไปง้างหมัดใส่คลื่น ทว่าก่อนที่หมัดแข็งๆ ของเขาจะปะทะเข้าที่ใบหน้าคลื่น เสียงเย็นเฉียบดุดันก็ดังแทรกเข้ามา “ริกกี้หยุด!” หมัดริกกี้ค้างอยู่กลางอากาศ “แฮค” เขาเหลือบมองเพื่อนร่วมทีมนัยน์ตาไหววูบ แฮคก้าวฉับๆ เข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสาม ก่อนคว้าคอเสื้อด้านหลังริกกี้เข้ามาใกล้ “มึงจะทำอะไร อย่าสร้างปัญหาให้ทีม รู้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีเรื่องที่นี่” คำพูดของแฮคช่วยทำให้หัวริกกี้เย็นลง หันไปมองหน้าคะนิ้งด้วยสายตาคาดโทษแล้วเดินฉุนเฉียวออกไป “เมื่อไหร่มึงจะเลิกเหี้ยวะ” แฮคหันกลับมาเค้นเสียงลอดไรฟันใส่คลื่นก่อนก้าวยาวๆ ตามหลังริกกี้ไป “หึ!” คลื่นแค่นเสียงหยันในลำคอ เขาเบนสายตากลับมาอีกทีก็เห็นคะนิ้งหน้าซีดเผือด “คะนิ้งเป็นอะไรหรือเปล่า” “ไม่เป็นไรคลื่น ...ขอพักแป๊บนะ” พูดเสร็จเธอก็เดินออกไปอีกทางทันที “อ้าวเฮ้....” คลื่นจะห้ามก็ไม่ทัน ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเฮือก ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสายตารอบข้างที่มองมา ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ “มองเชี่ยไรกันวะ” ◇ ◆◇ ◆◇ ◆   “อ้าวนิ้ง?” “เหมย...” เหมยเจอกับคะนิ้งหน้าห้องน้ำ ทั้งคู่มองตากันนิ่ง ก่อนที่คะนิ้งจะเป็นฝ่ายหลบหน้าเพื่อนก่อน “มาเข้าห้องน้ำเหรอ” “อืม แล้วเค้กล่ะ”               “ไม่อะ ตรงนั้นมันชุลมุนเลยหาที่หลบภัย ระหว่างทางก็มีแต่คนขอถ่ายรูปเต็มไปหมด”               คะนิ้งพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำอย่างไม่คิดอะไรมาก ลำพังเรื่องที่เจอมาในงานก็หนักหัวพออยู่แล้ว ไม่มีอารมณ์มาคิดเรื่องอื่นหรอก               เหมยยืนรอคะนิ้งอยู่หน้าห้องน้ำ ไม่นานคะนิ้งก็ออกมา ทั้งคู่ตั้งใจกลับไปทำงานต่อแต่ระหว่างทาง มีคนมาขอถ่ายรูปไม่หยุด วุ่นวายกว่าตอนอยู่คนเดียวซะอีก               จนกระทั่งคนกลุ่มสุดท้ายเบาบางลง เหมยกำลังจะเรียกคะนิ้งกลับไปที่เต็นท์แต่ว่าหันมาอีกทีเพื่อนก็ไม่อยู่แล้ว               “อ้าว... คะนิ้ง? นิ้ง!”               เหมยขมวดคิ้ว กวาดตามองรอบๆ อย่างงุนงง หายไปไหนนะ... ระหว่างถูกความสับสนเข้าเล่นงานก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังของเพื่อนกำลังถูกชายคนหนึ่งลากตัวออกไป               “นั่นคะนิ้งหรือเปล่านะ....”               เหมยชั่งใจอยู่ว่าจะตามไปดีมั้ย แต่สุดท้ายก็เดินกลับมาที่เต็นท์ ไม่ได้ตามคะนิ้งไปเพราะคิดว่าไม่ใช่ธุระของตน               “อ้าวเหมย ไปไหนมา เห็นนิ้งบ้างมั้ย”               คลื่นที่นั่งรออยู่ในเต็นท์หันมามองเมื่อเห็นอีกฝ่ายกลับมา               “ไปเดินเล่นรอบๆ มา ส่วนคะนิ้ง...น่าจะไปกับเพื่อน”               “เพื่อน?” คลื่นหรี่ตามองเหมยด้วยสายตาสงสัย               “อื้ม” เหมยพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจก่อนหยิบร่มมากาง เดินตามหลังนักแข่งคนหนึ่งมาที่รถอย่างเป็นงาน คลื่นมองตามยัยหมวยไปอย่างคาใจ แต่เธอไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกเขา นั่นทำให้คลื่นตัดสินใจรอ ...ทว่ารอแล้วรออีกคะนิ้งก็ไม่กลับมา จนงานเลิก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD